Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ว่าด้วยเรื่องธุรกิจขายเคสมือถือออนไลน์ รุ่ง หรือร่วง ขอแชร์ประสบการณ์ค่ะ ติดต่อทีมงาน

จากกระทู้นี้ ได้มีผู้สนใจสอบถามมาหลายท่านเลยค่ะ อยากทราบข้อมูล ว่าทำยังไง ต้องมี งบเท่าไหร่ รับที่ไหน ขายยังไง ประชาสัมพันธ์อย่างไร http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B12519433/B12519433.html#6

กระทู้นี้จะแนะนำคร่าวๆจากประสบการณ์ตรงของตัวเองที่เป็นแม่ค้าขายเคสทางแฟนเพจเฟซบุ๊คนะคะ อาจจะเวิ่นเว้อหน่อย ถ้าสนใจก็อ่านเล่นๆได้ค่ะ


-เริ่มต้นมาขายเคสได้อย่างไร
หนีออกจากบ้านค่ะ 555+ จริงๆแล้วเรามีงานประจำทำซึ่งเงินเดือนดีพอสมควร ไม่ต้องหารายได้เสริมก็อยู่สบาย พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็กค่ะ เราอยู่กะพ่อมาตลอด แต่ก็เจอแม่ทุกอาทิตย์ค่ะ ส่วนตัวเองก็เรียนจบและได้งานดีๆทำ เลยไม่ลำบาก จุดผกผันในชีวิตคือแม่สั่งให้ออกมาช่วยขายของที่ร้านของแม่ ซึ่งอยู่ในโรงแรม แม่บอกจะให้เงินเยอะกว่าที่ทำงาน และที่สำคัญได้ไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ แต่ชีวิตไม่เป็นตามนั้น เพราะพอไปทำจริงๆ เครียดค่ะ จากแม่ค้าที่คอยห้ำๆหั่นราคา ตัดราคากันสุดฤทธิ์ จากแม่เราเองที่ไม่ฟังความเห็นเรา ไม่เคยให้กำลังใจ เราขายได้หลายหมื่น แม่บอกว่าถ้าแม่ขายเองได้มากกว่านั้น เอะอะอะไรก็โทษแต่เรา ไม่มีเหตุผล บอกว่าจะยกร้านให้คนอื่นท่าเดียว และอีกหลายอย่าง จากที่เราไม่ได้อยู่กะแม่ตั้งแต่เด็กแล้วมาเจอแม่ว่าอย่างนี้ เลยท้อใจค่ะ เลยหนีออกมาเลย ไม่สานต่อกิจการแม่ กลับมาอยู่บ้านที่พ่อยกให้ พ่อเราย้ายไปอยู่อีกบ้านที่ ตจว.ค่ะ ตอนออกมา แทบไม่มีเงินเลยค่ะ เพราะกินอยู่กะแม่เสร็จสรรพ เลยไม่ขอเงินไว้ใช้  แต่ยังมีหนี้ที่ต้องใช้คือผ่อนรถ กะผ่อนบัตรเครดิตที่รูดมาแต่งห้องที่ซื้อไว้ตอนไปอยู่กะแม่(แม่ซื้อห้องเล็กๆให้ห้องนึง) ตอนที่หนีกลับมากรุงเทพ หลังจากผ่อนหนี้รายเดือนไปบ้างแล้วก็เหลือเงินนิดเดียว เลยคิดว่าต้องหาเงิน ใช้แล้วล่ะ  ก็เลยศึกษาข้อมูลเปิดร้านในเฟซบุ๊ค ร้านแรกที่เปิดคือเสื้อผ้าผู้ชาย สูทวัยรุ่นไรงี้ ลงทุนไปหมื่นนึง ขายได้อาทิตย์นึงได้แค่ 3 ออเดอร์ เลยไม่ได้การละ ทุนก็ยังไม่ได้คืน เฮ้อ เครียดค่ะตอนนั้น ตังค์ก็จะหมด เลิกกะแฟนอีกตะหาก เพราะแม่นี่แหละ ที่ทำให้ต้องเลิก ช่วงนั้นทั้งเศร้า ทั้งไม่มีเงิน  วันนึงบังเอิญเพื่อนชวนไปซื้อเคสไอโฟน เพราะมันต้องหุ้นกันหลายคนถึงจะได้ราคาส่ง  พอไปที่ร้านส่ง คำนวณต้นทุน ราคาขายทั่วไป โอ้ววววว แรงบันดาลใจเกิดขึ้น เหลือเงินก้อนสุดท้ายประมาณ 5 พัน ก็เอาวะ ตัดสินใจจะเปิดร้านขายเคสในเพจ อีกเพจ เลยละกันควบคู่กันกะร้านขายเสื้อผู้ชาย ตอนนั้นคิดในใจ ว่ากำไรชิ้นละ50 บาทก็เอาแล้ว ไม่อยากขอพ่อค่ะ

