ความคิดเห็นที่ 1 ลองคิดที่ 20% ต่อปีครับ ใช้เวลา แค่ 15 ปีสำหรับเงินเริ่มต้นเดือนละ 10,000 บาท ไวไหมครับ แต่อันนี้สำหรับขั้นเทพเขาทำกันครับ พี่ๆห้องสินธรทำกันได้หลายคน สำหรับผมไม่เคยครับ เต็มที่ 16% น้อยสุด6% ถัวๆกันไปเฉลี่ยแล้ว 10% ได้อยู่ครับ ^^ จากคุณ : อยาก_จะ_กิน_น้ำแข็งใส เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:44:09

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าออมเฉยๆไม่ได้ลงทุนยากพอสมควรครับ ได้อย่างมากแค่ 3-4% ต่อปีเท่านั้นเอง ถ้าเล่นหุ้นหรือลงทุน เงินต้นหลักหมื่นหลักแสนไม่เท่าไหร่ เล่นให้ได้ 10-20% ต่อปีไม่ยาก แต่ถ้าเงินต้นเยอะๆเช่นมีหลักล้าน จะทำผลตอบแทนให้คิดเป็น % ได้เหมือนกับตอนเงินน้อยๆมันยากครับ เล่นหุ้นมันมีขึ้นลง ถ้าพอร์ทสักห้าล้าน วันไหนติดลบแค่ 1% ก็เท่ากับเงินหายไปห้าหมื่นแล้ว แต่บางวันหุ้นลงมากกว่านั้น เล่นหุ้นใจต้องนิ่ง วิเคราะห์เก่งๆ มีวินัย ไม่ง่ายเลย ต้องศึกษาเยอะๆครับ มนุษย์เงินเดือน จะมีเงินเก็บ 10 ล้านผมว่ายาก ทำได้เป็นส่วนน้อยครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 11:49:35 จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 10:56:41

ความคิดเห็นที่ 3 ยังไงดีล่ะครับ ผมเห็นส่วนใหญ่ เล่นหุ้นเก็งกำไรกันซะหมด ไม่ค่อยดูระยะยาวกันเท่าไหร่ อย่างหุ้นแอร์เอเชีย เปิดตัว 3.7 บาท ตอนวิ่งลงไป3.4 ก็เห็นด่าๆ ขายๆ กลัวกันไปหมด ไม่เห็นมีใครมองเลยว่าระยะยาวมันก็น่าจะขึ้นมาเพราะสายการบินเอาเฉพาะในประเทศเรา นอกจาก การบินไทยก็ มีแอร์เอเชียนี่แหละที่เป็นตัวเลือกอันดับสอง เผลอๆคนจะบินเข้าไปดู แอร์เอเชียก่อนด้วยซ้ำเพราะราคาถูกกว่า กิจการอยู่ได้ มีแนวโน้มขายยตัว ไม่เหมือนหุ้น Facebook ที่ไม่น่าจะมีอะไรเติบโตไปมากว่านี้ จับธุรกิจโทรศัพท์ก็ไม่น่าจะสู้เจ้าตลาดได้ รอวันตายอย่างเดียว ลง1% ถ้ามูลค่าสูงใจมันคงแป้วก็จริงแต่ดูระยะยาวถ้ามันโอเคก็ไม่เป็นไรนี่ อย่าง CPF ล่าสุดที่ร่วงลงไปผมคนนึงละที่ไม่ CUT แต่ซื้อเพิ่มด้วย เพราะปีสองปีนี้น่าจะขึ้นมาแน่นอน จากคุณ : อยาก_จะ_กิน_น้ำแข็งใส เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 11:11:36

ความคิดเห็นที่ 4 ผมก็คิดว่าเก็บ 10ล้านได้ครับ แต่ไม่ทุกคน จากคุณ : Janglai Man เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 11:22:58

ความคิดเห็นที่ 5 ปัญหาคือ ลงทุนอะไรได้ผลตอบแทน 10% แถมเงินเราจะไม่สูญ นี่แหละ จากคุณ : เจ๊วรรณา เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 11:52:36

ความคิดเห็นที่ 6 มันยากนิดนึงครับท่าน จขกท ตรงที่ว่า เงิน ณ เดือนที่ 11 12 ก็ต้องทำให้ได้ 10% ด้วย จากคุณ : biki เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 11:58:12

ความคิดเห็นที่ 7 เพราะฉนั้น late ไปอีกปีนึงละกัน หุหุ ปล หุ้นปันผลก็ดีนะเออ อิอิ จากคุณ : biki เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 12:00:09

