ความคิดเห็นที่ 1 ไม่แย่หรอก ถ้าชอบ และไปได้ดีกว่า จากคุณ : Juggru เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:14:27

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ต้องลาออกก็ได้มั้ง  ถ้าสนใจอยากรู้วิธีชงกาแฟ ก็ไปเรียนเอามีคอร์ส สอนเยอะแยะ ส่วนประสบการณ์ธุรกิจ ก็ไปหาทำลูกจ้างร้านกาแฟพาร์ทไทม์เอาก็ได้ จะถึงกับลาออกจากงานเดิม ขอบอกว่าเสียดายแทนครับ จากคุณ : OSK29560 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:20:53

ความคิดเห็นที่ 3 มันก็มีวิธีที่คุณไม่ต้องออกจากเลขานี่นา คุณก็จ้างคนออกแบบไป ทำร้านไป จ้างคน จ้างพนักงาน ถ้าคุณอยากรู้ด้วย ก็ไปเรียนวันหยุด วันหยุดก็มาคุมร้าน ถ้าไปได้ดี แล้วไม่อยากเหนื่อยมาก ออกตอนนั้นก็ไม่สาย ไม่เห็นต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง จากคุณ : risingforce เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:22:41 A:58.11.20.8 X: TicketID:316963

ความคิดเห็นที่ 4 ส่วนที่ว่าเงินเดือนต่างกันลิบลับ และหน้าตาศักดิ์ศรีต่างกัน ผมว่าไม่เสมอไปครับ จากคุณ : risingforce เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:24:03 A:58.11.20.8 X: TicketID:316963

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าไม่ได้ลำบากเรื่องเงิน+ไม่เสียดายงานเก่าไปลองดูก็ไม่เสียหายนี่คะ ไปเรียนต้องเสียตัง ไปทำงานเลยได้ทั้งตังและประสบการณ์ จากคุณ : ไอซ์ที เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:30:54

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเห็นด้วยกับการลองไปหาทำเป็นงานพาร์ทไทม์นะครับ ไม่เห็นต้องรีบลาออก แต่ถ้ามีแผนการเปิดร้านแล้ว ช่วงนี้กำลังลงทุน ออกแบบตกแต่งอยู่ ก็เลยลาออกไปเรียนงานแบบนี้คงไม่มีปัญหาอะไร ร้านเสร็จเราก็มีความพร้อมสำหรับดำเนินงานร้านเราเอง จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:31:52

ความคิดเห็นที่ 7 ชีวิต คุณๆ ต้องเป็นผู้เลือกทางเดิน และ ลิขิต มันซิครับ แต่อย่างที่หลายๆท่านแนะนำ ก็โอเคนะ ไปทำพาร์ทไทม์ ในวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ หรือหลังเลิกงานก็ได้ ลองดูก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีนึง หรืออีกแบบไปซื้อเฟรนไชส์ มาก็สะดวกดี แล้วเอา know how ระบบของคนอื่น มาปรับใช้กับของเราในอนาคต จากคุณ : เด็กโรงหนัง เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:43:14

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าได้ทำตามฝัน แล้วตัวเอง+รอบข้าง ไม่เดือนร้อน ก็ ลุย ครับ : ) ... บุญรักษาครับ : ) จากคุณ : Bother Boy ! เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:51:04

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นพนักงานชงกาแฟแล้วลูกค้าถามว่าเคยทำอาชีพไรมาก่อน กล้าบอกความจริงป่าว ถ้ากล้าสู้ความจริงก็ลุยซร้า จากคุณ : t-police เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 16:16:51 A:61.90.167.124 X: TicketID:355146

ความคิดเห็นที่ 10 หลายคนแนะนำได้ีดี แต่เราไม่แนะให้จ้างคนทำแทนเรา..(กรณีมีร้านเอง) แต่ก็ไม่อยากให้ลาออกไปขายกาแฟ ถ้าขายอย่างอื่นอาจสนับสนุน ปัจจุบันร้านกาแฟมีเยอะเกินความจำเป็นแล้ว demand < supply จากคุณ : ป้าบางแค เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 16:52:21

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าไม่มีความสุขกับงานที่ทำ มีเงินเก็บและไม่เดือดร้อนที่บ้านก็เลือกทำสิ่งที่ตนเองรักเถอะค่ะ แล้ววันนึงคุณจะรู้สึกว่าการที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบมีความสุขมากจริงๆและคุณก็จะเลิกแคร์กับคำพูดของคนอื่นไปเองค่ะ การลองไปทำงานในร้านจริงนอกจากจะได้เรียนรู้การชงกาแฟแล้วคุณยังจะได้ประสบการณ์จริงใหม่ๆในร้านกาแฟด้วยค่ะ จากคุณ : lovecat99 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 16:54:45 A:180.183.117.189 X: TicketID:361920

ความคิดเห็นที่ 12 ผมชอบ คห. 5 นะ ถ้าไปเรียนต้องเสียตังค์ แต่ถ้าไปทำได้ + ประสบการณ์ แต่มันต้องเสียงานประจำด้วยนี่ซิครับ แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเลือกได้นะครับ ถ้ามีแบบพาร์ทไทม์ ก็น่าสนใจนะครับ แต่คุณจะเหนื่อยหน่อย ส่วนเรื่องของเกียรติยศศักดิ์ ผมว่าไม่เห็นจะหน้าแปลกตรงไหนเลย ผมเองมีตำแหน่งเป็น ผจก.ฝ่าย ในบริษัทเล็กแห่งหนึ่ง เด็กๆเค้าก็ถามผมเหมือนกัน ตอนเย็นๆมาขายข้าวไข่เจียว ข้าวแกง ไม่เหนื่อยเหรอ บ้างก็ว่า ดีเนอะพี่กล้าทำขยันดี ไม่เขินอายลูกน้องเหรอ (อันนี้เค้าคุยกับแฟนผม คงไม่กล้าพูดต่อหน้า) ผมว่านะ มันเป็นอาชีพสุจริต เหนื่อยหน่อย แต่มีความสุข ไม่เห็นน่าอายด้วย ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอาย ส่วนเรื่องศักดิ์ศรี ผมว่าทุกอาชีพมีศักดิ์เหมือนกันครับ ขายของอย่างผมไม่ต้องหลบๆซ่อนๆด้วย โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบค้าขาย แต่ปกติจะขายของตามเวป และเปิดท้ายบ้าง มีคราวนี้แหละ ที่มีขายอาหารในโรงงาน แต่ที่ผมจะบอกคือ ผมจะไม่ทิ้งงานประจำที่ทำอยู่ ถ้าอาชีพเสริมยังไม่สามารถรองรับ ค่าใช้จ่ายต่างๆที่ผมมีได้ แต่ถ้าคุณ จขกท. ได้ลองทำงานที่คุณรัก คุณจะสนุกไปกับมันครับ อันนี้ผมรับรอง เงินทองอาจจะไม่ใช่ผลลัพท์อีกต่อไปก็ได้ 555+ สู้ๆนะครับ จากคุณ : peezaar เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 16:58:19

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าตอนคุณบอกออกไป คุณอาจจะสื่อสารผิด   ผมมองว่า คุณมองภาพใหญ่ไว้ว่าจะเปิดร้านกาแฟ เป็นของตัวเองใช่ไหมครับ ซึ่ง ณ ตอนนี้คุณต้องการศึกษาหาความรู้ โดยผ่านประสบการณ์จริง คือการไปทำเป็น พนง.เสริฟในร้านกาแฟ   ครั้งต่อไปหากใครถามก็บอกว่าจะออกไปเปิดร้านกาแฟ  แต่ระหว่างหาทำเล แต่งร้าน ว่าจะลองไปหาประสบการ์ตรงดูก่อน พูดแบบนี้ดูเหมือนตั้งใจไปเป็นเจ้าของ ดูมีอนาคต แต่พูดแบบแรก เหมือนอยากไปเป็นลูกจ้าง คนฟังก็คิดไปเองว่า ไม่มีอนาคตแน่นอน จากคุณ : เนจิ แห่ง โคโนหะ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 17:03:21

ความคิดเห็นที่ 14 อย่าเพิ่งออกจากงานเลยครับ ยิ่งบอกว่าไม่มีทุน ยิ่งต้องหาทุนจากงานประจำ ส่วนการเปิดร้าน ลองศึกษาพวกร้านกาแฟพวกเฟรนด์ไซน์ก่อน เค้าประเมินการลงทุนและรายได้ไว้เพื่อเป็นแนวทางนะครับ จากคุณ : Sea Monster เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 17:23:16