-เริ่มทำเพจขายเคสอย่างไร
ก็ศึกษาการสร้างแฟนเพจจากในหนังสือที่วางขายทั่วไป และจากอากู๋ รูปถ่ายที่เอามาลงก็ถ่ายมาจากเคสที่ไปหุ้นๆกะเพื่อนซื้ออ่ะค่ะ แล้วก็เอาเงินทุนก้อนสุดท้ายซื้อเคสที่คิดว่าขายได้แน่ๆ อย่างน้อยก็เป็นเคสที่เพื่อนอยากจะได้แล้วก็เอาค่ารถจากเพื่อนตัวละ 30-50 บาทพอ จะได้เอากำไรมาต่อทุน  แล้วก็หารูปมาจากเวบเถาเบ้าของจีนบ้าง ที่เราดูแล้วว่าเหมือนกะที่ร้านส่งมีแน่นอน แต่ยังไม่ได้เอาของมา รอออเดอร์รวมๆกันก่อน เด๋วเอามาแล้วดันขายไม่ออก ทุนจม ได้เจ๊งอีกรอบแน่ อีกอย่างนึงร้านส่งต้องซื้อ 6 ชิ้นขึ้นไปด้วย เพราะฉะนั้นต้องรวมออเดอร์แล้วไปเอาทีเดียว ตอนนั้นยังว่างงาน บ้านไมไกลมาก สามารถไปเอาของได้ทุกวัน วันแรกของการเปิดร้าน ก็ได้ออเดอร์เลยค่ะ จำได้เลยว่าเป็นสติช 3D หูกระดิก เราเคยซื้อมา 950 ทายซิราคาส่งที่เราได้มาเท่าไหร่ ได้มา 140 บาทจ้า เราตั้งขายแค่ 190 บาท ที่เราขายถูกเพราะเราต้องการสำรวจตลาดและกำลังซื้อ  และต้องการเก็บกำไรทีละเล็กละน้อย จะได้เอากำไรมาต่อทุน ออร์เดอร์แรกได้ที่เดียว 4 ชิ้น กำไรหักค่ารถ ได้มา 150 บาท ดีใจค่อด อย่างน้อยก็ได้ค่าอาหารวันนึง  วันที่ 2  3  4 5จนครบสัปดาห์ ก็มีออเดอร์เข้ามาทุกวัน กำไรเฉลี่ยอยู่ตั้งแต่ 150-300  อิร้านขายเสื้อผู้ชายก็ยังนิ่ง ออเดอร์ไม่งอกเลย ทำใจละกะเงินหมื่นนึงที่เสียไป มาโฟกัสที่ร้านเคสดีกว่า ระหว่างนั้นก็กลับไปหาเจ้านายเก่า เพราะงานเก่าของเรามันเป็นงานเฉพาะทาง  คำแรกที่เจ้านายเจอหน้าเรา ถามว่าเมื่อไหร่จะกลับมาทำงาน โอ้ว สวรรค์โปรด เราจะได้กลับมามีเงินเดือนละ แถมได้ต่ออายุงานที่ทำมา 3 ปีกว่าด้วย แต่ระหว่างจะกลับมาได้เงินเดือน ก็ต้องใช้เงินตัวเองเป็นค่าใช่จ่ายชีวิตประจำวันไปก่อน เราเลยจำเป็นต้องขายเคสไปก่อน

-หาลูกค้ายังไง
เราก็ต้องหาคนมากด likeกดShare ให้เราก่อนค่ะ ตั้งลิ้งร้านชื่อสั้นๆก่อน เช่น www.เฟซบุ๊ค.คอม/ชื่อร้านสั้น ๆ
เพราะถ้าไม่ตั้งชื่อ ลิ้งร้านจะยาวเหมือนเป็นไวรัส ก็จะไม่มีใครมากล้ากดให้ค่ะ พอดีเรามีเพื่อนในเฟซเยอะ พันกว่าคน เราก็จัดการส่งแมสเซจไปหาเลย ว่าช่วยกดไลค์ กดแชร์ ให้ร้านเราด้วยนะคะ ส่งไป ห้าร้อยคน ได้มาร้อยกว่าไลค์ แล้วก็เอาลิ้งร้านไปแปะตามเวบที่ให้ลงโฆษณาฟรี ในเฟซบุคเองก็มีเฟซสำหรับโฆษณา หรือไม่ก็ไปขอแลกลิ้งกะร้านอื่น เราเอาลิ้งร้านเราไปแปะร้านเค้า ให้เค้าเอาลิ้งร้านเค้ามาแปะที่แฟนเพจของเรา แลกกัน  คนข้างนอก เพื่อนของเพื่อน ก็เริ่มเข้ามาดูบ้างแระ ออร์เดอร์ ก็มีมาจนเริ่มสบายใจ พอมีเงินหมุน กล้าที่จะเอาเงินไปซื้อของ เพื่อมาถ่ายรูปเอง เริ่มสต๊อกของบ้างแล้ว และพอมีคนกด like เยอะขึ้น ก็เริ่มลงโฆษณาแบบเสียตังค์ของเฟซบุ๊คที่ขึ้นข้างๆบ้างอ่ะค่ะ