ความคิดเห็นที่ 8 เท่าที่เข้าใจ กระทู้นั้นเค้าน่าจะหมายถึงเก็บเงินเฉยๆ จากการเป็นคนกินเงินเดือน เค้าถึงถามว่าเป็นไปได้มั๊ย อันนี้คิดว่ายากแต่คงไม่เกินความสามารถถ้าเป็นคนมีวินัยในการใช้เงิน จขกท เดิม เค้าถึงถามต่อมาว่า ต้องหาอาชีพเสริมหรือธุรกิจส่วนตัวทําเพิ่มมั๊ย อันนี้คงจะตรงกับที่ จขกท นีิ้โพสท์ไว้ว่า ถ้าเอาไปลงทุนในตลาดหุ้นก็อาจทําให้เงินงอกเงยขึ้นมาได้จริง เราเห็นด้วย ในการเลือกลงทุนระยะยาว ไม่ใช่แมงเม่าเล่นหุ้นปั่นซื้อเช้าขายเย็น ปล.แต่การลงทุนทุกอย่างก็มีความเสี่ยง โปรดใช้วิจารณญานในการตัดสินใจ จากคุณ : กระต่ายน้อยแก้มยุ้ย เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 12:00:52

ความคิดเห็นที่ 9 ตลาดหุ้นเมืองไทย มันบังคับไม่ได้  ทำตามแผนการไม่ได้เสมอไปน่ะค่ะ -_-"a ระดับ ดร.นิเวศน์ แกก็เคยขาดทุนมาแล้ว แต่ตอนนั้นแกมีเงินเยอะ เลยไม่กระทบกับแกมากนัก ( มีเงินเหลือพอ ที่จะมาแก้ไขสถานการณ์ ) พูดมันพูดได้  เอาไว้ให้ จขกท  ทำได้ถึงหลัก 10 ล้านก่อน และรักษามันไว้ได้ในระยะยาว   แล้วตอนนั้น จขกท. ค่อยมาโพสต์กระทู้ดีกว่า  จึงจะเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้เพื่อนๆค่ะ ^_^ จากคุณ : จำฉันได้ไหม เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 12:29:09

ความคิดเห็นที่ 10 พื้นฐานของคนไม่เท่ากัน หรอก มันเลยไม่สามารถทำได้สำเร็จทุกคน ยกตัวอย่างผม สามารถเก็บได้ เดือนละ 2หมื่นบาทเลย ทำงาน 1 ปี ต้องมีเงินเก็บไม่ต่ำว่า 2 แสนบาท แต่ชีวิตจริงคือ พ่อป่วย แม่ป่วย พี่น้อง หรือ เพื่อน เดือดร้อน ก็ให้ยืม ซึ่งมักไม่ได้คืนสักบาท ผลสุดท้าย ผมก็กลายเป็นคนไม่สามารถเก็บเงินได้อยู่ดี เพราะ คนรอบค้าง เอาไปหมด ไม่ให้ก็ใจร้ายเกินไปอีก แบบนี้เป็นต้น ด้วยพื้นฐาน ครอบครัว ลักษณะผม การคบเพื่อน ที่มีแต่หนี้สิน เจอหน้ายืมตังค์ตลอด คือตัวผมไม่ได้ก่อหนี้ก็จริง แต่คนรอบข้าง ก่อเอาไว้ ผลสุดท้ายก็ เก็บไม่ได้สักบาทอยุ่ดี เป็นต้น ดังนั้น สูตร จขกท ไม่สำเร็จสำหรับทุกคน ต้องมี ภาวะแวดล้อมอื่นๆ ด้วย ทำให้ ทุกวันนี้ผมเลย ไม่สนใจ เก็บเงินเลย อยากได้อะไรก็ซื้อ ก่อนเลยเพราะคิดๆ ไปดีๆ ท้ายสุดคนเราต้องตายอยุ่ดี และ ตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ดังนั้น หาความสุขก่อนเลยดีกว่า มีตังค์เยอะแต่ไม่ได้ใช้ก็ไร้ประโยชน์ หรือ นอนใช้ตอนอยู่โรงพยาบาล ก็ไม่เวิร์ค จากคุณ : cdrom เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 12:55:49 A:31.172.30.3 X: TicketID:298625

