ความคิดเห็นที่ 1 หลังจากได้ความเห็นจากหลาย ๆท่าน ผมอยากให้อ่านความเห็นที่ 1,2 ,25 และ 29 ก่อนนะครับ จะได้อ่านแนวคิดของผมอย่างต่อเนื่องก่อน แล้วค่อยอ่านความเห็นของท่านอื่น ๆ ครับ ส่วนตัวแล้ว เหมือนกับหลาย ๆ ท่านยังอ่านแนวคิดของผมไม่หมด หรือไม่จบ แต่รีบตีความและออกความเห็นในเชิงปิดกั้นทันทีครับ อย่าปิดกั้นความคิดตัวเอง ด้วยความกลัวว่ามันเป็นความจริงเลยครับ คุณไม่ใช่ผู้แพ้ครับ เพราะคนเราชีวิตมันไม่เหมือนกัน ต้นทุนชีวิตก็ไม่เหมือนกัน ผู้ชนะในวันนี้ อาจเป็นผู้แพ้และสูญเสียในวันหน้า คนรวย ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีโอกาสเป็นคนจนนะครับ และในทางกลับกัน คนจนก็มีโอกาสรวยได้เหมือนกัน ผมรู้จักคนที่มีรายได้ เดือนละ 1 ล้าน ผมรู้จักคนที่มีรายได้ วันละ 1 ล้าน และผมเชื่อว่าคนที่มีรายได้มากกว่านี้ต่อวัน ก็มีดาษดื่นครับ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อน ผมไม่คิดว่ามันจะมี จนได้ประจักษ์ด้วยตัวเองครับ อย่าปิดกั้น แต่จงตักตวงประโยชน์จากสิ่งที่ผมนำมาแบ่งปันครับ เริ่มนะครับ --------------------------------------------------------------------------------------- ผมมองว่าเด็กจบใหม่จะมี 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้ 1 กลุ่ม Top หมายความว่าจบมากจากสถาบันที่มีชื่อเสียง + ภาษาในระดับดี + เกรดโอเคในระดับหนึ่ง ผมว่ากลุ่มนี้ ต้องเลือกสายงานให้ละเอียดมาก ๆ เพราะมันจะมีผลกระทบต่อ ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของคุณแบบสุด ๆ ออกตัวก่อนว่า ผมจัดตัวผมเองอยู่ในกลุ่มนี้ แน่นอนว่าเพื่อน ๆ ผมเองและคนรอบตัว ก็อยู่ในกลุ่มนี้กันทั้งนั้น ซึ่งหากดูที่เพียงเงินเดือน (ไม่เอาเรื่องปัจจัยด้านความสุขมารวม) คนรอบตัวผมมีเงินเดือนอยู่ระหว่าง 25,000 - 200,000 บาท/เดือน (ไม่นับคนทำธุรกิจส่วนตัวนะครับ) ประสบการณ์ทำงานประมาณ 6 ปี ซึ่งผมขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มได้ดังนี้ 1.1 เพื่อนกลุ่มที่ย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่เก่ง หรือบริษัทเค้าไม่ดีนะครับ แต่หลัก ๆ เกิดจาก การที่เค้าได้ทำงานกับบริษัทใหญ่ ๆ เงินเดือนเริ่มต้นสูง ๆ แต่! ตลาดอาชีพไม่กว้าง คือบริษัทที่มีลักษณะธุรกิจคล้าย ๆ กันไม่เยอะนั้นเอง หรือพูดง่าย ๆ คือ เปลี่ยนงานยาก ผมเคยเป็นกลุ่มนี้ครับ จบ ป.ตรี เมื่อ 6 ปีก่อนก็สตาร์ทที่ประมาณ 23,000 บาท เมื่อเอาโบนัสปลายปีมาหาร ก็จะตกอยู่ที่ 28,000 บาทต่อเดือนครับ ถือว่าไม่น้อยสำหรับเด็กจบใหม่ แต่เปลี่ยนงานยากครับ เพราะลักษณะของตัวบริษัทนั้น ไม่ค่อยมีบริษัทที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน รุ่นพี่ส่วนใหญ่ บ่น อยากย้ายงาน อยากทำงานที่ใหม่ ๆ แต่หางานยาก แล้วที่เปลี่ยนได้ ก็คือเหมือนกับยอมลดเงินเดือนตัวเอง เพื่อที่จะได้มีโอกาสลองทำประสบการณ์ใหม่ ๆ เหมือนกับผม ที่สุดท้าย ยอมลดเงินเดือนตัวเองหลังจากทำมาประมาณปีครึ่ง เพื่อที่จะไปเริ่มสายงานใหม่ ปัจจุบันเพื่อน ๆ ที่เข้าทำงานพร้อมกัน ก็ยังอยู่ที่เดิมครับ มีได้โปรโมตบ้าง แต่ก็ยังติดรุ่นพี่ที่ก็ยังอยู่ ไม่ได้ไปไหนกันเหมือนเดิมครับ กลุ่มนี้ ณ ปัจจุบัน ผมมองว่าเงินเดือนไม่น่าเกินระดับ 40,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะต่างกับกลุ่มถัดไปครับ ถึงตรงนี้ ผมอยากให้เห็นถึงความสำคัญของสายงานครับ ต้องดูว่ามันจะต่อยอดให้เราไปได้ขนาดไหน อย่ามองแค่เงินอย่างเดียว แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 08:24:00 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 15:56:16 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 15:55:58 แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 55 15:53:40 จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 15:53:11

ความคิดเห็นที่ 2 1.2 กลุ่มที่เงินเดือนเริ่มต้นอยู่ในระดับปกติ (ไม่สูงมาก ถึง สูง) แต่ที่เค้ามีคือ บริษัทในกลุ่มธุรกิจเค้ามีเยอะ และหลากหลาย ทำให้การย้ายงานเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะมีตัวเลือกในตลาดให้สมัครเยอะ อาทิกลุ่ม FMCG ซึ่งกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เพื่อน ๆ ผมเงินเดือนเริ่มต้นไม่ค่อยสูงครับ แต่พอย้ายงานที จะได้แบบก้าวกระโดด ยกตัวอย่างให้เห็นนะครับ เพื่อนคนหนึ่งทำห้างดอกบัว ก่อนหน้านี้เงินเดือน 17,000 เป็น 24,000 เป็น 44,000 และปัจจุบันอยูที่ 60,000++ อายุ 27 ปี เพื่อนอีกท่าน เริ่มจากนมเจ้าหนึ่ง เริ่ม 9,500 เป็น 32,000 เป็น 99,000 ปัจจุบัน 140,000++ ประมาณได้ 200,000 ได้ อายุ 36 ปี นี่จึงเป็นสาเหตุให้ผมมองว่า เด็กจบใหม่ควรจะเลือกงานหน่อย โดยควรดูปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่ 1. สายงานว่าชอบหรือไม่ และความก้าวหน้าในสายงานของการย้ายงาน กว้างพอหรือไม่ 2. ตำแหน่งที่เราไปทำ เป็นตำแหน่งที่เป็น หัวใจ ของบริษัทนั้นหรือไม่ เช่นหากเป็นห้างขายปลีก หัวใจคือ Operation และ จัดซื้อ แต่หากเป็น FMCG หัวใจคือ Marketing และ Sale ไม่ใช่ว่าเราไปทำหน้าที่จัดซื้อ ในบริษัท Big Four ที่เกี่ยวกับภาษี มันก็ดูไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ (ลองดูความเห็นที่ 36 ของคุณ sanow และความเห็นที่ 37 บทวิเคราะห์ของผมครับ) 3. เงินเดือน ก็ควรได้ตามสมควรและพอค่าใช้จ่ายครับ เพิ่มเติมเรื่องประวัติของเพื่อนครับ เพราะบางท่านอาจจะมองว่า แหมจบนอกอ่ะเปล่า อะไรอย่างนี้ 1. คนแรกที่เคยอยู่ห้างดอกบัว จบต่างจังหวัด เรียนตรีและโทที่ ม เอกชน แถวหัวหมากที่กรุงเทพ เกรดกลาง ๆ 2 ปลาย เด็กกิจกรรมประมาณนึง 2. คนนี้น่าสนใจกว่าครับ ที่ทำบริษัทนม จบเกษตร เกรด 2 ปลาย ๆ จบ ป.ตรีครับ ยังไม่จบโท ทั้งคู่ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับดีมาก ภาษาอื่น ๆ ไม่ได้เลย และก็ไม่ได้จบนอก บ้านก็ไม่ได้รวยครับ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 08:30:24 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 08:28:36 จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:03:31

ความคิดเห็นที่ 3 เดี๋ยวจะมาต่อ เด็กจบใหม่กลุ่มที่ 2 ครับ กลุ่มที่ทางเลือกอาจจะน้อยหน่อยครับ แต่ขอย้ำครับ ว่าส่วนตัวมองว่า "สถาบันและเกรด เป็นเพียงตัวช่วย แต่ไม่ได้กำหนดว่าใครจะประสบความสำเร็จ หรือไม่ประสบความสำเร็จ" จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:04:54

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วคำว่า ประสบความสำเร็จ   มันครอบคลุมไปถึงอะไรบ้างค่ะ   หากไม่ใช่วุฒิการศึกษา สถาบัน เกรด   หรือสิ่งเหล่านี้เป็นแค่การเริ่มต้นของชีวิต  ขอแง่คิดหน่อยค่ะ จากคุณ : SheaButter4/22 เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:28:19

ความคิดเห็นที่ 5 อืม เงินเยอะจัง เห็นแล้วน้ำลายไหล เราก็กำลังคิดจะเปลี่ยนงานอยู่ เราว่าเราอยู่ในกลุ่ม 1 นะ อิอิ จากคุณ : hypopanda เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:46:39

ความคิดเห็นที่ 6 กลุ่ม ที่ 4  ทำงานสบาย  เงินเดือนไม่มาก  (ไม่ถึง หมื่น) แต่ อาศัย ดวง โชคชะตา หลังเลิกงาน หรือ วันหยุด นับเลข 9 หลัก เทศกาลบอลเตะ ลุ้นเลข ต้นเดือน กลางเดือน รวมรายได้ ก็ 500000++ แล้วเอาเงิน ไปหมุน ปล่อยเอาดอก โดยโฆษณา แปะตามเสาไฟฟ้า เป็นการช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์ ที่เดือดร้อน จากคุณ : Korea so sad เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 16:58:25

ความคิดเห็นที่ 7 เงินเดือนเป็นแสน ทำไมดูเหมือนหากันง่ายๆจังเลย จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 17:51:55

ความคิดเห็นที่ 8 ผมอยู่ในกลุ่มที่ 37 ครับ : กลุ่มขี้อิจฉา 37.1 เห็นใครได้เงินเดือนเยอะแล้วก็หมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก ไม่วายต้องเอามันไปนินทา 37.2 อิจฉาแต่ก็ขยันเข้ามาอ่านห้องสีลมอยู่นั่น จากคุณ : CatchinG เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:16:52

ความคิดเห็นที่ 9 จขกท.ครับ ผมสนใจตรงนี้ "เพื่อนคนหนึ่งทำห้างดอกบัว ก่อนหน้านี้เงินเดือน 17,000 เป็น 24,000 เป็น 44,000 และปัจจุบันอยูที่ 60,000++ อายุ 27 ปี" ทำงานตำแหน่งอะไรเหรอครับ จากคุณ : Davinciza เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:21:42

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วเงินเดือน 9,000 อย่างเราล่ะ จะกินจะอยู่แต่ละเดือน ประหยัดซะ ^^'' จากคุณ : log in นี้หน้าตาดีสุดเชื่อป่ะ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:22:32

