ความคิดเห็นที่ 1 เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ จากคุณ : หน้าที่แรกของรักคือ รับฟัง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:12:40

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นกำลังใจให้ค่ะ ไม่ทราบเป็นสินค้าประเภทไหนคะ จากคุณ : Saori_Chubby Chic เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:14:33

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ ๆๆคะ จากคุณ : navan_yazii เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:19:17

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นกำลังใจอีกคนนะคะ เคยเจอเหมือนกันค่ะแบบนี้ แต่ชีวิตต้องสู้ ไม่สิ้นหวังค่ะ เดี๋ยวก็มีทางออกจนได้นะคะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งได้เริ่มต้น เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:36:18

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไมลูกค้าถึงปฎิเสธรับสินค้าจำนวนนี้ละครับ จากคุณ : คนโต เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:44:44

ความคิดเห็นที่ 6 สู้ครับ ลุยแหลก เกินหลักสูตร จากคุณ : กุ้งเต้นชามะนาว เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:44:51

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วยลุ้นให้การเจรจาประสบความสำเร็จด้วยดีค่ะ จากคุณ : วันพุธสีเขียว เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:51:04

ความคิดเห็นที่ 8 ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : Lady..Online เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 14:34:23

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องมาดูสาเหตุครับว่าทำไมถึงยังเลิก แล้วแก้ที่สาเหตุ ถ้าแพงไปเค้าซื้อไปขายไม่ได้ ก็ลดราคาให้เค้าซะแล้วก็บอกว่า ตัวนี้จะไม่มีขายอีกเพราะขาดทุน ถ้าไปแล้วขายได้ดี ต้องคิดราคาเต็ม กับจ่ายค่าสินค้าส่วนนี้ล่วงหน้าก่อน ถ้าคุณภาพไม่ดี ก็ต้องไปไล่บี้กับที่ๆคุณซื้อมา ปกติของคนค้าขาย ถ้าทำแล้วได้กำไร ไม่มีใครยกเลิกแบบนี้หรอกครับ สุดท้าย ถ้าตกลงกันไม่ได้จริงๆ มีทางออก 2 อย่าง 1. ขายคืนแหล่งที่ซื้อมาในราคาที่ขาดทุน 2. ฝากขายให้กับลูกค้า โดยให้เค้าจ่ายเงินเมื่อขายสินค้าได้ จากคุณ : Elvis เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 14:47:07

ความคิดเห็นที่ 10 อีกอย่าง เรื่องเซ็นสัญญา ถามหน่อยว่า ถ้าตอนนั้นคุณเซ็นสัญญาเอาไว้ วันนี้คุณจะกล้าที่จะฟ้องลูกค้าไหมกับเงิน แสนกว่าบาท คุณอาจจะชนะ ได้เงินแสนกว่าบาทกลับมา แต่คุณต้องเสียลูกค้ารายนี้ไปแน่นอน คิดจะเป็นเทรดเดอร์ต้องทำใจครับ บางทีต้องยอมขาดทุนตัวนึงเพื่อไปกำไรอีกหลายๆตัว จากคุณ : Elvis เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:11:13

ความคิดเห็นที่ 11 ....กลับมาแล้วขอรับ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นและทุกกำลังใจครับ เรียนคุณ Elvis ลูกค้าเป็นผู้ใช้สินค้าโดยตรงครับ ฝากขายจะไม่เหมาะ เราและเรากำลังเจรจาขอคืนสินค้าครับ ขอบคุณมากๆครับ และขอบคุณสำหรับคำชี้แนะครับ เห็นด้วยครับ คิดจะเป็นเทรดเดอร์ต้องทำใจกับเรื่องนี้....แต่ยังทำใจไม่ได้สักที[T_T] มาเล่าสู่กันฟังต่อครับ..... >>>การเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร<<< เริ่มการเจรจาจาก การยืนยันการสั่งซื้อตามที่เราได้ตกลงกันวันศุกร์ เราค้นดูเอกสารที่ลูกค้านำมาคุยกับเรา ตามเอกสารปรากฏตรงตามจำนวนที่เราตกลงกัน แต่ลูกค้าแบ่งรับแบ่งสู้ว่าสั่งตามจำนวนที่เราส่งจริง แต่จากตาหลายคู่ และคนหลายคนที่อยู่ในการตกลงเรามั่นใจว่าเขาสั่งสินค้าตามจำนวนนั้น (เราจึงขอตัดประเด็นเรื่องการสื่อสารที่ผิดพลาดของเราออกไปก่อน) เราคาดว่า สาเหตุที่ลูกค้าไม่รับสินค้า อาจเพราะสินค้านั้นเกินกว่าที่ผู้ใช้ต้องการใช้งาน ผู้ใช้งานต้องการใช้งานเพียง หนึ่งในสี่ของที่สั่งมา อาจจะเกิดความผิดพลาดจากการสื่อสาร ของผู้ใช้สินค้า กับ ผู้สั่งซื้อสินค้า จากที่ได้เจรจา ลูกค้าขอปรึกษากับผู้จัดการใหญ่ก่อนว่าสามารถรับสินค้าไว้ได้หรือไม่? ถ้ารับไม่ได้ทั้งหมด ผมขอให้รับไว้บางส่วนได้หรือไม่? จะได้คำตอบพรุ่งนี้เช้า ซึ่งผมนัดเข้าไปพบลูกค้าท่านนี้อีกครั้งหนึ่ง เราโทรติดต่อไปหาจัดซื้อชาวไทยที่มาด้วยวันนั้น ให้เขาช่วยพูดให้เราอีกแรง วิจารณ์ตามสถานการณ์ มีความเป็นไปได้ที่ลูกค้าจะไม่รับสินค้าส่วนที่เหลือสูงมาก ในขณะเดียวกัน เราร้องขอ ผู้ขายสินค้าให้เรา รับสินค้าคืน แต่เนื่องจากสินค้านี้เป็นสินค้าที่มีความเฉพาะตัวสูง เราจึงไม่เล็งผลเลิศ เท่าใดนัก ผมคงต้องวางแผนเพื่อเตรียมผลจาก “ความผิดพลาด” ประมาทของผมในครั้งนี้.... จากเหตุการณ์นี้ เราต้องพึงระลึกให้หนักกว่าเดิมว่า ลูกค้าซื้อขายกันมานานหรือดีเท่าไร ก็มีโอกาสผิดพลาดได้ ทุกอย่างต้องเป็นเอกสาร และมีลายเซ็น พร้อมระบุ “ซื้อแล้วไม่รับเปลี่ยนคืน” จังหวะนี้ ขอเอามือทาบหัวใจ บอกกับตัวเองว่าดังๆ เฮ้ย ยังไหว โปรดติดตาม ตอนต่อไป... แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 16:33:15 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 16:31:44 จากคุณ : มาม่ากับปลากระป๋อง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:28:02