ความคิดเห็นที่ 11 ต้นทุนชีวิตคนเราไม่เหมือนกันครับ ผมเกิดมาบ้านไม่ได้มีฐานะ เรียกว่าติดลบเลยจะดีกว่า เงินเรียน ปริญญาตรี ก็ใช้บัตรเครดิตจากมารดา จบมาก็ต้องใช้หนี้ และต้องรับภาระในบ้าน ไม่ใช่ว่า สิ้นเดือนมา ผมรับเงิน 15000 แล้ว ผมใช้คนเดียวนะครับ ไหนจะค่าบ้าน ค่าน้ำไฟ ค่าของเข้าบ้าน ค่าหนี้บัตรเครดิตที่รูดเรียนตรี และก็ให้แม่ ผมเหลือใช้จริงๆ 3000 - 4000  เก็บตังก็ต้องเอาไปใช้ หาความรุ้เพิ่ม เช่น อบรมเพื่อให้เรามีความรู้เพิ่ม  นั่นโน้นนี่ ซื้อคอมไว้ใช้งาน แรกๆ ก็นั่งรถไปทำงาน เก็บเงินไปก็ หาซื้อรถมอไซด์ แถมมือสอง ชีวิตถ้าง่ายแบบนั้นผม คงรวยไปแล้ว อิอิ แต่ก็ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 14:12:13 จากคุณ : narmjaja เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:05:01

ความคิดเห็นที่ 12 มนุษย์เงินเดือนเก็บเงิน 10 ล้านได้ยาก เพราะมนุษย์เงินเดือนจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงที่สุด กว่าจะไปถึงจุดนั้นโดนภาษีเอาไปกินหมด จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:07:07

ความคิดเห็นที่ 13 มันก็เข้ากับหลักการที่ว่า กินเงินเดือนอย่างเดียวไม่ถึงสิบล้านแน่ ต้องมีการลงทุนเพิ่ม แต่การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงทั้งนั้น จากที่คิดว่าจะได้อาจจะเสียหมดก็ได้ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:11:40

ความคิดเห็นที่ 14 ตาม คห 10 ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่มันทำยากมากกกกกกก จากคุณ : เด็กชายตี๋เล็ก เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:18:28

ความคิดเห็นที่ 15 เก็บได้ แต่ไม่ทุกคน อย่างน้าผมตอนนี้อายุ จะ 40 ทำงานเป็นพยาบาลรพ.เอกชน เงินเดือน+ค่าอื่นๆยังอยู่ที่ 25,000-35,000บาท ก็ไม่เยออ่ะครับ อาชีพนี้ก็เงินเดือนประมาณนี้ แต่แม่ผมจบอักษร เอกอังกฤษ เป็นอาจารย์ม.เอกชนอินเตอร์ อายุจะ50 เงินเดือนตอนนี้ 80,000บาท ไปสอนข้างนอกได้อีกหลายอยู่เดือนนึงก้ได้ราง 130,000 ผมว่าเงินเก็บแม่ก็เกือบสิบล้านแล้วตอนนี้ จากคุณ : ตอบ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:25:19 A:124.121.138.4 X: TicketID:366867

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับผม ถ้าเงินเก็บ เป็นเงิน สด 10 ล้านนี่ท่าจะอยาก เพราะห้ามใจในการที่จะเอาเงินไปลงทุนต่อได้ยาก 555+ แต่ถ้าถามว่า พนักงานทั่วไปจะมีทรัพย์สินแบบปลอดหนี้(แบบหาเอง)เกิน 10 ล้านเป็นไปได้ไหน อันนี้เป็นไปได้เพราะมีตัวอย่าง แก้ไขคำผิดครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 16:34:11 จากคุณ : มาม่ากับปลากระป๋อง เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 16:32:07