ความคิดเห็นที่ 11 ใครชอบบอกผมทีหลังไมค์ก็ได้ครับ FMCG หมายถึงอะไรครับ  เห็นพูดถึงหลายกระทู้เลย - -" สำหรับประเด็นเจ้าของกระทู้  ผมยังติดใจ  ถ้าเลือกงานเยอะอาจจะได้เริ่มต้นงานช้านี่ครับ  กว่าจะได้เริ่มต้นอาจจะเป็นปีเลย     อีกอย่างทีสงสัยคือ ถ้าเราไม่แน่ใจว่าเราอยู่กลุ่มไหน  สาขามหาลัยเรามีเชื่อเสียงพอหรือไม่  แล้วจะเลือกสมัครงานยังไงครับ  เช่นเราอยู่มหาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์  แต่เราจบคณะที่เพิ่งเปิดใหม่ๆด้านการจัดการอะไรแบบนี้ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:28:25

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาตกใจกะตัวเลยเงินเดือน เดินหงอยๆออกจากกระทู้ไป จากคุณ : หมาน้อยกะหมาใหญ่ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:29:24

ความคิดเห็นที่ 13 FMCG = fast moving consumer goods เช่น Nestle, Colgate จากคุณ : มะม่วงน้ำดอกไม้ เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:33:55

ความคิดเห็นที่ 14 . . ของผมจบตรี ม.รัฐในประเทศ เกรดสองปลายๆ ภาษางูๆปลา ผมน่าจะอยู่ในกลุ่มสอง ไม่น่าใช่กลุ่มแรก เงินเดือนเริ่มจาก 9,000 > 12,000 > 25,000 > 47,000 > 65,000 > 85,000 > 60,000 > 95,000 > 160,000 ไว้มีเวลาว่าง จะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังครับ จากคุณ : rar chair เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:52:04

ความคิดเห็นที่ 15 เด๋วมาต่อครับ ยังไม่จบ ยังไม่จบ จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 18:53:50

ความคิดเห็นที่ 16 ปูเสื่อรอค่ะ จบปีหน้า :) จากคุณ : ฮวานโต๋น่อย เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 19:23:54

ความคิดเห็นที่ 18 อย่าลืมความสุขครับ เพราะเงินซื้อความสุขในที่ทำงานที่มีแต่ความทุกข์และใส่หน้ากากเข้าหากัน    เพราะชีวิตของเด็กจบใหม่อยู่กับงาน มากกว่าตัวเองเสียด้วยซำครับ จากคุณ : จากลุงแก่ๆ (ซาหลิ่มหลากสี) เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 20:03:05

ความคิดเห็นที่ 19 รอฟังต่อน่ะค่ะ จะจบเทอมหน้าแล้ว .. ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยค่ะ 555 ไม่รุ้ว่า ความรุ้และความสามารถจะจัดอยุ่ในกลุ่ม 1 ได้มั้ย มีตัววัดมั้ยค่ะ จากคุณ : หญ้า (ต้นหญ้าสีขาว) เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 20:41:36

ความคิดเห็นที่ 20 ผมจะไม่เชื่อในสิ่งที่คุณพูด ... จนกว่าจะได้ทราบรายละเอียดและสายงานที่เพื่อนคุณทำ " เพื่อนคนหนึ่งทำห้างดอกบัว ก่อนหน้านี้เงินเดือน 17,000 เป็น 24,000 เป็น 44,000 และปัจจุบันอยูที่ 60,000++ อายุ 27 ปี " พูดตรง ๆ ว่าเงินเดือนเยอะว่า Manager เดิมผมอีกครับ ซึ่งเป็น บ.รับเหมาก่อสร้างชื่อดัง ... หวังว่าจะไม่มาโม้และนั่งนึกเอง แล้วเอามาเขียนครับ ขอข้อพิสูจน์ด้วยครับ จากคุณ : ผมเป็นมาเฟีย เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 20:42:14

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าจะบอกว่าให้เลือกเยอะเพราะ 1. สายงานว่าชอบหรือไม่ และความก้าวหน้าในสายงานของการย้ายงาน กว้างพอหรือไม่ 2. ตำแหน่งที่เราไปทำ เป็นตำแหน่งที่เป็น หัวใจ ของบริษัทนั้นหรือไม่ เช่นหากเป็นห้างขายปลีก หัวใจคือ Operation และ จัดซื้อ แต่หากเป็น FMCG หัวใจคือ Marketing และ Sale ไม่ใช่ว่าเราไปทำหน้าที่จัดซื้อ ในบริษัท Big Four ที่เกี่ยวกับภาษี มันก็ดูไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ 3. เงินเดือน ก็ควรได้ตามสมควรและพอค่าใช้จ่ายครับ สิ่งเหล่านี้มันต้องเลือกอยู่แล้วครับ ถึงไปสมัครน่ะ เราจะไปสมัครตำแหน่งอะไร เราก็ต้องเลือกแล้วดิครับว่าจะทำงานตรงนั้น แต่ที่เขาบอกว่าเด็กจบใหม่อย่าเลือกเยอะนี่เขาจะสื่อถึงว่า "เด็กจบใหม่อย่ามองว่าเราเรียนมาตั้งหลายปี เสียเงินไปเป็นแสนเป็นล้าน ดังนั้นต้องเริ่มสตาร์ทที่เงินเดือน1แสนอัพ และตำแหน่งต้องเป็นผู้จัดการขึ้นไป" เด็กจบใหม่ชอบโลกสวยครับ คิดว่าจบมาสูงๆเงินดีแน่ ตำแหน่งสูงแน่ ทำให้เลือกเยอะ ดังนั้นเขาจึงบอกว่า "เด็กจบใหม่อย่าเลือกเยอะ" ส่วนที่เจ้าของกระทู้บอกมานั่นน่ะเป็นการเลือกขั้นพื้นฐานแล้วครับ ใครที่สมัครงานโดยไม่ดู3ข้อนั้นของเจ้าของกระทู้นี่ไม่ใช่ไม่เลือกเยอะหรอก แต่น่าจะเป็นพวกสมัครมั่วสมัครดะสมัครไปทั่วมากกว่านะ จากคุณ : Teuton เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 20:50:41

ความคิดเห็นที่ 22 ขอพูดในฐานะ ที่ทำงานมาได้สามปีแล้วอ่ะนะคะ เด็กจบใหม่ ควรเลือกที่แรกให้ดีที่สุด เท่าที่จะเลือกได้คะ สมองเรายังนิ่ม เราจะรับอะไรได้อีกเยอะ ถ้าเราอยู่ที่แย่ๆ เราก็จะจดจำแต่เรื่องแย่ๆ (แต่ยกเว้นเรา.. เรากลับไม่จดจำอะไรจากออฟฟิตที่แรกที่เราทำเลยทั้งที่เราทำปีกว่าๆ) จากคุณ : หวานใจนายโหด เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 20:58:05

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่าเจ้าของกระทู้จะพูดความจริงหรือพูดไม่จริง ก็อยู่ที่วิจารณญาณของผู้อ่านแต่ละคนครับ บางประโยคฟังดูแล้วก็ได้แง่คิดดี ก็เก็บเอาไปใช้ บางประโยคฟังแล้วทะ:-) ๆ ก็อ่านผ่าน ๆ ไป อินเตอร์เน็ตก็คืออินเตอร์เน็ต แต่ความคิดผม หากทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้ว ผลตอบแทนย่อมคุ้มค่าเสมอครับ จากคุณ : Lunarz_h เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 21:32:21

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าจขกท. ไม่"ออกตัว..."คงอ่านลื่นกว่าเนี้ยอ่ะค้าบ จากคุณ : CatchinG เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 21:38:22

ความคิดเห็นที่ 25 กระทู้นี้เป็นการแสดงความเห็นของผม และมุมมองที่ผมมีต่อการทำงาน เบื้องต้นผมจะอธิบายแนวคิดของผมให้หมดก่อน แล้วจะตอบคำถามของท่านที่ผมตอบได้ แต่ตอบไม่ได้ก็จะไม่ตอบนะครับ แต่เชื่อเถอะครับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้อะไรกับการโกหกหรอกครับ ต่อนะครับ กลุ่มนักศึกษาจบใหม่กลุ่ม 2 ก็คือ กลุ่มที่คุณสมบัติไม่เหมือนกลุ่ม 1 นั้นเอง (เข้าใจนะ) แต่ว่าไม่ได้แปลว่าเค้าไม่เก่ง หรือไม่ฉลาด เพียงแต่ว่า แต่ละคนมีแนวทางการใช้ชีวิตที่ต่างกัน รวมถึงต้นทุนชีวิตที่ต่างกันด้วย อาทิ คนยากจน แม้ว่าจะเรียนเก่ง แต่ก็อาจจะไม่มีเงินเรียนในระดับปริญญาตรีได้ เลยต้องเรียนปวส ซึ่งหมายความว่า เค้าเก่ง เค้ามีความสามารถ เพียงแต่โอกาสเค้าไม่เอื้ออำนวย ซึ่งกลุ่มนี้ ผมมองว่า งานแรก "อย่าเลือกเยอะ" ครับ เพราะสิ่งที่สำคัญของคุณคือ ประสบการณ์ ประสบการณ์ และประสบการณ์ งานแรกหากเลือกไม่ได้ ก็ให้คว้าโอกาสที่ดีที่สุดก่อนครับ แล้วเก็บประสบการณ์และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพราะประสบการณ์จะทำให้คุณมีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ถ้าคุณเก่งจริง! และประสบการณ์คุณมีค่าจริง ๆ อาทิเช่น งานของคุณเป็นการทำระบบ แล้วคุณได้มีโอกาสทำระบบ SAP สะสมประสบการณ์ไว้ และเก่งจริง ดังนั้นแม้ว่าคุณจะไม่ได้เข้าข่ายคนกลุ่มแรก แต่ค่าตัวคุณก็ไม่ถูกครับ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ช่างตามโรงงาน ที่กินตำแหน่งผู้จัดการโรงงานหลาย ๆ ท่าน ที่มีประสบการณ์มากมาย รู้จักเครื่องจักรของโรงงานอย่างทะลุปรุโปร่ง คุมคนงานได้ ทำให้โรงงานผลิตสินค้าได้อย่างราบรื่น คนเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยที่เงินเดือน เกินแสน! ทั้ง ๆ ที่พูดอังกฤษไม่ได้ ปริญญาตรีบางท่านก็ไม่มีด้วยซ้ำ แต่บริษัทก็ยอมจ่าย เพราะประสบการณ์ของเค้า มันมีมูลค่า คุณจะเป็นคนกลุ่มไหน ประเภทไหน คุณต้องตอบตัวเองครับ เพราะนี่คือความเห็นของผม คุณอ่าน เก็บประโยชน์จากมันไป อันไหนไม่มีประโยชน์ต่อคุณก็ไม่ต้องสนใจครับผม ชีวิตคุณ คุณเลือกเองครับ จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 22:43:31

ความคิดเห็นที่ 26 ของเราแค่7800 ดีหน่อย ทำกับแม่ สบายไปหน่อย จากคุณ : บราวนี่ชีสเค้กท็อปปิ้งวิคครีม เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 22:45:52

ความคิดเห็นที่ 27 อยู่ 1.1 อะ จะย้ายไปไหนยากมากอะ ทำไงดีครับ ทำมาจะ 2 ปีละ จากคุณ : Ree เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 23:01:47 A:180.183.14.192 X: TicketID:280301

ความคิดเห็นที่ 28 อ้าว จบแล้วหรอ มีต่อรึเปล่าคะ ? จากคุณ : eat pray love เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 23:01:54