ความคิดเห็นที่ 12 โชคดีนะครับ การระบุรายการใน PO หรือใบสั่งซื้อเป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นในการสั่งสินค้า อย่างน้อยเป็น e-mail ก็ยังดี สำหรับลูกค้ารายนี้ คงต้องระวังเรื่องการสั่งซื้อ โดยปกติสถานการณ์นี้ สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องเครดิตการชำระเงินของลูกค้าครับ อาการสั่งของแล้วปฏิเสธนี่ ถ้าเกิดอีกระวังเรื่องการเงินไว้หน่อยนะครับ แม้ว่าเป็นลูกค้าที่ใช้มานาน จากคุณ : Sea Monster เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:51:33

ความคิดเห็นที่ 13 สู้ๆเจอปัญหาคล้ายๆกัน แต่ของผม ขายต่อใครไม่ได้เลย งานสั่งทำเฉพาะ จากคุณ : backsubport เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:54:14

ความคิดเห็นที่ 14 ผมขอถามต่อเพื่อเป็นความรู้หน่อยนะครับ แล้วถ้าใบสั่งซื้อหรือหลักฐานการสั่งซื้อ เช่น อีเมล์ มีข้อมูลครบถ้วย มีรายละเอียด จำนวน ราคา ลายเซ็นต์ แล้วถ้าลูกค้า ก็ยังปฏิเสธไม่รับสินค้า หรือหนีไปเลย ทางกฎหมาย เอาผิดลูกค้าได้ไหมครับ คือแค่สงสัยว่าใบสั่งซื้อมันมีผลทางกฎหมายไหม ว่าเป็นสัญญาประเภทหนึ่ง สำหรับในกระทู้ แสดงว่าลูกค้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงิน เพราะประวัติดีมาตลอด แต่ครั้งนี้ ลูกค้าพลาดเอง เป็นปัญหาภายในของเขาที่เขาสั่งซื้อผิด ถ้าจะยอมรับสินค้าทั้งหมดเจ้านายระดับสูงกว่าคนจัดซื้อก็คงไม่ให้ ผลคือต้องเบี้ยวคุณนั่นเอง ในอนาคต เป็นไปได้ไหมครับ ที่จะต้องมีเงินมัดจำ ผมว่าลูกค้าส่วนใหญ่รับได้กับเงินมัดจำนะครับ จากคุณ : ++HotDog++ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:26:43

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ คุณSea Monster ต่อไป ลูกค้ารายนี้ ต้องระวังมากเป็นพิเศษเชียวครับ มาเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติมครับ..... ผมได้ข้อมูลใหม่ ซึ่งบ่งชี้ว่าสถานการณ์ออกไปในแนวทาง “ลบ” ทีมส่งของทีมนั้นกลับมาถึงออฟฟิต ผมสอบถามว่าเหตุการณ์การส่งของแล้วลูกค้าไม่รับเป็นอย่างไร จากคำบอกเล่าของทีมส่งของ -ทีมส่งของเข้าไปส่งสินค้าตามปกติ -ยกสินค้ารายการอื่นๆลงใส่โกดังตามปกติ รายการที่มีปัญหาเอาลงได้ส่วนหนึ่ง -ผู้ใช้งาน(ชาวต่างชาติ)ซึ่งกำลังรอสินค้าตัวนี้อยู่ เดินมาดู “บอกว่าเอาไม่หมด เอาแค่ส่วนเดียว” -ทีมส่งของ โทรแจ้งกลับออฟฟิต ว่าลูกค้าไม่รับสินค้า -เราโทรเข้าไปที่จัดซื้อท่านนั้นให้ดูงานตัวนี้ให้เราหน่อย -จัดซื้อเดินทางไปถึงหน้างาน มาถึงก็เหมือนจะรับสินค้า -แต่จากการคุยกันด้วยภาษาต่างประเทศระหว่างผู้ซื้อและผู้ใช้งาน และผู้ใช้ได้ความว่า ใช้สินค้าเพียงส่วนเดียว และผมเข้าไปได้เข้าไปพบตอนบ่าย.... ต้องรอลุ้นการเจรจาพรุ่งนี้อีกรอบครับ โปรดติดตาม ตอนต่อไป... จากคุณ : จขกท (มาม่ากับปลากระป๋อง) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 17:27:11