ความคิดเห็นที่ 17 ตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่่สร้างผลตอบแทนให้คุณได้จริง ถึงคุณจะไม่สามารถควบคุมตลาดได้แต่คุณสามารถจำกัดความเสี่ยงจากมันได้ ถ้าธนาคารสามารถให้ดอกเบี้ยคุณได้ปีละ 3% ก็แสดงว่าตลาดทุนให้ผลตอบแทนตลาดมากกว่านั้นโดยเฉลี่ย เพราะแบงค์เค้าก็เอาเงินคุณๆไปลงในตลาดหุ้นเหมือนกัน เพียงแต่เค้ามีระบบRisk management ที่คอยควบคุมความเสี่ยงจากตลาดหุ้น ไม่สามารถกำจัดความเสี่ยงได้ แน่นอนว่าถ้าตลาดหุ้นพัง แบงค์ที่จัดการความเสี่ยงไม่ดีก็มีสิทธิ์ล้ม เงินคุณก็หายได้เช่นกัน มันไม่ได้Risk-freeอย่างที่คุณคิดหรอก น่าเสียดายที่คนไทยสมองก็ดีกันหลายคน แต่ไม่คิดที่จะลงลึกศึกษาการลงทุนกันจริงๆจังๆ ดักดานกินแต่เงินเดือน ทั้งๆที่คนที่รวยกว่าคุณเค้าสมองอาจไม่ได้geniusเท่าคุณหรือทำงานหนักเท่าคุณก็ได้ ถ้าคุณมีหุ้นในบริษัทที่แข็งแกร่ง ให้เงินปันผลได้เรื่อยๆ คุณสามารถส่งมอบสิ่งนี้ให้ลูกให้หลานได้ด้วย อย่างที่คนรวยๆเค้าพึงจะมอบให้ลูกให้หลานกันได้ ยิ่งคุณกินเงินเดือน กิจการที่จะส่งต่อให้ลูกให้หลานก็ไม่มี กิจการที่คุณทำอยู่คุณเหนื่อยทำงาน แต่shareholderเค้ากระดิกเท้ารอรับปันผลจากงานที่คุณทำอยู่ตลอดเวลา เคยรู้กันบ้างมั๊ย คุณอิจฉาเค้าหรือคุณสมเพชเค้าที่เจ้าของบริษัทมีความเสี่ยง แต่เราไม่มี ดังนั้นการสั่งสมสร้างอาณาจักรหุ้นไว้มอบให้ลูกหลานเป็นสิ่งที่น่าศึกษาและเริ่มลงมือทำ ไม่ใช่เอาแต่โทษฟ้า ว่าทำไมเราไม่เกิดเป็นลูกตระกูลรวยๆ แล้วทำให้ลูกหลานคุณก็โทษฟ้าต่อไปเช่นกัน จากคุณ : Herher เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 16:44:43 A:223.207.108.192 X: TicketID:234413

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าใครโดนหุ้นไก่ ไปสองอาทิตย์ก่อน แล้ว cut สิบล้านก็ไม่เหลือแล้ว หรือ ใครดอย ปตท ก่อนซับไพร์มที่ 400 กว่าบาท ผ่านมาเกือบ 5 ปี ทุนยังไม่ได้คืน การลงทุนมีฟามเสี่ยงไม่ใช่เล่นได้แล้วทุกคน คนไมู่รู้อ่านแล้วเคลิ้ม ถ้าบอกว่าเล่นหุ้นแล้วรวย ได้กำไรทุกคน เงินต้นคงสภาพ รับแต่กำไร เล่น TFEX ไม่ดีกว่าหรอ วันเดียวได้เสียหลักแสน รวยทุกคนไปแล้วววว นั่งเล่น tfex Gold ทั้งวันทั้งคืน หลักแสน หลักล้าน แป่บเดียวฝรั่งทุบ หายไปในพริบตา ก็มีอยู่ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 17:07:08 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 17:00:19 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 16:59:08 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 16:56:29 จากคุณ : itssmallworld เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 16:55:07

ความคิดเห็นที่ 19 ประเด็นของผมมีสามคำ คือ บริษัทแข็งแกร่ง ,รับปันผล ,และศึกษาการลงทุน TFEX บ้านคุณแจกปันผลเหรอครับ ดูพูดจาท่าทางแสดงว่าเล่นหุ้นอยู่ แต่ยังไม่หลุดจากสภาพเม่าสินะครับเนี่ย คุณจะรู้จักบริษัทที่แข็งแกร่งได้ การอ่านบัญชีและงบการเงินเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะงบการเงินเป็นการบอกถึงสุขภาพบริษัท รับปันผล>>> แน่นอนว่าไม่ใช่การเก็งกำไรระยะสั้น ควรเกิน1ปีขึ้นไป Day tradeระยะสั้นทำคนเจ็บมาเยอะแล้ว การมองไปข้างหน้าถือยาว 3ปี 5ปี ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก และนานพอที่บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการในวันนี้เช่นกัน ศึกษาการลงทุน >>> ไม่ใช่เล่นหุ้นแต่เป็นลงทุน อย่างน้อยถ้าคุณเริ่มศึกษา คุณก็เป็นต่อคนไทยอีกเป็นล้านคนแล้ว ราคาที่วิ่งขึ้นวิ่งลง มันเป็นเพียงสิ่งที่คนสมมติขึ้นมา ให้มองเป็นเพียงต้นทุนของสินทรัพย์ อย่าไปตื่นเต้นกับมัน เหมือนคุณซื้อที่ดินหน่ะแหล่ะ ถ้าคุณอยากขายได้เงินวันนี้ทันที คุณคงขายได้ราคาต่ำ แต่ถ้าคุณรอจนพื้นฐานเปลี่ยน มีถนนตัดเพิ่ม คนอาศัยเยอะขึ้น ตอนนั้นคุณก็จะได้ราคาที่คุณพอใจ ซึ่งการที่พื้นฐานจะเปลี่ยนเป็นทำเลที่ดีขึ้น ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน สิ่งสำคัญในการลงทุนหุ้นซึ่งต่างจากการเล่นหุ้นระยะสั้น คือ ต้องใช้เวลา ครับ จากคุณ : Herher เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 17:12:49 A:223.207.108.192 X: TicketID:234413