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบคำถามให้นะครับผม จากมุมมองของผมล้วน ๆ ดังนั้น อ่านแล้วก็ต้องพิจารณาด้วยตัวเองประกอบด้วยนะครับ คุณSheaButter4/22: ปัจจัยที่จะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ เป็นสิ่งที่คุณกำหนดเองครับ และแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างผม ขอให้มีรายได้เข้ามาเดือนละ 100,000 โดยไม่ต้องทำงาน ถือว่าประสบความสำเร็จครับ ลองหาของคุณเองครับ ส่วน สถาบัน เกรด ภาษา มีผลหนักสุดคืองานแรกครับ เพราะส่วนใหญ่จะดูจากตรงนี้เป็นหลัก แต่หลังจากนั้น บริษัทต่อ ๆ ไป ประสบการณ์ที่คุณได้รับจากบริษัทก่อนหน้า จะช่วยให้คุณก้าวหน้าในสายงานของคุณครับ คุณกบกินกะลา เงินเดือนเป็นแสน หาไม่ง่ายนะครับ เพียงแต่คนรอบตัวผม มีเยอะที่เกินแสน แต่ทุกคน เก่งจริง ๆ ครับ แต่หากจะหาคนรายได้เดือนละเป็นแสน เดินตลาดสดก็เจอแล้วครับ แม่ค้าที่ขายของกัน รวย ๆ ก็มีเยอะครับ คุณDavinciza ตอนนี้เพื่อนผม ไม่ได้อยู่ห้างดอกบัวแล้วนะครับ แต่ตอนอยู่ เป็นตำแหน่ง Management Trainee ครับ เงินเดืิอน 44,000 บาทครับ บางรุ่นได้ 36,000 บางรุ่นได้ 50,000 ก็มีครับ คุณ Ter @ AFC วิเคราะห์ตัวเองครับ คิดว่าตัวเองอยู่กลุ่มไหน แล้วลองดูว่าแนวคิดที่ผมบอก พอจะมีประโยชน์ไหม ยังไงก็ลองดูนะครับ หากติดขัดเรื่องเงิน ก็ไม่ควรเลือกมากครับ อย่างผม ผมก็ยอมลดเงินเดือน เพื่อที่จะได้เริ่มในสายงานที่ตัวเองชอบครับ คุณ rar chair อยากฟังครับผม ยังไงลองดูแนวคิดของผม เกี่ยวกับกลุ่ม 2 แล้วลองดูว่าเหมือนกับคุณหรือเปล่านะครับ แต่ผมเชื่อว่าประสบการณ์คุณจะเป็นประโยชน์ต่อน้อง ๆ ครับ คุณ ผมเป็นมาเฟีย ไม่มีหลักฐานครับ เพราะผมไม่เคยขอ สลิปเงินเดือนเพื่อนนะครับ แต่เห็นอยู่ เอาเป็นว่า เค้าเริ่มจาก King Power ต่อด้วย บริษัทข้ามชาติที่หนึ่ง จำชื่อไม่ได้ แล้วก็ต่อด้วย ห้างโลตัส แล้วก็ต่อด้วย ยูนิลิเวอร์ ปัจจุบันตำแหน่ง Trade Manager ครับ ดูจากชื่อบริษัทแล้ว ศักยภาพที่เค้าจะจ่าย จ่ายได้อยู่แล้วครับ แล้วเพื่อนผมมันได้ไปดูงานหลายประเทศมาก ประสบการณ์มันก็สูง เค้าเลยจ่ายแพงครับ และ Trade Manager ไม่ได้มีคนเดียวนะครับ อายุก็ไล่เลี่ยกัน มันก็เก่งจริง ๆ ครับ เด็กจบใหม่ หากเรียนจบจากวิศวะ สถาบันดัง ๆ เกรดสวย ภาษาเยี่ยม สาขาหายาก ส่วนใหญ่ก็เริ่มที่ 100,000 ก็ไม่น้อยนะครับ คำถามคือ เด็กจบใหม่หรืออายุน้อยกว่า แต่ได้เงินเดือนมากกว่าผู้จัดการคุณไม่แปลกหรอกครับ เพราะปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่างไม่เหมือนกัน แต่หากทำงานที่เดียวกันกับผู้จัดการคุณ การงานเหมือนกัน อายุน้อยกว่า แต่ได้เงินเดือนมากกว่า อันนี้สิ แปลกครับ สิ่งที่คุณไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีครับ ผมพิสูจน์มาด้วยตัวเองแล้วครับ คุณTeuton เห็นด้วยครับผม แต่ผมมองว่าส่วนใหญ่ เด็กจบใหม่ มองที่ เงินเป็นหลักครับ ไม่ได้มองที่ความก้าวหน้าทางอาชีพในอนาคต ผมจึงอยากเน้นตรงนี้ครับ เพราะอย่างทีี่บอก แม้ว่าคุณจะเป็นคนกลุ่ม 1 เหมือนกัน แต่หากคุณละเลย ความสำคัญของสายงาน คุณก็อาจจะ ตัน ในหน้าที่การงานก็เป็นได้ครับ อยากถามอะไรก็ถามได้ครับผม ตอบได้เท่าที่ตอบได้นะครับ แต่ย้ำอีกทีว่าไม่ได้โกหกครับ ส่วนความเห็นที่ 17 คุณสำราญ บุรี: ญาติเสีย ก็รีบไปเผานะครับ ไม่ต้องเสียเวลาอ่านก็ได้ครับ จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 23:03:18

ความคิดเห็นที่ 30 เปนไปได้ ขนาดเรายังก้าวกระโดดเลย จาก 11000>16000>27000>45000 ปสก ทำงาน 3 ปี ขึ้นอยู่กับสายงานและประสบการณ์ของงานนั้นๆว่ามีค่าหรือเปล่า จากคุณ : ลูกอีสานพเนจร (ลูกอีสานพเนจร) เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 23:23:32

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนตัวผมแล้ว จากที่ทำงานมา เด็กจบใหม่ ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรต่องานในบริษัทมากนัก ก็แค่จบมาใหม่ คนที่อยู่เก่า เก่งกว่ามากนัก น้องมาแค่ให้พี่สอน พอเริ่มทำเป็นก็ลาออกไป อัพเงิน คนเรียนเก่งใช่ว่าจะทำงานดี คนทำงานจะเก่งไม่เก่ง จะนับกันได้จริงๆ เป็นปีๆผ่านไปแล้ว หากคุณจบมาแล้วไม่ใช่สาย ท๊อปๆ ของอาชีพในปัจุบัน เป็นแค่หนุ่มสาว office หาก start มากกว่า 20000 ก็ถือว่าดี อายุ 30 ได้ 50000 ก็ถือว่าเก่ง แต่เชื่อเหอะ คนที่ได้น้อยกว่านี้ เป็นจำนวน มากกว่าคนที่ได้เท่านี้ จากคุณ : - B i g T o w - เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 23:27:00

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบเพิ่มให้คุณผมเป็นมาเฟียอีกนิดนะครับ เพื่อนผมทำสายงานจัดซื้อมาตลอดครับ รวมถึงดูแลช่องทางการขายต่าง ๆ ให้สินค้า อย่างที่รู้ครับว่าต้องใช้ฝีมือขนาดไหน. โดยเฉพาะหากเป็นจัดซื้อของห้างใหญ่ คุณต่อรองส่วนลดทางการค้าให้ห้างเพิ่มได้แค่ 1% กำไรเค้าก็เพิ่มเป็นล้านแล้วครับ เงินเดือนแค่นี้จ่ายได้อยู่แล้ว อีกท่านก็น่าสนใจครับ แต่ผมว่าคนนี้เก่งเกินไปนะ เรียกว่าเป็นเทพเลยละสำหรับผม อาจารย์ผมเอง จบเอแบค 3 เมเจอร์พร้อมกันคือ โฆษณาและบีญชี จบโท 2 ใบ ที่ mim ธรรมศาสตร์ และ university of new york มีประสบการณ์ทำงานบริษัทต่างชาติหลายที่ เจอกันล่าสุดเป็นตำแหน่ง Global Business Communication Managrr ขิง P&G สนนค่าตัวอยู่ที่ 600,000 บาทถ้วนต่อเดือนครับ ประจำอยู่สิงคโปร์ บางอาทิตย์บินไปมา 3 ประเทศในหนึ่งอาทืตย์ แน่นอนครับ ทำงานหนักสุดสุด จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 23:33:33

ความคิดเห็นที่ 33 ค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับ จขกท.ในบางเรื่องนะคับ ถือว่าแชร์ประสบการณ์แลกเปลี่ยนกัน ผมทำงานมา 3 ที่ ธุรกิจ แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เรียกว่าแต่ละธุรกิจ แทบไม่เกี่ยวข้องกันเลยครับ ขึ้นกับตอนที่เรา Present เราทำให้เชื่อได้มากแค่ไหนว่าเราสามารถเรียนรู้ได้ มนุษย์ไม่มีข้อจำกัดในการเรียนรู้ครับ ผมเชื่ออย่างนั้น และคนที่รับผมเข้ามาก็เชื่อ และพิสูจน์มาแล้วทุกที่ว่าผมทำได้ จากคุณ : treser[*_-] เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 23:47:12

ความคิดเห็นที่ 34 เราควรหา "ความรู้" จากงานที่เราไปสมัคร แล้วเอาช่องทางมาทำเงินนะครับ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 00:34:00 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 00:31:33 จากคุณ : บ้านๆ (Ivalice) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 00:31:09

ความคิดเห็นที่ 35 เลือก เท่าที่พอจะเลือกได้ด้วย ไม่ใช่ เลือกในสิ่งที่เลือกไม่ได้ ที่มันเรียกว่า เลือกแบบไม่ฉลาด หรือ โง่แล้วอยากเลือก จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 00:51:51

ความคิดเห็นที่ 36 ผมทำงาน >>อยู่ห้างดอกบัวเหมือนกัน >> ตำแหน่งมีคำว่า Operation เหมือนกัน>>ทำไมเงินเดือน 14K ฟะ >> ขอบอกอีกว่า ห้างดอกบัวนั้น งานเครียดโคตรนะครับ จากคุณ : ElMinZeed เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 01:46:21

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าเลือกได้ก็ดีไปครับ บางคนได้แค่ไปเป็นตัวเลือก ก็ต้องยอมทำไปก่อน น้องชายเราจบมหาลัยรัฐชื่อดังระดับหนึ่ง (เข้าได้เพราะโควต้ากีฬา) ปีหนึ่งติดโปร เทอมสองติดโปร ปีสองถูกพักการเรียน มาขยันตอนปลาย จบได้ 2 กว่า ๆ สมัครงานหลายที่มาก ไม่ได้ซะที ดันโชคดีได้ทำงานบ.ใหญ่สาย FMCG แล้วก็โชคช่วยเลื่อนตำแหน่งหลายครั้ง เพราะคนตำแหน่งเหนือกว่า ถูกซื้อไปกะทันหัน ตอนนี้อายุ 26 ก็เป็น manager เงินเดือนประมาณ 70,000 แต่ถามหน่อยว่า กี่คนที่จะได้แบบนี้ เพื่อนเราหลายคนมาก ทำงานสายบัญชีกับปูน หรือ ซีพี ตอนนี้ก็ 30 กันแล้ว เงินเดือนยังแค่ 30-40k กันอยู่เลย ผิดกับคนที่ทำสายออดิด อดทนเหนื่อยยากให้เกิน 3 ปี ก็อัพค่าตัวกันได้เกิน 50+ ทุกคน งานอ่ะ ถ้าชีวิตครอบครัวไม่ได้ดิ้นรนมาก เลือกงานที่ชอบ เงินเดือนพออยู่ได้ มันก็พอแล้ว แต่บางคน ต้องเลี้ยงอีกหลายชีวิต โอกาสไม่ได้มีเท่ากันทุกคน (กล้าพูดเลยว่า เด็กจบใหม่ทุกคน มีต้นทุนมาไม่เท่ากัน) ได้งานอะไรก็ต้องทำไว้ก่อน (ไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ ว่ามันจะโตได้มากแค่ไหน)  เพราะอย่างที่บอก บางคนแค่ถูกเลือกจากบริษัทก็ดีใจแล้ว แต่บางคนก็มีโอกาสได้เป็นคนเลือก จากคุณ : sanow เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 02:07:36