ความคิดเห็นที่ 16 เคยมีกรณีจัดซื้อสั่งผิด หรือคุยแบบไม่มีรูปหรือสเปคให้ พอเอาของไปส่งบอกว่าผิด แต่เป็นลูกค้ากันมานาน ลูกค้ารายใหญ่ เราก็ต้องเก็บของไว้เอง อีกปีนึงต่อมาถึงขายได้ในราคาขาดทุนนิดหน่อย มีหลายครั้งที่จัดซื้อสั่งผิด แต่เราก็ช่วยเอาของกลับมา เป็นการช่วยปิดความผิดเขาน่ะค่ะ แล้วพอสั่งของใหม่ก็บวกกำไรมากขึ้นให้คุ้มกับที่ผิดมาคราวก่อน ก็ได้ใจกันไป จากคุณ : luvreise เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 18:03:37

ความคิดเห็นที่ 17 ง่ายๆ แค่ไม่ชัดเจน จากคุณ : เสือย้อมแมว เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:39:11

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเข้าใจเลยครับ..เพราะเคยเจอเหมือนกัน..ตอนทำธุรกิจส่วนตัว... ที่เคยๆเจอนะครับ...ลอง... 1. (ในอนาคต) ถ้าไหวก็ขอ"มัดจำ" เขาครับ.. (แต่ไม่มีประโยชน์เน๊อะ..เพราะเขารับสินค้า เพียงแต่รับไม่หมด..) 2. เก็บไว้ขายเขาอีกในภายภาคหน้า แต่มันก็เสี่ยงมากๆ ถ้าไม่งั้นก็ต้องขายขาดทุน ดันออกไปครับ.. 3. ติดต่อผู้ขายก่อนหน้าเรา..ถามว่าคืนได้ไหม? จ่ายส่วนต่าง(ยอมขาดทุน)ให้เขาไปด้วยครับ.. จากคุณ : ปัญญา (แก้ปัญหาด้วยปัญญา) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:45:55

ความคิดเห็นที่ 19 เคยเจอปัญหานี้ค่ะ แต่เราเป็นฝ่ายสั่งสินค้า แล้วสื่อสารกันผิด ทางsupplierส่งมาให้เกินจำนวนที่สั่งไปถึง 4 เท่า แต่เราไม่สามารถรับสินค้าได้ทั้งหมด เพราะทำให้ stock มีปัญหา จึงขอรับแค่จำนวนที่สั่งไปเท่านั้น ก็ขอโทษกับทางsupplier ไป ทางคู่ค้าเค้าก็เข้าใจ โชคดีที่สามารถคุยกันได้ พอหลังจากนั้นต้องมีการ fax confirm กลับมาทุกครั้งหลังการสั่งซื้อสินค้า เพื่อความถูกต้อง ยืนยันจำนวน และนัดหมายวันเวลาส่งของ ป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดได้ จากคุณ : kaws เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:50:32

ความคิดเห็นที่ 20 ผมขอถามแบบชาวบ้าน ไม่รู้เรื่องซื้อขายนะครับ คือเห็นตัวเลขแล้วตกใจว่า ซื้อขายกันเป็นแสนๆ แบบนี้ ทำไมถึงไม่มีเอกสาร หรือใบวางบิลที่มีรายเซ็นลูกค้า คือค่อนข้างแปลกใจมากๆ เพราะถึงแม้จะซื้อขายกันมานาน แต่ตัวเลขขนาดนี้ ไม่น่าจะพลาดเรื่องเอกสารอะครับ คือไม่ได้มาซํ้าเติมนะครับ แต่สงสัยจริงๆ ว่าปกติขั้นตอนเป็นอย่างไร มันน่าจะมีขั้นตอนตามมาตราฐานอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ ขนาดผมไปล้างรถ ยังมีใบรับรถ ที่ระบุว่าเราล้างอะไรบ้าง ดูดฝุ่นไหม เคลือบรถไหม รวมราคาแล้วเท่าไหร่ จากคุณ : Livito เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:10:15

ความคิดเห็นที่ 21 เอาใจช่วยนะคะ จำนวนเงินน่ากลุ้มใจจริงๆด้วย ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : little_kungfu เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 21:02:16

ความคิดเห็นที่ 22 ขอให้ทุกอย่างราบรื่นค่ะ จากคุณ : แมวขี้อาย เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 22:10:01

ความคิดเห็นที่ 23 จขกท. ผมว่าคุณไปจัดการธุระให้เรียบร้อยเบ็ดเสร็จก่อน แล้วกลับมาเล่าทีเดียวก็ได้ครับ ยังไงพวกผมรออ่านอยู่แว้ว จากคุณ : Darth Aiglatson เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 00:30:26