ความคิดเห็นที่ 20 #19 พูดได้ดี จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 17:41:32

ความคิดเห็นที่ 21 พนักงานบริษัท มันทำได้ยาก ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้ มันมีปัจจัยหลายอย่าง อย่างที่ข้างบนพูดไปบ้างแล้วเช่น คุณต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในบ้านมากน้อยแค่ไหน อืมม์ ถ้าคุณไม่ต้องรับภาระอะไรเลยยย เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์บ้าน ค่าอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องซื้อของเข้าบ้าน ข้าวเช้า ข้าวเย็นกินฟรีที่บ้าน ไม่ต้องให้เงินพ่อ แม่ น้องๆ ญาติๆ หลานๆ สั้นๆคือเงินเดือนคุณเท่าไร่ คุณใช้เองคนเดียว โอกาสที่คุณจะเก็บเงินเดือน เดือนละ1 หมื่นต่อเดือนมันทำได้อยู่แล้วล่ะ อย่างเช่น คุณเงินเดือน2 หมื่น คุณเก็บ1 หมื่น 5 พัน ต่อเดือน คุณยังทำได้เล้ยยย ถ้าคุณแบบว่าไม่ต้องออกอะไรให้ที่บ้านสักบาท!! แต่....มันเห็นแก่ตัวไปรึเปล่า อนาคตคุณรวย มีเงินเก็บ10 ล้าน แต่พี่น้องคุณ พ่อแม่คุณล่ะ ที่เลี้ยงคุณมาอ่ะ พอคุณมีเงินเดือน คุณจะไม่ให้เงินเค้าเลยหรอ เป้าอ่ะ ใครๆ ก็ทำได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่า ทำแล้วไม่เห็นแก่ตัวหรือว่าเดือดร้อนใครมั้ย เราเองเคยทำ ทำไปหลายปีด้วย หลังๆ พอโตขึ้น พึ่งรู้สึกว่าเห้ย นี่เราเห็นแก่ตัวไปเปล่าวะ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซื้อของเข้าบ้านไม่เคยออกสักแดง ข้าวเย็น ข้าวเช้ากินฟรี ให้แม่ใช้แค่เดือนละ500 ถึง 1 พัน ช่วงนั้นอ่ะ เงินเก็บเป็นแสนภายในเวลาไม่กี่เดือน เอาเป็นว่าคุณคิดได้ไม่ผิด มันทำได้ในกรณีที่พนักงานบริษัทคนนั้นเค้าไม่ต้องออกอะไรเลยอ่ะ เก็บเงินเดือนไว้ใช้คนเดียว มันทำได้อยู่ เพราะเพื่อนเราคนนึงก็เป็นแบบนี้ ไม่ต้องออกอะไรในบ้าน บ้านมันรวย มันออกไปทำงาน อออฟิสเพราะว่าไม่อยากอยู่บ้านแค่นั้น มันเก็บได้เดือนละหมื่นกว่าบาทด้วยซ้ำไป หนี้ก็ไม่มี จากคุณ : สาวบางชัน เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 18:32:07 A:124.120.141.76 X: TicketID:123625

ความคิดเห็นที่ 22 สำหรับผมนะ เก็บ คือ ได้มาแล้วไม่ใช้ เอามาทิ้งไว้เฉยๆ ดังนั้น ลงทุนคือให้เงินทำงาน ไม่เรียกว่าเก็บครับ ฮ่าๆๆๆ แบบนี้ไม่ต้องพูดถึงพนักงานเงินเดือนหรืออะไรหรอก แค่มีเงินเริ่มต้นซัก5,000นะ แล้วก็เก่ง มันก็ทำได้ทุกคนแหละ แสนล้านก็ทำได้ ประเด็นกระทู้นั้นคือพูดถึงการเก็บจากเงินเดือน ไม่ใช่ลงทุน เหอๆ จากคุณ : Teuton เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 21:12:24

ความคิดเห็นที่ 23 #18 โดน Tonhua ไป กำลังตายอยู่เนี่ยค่ะ ข้ามคืนหายไป 42 percent จากคุณ : Kitty lover เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 21:14:33