ความคิดเห็นที่ 38 ขออนุญาต วิเคราะความเห็นที่ 36 ของคุณ sanow ครับ น้องคุณไม่ได้แค่โชคดีหรอกครับ ต้องเก่งด้วยครับ ผมมั่นใจ ไม่งั้นเค้ามาไม่ได้ถึงจุดนี้ไงครับ ดั่งที่ผมบอกไว้เบื้องต้นว่า งานแรก เกรดและสถาบัน จะสำคัญมาก แต่หลังจากงาานแรก งานต่อ ๆ ไปเค้าจะดูสิ่งที่คุณทำและให้ความสำคัญกับผลงานคุณจากบริษัทก่อนหน้าเป็นหลัก เกรดและสถาบันเป็นแค่องค์ประกอบครับ สำหรับเพื่อนคุณ อายุ 30 เงินเดือน 30-40k ก็ไม่ได้น้อยนะครับ แต่หากให้ผมมอง ผมว่า สายบัญชีเหมือนกัน แต่เลือกบริษัทผิด ก็ตันได้อยู่แล้วละครับ หากมีหมอมาสมัครงานกับคุณ คนหนึ่งเป็นหมอในคลินิคของบริษัทเอกชน กับอีกคนเป็นหมอจากโรงพยาบาลใหญ่ ใคร ๆ ก็อยากได้หมอจากโรงพยาบาลใหญ่ครับ เพราะประสบการณ์มากกว่า ผ่านงานที่ตรงสายและท้าทายมามากกว่า หมอเหมือนกัน แต่ทำคนละที่ ค่าตัวก็ต่างกันแล้วครับ เพื่อนคุณที่ทำอยู่ปูน กับ ซีพี ก็ สายบัญชี มันไม่ใช่ หัวใจหลักขององค์กร มันไม่ใช่แหล่งรายได้ แต่เป็นหน่วยสนับสนุน ลองศึกษา วิศวกรของปูน หรือ ฝ่ายขายของซีพี ที่อายุใกล้ ๆ กันสิครับ ผมเชื่ีอว่าเงินเดือนเค้าไปไกลกว่า เพราะตำแหน่งและหน้าที่เค้า เป็นหัวใจหลัก และแหล่งรายได้ขององค์กรณ์ เพื่อนคุณที่ทำสาย Audit และได้เงินเยอะ ก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะเค้าเลือกงานได้ถูกที่และตรงสาย และเป็นหัวใจหลักขององค์กรณ์ ก็ต้องได้รับผลตอบแทนที่สูงอยู่แล้วครับ จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 08:39:42

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ treser[*_-] อยากให้เน้นดูสายงานนะครับ ไม่ใช่สินค้าหรือธรุกิจ อาทิ หากคุณเป็น Sale แต่ขายสินค้าที่ต่างกันมา 3 บริษัท มันก็เป็นสายงานเดียวกันครับ เพียงแต่เปลี่ยนสินค้าแค่นั้นเอง แต่คุณก็เก่งจริง ๆ ครับ ขอบคุณที่แบ่งปันความเห็นกันครับ จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 08:45:17

ความคิดเห็นที่ 41 กลุ่ม 1  เค้ามีตัวเลือกเยอะ ไม่แปลกหรอครับ ที่จะสามารถเลือกได้ กลุ่ม 2  กลุ่มนี้มักจะเป็นผู้ถูกเลือกมากกว่าเป็นผู้เลือก ได้งานแรกนี่ แทบจะเลี้ยงฉลอง  (ผมน่าจะอยู่กลุ่มนี้มั้ง) ขอเพิ่มได้มั๊ยครับ กลุ่ม 3 จบ ม. ไม่ดัง  เกรดไม่ได้ดี คิดว่าในประเทศนี้ มีสัดส่วนกลุ่มไหนเยอะที่สุดหละครับ? และที่เค้าบอกว่า เด็กจบใหม่ อย่าเลือกเยอะ   ผมคิดว่า เค้าก็คงหมายถึงคนส่วนใหญ่หละครับ ผมเชื่อว่า สถาบัน มีผลครับ มากด้วย มีบ.นึง เข้าสัมภาษกับผู้บริหาร เกือบสิบคน  และเกือบทุกคน เป็นรุ่นพี่ผม(น่าจะยกเว้น HR) อีกที่ผมเคยถาม คนสัมภาษตรงๆ เลยว่า ทำไมถึงเรียกผมมาสัมภาษ ทั้งๆที่profile ผมไม่ดี เปลี่ยนงานบ่อย  ถ้าผมเป็น HR ผมไม่เรียก(ตอนนั้นไม่คิดจะหางานแล้วแต่เค้าโทรตามหลายรอบเลยไป)   เค้าตอบว่า  เพราะสถาบัน  บ.เค้า รับ 2 สถาบันและสถาบันผม หาคนยาก จากคุณ : kolfparin เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 09:04:06

ความคิดเห็นที่ 42 บางทีกลุ่ม 3 ก็เลือกเองที่จะไม่อยู่กลุ่ม 1กับ 2 นะครับ ปล.ผมเรียนไม่จบ ตอนนี้กำลังเรียน กศน แต่รายได้เมื่อสามปีที่แล้วเดือนละ 300k จากคุณ : KnightDeva เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 09:37:29

ความคิดเห็นที่ 43 อย่าไป คิดอะไรมากครับ คิดมากไป พาลจะทำให้จิตตก ท้อในการทำงานซะงั้น คนเราเป็นแบบนั้นง่ายๆที่ไหน ไม่งั้นก็รวยทั้งประเทศ จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 09:54:32

ความคิดเห็นที่ 44 สำนวน จขกท. ทำให้เราอ่านแล้วรู้สึกว่า .. หยิ่งๆ ยังไงไม่รู้ ><" (เหมือนพี่ๆ ขายตรงที่ประสบการณ์ความสำเร็จ จะสำนวนประมาณนี้ เท่าที่เราสัมผัสมานะ เพราะ บ. ในเครือของบริษัทเราก้อทำขายตรงอยู่ เคยไปช่วยงานบ่อยๆ) แต่ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ ของเพื่อนๆคุณนะค่ะ จขกท. รับเดือนเป็นแสนแบบไม่ต้องทำงานนิ เล่นหุ้น หรือ ขายตรงคะ เก่งมาก ^^ จากคุณ : GunOey เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 10:00:21

ความคิดเห็นที่ 45 เพิ่งมีกระทู้ที่ จบจากเมืองนอกยังหางานยาก พอมาเจอกระทู้นี้ก็นะ ดีค่ะ ยินดีด้วยที่ชีวิตเริ่มต้นการทำงานจะเริ่มได้อย่างดี แต่คงมีไม่เยอะในสังคมสักเท่าไหร่(เดาเอานะ) พี่คนนึงแหละที่จบเอกชน เกรดขี้เหล่ขั้นเทพ เริ่มต้นงานจาก บัญชี รพ รัฐ เงินเดือนอย่าได้พูดถึงแต่ทำไงได้ไม่มีตัวเลือกให้มาก แต่ก็มีความสุขดี ย้ายงาน เงินเดือนตอนนี้ อายุ32 ยังไม่ถึง 20,000 เลยจ้า สุขบ้างเบื่อบ้าง แต่โดยรวมพี่ก็ยังมีความสุขดีมาก อยากบอกถึงน้องๆที่ได้เงินเดือนยังไม่เยอะตามเป้าหมาย หรือเห็นของคนอื่นๆเค้าได้เยอะกว่าก็อย่าไปเสียใจเลยค่ะ ถือซะว่าเราทำตัวเราให้ดีที่สุด พอใจสิ่งที่เรามี พอใจสิ่งที่เราได้ แค่นี้ก็ใช้ชีวิตมีความสุขแล้วจ้า จากคุณ : ตำบลสวนกล้วย เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 10:18:52

ความคิดเห็นที่ 46 ผมว่าท้ายที่สุดมันขึ้นกับปัจจัยหลาย ๆ ด้านครับ ได้งานแรกดีจริง แต่มือไม่ถึง ก็เท่านั้นแหล่ะ สิ่งสำคัญในงานคือประสบการณ์การทำงาน การทำงานเป็นทีมร่วมกับคนอื่น การได้รู้ว่าความรู้ที่เรียนมามันต้องเอามาปรับใช้กับชีวิตประจำวันขนาดไหน ถ้าเด็กจบใหม่มัวแต่มองเรื่องเงิน หรืออนาคต ตอนหางาน ก็เหนื่อยล่ะครับ ถ้าไม่ทำปัจจุบันให้ดี อนาคตมันก็ยากที่จะมีครับ พูดไปก็เหมือนซื้อหวยแหล่ะ จะมีกี่คนที่ถูกหวย จากคุณ : เอาชื่อรัยอ่ะ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 10:46:26

ความคิดเห็นที่ 47 เด็กจบใหม่ หากเรียนจบจากวิศวะ สถาบันดัง ๆ เกรดสวย ภาษาเยี่ยม สาขาหายาก ส่วนใหญ่ก็เริ่มที่ 100,000 ก็ไม่น้อยนะครับ น้อยจริงๆครับ เพราะเพื่อนจบ แมคคาทรอนิค รุ่น 01 จบ เครื่องทำความเย็น 01 เชิงสะพานพระราม 7 เงินเดือนไม่ถึงแสนครับ ถ้าไม่ไปเปิดบริษัทรับเหมาเอง จากคุณ : ฮานาก้า เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:25:18 A:182.52.61.81 X: TicketID:369642

ความคิดเห็นที่ 48 คห44 ครับ อยากได้ครับ แต่ยังไม่ได้ครับผม ไม่ชอบเล่นหุ้น ไม่ชอบขายตรง แต่ชอบลงทุนครับ ปัจจุบันผมทำธุรกิจส่วนตัวนะครับ ที่ตั้งกระทู้นี้ เพื่อบอกเล่าประสบการณ์เท่านั้นครับผม จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 12:10:26

ความคิดเห็นที่ 49 ประสบการณ์ 3 ปี งานด้านออกแบบ บริษัทฝรั่ง เงินเดือน 15,000 อิจฉาหลายคนที่เงินเดือนเยอะจัง จากคุณ : ทาร์ทารัส เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 12:22:10

ความคิดเห็นที่ 50 ถึง คุณ rar chair (ความคิดเห็นที่ 14) เงินเดือนเริ่มจาก 9,000 > 12,000 > 25,000 > 47,000 > 65,000 > 85,000 > 60,000 > 95,000 > 160,000 ผมอยากทราบเหตุผลที่ เลือกย้ายงาน จาก 85,000 เป็น 60,000 บาท หน่อยได้มั้ยครับ คือ ผมดูจากการอัพเงินเดือน คุณน่าจะเป็นคนที่ฉลาดในการคิด เลยสงสัยว่า เหตุใดจึงเลือกที่จะรับเงินเดือนน้อยลงครับ (แค่อยากรู้เฉยๆ นะครับ) จากคุณ : I can't be a perfect man เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 13:04:54

