|
ผม คห.17 ได้อ่าน คห.ของ จขหท.ใน 21,22แล้ว
ในคำตอบ คห.22 มีส่วนถูกครับ
ขออธิบาย(ค่อนข้างยาว) ก่อนที่จะสรุปคำตอบนะครับ ..ไทเกอร์วูดเป็นแชมป์ระดับโลกได้ เพราะ มีพ่อ ที่ให้ความรัก เอาใจใส่ สนับสนุน สั่งสอน กวดขันวินัยการฝึกซ้อม มีโคช ที่มีประสบการณ์การสอน มีความสามารถในการอ่านเกม วิเคราะห์ระดับความสามารถผู้เล่นได้ดีว่ามีจุดบอดตรงไหนและควรซ้อม,แก้ไขอย่างไร ... และที่สำคัญ มีความสามารถในการสื่อสาร(สอน)ได้เป็นอย่างดี มีแคดดี้คู่ใจ ที่มีประสบการณ์ รู้ว่าไทเกอร์วูดตีแรงเท่านี้ ในระยะเท่านี้ ควรใช้ไม้อะไร ไลน์สนามหญ้าไปทางไหน วิเคราะห์กระแสลมที่มีผลกับไทเกอร์วูดอย่างไร เป็นต้น
ทุกคน เก่งในด้านของตนเอง เก่งเลิศเลยล่ะ แต่ทุกคน ตีไม่เก่งเท่ากับไทเกอร์วูด -โคชบอกว่า สนามแบบนี้ ลมแบบนี้ ต้องหันหน้าไม้ไปทางซ้าย20องศา ด้วยแรงหวด10นิวตั้น .. โคชดูเกมเป็น วิเคราะห์เป็น เขาอาจจะตีได้ .. แต่ ไทเกอร์วูด ตีได้ดีกว่า และตีได้อย่างที่โคชบอกทุกประการ 20องศาเป๊ะ แรง10นิวตันเป๊ะ เป็นต้น (นิวตั้น ผมสมมุติให้เห็นถึงแรงหวดนะครับ) -แคดดี้คู่ใจ รู้ไหมว่า ค่าตัวของเขามีค่าจ้างเป็นหลายสิบล้าน/ปี (เห็นว่า แคดดี้ที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่ต้นๆ โดนซื้อตัวไปนานแล้ว) เมื่อลูกกลอฟ์ออนกรีน แคดดี้เห็นว่า พื้นกรีนเอียงลงใต้ประมาณ10องศา แนวหญ้ามีรอยรองเท้าตามไลน์ที่ลูกจะวิ่ง ลมแรง5น็อตทางทิศตะวันออก ระยะห่างจากหลุมถึงลูก4เมตร แคดดี้บอกข้อมูลทุกอย่างให้ไทเกอร์ และช่วยไทเกอร์วิเคราะห์การตี ตีไปทางไหน ปั่นไซร์หรือไม่ หลบรอยเท้าอย่างไร(หรือจะใช้รอยเท้านั้นมีส่วนช่วยในการวิ่งของลูก) ตีแรงเท่าไหร่ ฯลฯ .. แคดดี้อาจจะตีได้ แต่ ไทเกอร์ตีได้ดีกว่า เป๊ะกว่า เป็นต้น
ฉะนั้น ถึงแม้คนรอบตัวไทเกอร์วูด จะไม่ใช่แชมป์ระดับโลก แต่ว่า แต่ละคนมีความเป็นเลิศในทางของตนเอง และที่สำคัญ ไทเกอร์วูด มีความเป็นเลิศในการตีลูกได้ตรงตามที่คนรอบตัวช่วยวิเคราะห์มา (แน่นอน ไทเกอร์วูด ก็วิเคราะห์เป็นแหล่ะ แต่อาจจะไม่ดีเลิศเท่ากับคนที่ทำหน้าที่นั้นๆ) (สังเกตุสิ ช่วงหลังๆ ไทเกอร์ ดูแผ่วๆไป เปลี่ยนทั้งโคช,แคดดี้ รวมถึงปัญหาส่วนตัว) (แคดดี้ที่ถูกซื้อตัวไป นายคนใหม่ก็ใช่ว่าจะเป็นที่1ของโลก .. ความเป๊ะมันผิดกัน)