ความคิดเห็นที่ 24 ผมลงทุนในตลาดมา 10 ปีแล้วครับ ผมบอกได้เลยว่า แนวคิดแบบ จขกท เป็นแนวคิดในอุดมคติ คิดได้ แต่ทำไม่ได้ในชีวิตจริงสำหรับทุก ๆ คน ผมไม่ได้ดูถูกทักษะการลงทุนนะครับ แต่ตรงกันข้าม ผมว่า จขกท กำลังดูถูกความโหดร้ายของตลาดหลักทรัพย์ ที่คิดว่า 10% ต่อปีเป็นอะไรที่หมูตู้ จริงอยู่ การลงทุนให้ได้กำไร 10% ต่อปี ไม่ใช่เรื่องยาก ... แต่การจะทำอย่างนั้นให้ได้ ขอแค่ 5 ปีติดต่อกัน ... ก็น้อยคนแล้วครับที่ทำได้ ไม่ใช่ตาสีตาสา พนักงานกินเงินเดือน แทกซี่มีเงินเก็บที่ไหน คิดอยากจะเปิดพอร์ตแล้วซื้อหุ้น ก็ได้ทันที 10% ต่อไป โดยไม่ต้องศึกษาหาความรู้อะไร ประเด็นของ #19 ที่บอกว่า สิ่งที่สำคัญคือ บริษัทแข็งแกร่ง, รับปันผล, ศึกษาการลงทุน มันก็อุดมคติครับ ง่ายในการพูด แต่ในชีวิตจริงมันมีอะไรมากกว่านั้นอีกเยอะ ถ้าใครไม่รู้อะไรเลยเข้ามาในสนามจริงจะรู้ว่า พวกที่โดนมาก่อน เจ็บมาก่อน มันเป็นอย่างไร ถ้า 10% ต่อปีมันง่ายนัก ถ้าแค่รู้ 3 คำว่า บริษัทแข็งแกร่ง รับปันผล ศึกษาการลงทุน ก็การันตี 10% แล้ว ... ธุรกิจธนาคารอยู่ไม่ได้หรอกครับ ล้มไปนานแล้ว ผมยกตัวอย่างให้ ... เมื่อไม่กี่ปีก่อน ใคร ๆ ก็คิดว่า BANPU แข็งแกร่งมาก ปันผลดี ROE สูง ราคาจะไปหลักพัน ฯลฯ หุ้นตัวนี้นับถอยหลังไป 1 ปี ราคาอยู่ที่ 750 บาท ตอนนี้ 450 บาท คิดเป็นขาดทุน 40% หาก จขกท ลงทุนปีนี้เป็นปีที่ 22 ที่เงิน 8.5 ล้านบาท ... พอสิ้นปี แทนที่จะมี 10 ล้าน จะกลายเป็นเหลือแค่ 5.10 ล้านบาท เท่ากับถอยหลังลงคลองไป 5 ปีโดยประมาณ ... เป็นไงล่ะ บริษัทแข็งแกร่ง เอาอีกตัวอย่าง หุ้นไวตามิน PSL TTA TR PTL AJ JAS บริษัทแข็งแกร่งมั๊ยครับ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไร ? ปันผลดีเหรอ .. คุณอย่าลืมว่าปันผลจะมีได้ ก็ต้องมาจากผลประกอบการที่ดี และผู้บริหารที่ใจดีพอที่จะปันผลออกมาใน % ที่สูง Dividend Yield เฉลี่ยสำหรับบริษัทใหญ่ ๆ ที่แข็งแกร่ง ก็แค่ 3-4% เท่านั้น หากคุณต้องการปันผลในระดับสูงกว่านั้น คุณก็ต้องไปเลือกบริษัทเล็ก ๆ ที่มีโอกาสได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและการเมืองค่อนข้างสูง มันไมได้ง่ายอย่างที่คิดนะครับ ... ศึกษาการลงทุน สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง การที่คุณเป็นเซียน เป็น ดร หรือเก่งมาจากไหน ไม่ได้การันตีว่าคุณจะประสบความสำเร็จในการลงทุน หรือมีผลตอบแทนอย่างที่หวังเอาไว้ ตลาดหุ้นมันทมิฬกว่าที่คุณคิดเยอะ หุ้นที่ผลประกอบการดี ๆ หากไม่มีอำนาจชี้นำ ก็หวัง Capital Gain ได้ยาก หรือหากจะไปหวังเงินปันผล คุณก็ต้องโชคดี 2 เด้งที่นอกจากผลประกอบการดีแล้ว ผู้บริหารต้องใจดีด้วย หากคุณเจอหุ้นอย่าง TR WG ... คุณจะทำอย่างไร ที่เขียนมายืดยาว เพื่อจะบอกให้เพื่อน ๆ ได้รับรู้ว่า ตลาดหุ้น มันไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่คุณมีเงิน 100 บาท แล้วจะกลับไปพร้อมกับเงิน 110 บาท ได้ง่าย ๆ ... ด้วยความหวังดีนะครับ จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 21:18:53