ความคิดเห็นที่ 15 ลองศึกษาให้ดีก่อน ลาออกจากงานประจำไปเป็นเจ้าของร้านกาแฟ  อาจจะเจ็บหนักกว่าเป็นพนักงานชงกาแฟ จากคุณ : --^ไชโย^-- เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 17:33:57

ความคิดเห็นที่ 16 ตำแหน่งงานดี เงินดี แต่ไม่มีทุน ขัดกันครับ ควรทำให้ ตำแหน่งงานดี เงินดี มีเงินเก็บทำทุนก่อน พนักงานร้านกาแฟสามารถทำpart time ชิมลางก่อนก็ได้ ได้ฝึกความอดทนอีกด้วย รับ 2 จ็อบอย่างนี้ จากคุณ : Rasia เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 19:55:46

ความคิดเห็นที่ 17 สนใจอะไรกับคำพูดคนอื่น ถ้าไปทำเพื่อเก็บประสบการ ผมว่าไปสมัครตำแหน่งผจกฝึกหัดดีกว่า ได้เรียนรู้ทั้งการทำการบริหารร้านการแก้ปัญหาต่างๆ เหมือนทำร้านเองแต่มีคนลงทุนให้ จากคุณ : kolfparin เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:18:35

ความคิดเห็นที่ 18 เราเป็นคนนึงที่ฝันอยากเปิดร้านกาแฟนะคะ แต่ถ้าเราเป็นคุณเราจะไม่ลาออกค่ะ เอาเวลาว่างไปลงคอสเรียนทำกาแฟดีกว่าค่ะ มีหลายที่เปิดสอน การทำกาแฟจากการเรียนคอสกับการทำงานที่ร้านได้ความรู้ต่างกันนะคะ ทำงานที่ร้านได้ทำจริงทำทุกวัน แต่ความรู้เชิงลึกในการทำกาแฟ ทั้งเรื่องเครื่องทำกาแฟ การเลือกเมล็ดกาแฟ หรือความหนักเบาในการทำกาแฟแต่ละประเภทคุณจะไม่ได้ตรงนี้ค่ะ เพราะว่าร้านแต่ละร้านจะมีสูตรกาแฟเป็นของตัวเอง คุณจะคุ้นและชินกับการทำกาแฟของร้านนั้นที่คุณทำงานอยู่เท่านั้นค่ะ การที่คุณคิดว่าจะมาลาออกแล้วลองเป็นลูกจ้างเพื่อตามความฝัน เงินทุนคุณไม่มีนะคะ แล้วเงินจากการเป็นเลขาได้เงินมากกว่าการเป็นลุกจ้างร้านกาแฟเยอะค่ะ เราว่าคุณทำงานเดิมแล้วเก็บเงินทุนไว้เปิดร้าน มีเวลาก็ไปเรียนคอสทำกาแฟ(บางที่เค้ามีแนะนแนวทางการเปิดร้านด้วยนะคะ) จะเป็นแนวทางที่ดีกว่ามากนะคะ เราว่าคุณไม่ต้องลาออกแล้วไปลงคอสเรียนเอาดีกว่านะคะ จากคนหนึ่งที่เคยทำงานร้านกาแฟ จากคุณ : born to be a grintzygal เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:26:09

ความคิดเห็นที่ 19 อยากชงไปเรียนดีกว่าไหม เป็นแล้วค่อยเปิดร้าน เมื่อมีเงิน แล้วจะออกก็ออกมาทำ มันแปลกที่คุณคิดจะออกมาทำในร้านเพื่อชงกาแฟเลย คิดผิดอย่างมาก เพราะว่าคุณจะหาทุนที่ไหนมาเปิดร้าน หากเป็นแค่เด็กชงกาแฟละครับ ปล. เรียนเอาก็ได้นะ มีเงินเมื่อไหร่ ค่อยออกมาเป็นเด็กชงกาแฟซักพัก เพื่อเก็บประสบการณ์ก็ไม่สาย ไม่แนะนำให้กู้ เพราะจะรู้ว่านรกมีจริง จากคุณ : ขี้เกียจเป็นอาชีพ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 22:00:31

ความคิดเห็นที่ 20 อีกอย่างเรื่องหน้าตาทางสังคมอย่าสนใจครับ อยากทำอะไรก็ทำ สนใจแค่เรื่องเงินทุนดีกว่า ความอยาก ใจรัก ชอบ แค่นั้นไม่พอในการทำความฝันให้เป็นจริง เว้นแต่หวังแค่เรื่องโชค โอกาส วิ่งเข้าหาโดยไม่ต้องสร้างอะไร จากคุณ : ขี้เกียจเป็นอาชีพ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 22:04:08

ความคิดเห็นที่ 21 ลองทำเป็นpart time ดูก่อนดีกว่าค่ะ เสียดายตำแหน่งหน้าที่การงาน เมื่อก่อนเราเคยคิดเหมือนกันชอบทานกาแฟ อยากมีร้านกาแฟ ถ้าได้อยู่ร้านแบบนี้คงมีความสุข และแล้วก็มีโอกาสได้ทำจริงๆค่ะ แต่พอทำแล้วกลับคิดถึงงานประจำ ทำงานประจำดีกว่า มีร้านกาแฟต้องคอยเฝ้าร้านตลอดไปไหนไม่ค่อยได้ รายได้ก็ไม่ได้เยอะอะไร แต่ก็ถือว่าได้ลองทำในสิ่งที่ฝันแล้ว จากคุณ : vivi & picky เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 22:19:31

ความคิดเห็นที่ 22 มาเป็นเด็กร้านกาแฟ (ซึ่งเงินเดือนน้อยมาก) แล้วคุณจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บเผื่อเปิดร้านกาแฟ ผมงงตรงนี้ครับ แทนที่จะทำงานเดิมเพื่อเก็บเงินให้ได้เยอะๆแล้วจะลาออกไปเปิดร้านไปลองเป็นลูกจ้างเค้าก่อนเผื่อทำตามฝันคงไม่มีใครว่าหรอก แต่นี้เงินก็ไม่มีแล้วยังจะออกไปทำงานที่เงินเดือนน้อยนิด แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บทำตามฝันละ จากคุณ : รูปหล่อ_พ่อคนดี เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 00:38:51

ความคิดเห็นที่ 23 ผมไม่เห็นว่ามันจะแย่ตรงไหนนะครับ คุณคิดอะไรก็ทำอย่างนั้น คนอื่น บางคน หรือทุกคนก็แค่สะท้อนความคิดของพวกเขาให้คุณฟัง ถ้าเข้าใจว่าทำไมคนอื่นจึงมองว่าถอยหลัง เข้าใจว่าคุณเองกำลัง คิดอะไรอยู่ ทุกอย่างก็ดูเป็นปกติดีนะครับ แต่อาจจะแย่นิดหน่อยถ้าคุณเริ่มเป็นทุกข์เพราะความคิดคนอื่น และคงจะแย่กว่าถ้าไม่เข้าใจความคิดตัวเองจริงๆ ว่าต้องการอะไร เหมือนหรือต่างจากคนอื่นยังไง ขอให้เรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้แบบไม่ยากเย็นเกินไปนะครับ จากคุณ : PoojeeChunn เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 02:51:26

ความคิดเห็นที่ 24 อยากทำไรก็ทำสิคะ แต่ถ้าแคร์คนขนาดนั้น ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องทำไรเลย ดีที่สุด แต่เริ่องอยากรู้ว่าเค้าทำไง เพื่อเปิดร้านให้ได้ น่าจะไปทำพาร์ทไทม์หรือขอเค้าฝึกงานดูงานไปเรื่อยๆอะค่ะ มันไม่ได้ง่ายขนาด ลงทุนไปเป็นบาริสต้า 3 - 4 ปี แล้วจะเปิดร้านได้อะค่ะคุณ   ฝึกงานในร้านกาแฟ + คีพงานประจำ + เรียนธุรกิจเสริม ด้วยดีกว่ามั๊ยคะ จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 04:47:11

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่แย่เลยคะ แนวดี คิดต่าง ไปเลย!!! ลุยยยยยยยยยยยย จากคุณ : แมวน้อย เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 08:17:24 A:202.183.252.186 X: TicketID:361286

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ตนเอง และผู้อื่น ก็ทำเถอะครับ จากคุณ : khonsarn เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 08:48:03