สรุปคำตอบ คนแต่ละคน มีความเก่งไม่เหมือนกัน ฉะนั้นอย่าไปดูแคลน คนที่เขาไม่เก่งอย่างที่คุณเก่ง
หากใครสักคนหนึ่งคิดจะทำกิจการของตนเอง บางคนเก่งบัญชี แต่ไม่เก่งงานบริหาร,หาลูกค้าไม่เก่ง แล้วจะไปเปิดบริษัทบัญชีของตัวเองได้อย่างไร บางคนเก่งการตลาด แต่ไม่เก่งการผลิต ก็ต้องจ้าง พนง.ฝ่ายผลิต ,จ้างโรงงานผลิต หรือไม่ก็ต้องไปหาซื้อสินค้าจากโรงงานที่ผลิตแล้ว ... และถ้ายิ่งไม่เก่งบริหาร ก็อ่ะนะ ... บางคนเก่งบริหารเงินของคนอื่น แต่ไม่เก่งถ้าจะเอาเงินของตัวเองไปลงทุนบริหารเอง (ความกดดันบริหารเงินคนอื่นกับเงินของตัวเอง มันผิดกัน)
การที่เราอยู่ในสังคม มันต้องพึงพาอาศัยกัน แม้จะเป็นทางด้านธุรกิจก็ตาม อย่างผม ผมเป็นฟรีแลนซ์ รับทำสปอตโฆษณาวิทยุ,รับจ้างทำรายการเรดิโออินสโตร์ ผม ตัดต่อเอง,ลงเสียงเอง,หาลูกค้าเอง ทำทุกอย่างเอง หลายๆคนบอกว่าผมเก่ง (ผมก็ยอมรับนะว่าผมเก่งในระดับนึง 5555 ว่าไป อิอิ) แต่ผม เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่ได้ผมจึงต้องไปซื้อโปรแกรมตัดต่อ , ผมทำเสียงผู้หญิงไม่ได้(กรณีลงเสียงผู้หญิง)ผมก็ต้องจ้างดีเจผู้หญิงมาลงเสียง ,ผมทำเพลงเองไม่ได้ ผมก็ต้องซื้อลิขสิทธิ์เพลงจากค่ายใหญ่ และมีอีกหลายๆอย่างที่ผมทำเองไม่ได้ ต้องจ้างคนอื่น ต้องซื้อจากคนอื่น
ถ้าหากทุกคนเก่งเหมือนไทเกอร์วูดกันหมด แล้วใครจะมาเป็นโคช เป็นแคดดี้ ถ้าหากทุกคนไปเป็นเจ้าของกิจการกันหมด แล้วใครจะมาเป็นลูกจ้างให้คุณ(ไม่ได้หมายถึง จขกท.นะ) ถ้าหากทุกคนหาทำงานเป็นลูกจ้างกันหมด แล้วใครจะมาเป็นนายทุน ถ้าหากทุกคนไปเป็นดารากันหมด แล้วใครจะเป็นผู้ชม
คนเรามันร้อยพ่อพันแม่ (เอ๊ะ พ่อหลักร้อย แม่หลักพัน !!! แม่รวยกว่าล่ะสิเนี่ย 555) จะให้คิดเหมือนกัน ถนัดเหมือนกัน ไม่มีทาง.. บางคน ไม่กล้าเสี่ยงออกจากงาน เขาก็ไม่ผิด บางคน กล้าเสี่ยง กล้าลงทุน ถ้ากล้าแล้วได้กำไรก็ดีไป ถ้ากล้าแล้วขาดทุนก็ซวยไป แต่ก็ไม่ผิดนะ บางคน ชอบความมั่นคง ก็เหมาะกับงานราชการ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด บางคน ชอบความท้าทาย การพัฒนาไม่หยุด ก็อาจจะเหมาะกับงานเอกชน ก็ไม่ผิดอีกนั่นแหล่ะ
แต่ถ้าไปโกง ไปคอรัปชั่น ไปเอาเปรียบคนอื่น นั่นแหล่ะผิด
คุณจะให้ทุกคนเก่งเหมือนกันหมด ไม่ได้