ความคิดเห็นที่ 51 คงเป็นปัญหาเฉพาะกลุ่มเด็กที่ เก่ง นะครับ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เก่ง (พูดจากชีวิตจริง) ต่อให้คิดยังไง ย้ายงานยังไง ก็ยังไม่เก่ง เพราะตัวเขามีขีดจำกัด แต่ถ้าคุณเป็นพวกกลุ่มคนเก่ง จะเลือกสายงานว่าทำอย่างไรให้ได้เงินเดือนเป็นแสนนั้น มุมมองยังเป็นเพียงลูกจ้างราคาแพง ซึ่งผลที่ตามมาคือ งานรับผิดชอบสูง เครียด ซึ่งถ้าชอบแบบนี้ก็ดีไปครับ ส่วนประวัติของผมนะครับ เป็นเด็กต่างจังหวัด ตอนจะเรียนจบปริญญาตรี สายงานคอมพิวเตอร์ ถามว่าตอนเรียนจบจะเลือกสายงานธุรกิจไหม ขอตอบตามตรงนะครับ ขอให้มีบริษัทเรียกสัมภาษก็ยากแล้ว เรียกแล้ว ให้ผ่านก็ยังไม่รู้ ดังนั้นถ้าไม่ได้เป้นกลุ่มแบบ เจ้าของกระทู้ คือกลุ่มคนเก่ง เค้าไม่เลือกมากในการทำงานแรกครับ ขอให้ได้งานก็พอครับ หลังจากนั้นมีประสบการณ์ รู้ว่าชอบอะไร ก็ค่อย ย้ายงานครับ จากคุณ : คิดบวก เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 13:14:44

ความคิดเห็นที่ 52 ขอแสดงความคิดเห็นในส่วนของ"นักศึกษาจบใหม่" ตัวผมจบ IE เทคนิคกรุงเทพ มองว่าหากนักศึกษาจบใหม่มีโอกาสที่จะเลือกงานก็สมควรที่จะเลือก เพราะการสมัครงานหรือเข้าทำงานแบบสุ่ม(Random)ไม่ใช่วิสัยที่ดี เปรียบเสมือนการใช้"ดวง"มากกว่าการวิเคราะห์(พูดในกรณีที่มีโอกาสเลือกน่ะครับ) แต่ถ้า"ไม่มีโอกาสเลือก"ก็สมควรที่จะทำที่ไหนไปก่อนก็ได้(ต่างคนต่างวาระ บางครั้งต้องใช้ดวง บางครั้งต้องใช้โชค บางครั้งต้องใช้ความสามารถ) ปล.ตามที่ จขกท.กล่าวมาตัวผมอยู่ใน หมวดที่2.แต่ผมมีโอกาสเลือกก็เลยต้องเลือกไปตามระเบียบ จากคุณ : peet_titiwat เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 13:33:49

ความคิดเห็นที่ 53 จากประสบการณ์ของผม เลยอยากจะขอเพิ่มเติมแนวคิดอีกสักนิดครับว่า 1. ผมว่า งานแรก มันมีหลายปัจจัยในการเลือกครับ    - คนที่เลือกงานได้ (รวมทุกกลุ่มที่ จขกท. กล่าวถึง) คือ คนที่ทางบ้านสามารถ support เงินหรือค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ในช่วงที่เรายังไม่ได้งาน    - คนที่ได้ที่ไหนก็เอาไว้ก่อน คือ คนที่ทางบ้านไม่ support เพราะถ้าเค้ามัวแต่เลือกงาน เค้าจะเอาอะไรกินล่ะครับ เพื่อนผมเยอะแยะที่จบเกรด 4.00 แต่ทำงานที่แรก ได้เงิน 9,000-10,000 คนพวกนี้ ไม่ใช่ว่า เค้าไม่อยากเลือกนะครับ แต่ถ้าเค้ามัวรองานที่มันใช่ เค้าก็คงอดตาย ไม่มีตังค์กินข้าว 2. เด็กจบใหม่ ผมว่า เค้าไม่รู้กันหรอกครับ ว่า ตำแหน่งนี้ทำอะไรและจะก้าวหน้าไปเป็นอะไร เรียนมาแบบนี้ จะไปทำอะไรได้บ้าง เค้าจะรู้ก็ต่อเมื่อได้เข้าไปอยู่ในโลกของคนทำงานแล้วจริงๆ ซึ่งขนาดผมทำงานมาจะ 10 ปี ล่ะ บางตำแหน่งผมยังไม่รู้จักเลยว่า มันทำงานอะไรบ้าง ผมอยากจะแนะนำอย่างนี้ครับว่า 1. ช่วงแรกๆ ทำงานเพื่อเลี้ยงชีวิตไปก่อนครับ และพยายามมองหาตำแหน่งที่เหมาะสมกับเรา ถ้าหากงานที่ทำอยู่มันไม่ใช่ ก็รีบเปลี่ยนหรือย้ายสายงานให้เร็วๆ ครับ 2. ที่แรก ควรจะทำงานสัก 1-2 ปี ครับ เพราะมันจะทำให้คุณมีประสบการณ์ ต่อให้มันไม่เกี่ยวข้องกับงานใหม่ แต่มันจะทำให้คุณได้มุมมอง ทัศนคติ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การแก้ปัญหาต่างๆ สุดท้าย ในความคิดของผม ผมว่า จขกท. อยู่ในสังคมอีกสังคมนึง ที่เจอแต่คนกลุ่มที่ 1 ซะเป็นส่วนใหญ่ เลยถ่ายทอดแนวคิดออกมาเป็นแบบนี้ครับ คนที่เงินเดือนเยอะๆ มันมีเยอะก็จริง แต่ผมว่า ถ้าคิดเป็น % ออกมาแล้วมันน้อยมาก มันคงไม่ใช่ 50/50 อยู่แล้วครับ ผมคิดว่า 20% ก็เยอะแล้ว ลองคิดดูง่ายๆ ครับว่า ในบริษัทที่เราทำอยู่ หัวหน้า 1 คน คุม ลูกน้องกี่คน บางที่ 1 ต่อ 100 เลยนะครับ จากคุณ : I can't be a perfect man เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 13:34:49

ความคิดเห็นที่ 54 คนที่ผมรู้จัก เงินเดือนจากจบใหม่ ตามนี้  9,000 >> 12,000 >> 19,000 >> 45,000       อายุตามที่ได้เงินเดือน    23   >>    26    >>    27    >>    29 สายงานแคบมาก ๆ ครับ เป็นแผนก Support ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ในโรงงานอุตสาหกรรมครับผม แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 14:20:00 จากคุณ : masueoh เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 14:19:05

ความคิดเห็นที่ 55 ถ้าผมจะมีคำแนะนำให้แก่เด็กจบใหม่ ผมอยากจะบอกว่า หาตัวเองให้เจอครับ คำว่าหาตัวเองให้เจอไม่ได้หมายความแค่ว่า ค้นหาว่าตัวเองถนัดด้านไหน แต่รวมถึงค้นหารูปแบบวิถีชีวิตที่เหมาะกับตัวเองให้เจอด้วย คำแนะนำของ จขกท มันก็ถูกครับ แต่ไม่ถูกทั้งหมด คนบางคนอาจจะแค่ต้องการความมั่นคง(ความมั่นคงในที่นี้เป็นไปตามนิยามของเจ้าตัว)ต้องการเงินเดือนที่แน่นอน อาจจะไม่เยอะจนทำให้รวย แต่ก็พอกินแบบไม่อดอยาก มีบำนาญตอนเกษียณ คนกลุ่มนี่เขาไม่ได้อยากย้ายสายงานเป็นว่าเล่นแบบที่คุณพูดมา เขาแค่ต้องการบรรจุเป็นพนักงานราชการในหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง   คนบางคนแค่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก แม้ว่าสิ่งนั้นไม่มีวันทำให้รวย ผมเจอหลายคนนะครับ เขาแค่อยากเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ แค่ชอบรับโทรศัพท์คนเยอะๆ ได้ตอบคำถาม ต้องการแค่นั้น ถามว่าให้เขาย้ายไปทำงานอื่นแล้วได้เงินเดือนมากกว่าเดิม เขาก็ไม่เอา บอกว่าชีวิตอยู่ตัวแล้ว คนกลุ่มนี้ก็มีเยอะครับ ที่คิดว่าชีวิตเสถียรแล้วไม่ต้องดิ้นรนไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ส่วนคนในแบบที่ จขกท ยกมา คือคนที่มีความคิดอยากก้าวหน้า วัดความสำเร็จที่ตำแหน่งใหญ่โต และตัวเลขเงินเดือน เขาพร้อมที่เปลี่ยนงานถ้าเห็นว่ามันก้าวหน้า ตำแหน่งสูงขึ้น เงินเดือนมากขึ้น ในเมื่อคนแต่ละคนมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองเลือกอยู่แล้ว มันก็ดีอยู่แล้วครับ เพราะสุดท้าย "ความสุข"ไม่ใช่เรอะคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แล้วการเอาความสุขของเราไปวัดความสุขของคนอื่น มันเป็นเรื่องที่่ทำไม่ได้หรอกครับ เหมือนกับคุณมองว่าคนที่เงินเดือนน้อยกว่าคุณ ตำแหน่งต่ำกว่าคุณเขามีความสุขน้อยกว่า ตัวผมก็เคยสงสัยแบบคุณครับ ว่าทำไมคนส่วนมากถึงเลือกที่จะทำงานก๊อกๆแก๊กๆเงินเดือนหมื่นกว่าบาทไปตลอดชีวิต แทนที่จะลองเสี่ยงลาออกมาทำธุรกิจตัวเอง แม้จะเป็นการค้าขายเล็กๆน้อยก็ยังได้กำไรมากกว่าเงินเดือนที่รับอยู่  ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ลาออกจากงานเพื่อมารับช่วงต่อกิจการที่บ้าน และทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆของตัวเองควบกันไป2ธุรกิจ รายได้รวมก็ประมาณ2แสนต่อเดือน อาจฟังดูกระจอกในสายตาคนที่มีกิจการใหญ่โตที่รายได้เป็นล้านๆ แต่ผมก็รู้สึกว่าผมมาถูกทางแล้ว และหลังจากที่ได้คุยกับคนอื่นมากขึ้น ถึงค่อยเข้าใจว่าแต่ละคนก็มีความจำเป็นไม่เหมือนกัน  บางคนต้องรีบเรียนให้จบเพื่อออกมาทำงานหาเงินส่งน้องเรียน ส่งเงินให้พ่อแม่ เขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองว่างงาน3เดือนเพียงเพื่อหางานอันวิเศษได้ ชีวิตของ จขกท อาจจะคลุกคลีอยู่แต่กับกลุ่มคนมีตังค์ และอาจจะผมย้ำว่าอาจจะนะ อาจจะเป็นได้ที่ จขกท และครอบครัว รวมทั้งเพื่อนฝูงรอบๆตัว วัดความสำเร็จของชีวิตที่ตัวเลขเงินเดือน และ ตำแหน่งของอาชีพ ยอมเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆเพื่อก้าวกระโดดในอาชีพ ความคิดนี้ไม่ผิดครับ แต่มันผิดทันทีถ้าคุณคิดจะเอาโมเดลนี้ไปสวมให้กับคนทุกคน การแนะนำอะไรออกไปสู่สังคม ผมเชื่อว่าคุณมีความหวังดี เพียงแค่คุณยังไม่เคยเข้าใจคนที่แตกต่างจากคุณเท่านั้นเอง จากคุณ : อุราฮาร่า เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 14:24:19