ความคิดเห็นที่ 24 เดี๋ยวนั้ค้าขายร้อยสองร้อย ยังต้องมีหลักฐานเอาไว้อ้างอิงครับ (ลายลักษณ์อักษร) ขอให้แฮปปี้เอนดิ้งนะครับ ^^ จากคุณ : เชิ้ตดำ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 01:27:43

ความคิดเห็นที่ 25 คราวหน้า ออกใบ PO ให้เขา่เซ็นด้วยครับ จะได้มีหลักฐาน ถ้าเขาไม่รับสินค้า เราก็เอาหลักฐานของเราไปฟ้องร้องได้ เงินๆทองๆมันไม่เข้าใครออกใคร รอบคอบไว้ก่อนเป็นดีครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 07:55:50 จากคุณ : คิดถึงแล้วรักป่ะ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 07:55:19

ความคิดเห็นที่ 26 ขอให้โชคดีนะครับ จากคุณ : ผ้าม่านสีแดง (ผ้าม่านสีแดง) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 08:58:57

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่มี P/O ไม่มีของ ไม่มีงาน เพื่อนผมและตัวผมถือคตินี้ครับ แม้กระทั้งกับเพื่อนสนิทแค่ไหนก้อต้องทำแบบนี้ บังเอิญเพื่อนผมเป็นผู้รับเหมาติดตั้งเครื่องจักร และระบบไฟฟ้าโรงงาน เค้าเคยโดนแล้วเล่าสู่กันฟังคือ เค้าดิวงานกับบริษัทใหญ่เกี่ยวกับธุรกิจอาหารสัตว์แห่งหนึ่ง ทำการธุรกิจร่วมกันมานานแล้ว ไม่เคยมีปัญหาอะไร ส่วนใหญ่ก็โทรศัพท์สั่งงานกันเพื่อความเร่งด่วน ในการซ่อมบำรุง หรือติดตั้งกันในแต่และโปรเจ็คก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร เพื่อนทางฝ่ายโรงงานนั้นเค้าก็มีอำนาจในตัดสินใจอยู่พอสมควร แต่...มีครั้งเดียว ครั้งเดียวจริงๆคือ สั่งติดตั้งด่วน ตามแบบที่วางไว้ปกติ ทางเพื่อนที่เป็นผู้รับเหมาก้อสั่งของ สั่งเครื่องจักรมาเรียบร้อยแล้ว แต่ผ่านไปเพียงแค่ไม่ถึงสัปดาห์เกิดมีการยกเลิกโปรเจ็ค เท่านั้นแหละครับ ถ้าผู้รับเหมาไม่มีเงินหมุนเวียนสูงๆจริง ก็อาจจะจบได้ง่ายๆ เพราะของพวกนี้ราคาค่อนข้างสูง ก็จะกลายเป็น dead stock ได้ เพราะบางอย่างมันเป็น สเปกเฉพาะทาง เงินจมกันไปเกือบๆล้าน เพราะฉะนั้นจึงถือว่าเป็นบทเรียนสำหรับตัวเพื่อนผม แล้วเค้าก้อมาเล่าสู่กันฟัง แบบบทเรียนสำคัญในธุรกิจ ต้องมี P/O แล้วจะสำเร็จตามที่ตกลง จากคุณ : peezaar เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 10:41:35

ความคิดเห็นที่ 28 ฟังแล้วหนาวเลยครับ - - จากคุณ : matheus เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 11:21:03

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณทุกกำลังใจและขอน้อมรับทุกคำตอกย้ำที่ทิ่มแทงใจครับ ผมขอตอบคำถามที่หลายๆท่านถามมาครับ 1. เรื่องเอกสาร แยกออกเป็นสองกรณี -ลูกค้าประจำ อย่างที่คุณElvis (คห. 9 คห.10) ตอบไว้ เรื่องลูกค้าไม่รับสินค้า ถึงมีเอกสาร ใบสั่งซื้อ ตัวจริงลายเซ็นครับทุกประการ การคืนสินค้าก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เรื่องนี้ต่างกรรมต่างวาระครับ ปกติ ถ้าลูกค้าเห็นใจเราก็จะช่วยกันแบบ คุณ luvreise (คห.16) ถ้ามีเอกสารใบสั่งซื้อ(ใบสั่งซื้อ คือ บอกว่า เราจะซื้อสินค้า...กับคุณ) เราฟ้องร้องได้ครับ ฟ้องให้ลูกค้าซื้อสินค้าตามที่ตกลง เราได้ปล่อยของจำนวนนั้นออกไป แต่เราเสียลูกค้ารายนี้ไปแน่นอน ทางออกที่ดีในกรณีนี้น่าจะเป็นการช่วยเหลือกันมากกว่าการแตกหัก แต่ถ้าเป็นกรณี ลูกค้าเอาสินค้าไป แล้วเงินไม่จ่ายหรือตั้งท่าจะเบี้ยว อันนี้เราต้องฟ้องร้องแน่นอน(ลักษณะนี้ปี 2551-52 เราก็ฟ้องร้องไปหลายราย) -ลูกค้าขาจร ผมเก็บมัดจำเมื่อสั่งสินค้า 30% เสมอ ถ้ามารับของจ่ายที่เหลือ 70% ถ้าไม่มารับของผมยึดเงิน 30% และเก็บสินค้าไว้ขาย (ขายได้ไม่ได้ว่ากันอีกที) จากคำถามของคุณLivito (คห.20) เราจะส่งสินค้าก่อนได้รับเอกสาร เกิดจาก เหตุผลหลัก สองประการ 1. ลูกค้าประจำ (เครดิตดี) ซื้อขายของกันเป็นปกติ ไม่ติดปัญหาในอดีต 2. ทำเพื่อความได้เปรียบทางการค้า สินค้าด่วน เราจำเป็นต้อง “เร็ว” กว่าคู่แข่ง แต่การทำให้มันเร็ว มันจะข้ามขั้นตอนบางอย่างไป(จนเกิดความผิดพลาดในกรณีนี้) ขั้นตอนที่ข้าม ไปคือ ขั้นตอนการ ใบอนุมัติสั่งซื้อ ตามขั้นตอน ซึ่งจะมีลายเซ็นกำกับของผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีอำนาจลงนาม ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาหลายวัน(แล้วแต่บริษัท) ปัญหานี้ เป็นเช่นเดียวกับที่เพื่อน คุณeezaar (คห.27) ประสบมาและได้วางแนวทางการป้องกันไว้ จากคุณ : จขกท (มาม่ากับปลากระป๋อง) เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 17:43:04