ความคิดเห็นที่ 25 "ผมลงทุนในตลาดมา 10 ปีแล้วครับ ผมบอกได้เลยว่า แนวคิดแบบ จขกท เป็นแนวคิดในอุดมคติ คิดได้ แต่ทำไม่ได้ในชีวิตจริงสำหรับทุก ๆ คน" ผมชอบประโยคนี้ครับ เดี๋ยวนี้กระทู้ในตำนานเริ่มเยอะนะ จากคุณ : lARtZnolASt เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 00:01:55

ความคิดเห็นที่ 26 มาอ่านเฉยๆครับ จากคุณ : RAORUE เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 09:40:42

ความคิดเห็นที่ 27 คิดว่าบางคนกำลังหลงประเด็นค่ะ น้องเค้าพูดถึง การเก็บเงิน10 ล้าน จากเงินเดือนค่ะ ซึ่งให้เก็บเดือนละ 1 หมื่นบาท เป็นเวลา20 ปี มันทำได้แค่บางคนเท่านั้นแล้วเงินเดือน 18000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ถึงน่าจะมีความเป็นไปได้ แต่มันขึ้นอยู่กับว่า เงินเดือนคุณ+ รายรับอื่นๆ(ถ้ามี) คุณไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรอีกเลย หนี้สินไม่มี ภาระกะคนที่บ้านไม่มี รถติดแก๊ส นั่นมันถึงจะทำได้ ด้วยภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ถ้าใช้เดือนละ8 พันแล้วรอดได้ โดยไม่ต้องไปยืมเงินใครก็เก่งมากค่ะ ชีวิตคนเราสั้นนัก ทำไมจะต้องทำให้ได้ขนาดนั้น เครียดทำไม แล้วถ้าสมมุติว่าเก็บได้ แต่ไม่ได้ใช้ เกิดเสียชีวิตไปก่อนล่ะ มันจะแบบว่าเสียดายมั้ย เก็บเท่าที่เก็บได้ดีกว่านะ ไม่ต้องไปซีเรียสว่าชั้นจะมีเงินเก็บ10 ล้านจากเงินเดือนภายในเวลา20 ปี ถ้าคุณได้ทำงานบริษัทที่เค้ามีProvident Fund แบบ10 เปอร์เซนต์ ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง คุณก็มีได้ค่ะ ไม่ต้องมาเก็บต่อเดือนแบบนี้หรอก ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าดีกว่ามั้ย เกิดมาครั้งเดียว จากคุณ : สาวบางชัน เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 10:19:12 A:124.120.153.101 X: TicketID:123625

ความคิดเห็นที่ 28 คือไอ่ที่บอกว่า10ล้านบาทอ่ะ  ตอนนี้ต้องบอกว่าเก็บกำลังซื้อมูลค่าสิบล้านบาทในปัจจุบัน แต่ถ้ามาบอกว่าอนาคตอีกสัก.....สมมุัติว่า 10ปีแล้วกัน บอกว่า ผมเก็บได้ครบแล้ว 10ล้านบาท คือแบบนี้อ่ะ ไอ่ที่เก็บได้จริงๆแค่ตัวเลขเท่านั้น  มูลค่าของกำลังซื้อยังไม่เท่าสิบล้านบาทของเมื่อสิบปีที่แล้วเลย แถมห่างเยอะด้วย จากคุณ : Dr. Manhattan เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 10:20:15

ความคิดเห็นที่ 29 ความเห็น28 ถูกต้องตามหลักการค่าของเงิน ตัวเงินมี Time Value ในตัวมันเอง คุณเคยสังเกตกันมั้ยล่ะ เงิน1พันบาท สมัย10 ปีที่แล้ว คุณซื้อของในซูปเปอร์มาเก็ต คุณได้ของเยอะมาก เปรียบเทียบกะปัจจุบันสิ เงิน1พันบาท ซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตได้กี่ชิ้น แล้วต้องเป็นชิ้น/สิ่งที่จำเป็นด้วยสิ ไม่เหมือน10ปีที่แล้ว ที่แบบว่าอาจจะไม่ต้องคำนึงถึงความจำเป็นเลยก็ได้ หยิบใส่รถเข็นไป มันส์ไป มีตั้ง1พันบาท อืมม์ เค้าถึงได้ต้องเก็บในรูปแบบที่มีเงินปันผลด้วยไง เพื่อเพิ่มมูลค่าของเงิน เพราะด้วยตัวเงินอย่างเดียว ไม่มีดอกเบี้ยด้วย ค่ามันจะน้อยลงตามกาลเวลา จากคุณ : สาวบางชัน เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 13:21:52 A:124.120.153.101 X: TicketID:123625

