ความคิดเห็นที่ 1 หน้าตาร้าน จากคุณ : มิสคานทอง เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 15:12:58 A:1.1.251.210 X: TicketID:315573

ความคิดเห็นที่ 2 ** จากคุณ : มิสคานทอง เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 15:13:51 A:1.1.251.210 X: TicketID:315573

ความคิดเห็นที่ 3 โพสต์รุปไม่ได้อ่ะค่ะ จากคุณ : มิสคานทอง เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 15:14:24 A:1.1.251.210 X: TicketID:315573

ความคิดเห็นที่ 4 อำเภออะไรครับ เพื่อมีเพื่อนจะได้บอกให้ไปอุดหนุน จากคุณ : SCREEN เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 15:17:54

ความคิดเห็นที่ 5 ไปคุยกับธนาคารขอขยายเวลาผ่อนซิคะ จะได้ภาระน้อยลง  มีคู่แข่งมันก็ทำให้ยอดตกเป็นธรรมดา ญาติเราก็ขายของชำมาตั้งแต่รุ่นแม่ อยู่ๆ มีเซเว่นมาเปิด  แรกๆขายไม่ค่อยได้ เพราะคนยังเห่ออยู่ ยอดตกมาก แต่โลตัสหรือเซเว่นสินค้าบางอย่างเค้าไม่มีแบบที่ร้านขายของชำมีนะคะ  ลองหาอะไรที่แตกต่างมาขายดูซิคะ  สู้ ๆ ^_^ จากคุณ : minnie06 เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 15:23:32

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้ขาย เครื่องเขียน กิ๊ฟช็อป เครื่องใช้เด็กอ่อน เครื่องใช้พลาสติก สินค้าพวกมิสทีนเครื่องสำอางค์ครีมต่างๆที่โลตัสไม่มีขาย เิปิดเครดิตให้หน่วยงาน.. อำเภอนี้มันเป็นอำเภอเล็กๆค่ะ ประชากรก็มีเท่านี้ ไม่รู้จะขายอะไรเพิ่มแล้วค่ะ เงินก็ไม่มีลงทุนแล้ว เป็นหนี้เงินโอดีธนาคารอยู่ 1.5 ล้าน เงินกู้เหลืออีก 1.6 ล้าน รู้สึกว่าเหนื่อยและท้อที่จะทำต่อแล้วค่ะ อาจจะมาถึงจุดสูงสุดของเราแล้ว วันๆได้แต่นั่งมองหน้าพนักงานไม่มีงานจะให้ทำแล้ว จาพนักงาน 8 คน ตอนนี้เหลือ 4 คน T____T จากคุณ : มิสคานทอง เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 15:31:55 A:1.1.251.210 X: TicketID:315573

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านจากที่คุณโพส คุณก็ได้ปรับปรุงหลายสิ่งแล้ว อาจต้องรอเวลาแบบความเห็นบนๆบอกค่ะ คนกำลังเห่อของใหม่ ต้องใช้เวลาสักพักค่ะ ของเราถูกกว่าลองการตลาดดูไหมคะ พวกง่ายๆงบน้อยคือ ใบปลิว โปรโมทว่าเราถูกกว่าห้าง มีอะไรดีกว่าเขียนไปเลยค่ะ ต่างจังหวัดใบปลิวได้ผลจริงๆ เราอยู่ต่างจังหวัดมีkfcมาเปิด แรกๆคนเห่อมาก ขายดี กระทบไปหมด พอสักพักคนเลิกเห่อ คนคิดได้ไปตลาดดีกว่าถูกกว่าของสดด้วย^^ สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ จากคุณ : เด็กคอนหวัน เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 15:59:42

ความคิดเห็นที่ 8 อย่าพึ่งท้อแท้ครับ เปิดร้านมาได้นานเกือบ 10 ปี แสดงว่า ต้องมี "จุดแข็ง" บางอย่าง ที่อาจจะแก้เกมได้ แต่จากข้อมูลเบื้องต้น "วางแผนจัดการ" จัดการตัวนี้ก่อนครับ "วงเงินโอดี" ใช้วงเงินโอดี 1.5 ล้าน ส่งดอกอย่างเดียวไม่น่าต่ำกว่าเดือนละ 30,000 บาท ปล. กว่าจะทำมาได้ยากแสนยากโดนดอกโอดีกินหมด จากคุณ : มาม่ากับปลากระป๋อง เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 16:09:25

ความคิดเห็นที่ 9 เราเคยเปิดร้านเล็กๆขายของพวกกิฟท์ช๊อป ตอนนี้ปิดไปแล้วเพราะรายได้ไม่พอจ่ายค่าเช่าที่ ขายของสมัยนี้ลำบาก คนขายเยอะเหลือเกิน จากคุณ : น้อง เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 16:23:38 A:108.6.105.251 X: TicketID:325642