ความคิดเห็นที่ 27 เ่อ่อ...ไม่ใช่ว่าออกไปทำงานเสิร์ฟแล้วดีกว่าเรียนเพราะไม่เสียเงินนะคะ ลองคิดดูว่า เงินที่เอาไปลงคอร์สเรียน กับส่วนต่างของเงินเดือนพนักงานเสิร์ฟกับเลขาน่ะ มันชดเชยกันได้รึเปล่า อันนี้ในกรณีที่คุณอยากมีกิจการเป็นของตนเองนะ แล้วคุณก็ไม่มีทุนด้วย จากคุณ : เสียงกระซิบจากท่อระบายน้ำ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 09:39:45

ความคิดเห็นที่ 28 เราก็เคยมีความคิดเดียวกับคุณ จขกท เป๊ะเลย เราว่ามันไม่ได้เป็นความคิดที่แย่เลยนะ แต่เรา ก็ยังไม่ได้ทำอย่างที่คิด เพราะเพื่อนหรือคนรอบข้าง เหยียบเบรคกันตัวโก่ง จากคุณ : พันแสนรัก เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 11:17:25

ความคิดเห็นที่ 29 เราก็คิดเหมือน จขกท. แถมเป็นเลขาผู้บริหารเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงเรามีหนี้สิน ไม่สามารถทำได้ แต่ถ้า จขกท. มั่นใจก็ลองดูได้เลยค่ะ ถ้าทำแล้วไม่ work ยังไง ก็ยังหางานใหม่ได้นี่นา เพราะเรามั่นใจว่าเรามีความสามารถ สูๆค่ะ จากคุณ : jubjibja เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 11:45:03

ความคิดเห็นที่ 30 ฮ่า ฮ่า คุณเหมือนเราเลย ทั้งความคิด ทั้งอาชีพ เราก็เป็นเลขา(ญี่ปุ่น) แต่เราชอบกลิ่นของกาแฟ อยากเปิดร้านแต่ไม่มีทุน อีกอย่างไม่มีประสบการณ์ กลัวเจ๊ง เห็นร้านที่ไปกินบ่อยๆ เขาติดป้ายรับพนักงานพาร์ทไทม์(เสาร์-อาทิตย์) ร่ำอยากไปทำมาก เจอแฟนบ่นกลับเลยต้องพับโครงการไป (ที่แฟนเราบ่น เขากลัวเราเหนื่อย ทำงานทั้งสัปดาห์ แทนที่เสาร์อาทิตย์จะำพัก กลับไปหาเรื่องลำบาก เงินค่าจ้างได้วันละร้อยกว่าบาท เค้าบอกว่าคุ้มไหมนั่น เราก็เซ็งไปเลยอ่ะ) ถ้าคุณอยากทำจริงๆ เราว่าลองทำอย่างที่ด้านบนๆแนะนำดูดีกว่าค่ะ ทำเป็นพาร์ทไทม์ไปก่อน ปลอดภัยในทุกแง่ค่ะ แต่เหนื่อยหน่อยเท่านั้นเองค่ะ จากคุณ : เพราะเข้าใจ จึงเข้าใจ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 14:49:50

ความคิดเห็นที่ 31 คุณก็รู้ดีนี่ครับ .. ว่า "เงินเดือนต่างกันลิบลับ" แต่คุณก็ยังอยากจะลองทำ .. แสดงว่า .. ฐานะทางการเงิน .. คุณก็ต้องคิดมาดีในระดับนึงแล้วว่า .. ด้วยเงินเดือนของเด็กชงกาแฟ .. คุณจะอยู่ได้มั๊ยในแต่ละเดือน .. และเห็นบอกว่า .. ที่บ้าน ก็ไม่ได้เดือนร้อนเรื่องเงิน .. ผมคิดว่า .. การที่คุณอยากจะทำเป็นเด็กชงกาแฟ .. เรื่องเงิน น่าจะตัดปัญหาไปได้ส่วนนึง .. เพราะคุณได้เตรียมใจเรื่อง "เงินเดือนน้อย"  มาแล้ว .. และ คุณคิดว่า ด้วยเงินเดือนแค่นี้ คุณก็ไม่ลำบาก .. แต่ที่คุณสนใจจริง ๆ ก็คือ .. ประสบการณ์ในการทำงาน .. ผมแนะนำว่า .. ถ้าใจอยากจะทำจริง ๆ ก็ลงมือทำไปเลยครับ .. ไปลองสมัครงานดูครับ .. "คุณจะไม่มีวันรู้ว่า จะบินได้สูงแค่ไหน .. จนกว่าคุณจะลองกางปีก แล้วเริ่มบินด้วยตัวเอง" แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 55 16:32:42 จากคุณ : ห ล่ อ ทุ ก อ ณู รู ขุ ม ข น เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 16:32:16

ความคิดเห็นที่ 32 ลูกค้าของบริษัทคนนึงตำแหน่งใหญ่พอสมควรในโรงงาน วันนึงก็บอกว่าลาออกแล้วนะจะไปขายกาแฟสด ผมก็ยินดีกับพี่เค้านะ เพราะพี่เค้าไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน จะมานั่งทำงานให้ปวดหัวอยู่ทำไม จากคุณ : Pu'Chew เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 16:49:12

ความคิดเห็นที่ 33 หากเป็นจขกท.  เราจะทำตามที่ใจเราต้องการ  เป็นเลขาฯ  ก็ใช่ว่าจะั่นคง  วันดีคืนดีบอกว่าไม่ต้องมีตำแหน่่งนี้แล้ว ต้องย้ายไปแผนกอื่น  ที่พูดนี่คือประสบการณ์ของเราเองค่ะ  ทำตำแหน่งเลขาฯ  มา 16   ปี พออายุขึ้นเลข 4  บวกกับมีการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร   ต้องมาทำตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์  ก็พยายามมองโลกให้สวย  ่ว่าคงต้องมีวันของเราสักวัน  เต็มที่กับมันสักตั้ง หากไม่มีอะไรดีขึ้นก็คงบ๊ายบาย จากคุณ : บ้านหลังน้อยกะเจ้าตูบ10ตัว เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 19:10:49

ความคิดเห็นที่ 34 อยากทำอะไรก็ทำเลยครับ ไตร่ตรองโดยใช้ความรู้ มันสมอง การวิเคราะห์จากประสบการณ์ และการเรียนที่ผ่านมาอ่ะครับ .................................. ผมจบวิศวะที่ไทย ไม่อยากทำงานรง. เพราะตอนไปฝึกงานสัมผัสได้ว่า คนโรงงานส่วนใหญ่ จะมีกรอบความคิดแคบๆ และโอกาสเก็บเงินล้านยาก เรียนจบ อยากไปนอก เรียนนวด เรียนไอเอล แฟนทิ้งไปมีกิ๊กกับหนุ่มที่ทำงานที่สนามบิน โอเค มานอก หาร้านนวดก็มีแต่ รับนวดเกย์ ฮ่าๆๆ เลยหางานแต่ไม่อยากทำร้านไทยในครัวงานจับกังไม่ได้ภาษา หาแต่งานที่เป็นเด็กเสริฟ ได้ฝึกภาษา ทำไม่ถึงสองสัปดาห์ จับพลัดจับพลุไปเรียนกาแฟ เป็นบาริสต้าที่คาเฟ่ ทุกวันนี้อยู่มาหนึ่งปี จ่ายค่าเรียนโท ด้วยตัวเอง 24,000 เหรียญ คูณ 31-33 = บาท ส่งกลับบ้านรวม 4-5000 เหรียญ ส่งค่าเรียนน้องเดือนละ ห้าพันบาททุกเดือน จ่ายค่าเทอมให้น้องเทอมละหมื่นหก ช่วงพีคๆชงกาแฟได้วีคละ พันสามร้อยเหรียญ ช่วงนี้ดรอปงานมาเรียนโท จบโทได้วีซ่า ทำงานต่อสองปีโดยไม่ต้องเรียนหนังสือ ก็จะเอาช่วงนั้นแหละเก็บเงินกลับไทย ปล.ที่เล่าก็เพราะว่า ผมก็ ช ง ก า แ ฟ ปล.สอง อย่าไปฟังคห.ของคนไทยมาก อันนี้พูดจริงๆ ไร้สาระ ดูจากอะไรรู้ป่ะครับ สื่อที่เค้าเสพอยุ่ทุกวัน รายการไร้สาระ ข่าวดารา พูดจริงๆว่าคุณจะได้ไอเดียอะไรจาก คนพวกนี้  สู้ไปหาหนังสือแปลดีๆมาอ่านดีกว่า อ่านให้แตกฉาน ถ้าให้ดีอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษเลย ปล.สุดท้าย ถ้าอยากรวยต้องเริ่มจากรักที่จะทำมันก่อน รักแล้วก็ต้องทำให้ดี จากนั้นค่อยต่อยอดไปทำธุรกิจ สู้ๆครับ (อย่าลืมนะครับ ใช้สมองคิดให้ถี่ถ้วน หาทางหนีทีไล่ ปิดประตูความเสี่ยง จะเสี่ยงได้ก็ต่อเมื่อพร้อมที่จะล้มแล้วเจ็บแล้วยังมีแรงลุกต่อ) จากคุณ : จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 19:33:56