ความคิดเห็นที่ 56 ==> สนับสนุนทั้งเจ้าของกระทู้ครับ และ #53 ผมจัดอยู่ในกลุ่ม 3 ล่ะมั๊ง สถาบันไม่ดัง เกรดไม่ดี ภาษาขาดแคลน บ้านยากจน เริ่มต้นเงินเดือน 2,800 ค่าครองชีพ 350 บาท (อนุปริญญานะ) (ธนาคารขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ปัจจุบันปิดไปแล้ว จริงๆได้แบงก์ใหญ่ด้วยแต่ให้ไปทำหน้าเคาเตอร์ ได้เงินเดือนเยอะกว่าหน่อยแต่ดูงานแล้วไม่น่าก้าวหน้าเลยไม่เอา ) ส่วนเงินเดือนเกินหกหลักตั้งแต่อายุ สามสิบห้า ย้ายงานรวมห้าที่ ==> แต่รู้มั้ยครับ ผมต้องตื่นกี่โมง นอนกี่โมง เรียนเสริมเท่าไหร่ มีเงินจ่ายค่าเทอม แต่ไม่มีเงินกินข้าว เข้าโรงจำนำเป็นปกติ มาม่าห่อเดียว ต้องแบ่งกิน 3 มื้อใส่น้ำเยอะๆ ให้อิ่ม ทำออกบ่อย ผู้ชายสูง 171 น้ำหนักไม่เคยเกิน 48 ใส่กางเกงเอว 26 ซึ่งแทบจะไม่มีขาย แต่อาศัยทำให้สะอาด ปรับบุคลิกภาพให้ดูดี ไม่ให้ดูโทรม ช่วยลดทอนเรื่องผอมไปได้ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยว (ก็มันไม่มีเงิน ถ้ามีเงินจะทำหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนหลังที่มีฐานะแล้วก็ยังคงมีนิสัยเหมือนเดิมอยู๋) เล่าให้ลูกฟังลูกก็ไม่เชือหรอก เกิดมามันก้ได้นั่งเบ็นซ์แล้ว ==> สิ่่งที่คุณต้องมี คือความพร้อมเมื่อโอกาสมาหา ถ้าโอกาสไม่มาหาคุณก็ต้องพาตัวไปหาโอกาส แต่ผมว่าโอกาสมีเสมอถ้าคุณมองหา เพียงแต่คุณพร้อมหรือไม่เท่านั้นเอง ครับ จากคุณ : Can_done เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 14:35:53 A:110.77.198.100 X: TicketID:270497

ความคิดเห็นที่ 57 ติดตามเข้ามาอ่านคห.ของทุกท่านค่ะ เผอิญว่าตอนนี้เป็นเด็กจบใหม่เหมือนกัน และเพิ่งเริ่มทำงานได้เข้าเดือนที่ 3 ชีวิตโดยรวมค่อนข้างตรงกับคห.53 ค่ะ แม้ทางบ้านจะซัพพอร์ตได้บ้าง ให้โต๋เต๋ได้บ้าง แต่ก็รั้นจะไม่โต๋เต๋เองและก็ทู่ซี้ไม่เลือกงาน แ่ต่เริ่มกับสิ่งที่เข้ามาเลยทันที ยังไงก็แล้วแต่ เราว่าคห.ของจขกท.และทุกท่านเป็นประโยชน์มากนะคะ โดยส่วนตัว เราก็เป็นคนนึงละที่อยากได้ิเงิน 5 หลัก แต่มันก็จริงอย่างที่จขกท.ว่า เพราะตอนนี้เงิน 5 หลัก ไม่ถือเป็นหลักประกันความสำเร็จของเีรา เพราะหลังจากเริ่มทำงาน เราว่าความสำเร็จในวัยทำงาน มันน่าจะอยู่ที่เราสามารถค้นตัวเองเจอมากกว่า ก็ขอให้จขกท.เอาประเด็นอื่นๆมาลงต่ออีกนะคะ พร้อมกับรออ่านความเห็นของทุกท่านเพิ่มด้วย แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 14:51:34 จากคุณ : ตลกวิชาการ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 14:49:48

ความคิดเห็นที่ 58 โคตรๆๆๆๆ เห็นด้วยกับความเห็นที่่ 53 เลยค่ะ เข้าใจอารมณ์คนจบใหม่จริงๆ ว่ามันยากแค่ไหนที่ต้องเดินเตะฝุ่นหางาน สำหรับน้องๆที่เขามาอ่าน ที่กำลังหางาน หรือกำลังจะเปลี่ยนงาน ก็อ่านกระทู้โดยใช้วิจารณญาณ และเหตุผลหลายๆด้านประกอบกันนะค่ะ ปัจจัยในการเลือกงาน ไม่ใช่มีแค่เงินอย่างเดียว ยังมีเรื่อง ครอบครัว วิถีชีวิต ซึ่งบางคนอาจหลงลืมไป โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว บางคนเลือกเงินน้อย แต่ใกล้บ้าน มีเวลาอยู่กับครอบครัว งานไม่โตไปกว่านี้ แต่ถ้าคุณเข้าไปถาม เขาแล้วเขากลับตอบว่า ผมเลือกครอบครัว (ทุกอย่างก็จบ) (ไปเรื่องนี้ได้ไง 555555+) เอาเป็นว่า คนเก่ง อยู่ที่ไหนก็เก่ง ก็หาทางไปจนได้แหล่ะค่ะ ขอแค่คุณเก่งโดยตัวคุณเอง มิใช่เพราะมีใครอยู่เบื้องหลัง คอยดันอยู่ตลอดๆ(แล้วเอามาอวด ว่าตนเก่ง เดี๋ยวจะอายคนอื่นเค้า) หรือคอยเหยียบคนอื่นเพื่อขึ้นไปยืนอยู่บนที่สูงกว่าก็พอ แค่นี้ก็พอแล้ว จากคุณ : ป๊อกกี้น้อย ลอยไปลอยมา เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 15:26:50

ความคิดเห็นที่ 59 งานแรกสำคัญจริงครับ ต้องเลือกให้ดี เพราะมันคือ career path ซึ่งงานหลายๆด้านโดยเฉพาะพวกงาน technical ในสาย IT มันค่อนข้างจะย้ายสายกันยาก เลือกทางไหนก็ต้องทำไปจนตาย จากคุณ : XBOX360 เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 15:42:09

ความคิดเห็นที่ 60 อย่างที่ผมบอกแต่ต้นครับ ผมเชื่อว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์จริง ๆ หลายความเห็นเอง ก็เปิดโลกอะไรใหม่ ๆ ให้ผมเหมือนกัน อ่านแล้วก็ต้องพูดตามว่า อืม ก็จริงแหะ ในขณะที่หลาย ๆ คน ก็ปิดกั้น และก็ถ่อยสุด ๆ ซึ่งผมก็แปลกใจเหมือนกันว่าผมไปทำอะไรให้เหรอ? แต่ผมว่า กระทู้นี้ก็บรรลุจุดประสงค์ของมันแล้ว หากท่านใดมีอะไรเพิ่มเติมก็ยินดีครับผม ปล. ผมไม่ได้รวยน้าาาาาาาา ทำงานทั่วไป ธรรมดา แต่ก็อาจคงต้องยอมรับว่า สังคมของผม ตัวเลขเงินเดือน มันก็สะท้อนถึงความสำเร็จจริง ๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 17:01:50

ความคิดเห็นที่ 61 เห็นด้วยกับ ความคิดเห็นที่ 55 อย่างมากค่ะ (เอาไปสิบกิฟท์เลยค่ะ) อย่าลืมนะคะ ชีวิตคนเรา มันไม่ได้มี 'มิติ' เดียว การจะประสบความสำเร็จที่แท้จริง เราว่ามันต้องสำเร็จ ใน 'ทุกมิติ' ของชีวิตต่างหาก สำหรับ น้องจบใหม่หรือยังไม่จบ : สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ หาตัวเองให้เจอค่ะ ทำความ 'รู้จักกับตัวเอง' ให้มากที่สุด การทำในสิ่งที่ชอบถนัด มันย่อมไปได้ไกลไปได้นานแน่นอนค่ะ อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับใคร ไม่เกิดประโยชน์ค่ะ สุดท้าย หากเราเป็น 'มืออาชีพ' จริง ไม่ว่าอยู่ในทางสายไหนย่อมได้ผลตอบแทนที่ดีแน่นอนค่ะ การรู้จักตนเอง 1) ถนัดอะไร ชอบอะไร ไม่ถนัดอะไร ไม่ชอบอะไร อยากแก้ไขมั้ย 2) เป้าหมายในชีวิต คือ อะไร ในทุกด้าน ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเดือนและหน้าที่การงาน 3) บริบทและความสำคัญในชีวิต คือ อะไร * จาก 1)-3) รู้จักตัวเองแล้ว เห็นเป้าหมายแล้ว พัฒนาตัวเองเลยค่ะ หาทางเดินที่จะพาเราไปสู่จุดหมายค่ะ โดยส่วนตัว การได้เงินเดือนมากแค่ไหน   ถ้าไม่ได้มาจากการทำงานที่เรารักหรือชอบ มันไม่มีความหมายสำหรับเราค่ะ   รายได้จากกิจการเราปัจจุบันเป็นศูนย์(ติดลบด้วยซ้ำ) เพราะกิจการเพิ่งเริ่มก่อตั้ง แต่ตอนนี้มีความสุขและภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ส่วนรายได้ก่อนออกจากงานตอนอายุ 25 คือ 3x,xxx - 4x,xxx (ขึ้นอยู่กับโอทีและโบนัส) * โปรดอย่าเลียนแบบ ถ้าไม่พร้อมรับความเสี่ยง * จากคุณ : eat pray love เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 18:00:34

ความคิดเห็นที่ 62 เข้ามาอ่านทีไร มีแต่คนเงินเดือนเยอะทุกที ตาร้อนเลย 555 ปล.#55 นั่นใช้คุณอุราฮาร่า ที่ผมเคยเห็นป่ะครับ จากคุณ : พูดม่ะระร่าง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 18:56:48

ความคิดเห็นที่ 63 คุณ I can't be a perfect man เดี๋ยวผมขอเล่าในกระทู้ใหม่เลยแล้วกันนะครับ เดี่ยวมันจะหลายประเด็นไปกันใหญ่ : ) จากคุณ : rar chair เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:45:02

ความคิดเห็นที่ 64 พีแอนด์จี.. บริษัทในฝันของคนทำงาน เงินเดือนเยอะมากครับ $$$ จากคุณ : Harry KS1 เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:59:09 A:110.49.164.98 X: TicketID:377050

ความคิดเห็นที่ 65 สรุปแล้ว การประสบความสำเร็จในชีวิต เขาวัดกันที่เงินเดือนเยอะ หรือ วัดที่เงินเก็บเยอะ จากคุณ : Korea so sad เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:59:51

ความคิดเห็นที่ 66 แบบนี้ ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ คือคนมีเงินมากสินะ รัฐบาลเห็นกระทู้นี้แล้ว ปล่อยราคาพลังงานลอยตัวได้เลยครับ ปล.อ่านแล้วรู้สึกตัวเองดักดานยังไงชอบกล - -' จากคุณ : Nosten เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:01:11

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านกระทู้นี้รู้สึกว่าตัวเองเงินเดือนน้อยไปเลย จากคุณ : SpanishFlu เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:24:26

ความคิดเห็นที่ 68 ว่าแต่ไปหาสมัครจากไหนกัน ที่เค้ารับเงินเดือนกัน 5 - 6 หมื่น หรือ แสน สองแสนเนี่ย ? สองหมื่นเค้ายังหากันแล้วหากันอีก จากคุณ : Nosten เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:03:52