ความคิดเห็นที่ 10 อื่ม..........จากที่ผมเยแนะนำลูกค้า กรณีคล้ายๆกัน ลดขนาดธุรกิจ เพื่อลดรายจ่าย ยิ่งมีสินค้ามากชนิดหรือมากกลุ่มสินค้า ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ยิ่งมากตาม การสู้ด้วยการลดราคา หรือเพิ่มกลุ่มสินค้า ไม่เกิดผลดี เพราะ สิ่งที่ทำให้หลายคนเข้าโลตัส เพราะ โลตัส ตามความเข้าใจของหลายคนคือ ราคาถูก มีของมาก สะดวก ต่อให้เราโปรโมทแทบตาย ความเข้าใจนี้ก็เปลี่ยนยาก ส่วนการลดขนาด ไม่ใช่ทำให้เล็กลงแต่เป็นการลดความสำคัญของบางกลุ่มสินค้า ไปเพิ่มให้กับบางกลุ่มสินค้า ปรับปรุงเล็กน้อย พยายามทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ประมาณว่า ซื้อนมต้องร้านนี้ ซื้อพวกเครื่องดืมต่างๆต้องร้านนี้ อยากซื้อพวกขนมต้องร้านนี้ เลือกที่จะเน้นบางอย่างแต่ปรับปรุงสิ่งที่เน้นให้ดีกว่าเดิม ลองเอาเป็นแนวคิดดูนะครับ จากคุณ : MamaKungking เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 16:48:11

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณทุกคนมากค่ะ แนวคิดคุณ MamaKungking น่าสนใจมากเลยค่ะ เท่าที่เราประสบมาเรื่องลดราคาใ้ช้ไม่ได้ผลจริงๆ ต่อให้เราขายถูกกว่ายังไง เราสู้โลตัสไม่ได้เพราะเค้าโฆษณาตามสื่อต่างๆกรอกหูอยู่ทุกวันว่าของเค้าถูกถึงแม้จะไม่ได้ถูกจริงก็ตาม มีแต่ผลเสียต่อเราจริงๆค่ะ เรายังคิดเลยว่า คนสมัยนี้รวยเค้าไม่ค่อยสนใจเรื่องราคา... คิดว่าคงจะเป็นการลดขนาดธุรกิจและขอขยายหนี้ คงเป็นทางรอดเดียวจริงๆ เราคงต้องตัดสินค้าออกหลายๆอย่าง แต่ก็แอบเสียดายพื้นที่เพราะเราสร้างร้านไว้ใหญ่มากประมาณตึกแถวเกือบ 5 ห้องได้ ไม่ได้หน้ากว้างแต่ยาวมากค่ะ ยิ่งเราลงทุนมาก เงินเราไปจมอยู่ที่ของหมดเลย การลดขนาดคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด อาจจะเน้นขายแค่ของใช้เด็กอ่อน และเครื่องเขียนแทน ขอบคุณมากค่ะ ปีหน้าเราคงต้องเปลี่ยนแปลงอีกหลายอย่าง...ปรับปรุงให้อยู่รอดได้ก็มีกินมีใช้ทุกวันคงเพียงพอแล้ว แต่ก็คงไม่คิดว่ากิจการแบบนี้จะไปได้ไกลถึงเมื่อไหร่ โลตัสมาแล้วบิ๊กซีหรืออะไรอื่นๆ คงกำลังจ่อคิวตามมา ขอแค่มีแรงใช้หนี้หมดก็พอค่ะ ^ ^ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : มิสคานทอง เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 16:59:19 A:1.1.251.210 X: TicketID:315573

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเป็นสินค้า คงสู้ Lotus ไม่ได้ แต่ถ้าขายพวก บริการ (service) เพิ่มละครับ เช่น บริการส่งถึงบ้าน หรือส่งข้าวสาร/อาหารแห้งให้ร้านอาหารทุกเดือน อีก idea ก็ เสียสละหน้าร้านนึง ขายอาหารเพราะคนจะแวะง่ายกินได้ทั้งวัน โดยใช้ของที่เราขายมาเพิ่มมูลค่า เช่น อาหารตามสั่ง กาแฟ ไอติม หนมปังปิ้ง etc. BTW เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : SweetJanuary เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 17:55:35