ความคิดเห็นที่ 30 ตอนนี้ เรื่องราวอยู่ในช่วงสุญญากาศ ทุกอย่างมีแต่ความเงียบสงบปราศจากสัญญาณใดๆ ความเงียบจากลูกค้า จากการเจรจารอบสอง ลูกค้าแจ้งว่าเจ้านายกำลังพิจารณา ความเงียบจาก Supplier เราร้องขอ Supplier เพื่อขอคืนสินค้า Supplier แจ้งว่าขอพิจารณาก่อน เรื่องราวอาจจะยังไม่ถึงที่สุด และคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกหลายวัน ผมขอสรุปเรื่องราว ความน่าจะเป็นที่แย่ที่สุด คือ เราจำต้องเก็บสินค้าไว้ ให้เข้าข่ายสุภาษิตไทยบทที่ว่า... >>>> เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ <<<< และพุทธสุภาษิตบทที่ว่า... >>>> ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน <<<< ผมค้นประวัติการขายสินค้าชนิดนี้ของบริษัทย้อนหลัง เรามีจำหน่ายสินค้าตัวนี้อยู่บ้างแต่ในปริมาณมากเท่านี้ถ้าเราปล่อยเองคงใช้เวลานานสองปีเป็นอย่างน้อย ผมติดต่อไปยังร้านเครือข่ายที่จะสามารถช่วยปล่อยของได้ จากเครือข่ายที่เรามี คาดว่าสินค้าชุดนี้น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีน่าจะขายออก (กำไรแทบจะไม่ต้องพูดถึง) ในสถานการณ์นี้ ในท้ายที่สุดและทางสุดท้าย เราอาจจะจำยอมเก็บสินค้าไว้ โดยที่คาดว่าจะระบายสินค้าได้(แต่ช้า) จากความผิดพลาดครั้งนี้ สินค้าตัวจะกลายเป็นสินค้าตาย(Death stock) เงิน 150,000 บาทจมหายลงไปทันที และเนื่องจาก กระบวน การซื้อก็ดีขายก็ดี ทุกอย่างเป็นระบบเครดิต ดังนั้น เดือนหน้า เงินจะหายไปจากระบบ 150,000 บาท ผมต้องวางแผน สำรองดึงเงินจารากวิธีอื่นเพื่อมากลบตัวเงินที่ขาดไปนี้ เพราะถ้าไม่เตรียมให้พร้อม อาการเงิน “ขาดสภาพคล่อง” ถามหาแน่ ความผิดพลาดเหล่านี้เราคงจะไม่อยากให้เกิด แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว “เราต้องเรียนรู้จากมัน” ผมพึงระลึกเสมอว่า ทุกปัญหาและอุปสรรค คือ บทเรียน ถ้าเรารู้จักที่จะเรียนรู้ปรับปรุงบทเรียนจากปัญหาเหล่านั้น แล้วทุกปัญหาและอุปสรรค จะกลายเป็นครู ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเดิมๆ ซ้ำอีก ปัญหาและอุปสรรคมีไว้แก้ไขและพุ่งชนก็จริง แต่ผมคงไม่อยากพุ่งชนกับปัญหาเดิมๆ และ ซ้ำๆ ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ขอบคุณสำหรับทุกคำติ ขอบคุณสำหรับทุกคำชี้แนะ และ ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม ครับ..... โดยมากผมจะเขียนเรื่องราวในทางบวกหรือทางสร้างสรรค์มากกว่า แต่เรื่องราวจากความผิดพลาดครั้งนี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่านได้เช่นกัน ขอให้ความร่ำรวยและความสุขสวัสดิ์จงมาสถิตแด่ท่าน … [T_T] … จากคุณ : มาม่ากับปลากระป๋อง เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 18:33:53

ความคิดเห็นที่ 31 ให้กำลังใจนะคะ สู้ๆ ค่ะ จากคุณ : someonesaysomething เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 19:13:38