- การเก็บเงิน
เมื่อลูกค้าคอนเฟิร์มสินค้าที่จะเอา เราจะไปเอาของไปให้ก่อน แล้วก็มาบอกยอดให้ลูกค้าโอน พอลูกค้าโอนแล้วค่อยส่งของ ข้อดีคือ มีของครบตามออเดอร์ ไม่ต้องโอนเงินคืนถ้าสินค้าไม่ครบ แต่ข้อเสีย ก็คือถ้าลูกค้าไม่ยอมโอนออเดอร์นั้นก็ลงทุนฟรี ต้องเก็บไว้เพื่อรอลูกค้าคนอื่นมาสั่งต่อ แต่ว่าบางทีจะเก็บเงินก่อนแล้วไปเอาของ ถ้าไม่มีแล้วค่อยโอนเงินคืน  ข้อเสียคือ ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนเงินคืน บางทีแอบขาดทุนนิดหน่อย สำหรับเรา ตอนเริ่มตั้งร้านสามารถไปเอาของได้ทุกวันจะรับเงินมาก่อนค่อยไปซื้อของ อันไหนจำได้ว่ามี ก็บอกมี อันไหนคลับคลาว่าไม่มีหรือหมด ก็แจ้งลูกค้าไปเลยว่าไม่มี เป็นการตัดปัญหา  แต่พอเราเริ่มมีทุน ก็ไปเอาของแล้วค่อยมาเก็บเงิน ก็สะดวกดีค่ะ ลูกค้าโอนก็แพคของส่งได้เลย อันนี้เหมาะกับพวกที่ทำงานประจำ ไม่ค่อยมีเวลาไปเอาของด้วยค่ะ ถ้ามีเวลาไปเอาของทุกวันให้ลูกค้าโอนเงินค่อยไปเอาของก็จะดีกว่า

-การตั้งราคา
ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในร้านแล้ว ใครๆก็อยากได้ของดีราคาถูก ยิ่งเป็นสินค้าที่ขายกันเกลื่อนแบบนี้ หาซื้อไม่ยาก ราคาจะเป็นปัจจัยหลักเลยค่ะ ถ้าชิ้นไหนผลิตน้อยหายาก ก็จะตั้งราคาได้สูงหน่อย อย่างที่เกริ่นก่อนหน้า ร้านเรามีจุดขายที่ราคา แต่ละร้านต้องหาจุดยืนว่าจะขายดีไซน์แนวแปลก หรือเน้นราคา หรือเน้นบริการ ราคาที่เราตั้งขายก่อนตั้งร้าน  จะถือว่าถูกมากกกก เมื่อเทียบกะราคาท้องตลาด ก็แน่ล่ะ เราเอากำไรแค่ชิ้นละ 50บาทเองนี่ ขณะที่ร้านอื่นเอากำไรที่ 150บาท เมื่อลูกค้าเห็นว่าราคาถูกก็จะไม่ซื้อแค่ชิ้นเดียว จะซื้อหลายๆชิ้น เพื่อให้คุ้มกะค่าส่งด้วย ฉะนั้นเราก็จะได้กำไรที่เพิ่มขึ้นจากของที่ลูกค้าสั่งมากขึ้น ข้อดีอีกอย่างคือเมื่อเราได้ยอดสั่งเยอะ เราไปเอาของเยอะ ไปเสนอหน้าที่ร้านส่งบ่อยๆจนเจ้าของร้านจำได้ว่าเป็นแม่ค้าแน่ๆ เค้าก็จะลดราคาลงให้อีก 10-30 บาท เราก็จะกำไรจากส่วนนั้นมากขึ้น หรือไม่ก็เอาของไม่ถึง 6 ชิ้นเค้าก็ขายส่งให้ เพราะเคยมาซื้อบ่อยๆ   ข้อเสียคือเหนื่อยมากจ้า ที่กว่าจะหาของแต่ละชิ้นให้ลูกค้าได้ครบ   มีคนบอกว่าจะขายถูกไปทำไม เพราะถ้าขายแพง ขายชิ้นนึงได้กำไรเท่ากับ 3 ชิ้น แถมไม่เหนื่อย ลงทุนน้อยกว่าด้วย  อันนั้นก็แล้วแต่เจ้าของร้านแต่ละร้านค่ะ
คนที่มีเวลาไปเอาของ ก็แนะนำว่าไม่ต้องตั้งแพงมาก จะได้มีเงินหมุนลงของใหม่ตลอด  แต่ถ้าไม่ค่อยมีเวลา ไปเอาของ ก็ขายแพงได้แต่อาจจะขายช้ากว่า แต่ก็ได้กำไรพอๆกัน  (เชื่อมั้ยว่าของแพงกว่ายังไงก็ขายได้ เพราะร้านที่ขายถูกจะโดนคนซื้อไปก่อน และของจะของหมดก่อนร้านแพง เพราะงั้นถ้าลูกค้าอยากได้ ของแพงเค้าก็ซื้อ)
ของเราเน้นขายถูก หมดเร็ว เอาของลงใหม่  กระชับ รวบรัด ฉับไว 5555  และก็จะบอกอีกอย่างว่า ของใหม่ลอตแรกราคาส่งจะยังสูงอยู่ แต่พอลอตหลังๆ ราคาส่งจะถูกลง เราก็จะได้กำไรมากขึ้น ค่ะ