ความคิดเห็นที่ 13 เท่าที่ผมลองอ่านครับผมว่า ใช้ระบบ ทำสมาชิกสิครับ ให้ลูกค้าที่ซื้อ มีสะสมแต้ม หรือว่า ซื้อสินค้าชนิดหนึ่งแถมอีกชนิดหนึ่ง ที่มันนำไปใช้กันได้ หรือว่าการจัด zone ร้าน ที่นำผลิตภัณฑ์ที่ขายดีๆหรือลูกค้าหยิบประจำ ไปใว้หลังร้าน เพื่อให้ลูกค้าได้เดินผ่านสินค้าหลายๆชนิดมากขึ้น เผื่อลูกค้านึกออก จะได้ซื้อไปด้วย และควรมีการจัด promotion แต้มหรือคะแนนสะสมให้สมาชิกในวันที่ขายได้น้อย เช่นวันธรรมดา หรือช่วงก่อนปลายเดือนที่เงินเดือนของลูกค้ายังไม่ออก สามารถรักษาลูกค้าประจำของเราได้นะครับ และอย่าลืมมองข้ามวันสำคัญต่างๆ เช่น วันพ่อ วันแม่ วันพระ และอื่นๆครับ ดูจากเราเปิดมา 10 ปีแล้ว ลูกค้าประจำต้องมีแน่นอนครับ แต่อาจจะน้อยลงเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนการบริการก็เป็นส่วนสำคัญครับ แต่อย่าลืมครับว่า โลตัสก็บริการดีเหมือนกันครับ เราต้องสร้างจุดแข็งและพยายามลบจุดอ่อนของเราครับ ^^ ผมอายุแค่ 23 ก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรมากครับ ดูจากประสบการณ์ที่เคยศึกษาและเจอกับตัวมาครับ ตอนนี้ก็ทำธุรกิจขายเครื่องกรองน้ำ ก็พยายามหาจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองตลอดครับ สู้ๆครับ ผมเป็นกำลังใจให้ จากคุณ : waterway (waterway) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 18:27:15

ความคิดเห็นที่ 14 อย่าเลิกขายครับ ถ้าตัวสินค้าไหนเคยขายได้ไม่มากก็น้อย อย่าเลิกขายดีที่สุด แต่ลดขนาดและและลดทางเลือกให้ลูกค้าเท่านั้นเอง สินค้าแต่ละชนิดมันมีหลายยี่ห้อใช่ไหม คุณแค่ลดจำนวนยี่ห้อลงมา เหลือแค่ยี่ห้อหลักๆหรือsizeหลักๆ เอาความขี้เกียจของคนซื้อให้เป็นประโยชน์ คนสมัยนี้ขี้เกียจเพิ่มขึ้นครับ แค่ขับรถไปหลายๆที่ก็ขี้เกียจกันแล้ว หาที่จอดรถเอย เข้าคิวจ่ายเงินเอย และอีกหลายความขี้เกียจมากมาย เพียงแต่ว่า ต้องสร้างความจำเป็นให้ลูกค้าต้องเข้าร้านเราแค่นั้นเอง จากคุณ : MamaKungking เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 18:31:55

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าขายของในร้านหมดพอใช้หนี้ เลิกเถอะครับ ค้าขายยุคใหม่คนชอบเข้าร้านใหญ่ๆมีที่จอดรถ คุณปรับตัวยังไงก็สู้ไม่ได้   นอกจากไปขายสินค้าเฉพาะทางแทน จากคุณ : ชีวิตคือชีวิต เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 20:05:42

ความคิดเห็นที่ 16 เราจะเล่าเรื่องร้านขายของชำตลาดแถวบ้านให้อ่านค่ะ ^^ เราอยู่ต่างจังหวัด อำเภอรอบนอก ร้านขายของชำร้านนี้มีขนาด 2 ห้องค่ะ ของเยอะเหมือนกัน จัดวางเป็นระเบียบดีค่ะ ขายดี เปิดร้านแต่เช้า เที่ยงคืนยังเปิดอยู่เลยค่ะ คนเดิืนเข้าออกตลอด ต่อมาห้างดอกบัวเล็กมาเปิดข้างๆ เลยค่ะ เรากับสามียังคุยกันเลยว่า ร้านขายของชำนี้จะรอดไม๊ แรกๆ สังเกตว่าร้านเงียบเหงาไปทันตาเลยค่ะ คนเห่อห้างดอกบัวกัน เวลาผ่านไป ร้านขายของชำร้านนี้กลับมาฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง จากการสังเกตของเราเป็นดังนี้ - หน้าร้านเปิดโล่ง ไม่ติดกระจก (อาจด้วยขนาดประมาณตึกแถว 2 ห้อง เลยทำได้ แต่ของคุณ ใหญ่มาก ตรงนี้คงทำไม่ได้ ข้ามไปนะค่ะ) เขาตั้งเคาน์เตอร์ด้านหน้าร้าน คนที่เข้ามาซื้อ คือ คนที่ขี้เกียจเดินเข้าโลตัส เพราะไม่ได้ซื้อเยอะ เข้าร้านนี้จะไวกว่า ไม่ต้องต่อแถวจ่ายเงิน - ด้านหน้าเคาน์เตอร์ จะมีสินค้าลดราคา จัดรายการ เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก คนเดินมาจ่ายเงินเห็นก็หยิบได้ง่าย มีขายไข่ไก่ ของเล่นเด็กราคาถูก ขนมปัง เบเกอรี่ ราคาไม่แพง 10-20 บาท - ร้านนี้ ขายนมผงเด็กราคาถูกกว่าโลตัสค่ะ มีให้เลือกหลายยี่ห้อด้วยค่ะ อย่างที่คุณ MamaKungking คห.ที่ 10 นั่นแหละใช่เลย มีเครื่องเขียนหลากหลายกว่าในห้างดอกบัว เราเป็นคุณแม่ นมผง นม UHT ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ที่ไหนราคาถูกกว่า ต่อให้อยู่ไกล ก็ต้องดั้นด้นไปซื้อค่ะ เพราะเป็นของจำเป็น ใช้่แล้วหมดไปค่ะ - อันนี้เพิ่มเติม ใช้อัธยาศัย ยิ้มแย้ม ทักทาย คนต่างจังหวัดชอบพูด ชอบคุยอยู่แล้วค่ะ ตรงนี้แหละที่ห้างดอกบัวไม่มีค่ะ จากคุณ : สกุลลัน (สกุลลัน) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 20:08:21

