|
[แชร์ประสบการณ์] เปิดร้านกิ๊ฟช็อปมาครบหนึ่งปี . . . .
|
|
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกจริงๆ เผลอหน่อยเดียว หนึ่งปีผ่านไปเสียแล้ว
ผมเขียนบทความเกี่ยวกับการ ลุกปั้น การดำเนินการ และการจัดการ รวมถึงเรื่องราวต่างๆทั้งแง่บวกและแง่ลบ รวมถึงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น ของเรื่องราวกิจการร้านขายของขวัญเล็กๆนามว่า ร้านทอรุ้ง
ตอนนี้เป็น ตอนที่ 24 ซึ่งผมจะสรุปประเด็นต่างๆที่ผ่านมาในหนึ่งปี
ผมขอเริ่มสรุปเรื่องราวเลยละกันครับ
ความเป็นมา แอบไปได้ยินเจ้าของเก่าเขาบอกขายกิจการกับคนๆหนึ่ง เราเลยเกิดความสนใจขึ้นมาเลยสอบถามเข้าไป ผลคือ เสนอเซ้งกิจการร้านขายของขวัญ 200,000 บาท
เรื่องของการเซ้งกิจการ เซ้งกิจการต่อจากคนอื่น พิจารณาให้ถี่ถ้วนครับว่าเจ้าของเดิมเซ้งเพราะ ขายไม่ดี หรือ เหตุผลอื่น
>>>ระวังการเซ้งอันเกิดมาจาก ขายไม่ดีให้ดี<<<
ถ้าเราเซ้งกิจการที่ขายไม่ดี มาเราคงต้องทำการบ้านอย่างหนักและเราต้องมีทีเด็ดมากกว่าที่เขาเคยทำมาก เพราะ มันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ร้านขายไม่ดีเลยจะเซ้งร้าน ถ้าเราการเซ้งกิจการที่ขายไม่ดีมาลูกค้าอาจจะยึดติดกับภาพลักษณ์เก่าๆได้ เช่น ไม่อร่อย สินค้าไม่สวย คนเก่าไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ ทำเลไม่ดี ฯลฯ
ข้อเด่นที่น่าสนใจของการเซ้งกิจการ(โดยที่ไม่ใช่เซ้งเพราะเจ้ง)คือ -ทำเลที่ดีกว่า -ฐานลูกค้าเก่า
ในกรณีนี้จากการสืบและสอบถามพี่เขาเซ้งด้วยเหตุผลอื่น ดูไปดูมา คิดไปคิดมา ถ้าเซ้งมาเราน่าจะอยู่ได้ และสามารถต่อยอดได้
หลังจากการวิเคราะห์อย่าง รัดกุม ในที่สุดก็ตัดสินใจเซ้งมา แฟนผมลาออกจากพนักงานธนาคาร มาดูแลร้าน
“ลาออกจากงานประจำเพื่อออกไปทำธุรกิจส่วนตัว”
ลาออก อันนี้ทำได้ง่ายๆ ทำธุรกิจส่วนตัว อันนี้ก็ง่าย ใครๆก็ทำกัน แต่ทำอย่างไรให้ธุรกิจอยู่รอด อันนี้ชักไม่ง่ายเหมือนดั่งใจคิด
ลักษณะการค้าของร้านกิ๊ฟช็อป
รูปแบบกิจการ ซื้อมา-ขายไป
แหล่งซื้อสินค้า 60%ของสินค้าทั้งหมดมาจากสำเพ็ง ส่วนที่เหลือก็กระจายๆกันไปเช่นโรงเกลือ จตุจักร งานแฟร์ลดราคา สินค้าแปลกๆในเน็ต รถเร่ ฯลฯ
ฐานลูกค้า ลูกค้า 70% เป็นนักเรียน และ กิจการซื้อขายเงินสด 100%
ตัววัดผลการดำเนินงาน จากที่เปิดมา 1 ปี นอกจากยอดขายและกำไรที่เราต้องใส่ใจแล้ว ตัวชี้วัดที่สำคัญที่ ห้ามละเลยเด็ดขาด คือ สินค้าคงคลัง
สินค้าคงคลัง เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายได้เลยในธุรกิจซื้อมาขายไปเลยก็ว่าได้
สินค้าคงคลังมากเกิน เงินจม ทุนไม่ฟื้น เงินสดอาจขาดมือ เพราะ กำไรลงไปกองในสต็อก
สินค้าคงคลังน้อยเกินไป ซื้อของเข้ามาน้อย ถ้าเงินสดในมือมีมากไม่เป็นไร แต่ถ้าเงินสดมีน้อยอาจมีการดึงเงินไป ไปไหนต้องตามหาให้เจอ
ผมบอกว่า ผมวิเคราะห์อย่างรัดกุมและมั่นใจ ในบทความตอนที่ 1 ผมบอกว่ากำไรเฉลี่ยอย่างน้อยเดือนละ 30,000 บาท ผ่านไปหนึ่งปี กำไรที่แท้จริง หดลงกว่าที่คิดมากนัก
แสดงว่าผมวิเคราะห์ยังไม่รัดกุมมากเพียงพอ (ไม่หมูเหมือนดั่งใจคิด)
สรุปผลการดำเนินงาน
จากคุณ |
:
มาม่ากับปลากระป๋อง
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ส.ค. 55 11:51:46
|
|
|
| |