ผมเองก็ขอสารภาพตรงๆ ช่วงวัยรุ่น ก็เคยมีความคิดแนวๆเดียวกับความหมายของเนื้อกระทู้โหวต ผมเคยคิดว่า "ถ้ากรูทำงาน หาเงินให้บริษัทได้เดือน50,000 กรูจะมาเป็นลูกจ้างทำไมวะ ออกไปหาทำของตัวเองดีกว่า ได้เต็มๆ50,000" (ผมก็เคยแอบๆคิด ดูถูก พนง.กินเงินเดือนเหมือนกันว่า พวกเมิงบ้าหรือเปล่า พวกเมิงมันไม่เจ๋ง ..เหอๆๆ) ผมจึงออกจากงาน มาทำฟรีแลนซ์ของตัวเอง (ประกอบกับ ไปหางานใหม่ ก็ไม่มีใครรับ อิอิ) ผมคิดไม่ผิดหรอก ... แต่ มันโคตะระยากเลย กว่าจะมาถึงวันนี้ และเมื่อมองย้อนไปดู ผมก็ไม่ได้เก่งเวอร์อะไรนักหนาด้วย(ดังย่อหน้าก่อนหน้านี้) แต่ด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้น ข้อมูลที่มากขึ้น เห็นโลกมากขึ้น(ยังไม่แก่นะจ๊ะ) ความคิดที่มากขึ้น มันทำให้ตระหนักได้ว่า ... เออใช่ จะให้ทุกคนหันมาทำธุรกิจส่วนตัว กันทุกคน ไม่ได้
ทุกวันนี้ ผมมองโลกว่า ใครอยากจะทำอะไร ก็ทำไปเถอะ ตราบที่ไม่เดือดร้อนคนอื่น ไม่ผิดศิลธรรม และไม่ผิดกฏหมาย อยากเรียนอะไร ก็เรียนไป อยากทำอะไร ก็ทำไป ผิดพลาด ก็เป็นบทเรียน ช่วยกันแก้ไข ให้กำลังใจ ได้ดี ก็ยินดีด้วย ผมไม่เสรือกเรื่องของคนอื่น ยกเว้น ... ว่า ถ้าเขามาถาม มาขอคำแนะนำ มาปรึกษา อ่ะ อันนี้ถึงจะเข้าไปเสรือก (เช่นใน กระทู้ต่างๆที่ผมเข้ามาตอบบ่อยๆ ถ้าไม่มีใครตั้งกระทู้ถาม ผมก็ไม่เสรือกไปตอบหรอก จริงมะ 5555) จริงจังมั่ง กวนตรีนมั่ง ดำน้ำมั่ง ก็ช่วยๆแสดงคห.ไป แบ่งปันความรู้ ความคิดให้กับคนอื่นเป็นวิทยาทาน (บางอันผมก็ตอบกวนตรีน จริงๆ 5555 ตามแต่อารมณ์ในแต่ละวัน) วัดก็ไม่ค่อยได้เข้า บุญก็ไม่ค่อยได้ทำ ก็มีบุญอยู่สามอย่างที่ทำเป็นประจำ 1. หยอดเหรียญทำบุญตามตู้ต่างๆ ในห้าง (เวลาแคชเชียร์ทอนเงินเป็นเศษเหรียญ ก็หยอดตามตู้บริจาค .. อ่อ ก่อนหยอดเหรียญก็อธิฐานเล็กน้อย อิอิ) 2. มาตอบกระทู้บ้าง ตามเวปบอร์ดนี่แหล่ะ (ส่วนใหญ่ ก็พันทิบนี่แหล่ะ) 3. ให้อาหารแมวที่บ้าน (น่าจะเกี่ยวนะ)
โอย ร่ายยาวเลย สงสัยคงจะอ่านกันเบื่อแล้ว ผมก็งี้แหล่ะ เวิ่นเว้อบ้างตามอัธยาศัย บ่นบ้างไรบ้างมันเรื่อยไป ไปดีฝ่า แว๊บ...........
แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 55 17:42:02
จากคุณ |
:
aumpaump12
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ส.ค. 55 17:01:59
|
|
|
|
|