ความคิดเห็นที่ 35 พี่คะ พี่มีทุน แล้วค่อยลาออก ดีมั๊ยคะ ถ้าลาออกตอนนี้ จะเอาทุนที่ไหน มาเปิดร้านล่ะ ตอนนี้ ก็หาเวลา ฝึกวิทยายุทธการชงกาแฟ ให้อร่อย ค่อยว่ากันก็ไม่สายนะคะ คนอื่น คิดว่า ถอยหลังเข้าคลองก็เรื่องของเขา แต่มาสนใจว่า จะเอาทุนที่ไหนมาเปิดร้านดีกว่าค่ะ มีเงินลงทุนบ้าง ชงอร่อยบ้าง ทำเลร้าน บ้าง แบบเนี้ย คิดเรื่องนี้ก่อนดีกว่าคะ จากคุณ : someonesaysomething เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 20:02:52

ความคิดเห็นที่ 36 ยินดีด้วยครับที่คุณยังมีไฟจะตามล่าความฝัน เป็นเรื่องดีครับ เพียงแต่ผมอยากแนะนำว่าก่อนจะลาออกจากงานเนี่ย ควรมีลู่ทางที่ชัดเจนมีเงินซักก้อนนึงก่อน อย่างที่ข้างบนว่าไว้ การเรียนชงกาแฟ มีคอร์สให้เรียนไม่ต้องลาออกไปทำก็ได้ ไปลงเรียน แล้วมาหัดทำเวลาว่างๆก่อน งานประจำก็ทำไป แล้วก็ใช้เงินประหยัดๆเก็บไว้เปิดร้าน ใช้เวลาว่างหัดชงกาแฟ หาทำเล ดูของตกแต่งร้าน ศึกษาเรื่องการจัดการ การเงิน กฎหมาย พอที่พร้อมของพร้อมฝีมือพร้อม ลาออกตอนนั้นจะดีกว่าครับ ผมเองก็ลาออกจากงานมาล่าฝันเหมือนกัน รู้สึกดีมาก ตอนนี้ยังลุ่มๆดอนๆอยู่ แต่ก่อนจะลาออกมาผมทำงานประจำอยู่แวดวงราชการ เงินเดือนนิดเดียว แถวไม่ใช่สายงานที่ชอบซักเท่าไร ทรมานมาก อยากลาออก แต่อาศัยว่าถ้าจะออกต้องไปได้ดี ไม่ออกไปกะเลวกะราดเด็ดขาด อาศัยความไม่ชอบงานผลักดันตัวเองไปอยู่ท้ายตรอกให้เกิดลูกฮึด กินอยู่ประหยัดเน้นเก็บตังอย่างเดียว อยากให้เจ้าของกระทุ้ใจเย็นๆ คนมีไฟกับคนใจร้อนไม่เหมือนกันนะครับ สู้ๆ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 00:18:13

ความคิดเห็นที่ 37 เราเคย อยากมีร้านอาหาร เลยไปสมัครเป็นเด็กเสริฟ ที่ร้านฝรั่งแถวสุขุมวิทคะ ตอนนั้น อายุ25-26 ได้ หาวุฒิม6 ไม่เจอ เลยตองเอาวุฒิป ตรีไปสมัคร เจ้าของอึ้งไปเลย ทำ parttime ก็ทำอยู่สักพัก  หลายวันนะคะ  ได้รู้อะไรเยอะดีนะ ระบบการคิดเงินจากจาน จากแก้วที่ใช้ ทีออก เพราะรำคาญเจ้าของคะ ไม่เคยมีเด็กเสรฟไทย จบ ปอตรี เลยจะเอาเราไปอวดออกงานที่เขารับนอกสถานที่ ทั้งๆที่เราแจ้งแล้วว่า เวลาไม่ตรงกับที่เราสะดวก  เลยออก ตอนนั้นทำงานประจำเป็นมัณฑนากรด้วยคะ  แบ่งเวลาไป อยากทำไปทำเลย ไม่เคยอายใคร ฝึกอยู่ในร้านอาหาร จนแน่ใจ ว่าไม่ทำกิจการนี้ดีกว่า (ตอนไปเรียนภาษาเมืองนอก ก็ไปทำเสริฟอีกคะ เด็กไทยทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว) เลยพบว่า  มีจุดที่ไม่ชอบหลายจุดที่จะทำกิจการนี้ แนะนำว่า อย่ารีบลาออกคะ เด๊ยวเจออะไรใหม่ๆ เช่นเพื่อนร่วมงานใหม่แล้วอาจตกเก้าอี้รับไม่ได้ ตัวอย่าง : เด็กเสริฟเก่า ขาใหญ่ เป็นน้าๆคนอิสาน แววสายไม่ค่อยเป็นมิตร ถามเราว่า มีผัวรึยัง บอกยังไม่มี แกก็ทำบ่นกับตัวเอง .. มีผัวแล้วมาบอกว่าไม่มี --" ( การเรียนรู้ รวมถึงต้องทนกับเรื่องพวกนี้ด้วยซินะ) สังคมเด็กเสริฟ  มันก็ตามไลฟสไตล์เขาหล๊ะคะ คุณก็ต้องปรับตัวหลายอย่างทีเดียว ลองไปทำ parttime ชิมลางก่อนดีกว่านะ จากคุณ : น้องต๋าว เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 01:38:44

ความคิดเห็นที่ 38 ที่เค้ามองว่าม้น แย่ เพราะลึก ๆ แล้วเค้าเป็นห่วงคุณไงครับ มันเกิดการเปรียบเทียบระหว่างเส้นทางปัจจุบัน กับเส้นทางอนาคต เส้นทางปัจจุบันมันดูงดงามกว่าไงครับ แต่เส้นทางที่คุณกำลังจะเปลี่ยนไปนั้น ภาพมันยังไม่ได้ชัดเจน แผนการคุณชัดเจนไหมล่ะครับ ขายกาแฟอะไร ขายให้ใคร แก้วละเท่าใด   ทำเลตรงไหน การตลาดยังไง 6W1H วิเคราะห์หรือยัง จุดแข็ง จุดอ่อน ตรงไหนยังไง Exit plan เป็นยังไง คือมันอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องทุ่มเสี่ยงเดิมพัน งานในปัจจุบันทั้งหมด ไปลุยก้ได้มั้งครับ แบบว่าค่อยๆ เรียนค่อย ๆ ศึกษาไป ก็ได้น่ะครับ ทุนคือสิ่งที่สำคัญครับ และกระแสเงินสด คือสิ่งที่สำคัญสำหรับการดำรงชีวิต และธุรกิจครับ ยิ่งธุรกิจกาแฟ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เป็นตลาดของลูกค้าเป็นผู้เลือก ตัวเลือกเยอะมากมาก ตั้งแต่ กาแฟกระป๋องในร้าน 7-11 ไปจนถึง ร้านกาแฟ สตาร์บั๊ค ที่กล่าวมานี่ ไม่ได้มีเจตนาจะห้ามคุณ แต่การจะทำอะไรมันต้องมีแผนการรองรับที่ชัดเจน มีเบาะรองนั่ง มีฟูกรองนอน เกิดผิดพลาดไม่มีใครจะมาช่วยเหลือเราได้ง่าย ๆ และคุณจะเกิดเสียใจว่า ไม่น่าลาออกจากงานเลย ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ ศึกษาไป ทำจากเล็กไปใหญ่ ทำควบคู่งานประจำไป จนกระทั่งมั่นใจว่า กระแสเงินสดจากธุรกิจใหม่จะสามารถทดแทนและพยุงตัวคุณได้ ค่อยออกจากงานก็ไม่สายครับ ปัจจุบันค่าครองชีพสูงมากนะครับ ค่าน้ำมัน ค่ารถ ค่าอาหารทุกอย่างแพงหมด กาแฟ ก็ถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยประเภทหนึ่งนะครับ ใจเย็นๆ ครับ นิ่ง ๆ กับตัวเองสักพักก่อนดีไหม คุณชอบกาแฟ แต่บางครั้งมันอาจจะต้องมี อะไรมากกว่านั้นน่ะครับ จากคุณ : mix_more เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 08:29:03