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นไปได้ไหมที่จะจดจำชื่อ ลูกค้าและทักทายเขาให้ได้ ลีกาชิง เศรษฐีฮ่องกง ตอนเขาเริ่มต้นกิจการ ก็ค้าขายข้าวสาร แต่เขาทำไม่เหมือนคนอื่น คือเขาจดไว้หมด ว่าบ้านไหนสั่งข้าวกี่ถัง  แล้วบ้านนั้น มีกี่คน เขาก็กะไว้เลยว่า ข้าวกี่ถัง  คนกินกี่คน  กี่วัน น่าจะหมด พอใกล้จะหมด เขาจะโทรไปหาเลยว่า ให้ไปส่งข้าวให้ไหม  ทำอย่างนี้ คู่แข่งไม่มีสิทธิเกิดเลย เพราะข้าวจะหมด  นายคนนี้ วิ่งเข้าหาลูกค้าได้ก่อนแล้ว จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 20:10:40

ความคิดเห็นที่ 18 เจ้าของกระทู้กรุณาอ่านคอมเมนต์ผมหน่อย ผมอยู่จังหวัดสงขลาที่นี่มีร้านสะดวกซื้ออยู่ร้านนึกดำเนินกิจการมานานมากๆๆๆ แล้วไม่รู้ว่าเค้าใช้วิธีอะไรจน bigc lotus ไม่กล้าเข้ามายุ่งเลยแปลกมากทั้งๆที่ในจังหวัดประชากรเยอะมากๆๆๆ จากคุณ : ฮีโร่ฟื้นคืนชีพ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 20:15:37

ความคิดเห็นที่ 19 เจ้าของกระทู้ลองมาศึกษาดูตรงนี้ที จากคุณ : ฮีโร่ฟื้นคืนชีพ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 20:16:07

ความคิดเห็นที่ 20 ผมมองว่าจุดอ่อนอยู่ที่เป็น retailer แบบดั้งเดิม แต่ไม่ปรับกลยุทธตามการรุกคืบของ modern trade ลองลดขนาดกิจการแต่รักษารายได้จากการขาย  ทำ Pareto สินค้าแบ่งเกรด A,B,C เกรด A คือยอดขายเยอะ ก็เน้นขายอันนั้นและเปลี่ยนชื่อร้านให้สอดคล้องไปเลย ถ้ายังมีพื้นที่เหลือ ก็แบ่งโซนทำร้านอื่นๆไปควบคู่จะดีกว่านะครับ อย่าไปเสียเงินกับ Inventory Cost เยอะ จากคุณ : UrmiaRest เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 21:28:48

ความคิดเห็นที่ 21 มีหลายทางรอดนะครับ 1. เปลี่ยนตัวเองเป็น Specialty Store คือ ร้านที่ถนัดในการขายของบางอย่าง เฉพาะด้าน เช่น เครื่องเขียนเท่านั้น ตัดห้องแถวที่กว้างเกินไปออก ปล่อยเช่า นำรายได้ค่าเช่ามาหมุนต่อ 2. ทำความรู้จักกับลูกค้า ใช้ความเป็น "เถ้าแก่" ให้เป็นประโยชน์ คุณบอกเองว่าอำเภอมันเล็กนิดเดียว ผมว่าคุณก็น่าจะไปทำความรู้จักกับลูกค้าที่ซื้อเยอะๆนะครับ 3. บริการส่งถึงบ้าน คิดค่ามอเตอร์ไซค์เพิ่ม ฯลฯ เปิด Hot Line เพิ่มช่องทางการขาย อำเภอเล็กๆทำได้แน่นอน ถ้าคุณพยายาม ข้าวกลางวัน ก็อย่ากินซ้ำร้าน กินแล้วคุย แล้วแจกนามบัตรให้เจ้าของร้าน ให้โต๊ะข้างๆ บอกพี่ๆช่วยอุดหนุนหนูหน่อยนะ โลตัสมาแรง แต่หนูขายสองสามอย่างนี้ถูกกว่านะ สังคมเล็ก อำเภอเล็ก เอาน้ำใจเป็นที่ตั้ง อุดหนุนชาวบ้าน สร้างเครือข่ายสังคม อีกไม่นานยอดขายคุณก็จะกลับมาครับ จากคุณ : Ivalice (Ivalice) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 22:36:01