ความคิดเห็นที่ 32 ปกติ การสั่งซื้อควรมี P/O ค่ะ ถ้าไม่มีหากเขาไม่รับสินค้าก็ต้องดีลต่อรองกับเขาก่อนค่ะ เราทำงานจัดซื้อน่ะ การสั่งซื้อทุกอย่างต้องชัดเจนค่ะ และ supplier เองก็ไม่เคยรับออเดอร์จากทางโทรศัพท์ หรือจากการพูดคุยค่ะ ต้องทำใบPO ให้ชัดเจน ทั้งนี้ เราว่าแบบนี้ใชได้ทั้งองค์กรใหญ่เล็กนะคะ ที่บริษัท ขนาดซื้อกระดาษ หรือหมึกปริ้น ราคาไม่กี่ร้อย ยังต้องมีPOเลยค่ะ จขกท สู้ๆค่ะ จากคุณ : ปลาเส้นสดใส เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 19:53:29

ความคิดเห็นที่ 33 ค้าขายเป็นแสนไม่มี PO เป็นของตามตลาดนัดว่าไปอย่าง เห็นมีทั้งจัดซื้อไทยเทศ ก็นึกว่าบริษัท ไม่มี PO แล้วจะเปิดบิลวางบิลเก็บเข้คยังไงครับเนี่ย ลงบัญชี ภาษีอีก ผมล่ะ งง จากคุณ : crazy_joey เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 21:07:00

ความคิดเห็นที่ 34 เอากำไร ที่เคย ได้มา ชดเชย ก็ได้ แล้วเฉลี่ยต้นทุน กับ stock ตัวอื่น วางแผน กำไร จาก supplier เจ้านั้น จากคุณ : Fast Cash (Human Adaptive) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 02:30:06

ความคิดเห็นที่ 35 เคยโดนเคสนี้เหมือนกัน แต่ผมเจรจาสำเร็จโดย... เนื่องจากเป็นลูกค้าเก่า ยอดสั่งซื้อมานานเช่นกัน ผมเลยเห็นช่องเรื่องเครดิต ไว้ใจได้ระดับหนึ่ง ผมให้เขารับสินค้าไปทั้งหมด แต่จะทยอยส่งของพร้อมเปิดบิลเป็นงวดๆไป เคสผมใช้ 4งวด เกือบ 8เดือน จึงส่งครบ รวมเวลา ให้เครดิต จำไม่ผิดเกือบ 8เดือนได้ ในงวดท้ายๆของออเดอร์ จากคุณ : A.R.T. เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 07:19:09

ความคิดเห็นที่ 36 ถึงคุณ crazy_joey (คห. 30) ร้านผมจดทะเบียนเป็น "บริษัท" ครับ ลูกค้าก็จดทะเบียนเป็น  "บริษัท" เช่นเดียวกัน มีระบบ ออก PO ครับ มีวางบิลรับเช็คปกติครับ ส่วนความไม่ปกติ จนเกิดความผิดพลาดอยู่ในกระทู้เลยครับ จากคุณ : จขกท (มาม่ากับปลากระป๋อง) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 09:18:55

ความคิดเห็นที่ 37 งั้นทำตาม คห 35 เลยครับ เปิด PO ตามเอาให้ครบยอดไป ปกติลูกค้าเจ้านี้มีเปิดพีโอไหมครับ หรือซื้อขายปากเปล่ากันมาตลอด แล้วสินค้าที่ว่านี่อะไรครับ ขายเจ้าอื่นได้ไหม สต๊อคได้ไหม คืนได้ไหม ถ้าสุดๆจริงๆ ขายครึ่งราคาไปครับ จากคุณ : crazy_joey เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 11:19:21

ความคิดเห็นที่ 38 ประสบการณื คือ ครูที่ใจร้าย สุดยอดครับ ขอบคุณมากครับ สำหรับการแชร์ ปสก จากคุณ : mix_more เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:00:07

ความคิดเห็นที่ 39 - - ปกติซื้อขายต้องมีการเปิด PO อยู่แล้วครับ -*-' และ PO ที่จะคุยกันใหม่ เรียบร้อยแล้วนั้น ก็ต้องระบุรายละเอียดการส่งมอบให้ดีด้วยครับ ว่าจะส่งกี่งวด ช่วงเดือนไหน ส่งของพร้อมวางบิล ส่วนขายเจ้าอื่นได้ไหม >> ขายไม่ได้ครับ มันเป็นสินค้าเฉพาะทางที่มีแต่ลูกค้านี้ในเมืองไทยใช้อยู่คนเดียว สตอคได้ไหม >>>เคสนี้ ผมต้องสตอคเพื่อจำหน่ายเจ้านี้ครับ (หากไว้ใจ ก็ให้เขาไปสตอคก็ได้ครับ แต่วางบิลเก็บเงินตามงวดไป เช่นส่งเดือนนี้ทั้งหมด แต่ทยอยวางบิล 3-4 งวด ก็ว่ากันไป) คืนได้ไหม >>>คืนเมื่อสินค้าเสียเท่านั้นครับ ถ้าจะคืนเพราะเกิน  สุดๆจริงๆผมจะเปลี่ยนสินค้าอื่นให้แทน แต่อย่างที่หลายคนบอก ซื้อขายสินค้ายังไง ก็ควรมี PO ครับ ปล. ในกรณีลูกค้าไม่ยอมเปิด PO เบื้องต้น ก็ทำใบเสนอราคา พร้อมระบุเงื่อนไขให้เรียบร้อย และให้เขาเซ็นรับทราบ ก็ได้ครับ....แต่ได้แค่เบื้องต้นนะครับ จากคุณ : A.R.T. เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:04:47