ความคิดเห็นที่ 69 เราก็เป็นคนนึงที่เพิ่งจบแล้วเพิ่งจะได้งาน ไม่ได้มาจากม.ดัง ไม่ได้เกียรตินิยม พ่อแม่ไม่ได้ซัพพอร์ท แต่เราก็เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้อยู่นะคะ ว่าเราต้องเลือกงาน"บ้าง" โดยเฉพาะเราเรียนสายภาษาอังกฤษมา งานมันจับฉ่ายมากๆ คือรู้ภาษาจริง แต่ไม่มีความถนัดเฉพาะทาง สำหรับเรางานแรก คือประตูเข้าสู่อุตสาหกรรมหรือสายงานนั้นๆค่ะ เพราะฉะนั้นก็ควรจะดูบ้าง ควรเริ่มมองว่าเราชอบแนวไหน ยังไง อยากทำงานโรงแรมก็ควรสมัครโรงแรม อยากทำFMCGก็สมัครไปเลยค่ะ เพราะถ้าหว่านเรซูเม่มั่วๆ หลับหูหลับตาสมัครไปทั่ว ได้ที่ไหนรีบคว้า สำหรับสายภาษาอย่างเราคงจะเจริญเติบโตยากอยู่ค่ะ เพราะไม่มีความถนัดเฉพาะทาง สำหรับเราถึงแม้จะไม่เลือกงานมาก แต่ยังไงก็ต้องคิดถึงประเด็นเหล่านี้ค่ะ - งานอยู่ในสายงานที่สนใจ => ถ้าไม่ชอบเซอร์วิสไปทำรีเซฟชั่นก็คงไม่ไหว - หรืออุตสาหกรรมที่มีอนาคต => โรงแรม,การบินโลว์คอส,FMCG อันนี้แล้วแต่ค่ะ - รายได้พอรับได้ => เอาแค่พออยู่ได้ อย่าหวังสูงค่ะ เพราะถ้าเรียกสูงเค้าคงไปเอาคนมีประสบการณ์แทน ของเราก็เลือกพอประมาณค่ะ สมัครไป5-6ที่ ไม่ได้หว่านใบสมัครไปทั่ว สมัครแค่ที่ๆค่อนข้างสนใจ นัดสัมภาษณ์ให้ใกล้เคียงกัน สอบถามสวัสดิการ เวลาเค้ารับจะได้แจ้งใกล้ๆกันแล้วจะได้ของเวลาเค้าตัดสินใจค่ะ ไม่ใช่ว่าเลือกงานคือไม่ถูกใจไม่เอา ตำแหน่งน้อยไม่เอา แบบนั้นคงขอเรียกว่าไม่รู้จักโตค่ะ อย่าลืมว่า ฝ่ายบุคคลเค้าเลือกเราได้ เราก็มีสิทธิเลือกเค้าเช่นกันค่ะ จากคุณ : ปลานึ่ง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:18:06

ความคิดเห็นที่ 70 เผลอๆ เข้ามาอ่าน  ต้องรีบ login แล้วให้กีบกับคุณ ฮุร่า เลยอ่ะ โดนใจจริงๆ คับ จากคุณ : Control.A เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:11:23

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่มาช่วยตอบครับ แสดงว่าเพื่อนห้างดอกบัว จขกท ทำจัดซื้ออนั่นเอง เอาเป็นว่าข้อพิสูจน์ก็ยังไม่มี ไม่ชัดเจน แต่ก็ขอบคุณที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ และเปิดเผยทัศนคติอีกมุมที่ผมไม่เคยสัมผัสเลยครับ จากคุณ : ผมเป็นมาเฟีย เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:33:12

ความคิดเห็นที่ 72 อ่านแล้วสะเทือนใจเล็กๆ (ฮ่าๆๆ หัวเราะไปงั้น) ยอมรับเลยว่าตัวเองเป็นคนเลือกมาก คิดว่า คุณสมบัติระดับชั้น ขี้คร้าน จะโทรมาเรียกไปสัมภาษณ์ให้สายไหม้ จะหาเมื่อไหร่ก็ได้น่ะงาน ขอเฟ้นไปก่อนนะ ส่งเรซูเม่ทีก็เลือกแล้วเลือกอีก อุ๊ อันนี้น่าสน อ่ะส่ง ว๊าย อันนี้ดูไม่เวิร์ค ไม่เอา สุดท้าย เงียบกริ๊บ (เกียรตินิยมอันดับสอง จาก.ม.รัฐที่พอจะมีชื่อเสียงบ้าง แต่คณะเราดังไม่เท่าคณะเมียหลวง เรามันจบคณะเมียน้อย กรั่กๆๆ ว่าไปนั่น ภาษาอังกฤษใช้คล่อง มีเสริมภาษาที่สามมาบ้างระดับใช้ชีวิตประจำวัน ณ ประเทศนั้นๆได้โอเค คุณสมบัติเหล่านี้หละ ทำให้เราผยอง เลือกมาก) แต่กับเพื่อนเรา ได้งานก่อนเราอีก สตาร์ทด้วยเงินเดือนสิริ 11500 มั้ง เข้ากะ งานหนัก ก็เลยเปลี่ยนงาน ได้ที่ใหม่ สิริ 18000-25000 ในขณะที่ดิฉันยังเตะฝุ่นจนฝุ่นเตะคืนแล้ว (ถ้าเป็นเมื่อก่อนก่อนจะปล่อยวางพอพิมพ์ตรงนี้แล้วน้ำตาจะไหล เรียกได้ว่านางเป็นคู่รักคู่แค้นกับดิฉันมาเลย) ทั้งที่คุณสมบัตินางด้อยกว่าดิฉัน (ดิฉันอาจจะอคติไปเองก็ได้นะ แต่นางเกรดเกือบไม่จบ เรื่องภาษาไม่ต้องพูดถึง ด้อยกว่าดิฉันแน่นอน ก็สอนมาเองกะมือ - -) สำหรับเรานะ การจะได้งานหรือไม่ได้งานมันขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง จะว่าด้วยหลักวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์ก็ตามแต่ (เพื่อนเราคนนี้เฮงมาก งานใหม่เจ้านายรัก จะส่งเรียนต่ออีกนะ อิจฉาโคด งานใกล้บ้านด้วย) อาจจะเป็นเพราะเพื่อนเราไม่เลือกงานด้วย (ไม่เล่นตัวเมหือนเรา) ก็เลยได้งานเร็ว ... นี่ชั้นพากระทู้ออกทะเลหรือเปล่าเนี่ย คือ พอพูดถึงเรื่องงานแล้วมันปรี๊ดดดด ๕๕๕ (ทุกวันนี้ก็ทำงานไม่ตรงที่จบนะ เรียกว่าเฉียดๆเลย แต่ก็สนุกกับงานดี ^^ ไว้ถึงจุดที่หมดสนุกกับมันก็คงเปลี่ยน) จากคุณ : แม่นางคำ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:37:38

ความคิดเห็นที่ 73 จากประสบการณ์เรื่องห้างดอกบัว scale เงินเดือนนั้นเป็นไปได้ครับ 17,000 เป็น 24,000 เป็น 44,000 และปัจจุบันอยูที่ 60,000++ อายุ 27 ปี ถ้าเป็นระบบเดิม 17K น่าจะ Section Manager 24K น่าจะ Deputy Department Manager 44K น่าจะ Department Manager 60K น่าจะ GM แต่ตอนนี้ระบบใหม่ช่วงเงินเเดือนเท่านี้น่าจะอยู่ level 2 หมด แต่เท่าที่อ่านคิดว่า 17K 24K นี่น่าจะเป้นที่อื่นก่อนดอกบัว 44K เป็น management trainee ที่ดอกบัว 60K น่าจะย้ายงานละมั๊ง ป.ล. แต่ 60K อายุ 27 นี่ไม่ธรรมดาละครับ จากคุณ : High Bridge เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:41:56

ความคิดเห็นที่ 74 จริง การันตี คอนเฟิร์มครับ จขกท. พูดถูกหมด ผมเป็นคน ตจว. แต่่ว่าได้มีโอกาสไปเรียนที่ กทม. มหาลัย Top 1 หรือ 2 หว่า ไม่แน่ใจ แต่ว่าไม่ชอบ เลยกลับมาเรียน ตจว. เหมือนเดิม เพิ่งนัดเจอเพื่อนเก่า ปรากฎว่า สิ่งที่เรารู้ สิ่งที่เรามี เงินเดือนหมื่นห้า มันขี้ปะติ๋ว จริงๆ เงินเดือนแสนมีกันดาษดื่น สำหรับคนที่เก่ง มีคุณภาพเท่านั้น และเขาจะมีคนรู้จักที่เงินเดือนแสนเต็มไปหมด แต่ถ้าเป็นบางคน จะไม่รู้หรอกว่าเงินเดือนแสนน่ะ มันมีเยอะ จะคิดแต่ว่ามันต้องอายุเยอะๆ เท่านั้น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว อายุ 27-28 เงินเดือนแสนนั้น มีถมถืดจริงๆ ครับ จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:42:36

ความคิดเห็นที่ 75 ไม่แปลกอ่ะครับ เพราะคนรอบตัว เพื่อนรุ่นเดียวกัน คณะเดียวกันของ จขกท ก็ต้องมีไลฟ์สไตล์ ความเก่ง ความคิดเหมือนๆกัน แต่อย่างผมเนี่ย จบ ม.ปลาย จากต่างจังหวัด มาเรียนมหาลัยใน กทม. ทำให้มีเพื่อนเรียนอยู่หลายมหาลัย หลายจังหวัด อยากจะบอกว่า แต่ละกลุ่ม แต่ละ ม. จบมามีโอกาสในการเลือกงาน ความสามารถ ตุ้นทุนชีวิต ต่างกันมากครับ  ความเห็นของคุณน่ะ ถูกต้อง ใช้ได้จริงก็คงเฉพาะกับคนที่ การศึกษา ฐานะ ต้นทุนชีวิตในระดับเดียวกันน่ะครับ แต่ยังมีอีกเยอะมาก ที่เค้าไม่ได้มีแบบนี้ครับ จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 02:14:56

ความคิดเห็นที่ 76 คุณผมเป็นมาเฟียครับ จัดซื้อกับmaagement trainee เนื้องานไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียวนะครับ เพื่อนผมเป็น mangement trainee ครับ ส่วนกระทู้นี้ เน้นความสำคัญของการเลือกสายงานนะตรับ จบใหม่แล้วได้ 2 หมื่นอัพ ผมว่าก็ไม่ได้มีเยอะครับ จากคุณ : LuPangBig เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 08:17:09

ความคิดเห็นที่ 77 60,000 บาท อายุ 27 ปี ...ขั้นเทพเลยครับ จากคุณ : Soboi เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:02:58