ความคิดเห็นที่ 22 อย่าเพิ่งท้อค่ะ  เราพูดในฐานะคนซื้อ เราเลิอกห้างท้องถิ่นค่ะ เพราะแทบทุกอย่างถูกกว่าโลตัส ซื้ออะไรรวมๆแล้วทุ่นเงินในกระเป๋าไปหลายสิบ เผลอๆเป็นร้อย จะไปซื้อของที่เเพงกว่าทำไม จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 23:05:53

ความคิดเห็นที่ 23 ห้างซูเปอร์สโตร์ข้ามชาตือย่างโลตัสและยี่ห้ออื่นๆ ต่างเข้ามารุกทุกพื้นที่เพื่อกินรวบหมดทั้งประเทศอย่างที่เห็น ชาวบ้านทั่วไปเขาก็เป็นไปตามกระแสโลกคือนิยมความสะดวกสบาย เดินเลือกของในห้างแอร์เย็นๆ มันยากครับที่ร้านเล็กแบบเดิมๆจะไปสู้กระแสใหม่จนพลิกฟื้นกลับมาเหมือนเดิมได้ อย่างดีก็แค่ปรับตัวให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นมาบ้าง ผมมิได้มองโลกในแง่ร้ายแต่มันเป็นจริง หากยังไม่อยากเลิกกิจการ คงต้องเปลี่ยนไปขายอย่างอื่นแทน  หรือถ้าจะทำกิจการให้ยั่งยืนต้องทำในรูปแบบสหกรณ์ให้ชาวบ้านมาร่วมลงทุนนั่นแหละ จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 55 00:05:46

ความคิดเห็นที่ 24 หาก ไม่ไหวจริงๆอย่าฝืน จะได้ลดความเสียหายครับ หาฝืนจะทำให้เจ็บตัวมากกว่าเดิม เรื่องราคา ถูกกว่านิดหน่อยนี่สู้อะไรเขาไม่ได้หรอกครับ อย่าง 7-11 ขายของแพงกว่าร้านทั่วไปหลายบาท คนก็ยังเดินเข้า 7-11 เยอะกว่าอยู่ดี เปิด 7-11 เลยดีกว่าไหม ในเมื่อ ทั้ง 7-11 และ โลตัว ก็เป็นหนึ่งในผู้ชนะในตลาด หากเราอยู่ข้างฝ่ายชนะเราจะอยู่รอดได้มากกว่า ขอให้ ตั้งหลักให้ได้หาทางออกให้เจอไวๆนะครับ จากคุณ : หน้ามหิดล เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 55 06:23:33

ความคิดเห็นที่ 25 ติดต่อให้ 7-11 มาเช่าตึกเปิดแข่งสิครับ อย่าไปลงทุนทำเองนะ เอาค่าเช่าก็พอ หลายที่ 7-11 กับ โลตัส เปิดติดๆกันเลยนะ จากคุณ : purekung99 เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 55 08:03:07