ความคิดเห็นที่ 39 สวัสดีค่ะทุกคน ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งข้อคิดดีๆให้เราได้สะดุ้ง และฉุกคิดบ้าง หลายคนแนะนำให้ทำงานต่อไปสินะคะ ... ใจอีกด้านนึง ก็บอกเราแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่อีกด้านมันค่อนข้างหมดใจกับสิ่งที่ทำอยู่แล้วจริงๆ คืนวันพุธ เราประชุมบอร์ดเลิกเที่ยงคืน กว่าจะได้นอนตี1 แปดโมงครึ่งนายโทรมา เราบอกว่าวันนี้เราคงไปทำงานไม่ไหว เลยลาป่วยทั้งวัน...ป่วยจริงๆนะคะ อารมณ์เมื่อวาน คือป่วยทั้งจิต ป่วยทั้งกาย นอนนิ่งๆเฉยๆไม่ทำอะไรเลย ไม่เข้าเน็ต ไม่คุยกับใคร เปิดหนังทิ้งไว้ แต่ไม่ดู เราว่า เรากำลังอยู่ในภาวะซึมเศร้าแน่ๆ... ออกจากบ้านไปเซเว่น เห็นเขาติดป้ายรับสมัครพนักงาน ก็เกิดความอยากรู้ว่ามันจะเหนื่อยขนาดไหน เห็นเค้าเตอร์ชานมผสมไข่มุก น้องพนักงาน ชงๆ ส่งให้ลูกค้าแล้วยิ้มมีความสุข ผ่านเปิดท้ายขายของเห็นแม่ค้าเริ่มจัดวางของ พร้อมๆกับฝนที่กำลังจะมา ไม่ง่ายเลยนะคะ กับทุกอาชีพที่ทุกคนต้องทำอยู่ มองดูตัวเอง...คล้ายๆกำลังหลงทาง ประมาณนั้น ก่อนหน้ามาเป็นเลขา เราทำงานเกี่ยวกับสื่อสารมวลชนมาตลอดค่ะ ทำตั้งแต่ตอนเรียนปี 2 เพื่อนเลิกเรียนไปเที่ยวต่อ ส่วนเราทำงานเลิกสี่ทุ่มทุกวันจนเรียนจบ 5 ปีผ่านไปเริ่มเบื่อ เลยเอาเวลาช่วงเย็นไปเรียนเสริมสวย   แล้วก็ลาออกจากงานไปเรียนทั้งวัน เรียนไปสักพัก เริ่มไม่ใช่ ออก มานอนค้นหาตัวเอง 3 เดือนเต็มๆ ปิดเทอมให้ตัวเองตกอยู่ในสภาวะว่างงาน แบบมีความสุขนะคะ....... จนกระทั่งรู้สึกเบื่อๆ เลยสมัครงานดู สัมภาษณ์ทีเดียวได้งานเลย ทั้งๆที่ไม่มีประสบการณ์การด้านงานเลขา มาก่อน ก็เลยตกลงทำงาน ......... จนถึงวันนี้......เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่...... เรื่องร้านกาแฟ เป็นความฝันเดียวที่เรายังไม่ลอง เราเคยคิดจะไปเข้าคอร์สเรียนนะคะ แต่งานที่เราทำอยู่ ทำจันทร์ - เสาร์ และบางวันต้องสรุปงานดึก ไม่มีเวลาไปทำพาร์ทไทม์เลยค่ะ.....แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหลังจากอ่านความเห็นของทุกๆคนแล้ว เราต้องนิ่งขึ้นกว่าเดิมสินะคะ บางทีเราก็ใจร้อน มากกว่ามีไฟจริงๆด้วย ขอบคุณทุกคนจริงๆ เราไม่คิดว่าจะมีคนมาแสดงความคิดเห็นเยอะแบบนี้ แอบฟินเบาๆ พร้อมๆกับขอตัวไปพิมพ์รายงานการประชุมที่ดองไว้เมื่อวานให้เสร็จก่อนนะคะ ^_____^ จากคุณ : อิงจ๋า เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 09:02:21

ความคิดเห็นที่ 40 เราเชื่อว่ามีคนตกอยู่ในสภาวะแบบ จขกท เยอะแน่ๆ ค่ะ อย่างน้อยก็เราคนหนึ่ง สนับสนุนให้คุณทำในสิ่งที่อยากทำนะคะ แต่...คุณต้องตัดสินใจด้วยเหตุผลด้วย เพราะอย่างที่หลายความเห็นว่า ว่าร้านกาแฟเยอะมากจริงๆๆ จากคุณ : รอสิ้นเดือน เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 09:47:17

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าอยากที่จะลองทำแล้วก็ลองเลยครับ ถ้าคุณมัวแต่คิดมัวแต่ฝันไม่ได้ลงมือทำคุณจะไม่กล้าทำ แต่อย่าคิดที่จะจ้างใครทำแทนเด็ดขาดในช่วงเริ่มต้น คุณต้องลงมือทำด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจในหลายๆอย่าง ทั้งในเรื่องปัญหาและความสำเร็จ เมื่อก่อนผมทำงานด้านก่อสร้างตำแหน่งก็สูงเงินเดือนก็ดี แต่ตอนนี้ผมออกมาทำเป็นของตัวเอง ช่วงเริ่มต้นจะเหนื่อยหน่อย ท้อด้วย ได้เรียนรู้ปัญหาต่างๆเยอะ แต่ก็ต้องลองสู้ต่อไป ในเมื่อเราเลือกทางเดินด้วยตัวเอง อย่ากังวลที่จะลงมือมือในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่ ถ้าทำสำเร็จก็จะยิ่งภูมิใจ ดีใจ แต่ถ้าล้มเหลวก็อย่าได้ท้อครับ ยังไงเราก็ยังได้ประสบการณ์ คิดซะว่า  "ในสิ่งที่ไม่ดี ย่อมมีสิ่งที่ดีเสมอ" ครับ จากคุณ : Robo_En เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 10:55:29

ความคิดเห็นที่ 42 ทำตามความฝันตัวเองไปครับ อย่าได้ไปแคร์ใคร ทำแล้วล้ม ดีกว่าไม่ได้ทำ แล้วเสียใจไปตลอดชีวิต กับกรอบความคิดโง่ๆ แคบๆ ที่คนอื่นยัดเยียดให้ จากคุณ : nakikaede เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 11:21:46

ความคิดเห็นที่ 43 คุณต้องการมีร้านกาแฟเป็นของต้นเอง หรือต้องการบริหารร้านการแฟของต้นเอง ต้องตั้งธงให้ชัดเจนก่อนนะครับ สองอย่างนี้แตกต่างกันนะครับ  การมีร้านคือคุณทำทุกอย่าง แต่การบริหารร้านกาแฟ คุณอาจจะไม่ต้องทำทุกอย่างแต่คุณต้องจัดการให้ร้านกาแฟคุณเป็นระบบมากพอที่จะขับเคลื่อนธุรกิจคุณไปให้ได้ จากคุณ : et009 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 11:25:47