ความคิดเห็นที่ 40 คอมเมนท์ก่อน อ่านยังไม่จบ ตื่นเต้นแทน จากคุณ : เด็กชายโมก เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 16:32:49

ความคิดเห็นที่ 41 เข้าใจเลยค่ะ ว่าพอเป็นลูกค้าเก่าแก่ บางทีเราก็ "หยวน ๆ " กันไป ของเราลูกค้าที่เก่าแก่บางคน จะโมโหมากถ้าเราขอ PO ไป แบบว่าก็ชั้นสั่งเองนี่ ทำมาเลย เคยทำไปแล้วเถียงกันตั้งนาน เพราะของไม่ใช่อย่างที่แกอยากได้ เราว่าลูกน้องแกเป็นคนสั่งแบบนี้เอง ไอ้ลูกน้องก็ไม่ยอมรับ เพราะไม่อยากโดนหักเงิน เราก็ต้องตัดปัญหา รับกลับมา เอามาขายเป็น stock ก็ได พร้อมกับบอกว่า ต่อไปต้อง PO เท่านั้น เชื่อป่ะ ทุกวันนี้ก็โทรมาสั่งเหมือนเดิม ให้ออก PO ก็ไม่ทำ ไม่มี PO เราไม่ทำให้ก็โทรมาต่อว่า เดี๋ยวสักวัน ก็ต้องเข้าอีหรอบเดิมน่ะแหละ ส่วนลูกค้ารุ่นใหม่ ๆ ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร จากคุณ : saturn_eyes เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 16:39:50

ความคิดเห็นที่ 42 สินค้าสั่งมาขาย   ชนิดที่ขายต่อได้ยาก ดิฉันจะขอค่ามัดจำเสมอคะ จากคุณ : verybright เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 18:29:04

ความคิดเห็นที่ 43 ติดต่อขอคืน เป็นยังไงบ้างล่ะ คงต้องยอมเสียบ้างล่ะ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 00:40:43

ความคิดเห็นที่ 44 ขอแสดงความเห็นบ้างครับ จริงๆสัญญาหรือข้อตกลงในทางกฎหมายไม่จำเป็นต้องเป็นเอกสารนะครับ การตกลงทางวาจาก็ถือว่ามีผลผูกพันเช่นกัน (แต่ที่มักมีปัญหา คือ กรณีที่เกิดปัญหาภายหลังนี่แหละที่คนมักไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองที่พูดไป รวมทั้งในเรื่องของพยานยืนยันในเรื่องการตกลงทางวาจา ก็มักจะเป็นคนที่มีส่วนได้เสียซึ่งเป็นคนที่ศาลไม่ค่อยรับฟังซะด้วย ถึงเป็นที่มาว่าเรามักจะเคยชินกับการทำเป็นเอกสารมากกว่า) ในกรณีนี้ ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว การที่เค้า order คุณทางวาจา แล้วคุณตอบตกลงเค้าทางวาจา ในทางกฎหมายถือว่าทั้งสองฝ่ายได้ทำสัญญากันแล้วนะครับ ภาระที่ต่างฝ่ายต่างต้องรับผิดชอบก็ถือว่าเกิดขึ้นแล้ว เรื่องนี้ถ้าต้องถึงขั้นฟ้องร้องกัน ผมมีคำแนะนำที่ (อาจ) ช่วยให้น้ำหนักของหลักฐานฝั่งคุณดีขึ้น แต่ต้องถามก่อนว่าคุณอยากจบแบบที่คุณว่ามา (รับสภาพ) แล้วรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าไว้ได้อยู่? หรืออยากหักกับเค้า? วิธีของผมมันออกแนวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยต้องขออนุญาตถามก่อนครับ จากคุณ : ตัวละห้าสามตัวสิบ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 11:13:29

ความคิดเห็นที่ 45 ถึงคุณตัวละห้าสามตัวสิบ ในกรณีนี้ผมคงต้องรับสภาพแล้วรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าไว้ครับ แต่ผมอยากได้คำชี้แนะเช่นกันว่า ถ้าฟ้องร้องกันแบบแตกหัก เรื่อง ผิดวาจาลักษณะนี้ควรทำเช่นไร เพราะเพื่อนำความรู้ไว้ปกป้องตนเองในภายภาคหน้าครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 55 11:55:35 จากคุณ : จขกท (มาม่ากับปลากระป๋อง) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 11:27:48