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าธนาคารสามารถให้ดอกเบี้ยคุณได้ปีละ 3% ก็แสดงว่าตลาดทุนให้ผลตอบแทนตลาดมากกว่านั้นโดยเฉลี่ย เพราะแบงค์เค้าก็เอาเงินคุณๆไปลงในตลาดหุ้นเหมือนกัน แบงค์บ้า อะไรเอาเงินไปลงตลาดหุ้น โชว์เขลาแท้ๆ เขาเอาเงินไปปล่อยกู้ กิน spread ต่างหาก เบื่อพวกคนไม่รู้เรื่องจริงๆ พาคนอื่นลงเหวไปด้วย จากคุณ : หัตถา เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 19:54:45 A:110.169.179.144 X: TicketID:359794

ความคิดเห็นที่ 31 ...ผมยังจำ หุ้น ก่อนปี '40 ได้... ...หุ้นที่ทะยาน ไป สู่ 1,700 จุด... ...รัฐ ฯ  กระตุ้นการใช้จ่าย... ...มีการเปลี่ยนมือ ในอสังหา ฯ เร็วและ ราคาแรง... ...ผมเห็นสภาพปัจจุบัน ของราคาแพง... ...อสังหา ฯ ขยับราคา มีคนจอง ขายจอง... ...ที่สำคัญ การพูดถึงการกำไร ในหุ้น กระจายไปทั่ว... ...รัฐ ฯ  อัดฉีด เงินเข้าระบบ มาในรูป ซอฟท์โลน... ..หุ้นทะยาน ดึง พนง. ดึงคนเกือบทุกระดับ... ...เข้า กำไรในหุ้น อย่างง่ายดาย... ...วงจรนี้ มาอีกแล้ว... จากคุณ : ซีมาสเตอร์ เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 20:18:50

ความคิดเห็นที่ 32 นี่ข้าอยู่สีลม หรือ สาธรวะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (go school by bus) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 01:04:54

ความคิดเห็นที่ 33 "ทำได้"       ผมเริ่ม Start เงินเดือนที่ 5,500 ทำอยู่ 12 ปี รับ 40,000 เปลี่ยนงานได้ 45,000 + รถประจำตำแหน่ง ทำอยู่อีก 1 ปี เปลี่ยนงาน ได้ 60,000 + รถประจำตำแหน่ง ทำอีก 12 ปีจนได้ 95,000 ก็ออก ถ้ารวมโบนัสปีละ 1 - 5 เดือน ทุกปี ปีหลังๆได้โบนัส 2 - 4 แสน รวมรายได้ปีหลังๆ 1.4 - 1.5 ล้าน ถึงไหม 10 ล้าน?      ตอนนี้ เงินอยู่ในบ้านหลังที่ 2 ตอนซื้อราคา 4.5 ล้าน ปัจจุบัน รวมดอกที่ส่งมาก็น่าจะ 10 ล้าน ทรัพย์สินอื่นๆก้มีรถอีก 2 คัน ประเมินราคา 1.5 ล้านตอนซื้อยังไม่รวมดอกเบี้ยไฟแนนท์ มีเงินลงทุนในกองทุนรวมและฝากธนาคาร 3 แลน เงินในประกันชีวิตอีกจำนวนนึง น่าจะประมาณ 1 ล้าน (หลายกรรมธรรณ์)     ที่สำคัญที่เก็บเงินได้คือ ไม่มีค่าใช้จ่ายเรื่องรถเพราะใช้รถประจำตำแหน่ง เพิ่งจะมาซื้อใช้เอง 2 คันตอนออกมาแล้ว จากคุณ : คนจนเงินแต่รวยน้ำใจ เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 13:40:09

ความคิดเห็นที่ 34 ยากค่ะ ถ้าต้องรับผิดชอบค่าใช้ทุกอย่าง บ้าน รถ เริ่มจาก0 จากคุณ : caleste เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 55 14:42:17

ความคิดเห็นที่ 35 อืมมม...ความรู้ไม่ถึงแฮะ... จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 55 15:35:46