ความคิดเห็นที่ 44 เหมือนกันเลยคะ อยากมีร้านอาหารเล็กๆ น่ารักๆ ... ด้วยความที่ว่าทำอาหารไม่เป็นเลย ผัก ปลา อะไรก็ไม่รู้สักอย่าง ลองหัดทำอาหารก็สุนัขเมิน เลยลองไปเป็นเด็กเสริฟร้านอาหาร ลองทำตั้งแต่ตอนเรียน ทำเป็นพาร์ทไทม์ เงินได้เป็นชั่วโมงไม่กี่บาท เลิกเรียนเย็นก็ไปเสริฟต่อ เก็บร้านเที่ยงคืน ตีหนึ่ง เหนื่อยมากกกก แต่เราอยากได้ประสบการ์ณ อยากรู้ว่า หลังร้าน ในครัว เค้าบริหารจัดการกันยังไง เรียนจบ ทำงานประจำ พองานประจำอยู่ตัวสักพัก ก็ลองไปเสริฟหลังเลิกงานอีก พอดีร้านที่ไปสมัครอยู่แถวๆ ที่ทำงาน เจ้าของร้านเห็นเราบ่อย เค้าก็ถามว่าทำมัยถึงมาเป็นเด็กเสริฟ ไม่กลัวคนดูถูกหรอ ... เราตอบแค่ว่า อ๊อ หนูเบื่อๆ ขี้เกียจรีบกลับบ้านเลยหาไรทำ จริงๆ แล้วตั้งใจจะมาสืบ มาศึกษาการทำงานมากกว่า 555+  ก็ทำทั้งงานประจำทั้งเสริฟ เสริฟอยู่ครึ่งปีได้ แล้วก็เลิกทำ เหนื่อยแต่ก็สนุก ได้รู้จักแม่ครัว ได้รู้อะไรเป็นอะไร ได้รู้ว่า เจ้าของร้านบางร้านทำอาหารไม่เป็นก็มี แต่ต้องบริหารจัดการเป็น  .... ตอนนี้ก็ยังไม่มีร้านเป็นของตัวเองนะ ... ปีกยังไม่แข็งแรง ยังไม่พร้อมที่จะบิน 555+ สู้ๆ คะ อย่าไปแคร์คำพูดคน แต่ถ้ามีงานประจำอยู่แล้ว อยากให้ลองทำเป็นพาร์ทไทม์ เพราะถ้าได้ลองไปทำแล้ว มันมีเรื่องอะไรจุกจิกอีกเยอะ จากคุณ : austin_edge เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 11:58:17

ความคิดเห็นที่ 45 ไปเป็นลูกจ้างเค้า  คุณจะได้ประสบการณ์ตรงมากมายค่ะ ได้เรียนรู้สูตร เทคนิค  การบริหารจัดการร้าน  ทำความสะอาด ทิ้งขยะ  ฯลฯ เราไม่เชื่อว่า  คนจะเป็นเจ้าของธุรกิจได้โดยไม่ผ่านการเป็นลูกจ้าง ลูกน้องนะ เราเห็นหลายคนแล้ว โดนลูกน้องโกง  บริหารลูกน้องไม่เป็น   เพราะไม่เคยเป็นลูกน้อง หรือ ลูกจ้างคนอื่นมา ประสบการณ์ดีๆ รอคุณอยู่  ถ้าคุณไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ก็ลุยเลยค่ะ จากคุณ : นาโนจัง เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 11:59:33

ความคิดเห็นที่ 46 เก็บเงินให้พอเป็นงบจะเปิดร้าน และค่าใช้ชิวิตตอนที่ไปหัดทำกาแฟโดยการเป็นลูกน้อง เพราะตอนเป็นลูกน้องเงินเดือนน้อยมากกว่าจะเก็บตอนนั้น คงนานหลายปีกว่าจะได้ทำตามฝัน การที่จะหัดธุรกิจโดยการเข้าไปเป็นลูกน้องก่อน ผมมองว่าเป็นความคิดที่ดีมากครับ (บ้านผมเป็นคนจีนก็ชอบสอนอย่างนี้) ทั้งได้วิชา ทั้งได้ความรู้จากงานจริง แถมมีเงินเดือนให้ด้วย ^0^ สู้ๆ นะครับ ขอให้ประสบความสำเร็จ ปล..ความคิดเห็นคล้ายๆ เม้นท์บนเลย ^^ จากคุณ : นึกไม่ออกแล้ว เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 13:44:43

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าคุณไม่มีภาระ ที่ต้องกังวลมากมาย นั่นคือ ทุนก้อนแรกของคุณแล้วค่ะ ในเมื่อ ทุนของคุณตอนนี้คือ แรงกายและแรงใจเต็มพร้อม ชีวิตก็คือของเรา ไม่ต้องฟังใครแล้วค่ะ ลุยได้เลย จะบอกว่า คนที่ละเมอพูดว่า ขี้เกียดทำงานก็ออกไปเปิดร้านขายของ ไม่รู้จะทำอะไรก็จะเปิดร้านขายอะไรซักอย่าง คนพวกนี้ คือคนที่ไม่เคยค้าขาย  และถ้าคนพวกนี้อยากค้าขายขึ้นมา เค้าจะเป็นเจ้าแรกๆที่ปิดกิจการ และกลับไปพร้อมกับหนี้สิน  เพราะว่า การค้าขาย ทำธุรกิจ มันไม่มีอะไรง่าย ในโลกของการค้า ในโลกของธุรกิจ แม้แต่คอสเรียนแพงๆ ก็สอนเราไม่หมด เพราะว่า ธุรกิจมันไม่มีกฏตายตัว ขึ้นอยู่กับ ทัศนคติ สถานการณ์ ความพร้อม โชค ดวง ฯลฯ มากมาย สังเกตได้เลย งานหนึ่งงานมันไม่ได้เหมาะกับคนทุกคน บางคนทำแล้วขึ้นมาก บางคนพร้อมกว่า แต่ทำยังไง แก้ปัญหายังไงก็ยังต้องปิดกิจการลงไป มันเป็นอะไรที่อธิบายไม่ได้ ดังนั้น ิธีแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุดก็คือ การเตรียมความพร้อม รับมือกับทุกๆสถานการณ์ที่เข้ามา นั่นก็คือ ความสำคัญของคำว่า ประสบการณ์ ทีนี้เราจะไปหาประสบการณืได้ที่ไหน แน่นอน ในคอสเรียนมันไม่มีให้เราแน่ หรือว่า จะไปเปิดร้านหาประสบการณ์เลย มันก็จะเสี่ยงกับการขาดทุน เพราะว่า คนที่ไม่รู้ว่าแกงเขียวหวานทำยังไง ต่อให้มีวัตถุดิบที่ถูกต้อง ทำให้ตาย จะอร่อยก็ยาก  ดังนั้นวิธีที่เซพที่สุด คือ ลูกจ้างนี่แหละ ไปรู้ไปเห็นให้เยอะก่อน เก็บประสบการณ์มาเยอะๆ  ถ้าสมมุติว่าร้านที่ทำอยู่เกิดเจ๊ง คนที่เจ็บ คือเจ้านายเรา เราไม่เจ็บตัวแถมยังได้ประสบการณ์ที่ทำยังไง ร้านถึงเจ๊งได้อีกด้วย คุ้มมมากกกก ขอบอก ดังนั้น ถ้าคุณคิดว่า คุณต้องการซื้อประสบการณ์ ของคุณ เราคิดว่า การไปเป็นลูกจ้างก่อน เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เซฟตัวเองที่สุด เจ็บน้อยที่สุด ลุยได้เลยค่ะ จากคุณ : สมองคิดอะไรๆได้เสมอ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 14:05:42

ความคิดเห็นที่ 48 มันเริ่มมาจากอะไรครับไอ้ความฝันจะมีร้านกาแฟเนี่ย ดูละครกันมากไปรึเปล่า คือผมเจอมาหลายคนแล้วครับ ที่ฝันแบบนี้ สุดท้ายเจ๊งทุกราย ตรงหลังที่ทำงานมีน้องคนนึงทำชาเขียวมัชฉะอร่อยมาก ผมชอบกิน (ผมไม่ค่อยกินกาแฟ แต่เพื่อนที่ชอบกินก็บอกว่าน้องเค้าชงอร่อยกว่าร้านอื่น) สุดท้ายก็เจ๊ง เพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว นั่นแปลว่าทำอร่อยไม่ใช่ว่าจะอยู่ได้ ตอนนี้น้องเค้ารับขนมปังมาตั้งโต๊ะขายแทน เวลาเจอผมก็ถามน้องเค้าอยู่เรื่อยๆ เมื่อไหร่จะกลับมาขาย คิดถึงฝีมือ น้องเค้าก็ได้แต่ยิ้ม แหะ แหะ ส่วนตรงที่พักก็มีร้านเปิดๆ เจ๊งๆ กันอยู่เรื่อย ร้านปัจจุบันเข้าไปนั่งกิน ลองๆ ถามน้องเค้าดู ปรากฏว่า หักลบแล้วเหลือกำไรประมาณเดือนละ 3000 บาท อาศัยรับจ๊อบอื่นด้วย ถึงอยู่รอด จากคุณ : Autster เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 14:10:39