ความคิดเห็นที่ 26 -ขอบคุณความเห็นของทุกคนมากค่ะ ซึ้งใจจริงๆๆ 7-11 เปิดอยู่ตรงข้ามร้านเราเลยค่ะ เปิดมาได้ 3 ปีกว่าๆแล้วค่ะ แรกๆก็มีผลกระทบกับร้านตรงส่วนขนมกับพวกตู้แช่ ส่วนนั้นเลยตัดปัญหาคือขายขนมให้น้อยลงเหลือแต่ตัวที่ยังขายได้คือพวกขนมที่เป็นกล่องๆชิ้นใหญ่ๆไม่เน้นขายถุงเล็กค่ะ และเลิกขายตู้แช่ (ซึ่งขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่อยู่แล้วและเปลืองไฟมากค่ะ การตัดส่วนนี้ไปมีมีผลกระทบกับร้านค่ะ) ยังคงเหลือไว้แต่ไอศครีมเนสเล่ย์ซึ่ง 7-11 ไม่ได้ขาย 7-11 ขายแต่วอลล์ แต่ 7-11 ไม่มีผลกระทบกับร้านเราค่ะ ลูกค้าคนละกลุ่ม เราเน้นกลุ่มลูกค้าของใช้ไม่ใช่ของกินค่ะ ***ปัญหาเรื่องตึกที่แบ่งเช่าไม่ได้คือ ตึกเราหน้ากว้างแค่ 2 ห้อง แต่ลึกมากค่ะ เราสร้างเต็มพื้นที่ค่ะ *** จากที่กลับไปนอนคิดทั้งคืนเรื่องลดขนาด ลดจำนวนของขายลง เห็นด้วยกับคุณ MamaKungking ค่ะ เราคงไม่เลิกกิจการเพราะเป็นอาชีพเดียวที่มีอยู่ ตอนนี้เราขายของหลากหลายยี่ห้อมากๆๆๆ ยกตัวอย่างเช่นผ้าอ้อมเด็กสำเร็จ มีไม่รู้กี่ยี่ห้อ ทั้งที่ขายดีจริงๆมีอยู่แค่ 2 ยี่ห้อเอง ในความคิดเราคือ อยากให้ลูกค้ามีทางเลือกเยอะๆ มีทั้งยี่ห้อที่ไม่ติดตลาดเพราะบางคนก็ต้องการแค่ของถูกไม่เน้นยี่ห้อตลาด ส่วนนี้เราคงต้องแก้ปัญหาคือลดจำนวนยี่ห้อลง เพราะเงินหมุนเวียนไปจมอยู่กับสินค้ามากมาย เราเช็คตลอดว่าแต่ละวันสินค้าตัวไหนขายดี ผลทีได้คือสินค้ากลุ่มเด็ก คือ นมผง ผ้าอ้อมสำเร็จ ของใช้เกี่ยวกับเด็กทุกอย่าง เพราะส่วนนี้เราขายถูกกว่าโลตัสมากมาย เราบวกราคาแค่ 3-5% เท่ากับขายส่งเลย เพราะกลุ่มนี้ค่อนข้างเป็นสินค้าที่เดินไวมาก แต่...ร้านคงอยู่ไม่รอดถ้าขายได้แต่สินค้าพวกนี้ เพราะกำไรได้น้อยมากคงไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายแน่นอน คงต้องขายให้ได้หลักแสนต่อวันถึงจะอยู่รอด ซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับอำเภอเล็กๆแบบนี้ **ประเด็นที่จะเน้นขายสินค้าเฉพาะกลุ่มเราว่าไม่เหมาะกับอำเภอเล็กๆแบบนี้ เพราะร้านเราอยู่ได้เพราะมีสินค้าหลากหลาย เค้าไม่ซื้ออย่างหนึ่งก็ไปซื้ออีกอย่างแทน **เครื่องเขียนกำไรงาม แต่สินค้าค่อนข้างเดินช้ามาก แต่ก็มีส่วนช่วยดึงลูกค้าค่ะ ข้อเสียของเราคือไม่มีพื้นที่จอดรถ แต่ข้อดีคืออยู่ในตลาดในแหล่งชุมชน กลุ่มลูกค้าที่เราจะได้คือกลุ่มใช้มอเตอร์ไซด์ และกลุ่มลูกค้าที่มาติดต่อราชการ แต่กลุ่มลูกค้าใหญ่ๆที่เค้าต้องการพื้นที่จอดรถหายไปหมดเลยค่ะ อันนี้ไม่รู้ว่าแก้ปัญหาได้อย่างไร ส่วนเรื่องบริการ เราบริการเต็มที่อยู่แล้วค่ะ หยิบของให้ลูกค้า แนะนำลูกค้า ซึ่งโลตัสทำตรงนี้ไม่ได้อยู่แล้ว อำเภอเล็กๆแบบนี้เราจำหน้าลูกค้าได้เยอะค่ะแต่คงไม่หมดทุกคน รู้จักทักทายกันเป็นเรื่องปกติค่ะ ตอนนี้ที่ร้นก็มีรายการสะสมแต้มเพื่อเอาแลกมาแลกสินค้าตลอดค่ะ ทำมาตั้งแต่ก่อนโลตัสจะเปิด ปัจจุบันก็ทำอยู่ค่ะ เราจะแจกคูปองให้ลุกค้าและลุกค้าได้เต็มครบตามคะแนนที่ตั้งไว้ก็เอามาแลกของได้ เป็นของแถมที่เราได้จาก บจก.ต่างๆค่ะ เช่น ร่ม กระเป๋า แก้ว อะไรประมาณเนี่ยค่ะ **ขอบคุณทุกๆความเห็นอีกครั้งค่ะ อย่างแรกที่เราจะต้องทำคือคงลดจำนวนยี่ห้อสินค้าลงและเน้นขายเฉพาะสินค้าที่ขายได้ เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในร้านก่อน ที่ไม่คิดจะทำคือกู้เพิ่มเพราะเราไม่ต้องการเป็นหนี้อีกแล้วค่ะ อีก 6 เดือนเราว่าคงจะได้คำตอบว่าเรามาถูกทางรึเปล่า จะมารายงานผลให้ฟังค่ะ จากคุณ : มิสคานทอง เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 55 10:05:59 A:1.1.243.65 X: TicketID:315573