ความคิดเห็นที่ 46 เรื่องราวมีบทสรุปแล้วครับ จาก Supplier ไม่รับคืนสินค้า แต่จะ ช่วยขายให้(ฝากขาย) จากลูกค้า เจ้านายใหญ่ไม่รับสินค้า วันนี้ PO เปิดมาแล้ว แต่ไม่มียอด 150,000 บาทที่โดยปฎิเสธ และจากการที่ผมเจรจาเพิ่มเติมกับลูกค้า ลูกค้าจะสั่งขอซื้อสินค้าอีกตัวหนึ่งแทนที่ยอดขายใกล้เคียง ผมจำต้องเก็บของไว้ และก็ซื้อขายกันต่อไป(แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น) ถึงแม้ ผลสรุปสุดท้ายออกมาไม่สวยเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงขึ้นที่เราคิดว่าเลวร้ายที่สุด....... ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามครับ ...[^,^]... ปล. เพิ่มเติม ผมกองสินค้าชุดนั้นไว้หน้าร้าน ยังไม่ได้เก็บเข้าโกดัง เพราะคิดว่ารอเรื่องราวถึงที่สุดก่อนค่อยย้ายเพราะมันเยอะและก็หนักเอาการ วันนี้มีลูกค้ารายหนึ่ง(ลูกค้ารายนี้โดยมากจะมาซื้อเงินสดหน้าร้าน) เดินเข้ามาเลือกซื้อสินค้าเห็นกองสินค้าวางอยู่ หันมาบอกกับผมว่า ลูกค้า  : “มีเก็บด้วยเหรอเนี่ย? ตัวนี้ผมมีใช้ของเรื่อยๆนะ” ผม     : “ยกไปเลยมั้ยครับ? เดี๋ยวผมให้ราคาพิเศษ” ลูกค้า  : “เปิดเครดิตให้ผมสิ เดี๋ยวผมจะได้มาเอา....” ผม     :  ได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ ใจมันก็อยากขายเป็นธรรมดาล่ะครับ แต่เครดิตนี่สิก็คงต้องพิจารณากันอีกยาว..... แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 55 11:54:52 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 55 11:52:12 จากคุณ : จขกท. (มาม่ากับปลากระป๋อง) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 11:51:05

ความคิดเห็นที่ 47 มี ทางเลือกสำหรับ เครดิตครับ 1. ตี post date cheq มา = เสี่ยงหน่อยเพราะเค้า cancel cheq ก่อนวันที่ลงได้ แต่ไม่ยุ่งยาก 2 ให้เค้าเปิด domestic LC =ไม่เสี่ยงแต่ยุ่ง 3  แค่ แสนห้า ให้เค้าจ่ายเป็นบัตรเครดิต ได้ เครดิต 45 วันอยู่แล้ว เรามีส่วนลดให้ + ไม่ต้อง คิดค่าธรรมเนียมเค้า 4  จ่าย down payment บางส่วน เสี่ยงพอสมควร ลองดูครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 55 12:49:58 จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 12:49:15

ความคิดเห็นที่ 48 ส่งไปแล้วครับ ลองอ่านดูครับ จากคุณ : ตัวละห้าสามตัวสิบ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 12:57:40

ความคิดเห็นที่ 49 เอาใจช่วยนะคะ ขอให้ขายได้ถึงแม้จะต้องใ้ช้เวลามากก็ตามดีกว่าทิ้งไว้คาสต๊อค จากคุณ : อยากเป็นแม่ที่ดี เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 16:13:55

ความคิดเห็นที่ 50 เคยเจอเหมือนกัน คนไทยด้วย ให้กิ๊ฟแทนกำลังใจครับ ^.^ จากคุณ : โลลิร่าเริง เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 20:12:59

ความคิดเห็นที่ 51 46 ผมว่าจบสวยแล้วหละ ได้แค่นี้ก็ดีแล้ว จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 11:21:01

ความคิดเห็นที่ 52 เป็นผมคง blacklist ไปแล้วหละ จากคุณ : เขียนบน iPad (เธอคือดวงจันฉันคือดวงอาทิตย์) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 15:00:23

ความคิดเห็นที่ 53 ผมว่าแค่นี้ ก็ยังดีกว่าที่คาดไว้เยอะเหมือนกัน ไม่เลวร้ายแบบถึงที่สุด พอยิ้มได้ครับ จากคุณ : lyonheartz เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 16:36:05

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นกำลังใจให้คะ ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะคะ จากคุณ : Love na Craft เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 20:14:50

ความคิดเห็นที่ 55 จะบอกว่า ไม่เคยเข้าใจใครอย่างนี้มาก่อนเลย เอาใจช่วยขอให้เค้ารับ order นะคะ ที่สำคัญ ใช้วิธีขอร้องต่อให้เราไม่ผิด และอย่าใช้อารมณ์ จากคุณ : taklomklom เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 16:54:39

ความคิดเห็นที่ 56 เป็นกำลังใจให้ค่ะ  ของเราก็โดนเหมือนกัน ใบ P/O ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยค่ะ  ส่งของถูกต้องตามใบP/O  คนรับไม่ยอมรับ ไม่เอา จะเอาอีกแบบ  เจ้าของโรงงานบอกว่าให้เอากลับไปก่อนแล้วจะสั่งใหม่ จากนั้นให้จัดซื้อแฟกซ์ยกเลิกใบP/O มา...แล้วเงียบหาย.. เซ็งจิต แต่เรายังโชคดีที่เป็นสินค้าทีมีในสต๊อกอยู่แล้ว  รับคืน กลับมาก็เก็บไว้ขายหน้าร้านได้ แต่ก็เสียความรู้สึก เซ็ง ไปหลายวันเหมือนกัน จากคุณ : aor-udomsab เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 19:57:13

ความคิดเห็นที่ 57 เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ สู้...จขกท.ได้เรียกมัดจำไว้มั้ยครับ (ถ้าบอกแล้วขออภัยด้วยครับอ่านไม่เจอเอง) ถ้าได้มัดจำแล้วผมจะไม่เครียดครับถือว่าได้กำไรแล้ว ส่วนสินค้าก็ถือไว้เป็นสต๊อคสักช่วงหนึ่ง... จากคุณ : ก้ายแต้แต้ เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 12:16:11