-ร้านขายส่ง
แน่นอนค่ะ เสือป่าเป็นอันดับแรก ที่พ่อค้าแม่ค้าไปเอาของ ร้านส่งก็มีหลายแบบค่ะ บางร้านสินค้าเหมือนกัน แต่ราคาส่งไม่เท่ากัน  สมมติร้าน ก.มีของแบบนี้ถูกกว่า  แต่ ร้านข. แพงกว่า แต่ของอีกแบบ ร้าน ข.ดันถูกกว่า ร้านก.ดันแพงกว่า บางทีถูกกว่าแต่คุณภาพแย่ก็มี ยอมเสียเงินเพิ่มหน่อยได้ของดี ดีกว่า ลูกค้าจะได้ไม่ต้องส่งมาเปลี่ยน เพราะฉะนั้นควรสำรวจตลาดก่อนนะคะ ทำตัวให้เหมือนแม่ค้าเข้าไว้ค่ะ เพราะเค้าก็จะสไตล์คล้ายๆกันกะแพลตตินั่ม มีราคาส่งจริง ส่งหลอก 90% ของ เจ้าของร้านที่นั่นเป็นคนจีน มีโรงงานของตัวเองที่จีนโดยตรง พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ซื้อที่นั่นดีกว่า เพราะเช็คสินค้าได้ ถ้าคุณหวังจะสั่งจากเถาเบ้า หรือจากจีนโดยตรง รวมค่าส่งแล้วราคาจะพอๆกะซื้อที่เสือป่าแหละค่ะ แถมสินค้าอาจจะไม่ได้ตรงตามสเปคด้วยถ้าสั่งมาเพราะเราไม่เห็นของก่อน  เคลมไม่ได้ เช็คไม่ได้อีกตะหาก สั่งจากจีนต้องออเดอร์เป็นหมื่นเป็นแสนถึงจะคุ้มค่ะ ส่วนร้านส่งอื่นๆก็รอบๆเสือป่าค่ะ ของดีมีซ่อนอยู่รอบๆนั้นเหมือนกัน อิอิ
อีกที่นึงที่จะแนะนำ ถูกกว่าเสือป่าอีก คือแคปปิตอล ไม่ไกลจากเสือป่า เดินไปได้ แต่ลึกลับ ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าตัวจริงที่จะรู้จัก ใครอยากไปหลังไมค์มา เด๋วเราบอกทางให้

ถามว่าทำไมเราถึงมาแชร์อย่างนี้ เพราะเราอยากให้คนที่สนใจ หรือมองหาลู่ทางลงทุนด้านนี้ได้ศึกษาข้อมูลดีๆก่อนค่ะ เราจะไม่ถือว่าหาคู่แข่งเพิ่ม เพราะเราทำอันนี้เป็นงานเสริม บางทีข้อมูลของเราอาจจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ลำบากอยู่ จะได้ตัดสินใจดีๆว่าควรทำหรือไม่ทำค่ะ  รายละเอียดยังมีอีกเยอะ  ถ้ากระทู้นี้คนสนใจเยอะเราจะมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ ทั้งเรื่องการแพคของ การส่งไปรษณีย์ การซื้อกล่องบรรจุส่งให้ลูกค้า เมื่อสินค้ามีปัญหา เมื่อลูกค้ามีปัญหา ของขายไม่ออกทำยังไง  รายได้ที่ได้รับ ขายตลาดนัดหรือออนไลน์ดีกว่ากัน ฯค่ะ

จากคุณ : Rikan
เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 15:02:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com