ความคิดเห็นที่ 27 คิดว่าอาจจะเพราะลูกค้าเค้าเห่อของใหม่รึเปล่า เราก็ได้แต่จัดร้านรอ เปลี่ยนแปลงร้านรอ รอมา 9 เดือนแล้วค่ะ คิดว่าลูกค้าน่าจะปรับฐานลงเหลือเท่านี้แล้ว ต่อไปคงเป็นการปรับการสั่งของของเราให้พอดีกับลูกค้าที่เหลืออยู่ รายจ่ายที่สำคัญคือหนี้ ถ้าไปไม่ไหวจริงๆคงต้องไปขอขยายหนี้ ทำได้แค่ประคองไปให้รอดในแต่ละเดือน มีเงินหมุนจ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายต่างๆไปก่อน เคยวาดฝนว่าอีกไม่กี่ปี เราจะหมดหนี้แล้วจะได้สบายเสียที จะได้เหลือเงินไปเที่ยวไปทำอะไรที่ตัวเองอยากทำบ้าง ค้าขายบางทีก็เหมือนมีกรรมเราไปไหนไม่ได้เลย แม้แต่จะกินจะเข้าห้องน้ำทำธุระยังต้องรีบ จะปิดร้านก็กลัวเสียลูกค้า ใช้ชิวิตอยู่แบบนี้มาร่วม 10 ปี แทบไม่มีวันได้หยุดพัก เพื่อรอวันที่เราจะใช้หนี้หมด สุดท้ายความไม่แน่นอนก็คือความไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่เราคงดีกว่าหลายๆคนที่เจ็บหนักกว่าเรา ขอบคุณทุกคนอีกครั้งด้วยใจจริงค่ะ ^ ^ จากคุณ : มิสคานทอง เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 55 10:28:37 A:1.1.243.65 X: TicketID:315573

ความคิดเห็นที่ 28 ค่อยๆ แปรรูปครับ หาอะไรมาเสริมลองทีละอย่างไปก่อน แต่ถ้าถอยได้ แนะนำให้ถอยครับ ถ้าถอยแล้วไม่เจ็บนะ ชนกับยักษ์ เจ็บตัวเปล่าๆ ถ้ามองพอกินไปวันๆ ได้ ถ้ามองการเติบโต เลิกเหอะ จากคุณ : lifemirror (lifemirror) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 55 15:39:30

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นกำลังใจให้ จขกท. สู้ต่อครับ ปัญหาลักษณะนี้ ผู้ค้าปลีกในไทยคงเจอกันหมด จากคุณ : olyaod เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 55 23:11:55

ความคิดเห็นที่ 30 จะบอกว่าไม่ให้คิดมากคงไม่ได้ เพราะหนูเข้าใจเหลือเกินไอ้ช่วงเวลาเเบบนี้ หนูอายุ 25 เปิดร้านมา 5 ปี คุณแม่ทำโอดีกับแบงค์ให้ 5 แสน หนูมีลูกน้อง 1 คน จ่ายค่าเช่าเอง จ่ายค่าห้องเก็บสต๊อคเอง ตีเช็คจ่ายเดือนละเกือบเจ็ดหลัก คุมร้านเอง ขายเอง ทำเองทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เหนื่อยเหลือเกินนนนน ร้องไห้จนถ้าเอาน้ำตามาร่วมกันคงได้เท่าโอ่งมังกรไซส์ใหญ่ หมุนเงินเหนื่อยเหลือเกิน ช่วงขายดีเราก้อมีความสุขชีวิตลัลล้า แต่พอขายไม่่ดีชีวิตก้อดราม่าเหลือเกิน เปลี่ยนวิธีคิดนะคะ ธุรกิจมีขึ้นมีลง มีขายได้เเละขายไม่ได้ อยู่มาไ้ด้ขนาดนี้ เราต้องมีอะไรดีแน่ๆ ม้นไม่เกี่ยวที่ว่าอยู่ได้เพราะเรายื้อนะคะ แต่เราต้องมีอะไรดีจริงๆ อย่างหนูเปิดร้านมา 5 ปี หนูรู้ตัวเองดีว่าเราดีตรงไหน เราจริงใจ ไม่โกหก ไม่ขายราคาโอเวอร์ จะมีเงินหรือไม่มีเงิน แต่หนูไม่เคยปล่อยให้เช็คเด้งเลย ไม่มีก้อโทรไปคุย พูดตรงๆ ไม่มีใครว่าเราหรอกคะ มีแต่เราว่า และคิดมากจนทำร้ายตัวเราเอง คิดให้ออกคะ ว่าเรามีดีตรงไหน แล้วเน้นไปที่ตรงนั้นคะ ******พ่อหนูสอนไว้ว่า ทำธุรกิจ หมุนเงินเป็นเรื่องสนุก เงินเยอะก้อหมุนมัน หมุนไม่ทันก้อพักเหนื่อย พอหายเหนื่อยก้อลุกขึ้นมาหมุนใหม่ หมุนไม่ไหวก้อไม่ได้ตายซะหน่อย **** เอาใจช่วยคะ สวดมนต์ ทำบุญ ขอพรพระ บางทีก้อช่วยได้เเบบไม่น่าเชื่อคะ จากคุณ : tooktar เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 00:15:48 A:110.168.208.210 X: TicketID:373519