ความคิดเห็นที่ 49 ร้าน น้องที่รู้จักครับ ออกจาก บริษัทมหาชน ที่คนรู้จัก มาพร้อม ความฝัน และ เงินเต็มกระเป๋า มาเปิดร้าน กาแฟ ไปเรียนชงกาแฟ กับ คนที่รู้จัก (ที่เชียงใหม่ ร้านขายดีมาก) แต่งร้านสวย ได้เพื่อนเรียน ตกแต่งภายในมาช่วยทำ เพื่อนไม่คิดค่าแบบ แต่ค่าก่อสร้าง หลายบาทอยู่ ตอนนี้เปิดมาได้ 2-3 เดือน วันธรรมดา ขายได้น้อยมาก บางคน กาแฟแก้วเดียว ยาวเลย ขายดีเสาร์ อาทิตย์ ล่าสุดเจอ ขโมยขึ้นร้าน ตอนนี้เริ่ม รู้สึกว่า ความฝันกับความจริง จะอยู่กันได้ หรือเปล่า รายได้หักค่าเช่าร้าน ค่าแอร์ ก็เกือบหมดแล้ว ลองทำ เสาร์ อาทิตย์ หรือ หลังเลิกงานก่อนดีกว่า หรือไม่ก็ลองไปเรียน แล้วขายหน้าบ้าน เสาร์อาทิตย์ก่อน ก็พอไหวนะครับ ทำเล สำคัญมาก บางร้านขายดีมาก เพื่อนผม มีร้านกาแฟ ที่เชียงใหม่ ขายดีเพราะ อยู่ใกล้ แหล่งท่องเที่ยว ค่าเช่าไม่เสีย เพราะ เป็นหน้าบ้าน ทำขนม ส่งด้วย เลยสายป่านยาว กว่าจะอยู่ตัว เป็นปีเหมือนกัน จากคุณ : v เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 14:29:15 A:124.120.112.215 X: TicketID:335802

ความคิดเห็นที่ 50 แย่ครับ คิดได้แค่นี้ จากคุณ : ตาแป๊ะหวานเย็น เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 21:58:54

ความคิดเห็นที่ 51 จำได้ว่านานมาแล้วคุณอิงจ๋ามาเยี่ยมบล๊อกเราบ่อยๆ เป็นกำลังใจให้กับเจ้าของร้านกาแฟในอนาคตนะคะ จากคุณ : Alex on the rock เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 22:20:39

ความคิดเห็นที่ 52 ผมก็ลาออกมาเหมือนกันครับ ตำแหน่งน้อยกว่าหน่อย คือเป็นผู้ช่วยเลขา ตอนนี้เปิดร้านกาแฟเล็กๆ มีความสุข ไม่ต้องสะดุ้งตื่นตอนตี 2-3 มารับเมล์ ทุกวันนี้ยังไม่สบายกาย แต่สบายใจมากครับ เชื่อว่าคุณคงศึกษาอะไรต่างๆ เกี่ยวกับร้านกาแฟมาพอสมควรแล้วจึงกล้าออกมาทำ ยังไงก็อย่าประมาทและขอเป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : ลูกป้ามล (ลูกป้ามล) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 22:30:30

ความคิดเห็นที่ 53 ผมเข้ามาอีกรอบ ร้านกาแฟเป็นอะไรที่ทำยากมากเลยตอนนี้ ทำเลไม่เจ๋งจริงมีเจ้ง มันเหมือนเป็นของฮิตๆสำหรับคนอยากมีกิจการเล็กๆเป็นของตัวเอง ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ร้านเบเกอรี่ แต่ผมการันตีได้เลยว่า น้อยคนนักที่ทำร้านตามที่เค้าฮิตๆแล้วอยู่ได้ ร้านกาแฟเจ้งไปกี่เจ้าแล้ว ร้านเบเกอรี่ล้มหายตายจากไปเท่าไหร่ ลองคิดแบบนักธุรกิจครับว่ามันมีความเสียงแค่ไหน อย่าคิดแค่ว่าอยากทำ เชื่อเถอะ ผมนี้แหละคนอยากมีร้านกาแฟตัวจริง แต่ก่อนสักห้าปีที่แล้ว หนังสือกาแฟเต็มบ้าน เว็บ รอยตะวัน ก็เข้าไปอ่านทุกวัน ร่ำๆจะไปเรียนชงกาแฟแล้ว สุดท้ายมามองโลกแห่งความเป็นจริงว่าโอกาสประสบความสำเร็จมันไม่ถึง 10% ด้วยซ้ำ ก็เลยเลิกฝัน ปัจุบันทุนรอนเอามาเปิดร้านเสื้อผ้ายอดขายหลายแสนต่อเดือน สบายไปเลย ถ้าเปิดร้านกาแฟ ผมว่ายอดหลักสามแสนนี้ไม่ได้เห็นง่ายๆแน่นอน ลองคิดดูดีๆครับ คนทำร้านกาแฟเค้าอยู่ทีนี้นะครับ www.roytawan.com จากคุณ : รูปหล่อ_พ่อคนดี เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 55 23:57:54

ความคิดเห็นที่ 54 555 เงินเดือน 7000-9000 เอาไหมครับ ทำในสิ่งที่รัก ไม่จำเป็นต้องทำเป็นงานประจำนี่ครับ หาเวลาว่างคิดสูตรกาแฟก็ได้นิครับ จากคุณ : เสือย้อมแมว เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 02:21:40

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่ผิดค่ะ ถ้ายอมรับ สิ่งที่ตามมาได้ โดยเฉพาะ เงินเดือนที่ลดน้อย ลงมากกก ถ้าเป็นไปได้ ไม่ลอง ศึกษาหาข้อมูล หละค่ะ ว่าการทำร้านกาแฟ เป็นของตัวเอง ต้องเตรียมอะไรบ้าง สำรองเงินไว้สำหรับ ทำกิจการ พร้อมแล้ว ออกมาลุย ก็ไม่สายนะค่ะ เดี๋ยวนี้ ธุรกิจกาแฟ หากเราจะทำ เขาก็มี สูตรในการทำ และสอนให้ นะค่ะ เอาใจช่วยนะค่ะ (เพราะเราก็หาข้อมูลเช่นกัน แบบว่า อยากทิ้ง งานที่ทำ มาเป็นนายตัวเองบ้าง เบื่อ เขียนโปรแกรม ก็มาชงแกแฟ เป็น ฟรีแลนท์ รับงานมาทำ เอง ได้ทำงานที่รัก และ อยากทำ ไปพร้อมๆ กัน) จากคุณ : ชีวิตโปรแกรมเมอร์ (น้ำค้างกระจ่างดาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 07:05:34

ความคิดเห็นที่ 56 กลับมาอ่านแล้วเห็นความมุ่งมั่น คุณสามารถจากบ้านมาทำงานที่ซิดนี่ย์สักหนึ่งถึงสองปีได้ป่าวครับ ใช้ทุนค่าเรียนประมาณสองแสนบาท เพื่อลงเรียนภาษาและเรียนต่อโท หรืออื่นๆ มาเรียนกาแฟที่นี่ ผมตั้งเป้าให้คุณภายในสองเดือนคุณจะมีรายได้วีคละพันเหรียญ รวมถึงสกิลความรู้ คุณจะมีมากกว่าพวกที่อยู่ที่ไทยสักประมาณสิบปีได้ ถ้าคุณเก่ง และฉลาดพอ ส่วนร้านกาแฟในไทยที่มันเจ๊ง นอกจากทำเลและเรื่องอื่นๆแล้ว คือเค้าทำไม่อร่อย เหมือน ไม่ได้ ทำ ให้ คน กิน อ่ะครับ ทั้งประเทศผมเชื่อว่ามีไม่เกินสิบร้าน (เฉพาะกาแฟร้อนที่อร่อยจริงๆ) พูดจริงๆ แล้วคนที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่มีประสบการณ์มาจากต่างแดนทั้งนั้น แล้วอีกอย่าง คุณคิดว่าความรุ้จากการเรียนคอร์สหลอกเด็ก สามพันสี่พัน มันจะทำให้คุณเก่งขึ้นหรอครับ เพลอๆเค้ารวย จากการขายเมล็ด ขายเครื่อง ขายอุปกรณ์นู่นนั่นนี้ อีกต่างหาก จากคุณ : จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 07:31:36