ความคิดเห็นที่ 31 ตั้งห้องน้ำฟรีหน้าร้านครับ เพราะเวลาคนมาเข้าห้องน้ำเท่ากับช่วยปลดทุกข์เขา เขาจะขอบคุณเราด้วยการซื้อของ  แต่ส้วมต้องเป็นแบบน้ำล้างด้วยนะห้ามใช้กระดาษชำระ  ลงทุมขุดส้วมหน่อยครับ  ถ้ามีส้วมแล้วก็ติดป้ายบริการห้องน้ำฟรีตัวใหญ่ๆเป็นการทำการตลาดทางนึง จากคุณ : เคยท้องเสียบนรถทัวร์ (harvardวิทยาคม) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 08:57:17

ความคิดเห็นที่ 32 ลงประกาศให้เช่าครับ เหลือไว้1ห้องขายของที่ยังขายดี จากคุณ : Rasia เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 10:49:22

ความคิดเห็นที่ 33 มีกรณเกิดขึ้นที่อำเภอเราคล้ายๆคุณนะ แต่คนที่ซื้อของจะพูดต่อๆกันว่าอย่าเข้าร้านนี้เลยไปโลตัสดีกว่า ก่อนที่โลตัสจะมาเปิด เขาเป็นเจ้าใหญ่ของที่นี่ใครๆต้องไปซื้อกับเขา เขาไม่เคยไว้หน้าลูกค้าเลยเมื่อก่อน ไม่เคยง้อลูกค้า..ใครพาลูกเล็กเด็กแดงเข้าไปด้วยเขาจะยื่นด่าๆเลยว่าทำข้าวของเสียหายอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเขาจะมีลูกจ้างเขมรทั้งนั้นเลย..พอเราเดินซื้อของลูกจ้างเขาจะเดินตามจ้องซะเหมือนเราจะมาขโมยของ พอวันนี้โลตัสมา..เขาพยายามปรับโน่นนี่พัฒนา ติดแอร์ ทำทุกอย่างเพื่อดึงลูกค้ากลับ.. แต่ก็ไม่มีค่อยมีใครสนใจร้านเขาเงียบไปเป็นเดือนๆ แต่เราก็ยังไปซื้อที่ร้านเขานะ ราคาถูกกว่ามากๆๆ แต่แล้ววันหนึ่ง....เขาทำตลาดนัดให้ชาวบ้านมาขายของท้องถิ่น เสื้อผ้า กับข้าว ผักผลไม้ เก็บค่าเช่าในราคาถูกแต่ผลพลอยได้ส่งไปถึงร้านของเขาคือจะคึกคัก อาทิตย์ 1 เขาจะทำตลาด 2 วัน เสาร์-อาทิตย์...และคนก็รู้ว่าเขาลดราคาถูกกว่าโลตัสหรือราคาเท่ากัน แล้วเขาก็เปลี่ยนมาคุยทักทายลูกค้า มากขึ้น ทุกวันนี้ร้านเขาลูกค้าก็ไม่เคยขาดสายนะ สู้ๆคะ เอามาเล่าให้ฟัง จากคุณ : กรุณาอย่าเพิกเฉย เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 13:03:15

ความคิดเห็นที่ 34 สำหรับตรงนี้ไม่ค่อยมีความคิดเห็นค่ะ แต่ขอเข้ามาให้กำลังใจน่ะค่ะ สู้ๆค่ะ ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ ^^ จากคุณ : pingpuy เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 08:56:35

ความคิดเห็นที่ 35 เท่าที่อ่านหลายๆความคิดเห็นเราเห็นด้วยค่ะว่าควรทำการปรับเปลี่ยนจำนวนสินค้าในร้าน เลือกเอาที่ขายดี หมุนเร็ว ทำกำไรมากก่อนในภาวะแบบนี้ เพื่อให้เกิดกระแสเงินหมุนเวียน ระหว่างนี้ก็ลองเจรจากับธนาคารดูเริ่องการผ่อนหนี้ที่มีอยู่ให้ยาวขึ้น ลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อน ลดดอกเบี้ย คุณเป็นลูกค้าที่ดีมานานน่าจะพอลดหย่อนได้ จากนั้นพยายามปิดหนี้ที่ดอกเบี้ยมากๆให้ลดลงเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้นดอกเบี้ยกินหมด เรื่องที่จอดรถหากลูกค้าซื้อเยอะก็บริการส่งสิคะ ถ้าใกล้ๆเอารถเข็นๆไปส่งก็ได้ถ้าเป็นหน่วยงานหรือไกลๆคุณก็บริการไปส่งโดยกำหนดการซื้อขั้นต่ำที่คุณคิดว่าพอจะกำไรน่ะคะ ลองดูนะคะ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : Little Sweet Princess เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 55 20:35:32