ความคิดเห็นที่ 57 เข้ามาอีกทีเป็นกระทู้แนะนำเลยเหรอคะ....เอ่อ คือเรา แค่อยากปรึกษาแบบเงียบๆ อึ้งไปเลย.......ครั้งแรกในชีวิต ควรดีใจใช่มั๊ยคะ ขอบคุณทุกความเห็นจริงๆค่ะ ไม่รู้จะใช้คำไหนแล้ว ตื้นตันมาก^__^ จากคุณ : อิงจ๋า เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 09:37:45

ความคิดเห็นที่ 58 เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับหนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ยอมลาออกจากงานประจำแล้วบินไปเรียนชงกาแฟที่อิตาลี เรียนจบกลับมาก็ไปสมัครเป็นลูกจ้างร้านกาแฟ เค้าบอกว่ามีความสุขกับสิ่งที่ทำถึงจะได้เงินน้อย เสื้อผ้าใหม่ๆ ก็ไม่ค่อยได้ซื้อด้วยความที่ต้องประหยัด แต่เค้าก็ยังเลือกที่จะทำต่อไปเพราะมีความฝันว่าอยากเปิดร้านกาแฟของตัวเอง จากคุณ : Furusato เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 14:50:54

ความคิดเห็นที่ 59 จขกท. เหมือนผมเปี๊ยบเลยครับ ผมจบช่างมาตอนนี้ทำงานเป็นช่าง แต่ผมชอบทำอาหาร ว่าซักวันนึงจะลาออกแล้วไปสมัครเป็นผู้ช่วยกุ๊ก แล้วค่อยๆไต่จนเป็นเชฟใหญ่ การเริ่มต้น จะให้ผมเป็นเด็กล้างจานก็ได้ แต่ขอแค่ให้ได้ทำตามความฝันก็พอ ปล.ความฝันของผมก็คือการทำตามความฝัน (งงไหมล่า) จากคุณ : Jao_Nok_Noi เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 16:49:49

ความคิดเห็นที่ 60 สุดโต่งไปนิดนะจ๊ะ จากคุณ : charmander เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 55 23:30:26

ความคิดเห็นที่ 61 ขอแชร์เพิ่มนะครับ ก่อนหน้านู้น ผมเป็นเซลล์ เงินเข้ามาแต่ละเดือนไม่น้อยเลยหละ มีใช้จ่ายสบายๆ มีคนจ่ายค่าน้ำมันให้ มีรถใช้ฟรี กินร้านอาหารดีๆ  อยากได้อะไรก็ซื้อ ใช้เงินแบบไม่คิดเลยหละแต่สิ่งที่ไปแลกมาคือ...เวลาและสุขภาพ    รู้สึกเลยว่า สุขภาพตัวเองแย่ พักผ่อนน้อย ทำงานแทบจะตลอดเวลา เพราะเราทำงานกลางวัน ลูกค้าทำงานกลางคืน กลางคืนมักจะมีโทรศัพท์จากลูกค้า และ/หรือ ขนส่งมาเสมอ อาทิตย์นึงก็แค่3-4 วันเอง  นานเข้าๆ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองพัหผ่อนไม่พอ   บางครั้งขนส่งมีปัญหา ต้องออกไปช่วยส่งของ กลับมาถึงห้อง 6 โมง  (บอกเจ้านายล่วงหน้าว่าขอนอนตอนเช้านะเพราะกลับดึกแน่ เจ้านายก็ใจดี ไม่ว่าอะไร)  เข้านอน6โมง 8 โมงโทรศัพท์เริ่มเข้า  เรื่อยๆๆ จน ทนไม่ไหว ลุกไปทำงานต่อ     วันๆนึงใช้โทรศัพท์แบบปุ่มกดธรรมดาเครื่องใหม่ๆ  แบตก้อนนึงไม่พอ ต้องมีสำรองอีกก้อน และ ต้องรับสายตลอด เพราะถ้าไม่รับ แก้ปัญหามากกว่าเดิมเยอะเลย จนวันนึง ขับรถไปเยี่ยมลูกน้องที่ รพ จ.ข้างๆ   ขับเก๋งของพี่ที่ทำงานไป   หลับในครับ! คิดว่าน่าจะไม่นาน แต่รู้สึกตัวมา  อีกนิดนึง ชนแล้ว โชคดีว่าหักทันและไม่มีรถตามหลัง      ตัดสินใจลาออกในทันที ไปเป็นเซลล์อีกที่นึง แล้วก็ลาออกมาทำเอง ตอนนั้นโดนก่าเยอะเหมือนกัน แต่...ผมไม่สน  ผมไม่ได้ไปขอตังใคร พอเริ่มทำเอง เริ่มรู้สึกเลยว่า เหนื่อยกว่าเป็นลูกจ้างเยอะแต่เหนือ่ยเยอะ เราก็ได้เยอะ  รายรับก็ต่างกันเยอะก่อนจะใช้ตัง คิดแล้วคิดอีก   แต่.....ความสุขมากกว่า แบบหาคำเปรียบไม่ได้ มีหลายคน ถามว่า เมือไหร่จะกลับไปทำงาน   อีกหลายครั้งที่คิดว่า อยากกลับไปทำงานประจำ   แต่คิดถึงประสบการณ์งานประจำแล้ว บรื้อออ   ไม่เอาดีกว่า  อยู่แบบนี้มีความสุขกว่าเยอะ   วันพระได้ไปวัด   วันไหนเหนิ่อย ก็หยุด(แต่รายได้ก็หาย)  อยากไป ตจว ก็ไป  ตัดสินใจแล้วว่า คงไม่กลับไปทำงานประจำแล้ว  ทำงานเอง หาเงิน 20000ต่อเดือน ผมว่าไม่ยากนะเพียงแต่มันไม่ได้มาเป็นก้อนตอนปลายเดือน แค่นั้นเอง จากคุณ : kolfparin เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:37:24

ความคิดเห็นที่ 62 ผมเคยฝันที่จะทำร้านไอติม   เหตุผลคือชอบ และคนที่มากินไอติม มักจะอารมดี (ดูไร้สาระเนอะ)   ผมเคยไปทำงานเป็น ผช ผจก ร้านอาหาร  สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่้สูตร สูตรหนะไม่ยาก รสชาติมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ความชอบไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมต้องการเป็นวิธีการบริหารจัดการร้านซึ่ง ผมว่าผมได้มาพอสมควรเลยหละ     แต่....ผมยังไม่ทำร้านไอติม เพราะดูแล้วลงทุนเยอะมาก ผลกำไรไม่รุ้ว่าจะคุ้มค่าหรือเปล่า  สู้เอาเงินไปลงอย่างอื่นที่เห้นแล้วว่า ได้เงินคืนแน่ๆดีกว่า แต่ถ้าวันนึงมีโอกาส มีทุนผมก็ยังอยากที่จะทำนะ ลองนึกภาพ ระหว่างหมอ ที่วันๆ เจอแต่คนป่วยหน้าตาบูดๆบึ้งๆ กับ คนขายไอติม ที่วันๆ เจอแต่ลูกค้า อารมดีๆ  ใครจะมีความสุขกว่ากัน จากคุณ : kolfparin เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 09:45:55

ความคิดเห็นที่ 63 ยอมเป็นหมอเจอคนไข้บูดบึ้งๆ แต่สิ้นเดือนรับเหนาะๆ เงินเดือนหลักแสน แถมสถานะทางสังคมก็ดี จากคุณ : เขียนบน HTC One X (Kareshik) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 11:59:28

ความคิดเห็นที่ 64 ไม่นับรวมสวัสดิการอีกเพียบ แต่ไม่ทันแล้ว ตอนนี้ ฮ่าๆ ไว้ค่อยให้ลูกหลายสานฝันต่อ จากคุณ : เขียนบน HTC One X (Kareshik) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 12:01:08

ความคิดเห็นที่ 65 แนะนำว่าไปเรียนวิธีชงกาแฟและไปนั่งร้านกาแฟบ่อยๆแค่นนั้นก่อนก็ได้ครับ จากคุณ : kmitl_Pu เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 21:49:39

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้าอยากทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ทำต่อไป อาจจะเปลี่ยนสายงาน ทำสายงานเดิม(ถ้ามันมีโอกาสโต) หรืออะไรก็ว่าไป แต่ถ้าอยากมีธุรกิจของตัวเอง ก็ควรจะศึกษาข้อมูล ทำควบคู่งานเดิมไปก่อน จากงานเสริม ค่อยเป็นงานหลัก แล้วลาออกงานปัจจุบันทีหลัง น่าจะเวิร์คนะครับ จากคุณ : ^ ^ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 01:01:38 A:58.64.56.222 X: TicketID:334295