ความคิดเห็นที่ 78 อ่านกระทู้นี้แล้วได้แรงบันดาลใจนะคะ ^^ แอบคิดจะเปลี่ยนงานอยู่พอดี เราก็คงเป็นกลุ่มแรกแหละค่ะ จบจากสถาบันที่ชอบอ้างว่าเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ คณะก็โด่งดัง แต่จบวิชาเอกอะไรไม่รู้ XDDD ตอนนี้ใช้ภาษาหากิน งานแรกสำคัญสำหรับคนกลุ่มแรกจริงๆค่ะ แต่สำหรับคนกลุ่มอื่น ต้องบอกว่าแล้วแต่โอกาสของเขา อย่างที่หลายๆท่านว่ามาว่า บางคนไม่มีโอกาสจะเลือกได้ แต่คนกลุ่มแรก ซึ่ีงน่าจะมีความต้องการในการโต และต้องการมีชีวิตเมืองที่ดี (ซึ่ง จขกท คงเป็นคนกลุ่มแรกด้วยเช่นกันเนอะ) พวกนี้ต้องเป็นพวกชนชั้นกลางแหละค่ะ มีโอกาสในชีวิตในระดับหนึ่ง และทะเยอทะยานอยากได้อีก (มากน้อยแล้วแต่คน) แน่นอนว่าชนชั้นกลางไม่ใช่กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศค่ะ สิ่งสำคัญอีกอย่างที่เราว่าจริงสำหรับทุกๆคน ไม่ใช่แค่ชนชั้นกลาง ก็คือการหาตนเองค่ะ ว่าอนาคตอยากทำงานแบบไหน อยากเป็นแบบไหน อยากได้แบบไหน ถ้าชนชั้นกลางอยากแค่เงินเดือนหมื่นนึง อยู่สบายๆ ก็ไม่ต้องเลือกงานที่มีเงินเดือนสูงๆก็ได้ แต่หางานที่ทำแล้วสบายใจ สภาพแวดล้อมดีก็พอ แต่เราว่ายากสำหรับชนชั้นกลางที่จะคิดแบบนี้ "จริงๆ" นะคะ ชนชั้นกลางบางคนหาเงินเดือนสูงๆไม่ได้เลย "ปลอบใจตัวเอง" ด้วยวิธีนี้ก็มี แถมคอยโจมตีคนอื่นที่หาความก้าวหน้าว่าไม่พอเพียงอีกต่างหาก =_=" แต่ถ้าใครที่ตั้งเป้าว่าอยากมีเงินเดือนสูง ตำแหน่งสูงๆ หรือทำงานด้า่นไหนเป็นพิเศษ ก็ต้องดำเนินรอยตามแบบที่คุณ จขกท ว่าแหละค่ะ สำหรับเราเอง ตอนสมัครที่แรก เรายังไม่เห็นภาพชัดเจนว่าตัวเองอยากทำอะไร เลยพลาดไป ทำงานที่ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่มาปีนึง แถมยังเจอสภาพแวดล้อมที่ทำงานแย่ๆ อีกต่างหาก เพราะเราเข้าด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าปกติของบริษัทนั้นๆ เลยมีปัญหากับพวกแบบที่กล่าวไว้ด้านบน (ปั่นเงินเดือนตัวเองขึ้นไม่ได้ ทำงานที่เดิมต๊อกๆไปวันๆ แล้วคอยจิกกัดคนที่ได้ดีกว่าตัวเองเพื่อปลอบใจตัวเอง) สุดท้ายก็เลยออกมาตามหาตัวเองใหม่ ตอนนี้ทำงานที่ที่สองอยู่ค่ะ แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยใช่ เพราะเริ่มเข้าใจแล้วว่าตัวเองอยากเป็นแบบไหนในอนาคต แถมด้วยอะไรบางอย่างในองค์กรที่ทำให้รู้สึกไม่ค่อยอยากอยู่ เลยกำลังอยากเปลี่ยนงานค่ะ พอมาตอนนี้ (และคนที่ทนอ่านถึงตรงนี้ XDDD) เราเลยเข้าใจว่ามันสำคัญขนาดไหนที่เราจะรู้ว่าเราอยากเป็นแบบไหนในอนาคต เพราะตอนนี้เรารู้สึกว่างานที่เราทำอยู่ มันไม่ได้จะนำเราไปเป็นแบบนั้นค่ะ แต่สำหรับคนหางานใหม่ๆ เราว่ามันยากจริงๆ ที่จะรู้แล้วว่าตัวเองอยากเป็นแบบไหน แนะนำสำหรับคนจบใหม่ค่ะว่าให้ลองคิดภาพดูว่าเราอยากทำอะไรจริงๆ มันอาจจะยังไม่ใช่คำตอบสุดท้่าย แต่ก็ยังดีกว่าหางานทำโดยไม่นึกอะไรเลยค่ะ เรื่องงาน สำหรับคนกลุ่มแรก งานไม่ได้หายากขนาดนั้นจริงๆค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกมากขนาดไหน และงานนั้นจะตรงกับเราไหมค่ะ ถ้าเรา "มีความสามารถ" และตรงกับงาน ยังไงก็หางานได้แน่ๆ ค่ะ ตอนเราเปลี่ยนงานครั้งแรก เรารู้สึกแบบนั้นเลยค่ะ ว่างานมันเยอะจริงๆ จุดสำคัญอีกจุด เราว่าคือการเลือกงานไม่ได้หมายความว่าเลือกงานที่เงินเดือนเยอะๆ เวอร์ๆ เจ๋งๆ แต่เป็นเลือกงานที่ดีที่สุด เหมาะกับความสามารถของเราที่สุด และตรงกับความต้องการของเราที่สุดในขณะนั้นๆค่ะ เด็กจบใหม่จะเลือกงาน MGR. ก็คงไม่ไหว แต่ถ้าคนมีประสบการณ์สูงแล้ว แต่กลับมองหาแต่งาน staff ก็ไม่สมราคาตัวเองเหมือนกัน สุดท้า่ยที่บ่นมายาววววววนี้ก็... ขอให้งานหน้าเราได้ดี เงินเดือนเยอะๆเถอะ เพี้ยงๆ~! \(>_<)/ จากคุณ : wassery_harp เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:03:55

ความคิดเห็นที่ 79 ถ้าเจ๋งจริงก็เลือกไปเหอะ จากคุณ : Jemie_A เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:06:05

ความคิดเห็นที่ 80 พี่สาวเราก็เลือกเยอะเหมือนกันค่ะ จบป.ตรี ก็ start 30k ไปแล้ว ปัจจุบันเธออายุเกือบๆ30 เงินเดือนเป็นแสน จากคุณ : Much the same เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:41:53

ความคิดเห็นที่ 81 ผมว่าของแบบนี้มันไม่มีถูกผิด ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ตัวชี้วัดแต่ละอย่างมันไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน ต้นทุนแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนรองานได้เป็นปี ไม่ต้องทำงานเลยก็ได้เพราะบ้านรวย บางคนอย่าว่าแต่รองานประจำเลย ต้องรับจ็อบพาร์ทไทม์ไปก่อนหางานประจำได้ด้วยซ้ำ เพราะเค้ามีภาระมากมาย คุณจะให้รองานที่ชอบที่ใช่ ครอบครัวเค้าก็อดตายพอดี หรือถ้าจะวัดความสำเร็จ ความสำเร็จของแต่ละคนก็ต่างกัน บางคนที่อยู่กับเงินมากๆก็จะวัดแค่ที่ตัวเลขเงินเดือน เงินเดือนเยอะคือสำเร็จ เยอะมากคือสำเร็จมาก เงินเดือนน้อยคือไม่สำเร็จ ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่ บางคนความสำเร็จก็คือได้ทำงานที่ชอบ สำเร็จในอาชีพของเค้า เช่น อยากเป็นครู ได้สอนเด็กๆทุกวันเค้าก็มีความสุขแล้ว พอแล้ว ไม่สนตัวเลขเงินเดือนว่าต้องเยอะนะ จุดมุ่งหมายมันต่างกัน บางคนถ้าบริษัทอยู่ใกล้บ้าน เงินเดือนก็โอเคไม่น้อยไป เค้าก็พอใจกับที่จะอยู่แบบนี้ ดีกว่าที่จะต้องไปทำงานไกลๆตื่นเช้าๆเพื่อเงินเดือนเยอะๆ จุดหมายความพอใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หรือบางคนเค้าอาจจะพอใจแค่เป็นพนักงานก็ได้ ไม่อยากขึ้นเป้นระดับบริหาร เพราะไม่อยากมีภาระหน้าที่ทำงานเพิ่มขึ้น กลับบ้านช้าลง ถึงเงินเดือนจะน้อยกว่าก็ไม่เป็นไร ที่คุณเขียนมาเนี่ยก็ใช้ได้เฉพาะคนที่วัดความสำเร็จกันที่เงิน และต้องเป็นคนที่บ้านมีฐานะช่วยเหลือได้ตลอดเท่านั้น ก็เป็นขั้นตอนที่ดีสำหรับการก้าวไปมีเงินเดือนที่เยอะๆ สำหรับผม ถ้าพึ่งจบมา งานแรกถ้าที่ไหนรับก็ทำๆไปเถอะ ไม่ต้องตรงสายหรือต้องเป็นที่ชอบอะไรหรอก ทำเพื่อให้เรามีเงินไว้ใช้ไม่ต้องเดือดร้อนคนอื่น ทำเพื่อให้ขึ้นชื่อว่าเราก้มีประสบการณ์ทำงานมานะ หรือจะคิดให้ง่ายที่สุดคือทำเพื่อเอาเงินไว้ใช้ประทังชีพ รอเปลี่ยนงานนั่นแหละ ระหว่างนั้นก็หางานที่ชอบไปเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องลำบากพ่อแม่พี่น้องเพราะเรามีเงินหาเงินใช้เองได้แล้ว ส่วนเรื่องอัพเงินเดือนก็อย่างที่คุณเขียน จะอัพได้ไวคือการย้ายบริษัท เพราะบริษัทส่วนใหญ่ต่อให้เก่งมากๆเก่งเทพขนาดไหนก็ตาม เค้าก็ขึ้นเงินเดือนคุณได้แค่10% การย้ายคือการอัพที่ดีที่สุด แต่จะได้งานดีๆ จะย้ายงานให้ได้อัพบ่อยๆ ผมว่ามันต้องมีโชคมาเกี่ยวด้วยเยอะ ฝีมือก็ส่วนหนึ่ง โชคก็ด้วยอีกส่วนหนึ่ง บางคนไม่ได้เก่งอะไรมากมายแค่โอกาสมันมา ก็ก้าวไปได้ไกลจนไม่น่าเชื่อเลย บางคนเก่งๆแต่โอกาสไม่มี ก็ไม่โต แต่ยังไงเราก็ต้องฝึกตัวเราให้ดีที่สุดเพื่อที่จะพร้อมเวลาที่โอกาสมันมาถึง จากคุณ : สะเหร่อคุง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 11:51:06

ความคิดเห็นที่ 82 แล้วน้องคนนี้อยู่กลุ่มไหนคะ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=mae-nong-men&date=14-09-2012&group=2&gblog=7 จากคุณ : แม่น้องเม่น เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 12:26:02

ความคิดเห็นที่ 83 คนที่มีความคิดแบบทำเพราะใจรักนี่เยอะนะครับ เขามีความสุขกับตรงนั้น กับงานที่ทำ นี่แหละครับ "ผมว่าเขามีความสุขกว่าพวกเงินเดือนเป็นแสนแน่ๆ" ในทุกๆวันที่ทำงาน ที่โรงงานผมมีคนนึงเก่ง PLC มากกกแต่แกเป็นแค่ Technician แถมภาษาญี่ปุ่นก็พอได้ อังกฤษก็พอไหว เก่งขนาดญี่ปุ่นที่เป็นพวก Specialist มาชวนไปทำงานที่ญี่ปุ่นด้วย แต่แกก็ปฏิเสธ หัวหน้าจะปรับให้เป็น Engineer แกบอกปรับแก แกจะลาออก (-_-") ทุกวันนี้ถ้าพูดถึง PLC แกเก่งที่สุดในโรงงาน (ถ้าออกไปรับงานส่วนตัวก็รวยบรรลัย) วิศวกรต้องไปถามแกทุกคน จริงๆ ที่แกเก่งนี่ก็คงเพราะแกได้มีโอกาสทำงานที่แกรักนี่แหละครับ แกรู้ว่าถ้าปรับตำแหน่งขึนก็ต้องไปทำงานอื่นเพิ่มด้วย งานที่แกรักแกก็ได้ทำน้อยลงนั้นเอง จากคุณ : ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 12:39:07

ความคิดเห็นที่ 84 ผมรู้สึกว่าจะไม่เข้ากลับกลุ่มไหนเลย 555 งานแรกที่ได้ทำก็ใช้เส้น และคิดว่าเป็นงานที่เราชอบที่สุด ที่ออกเพราะ อารมณ์วัยรุ่น ล้วน ๆ  เสียใจอยู่ถึงทุกวันนี้ งานที่สอง ย้ายมาบริษัทยักษ์ใหญ่ ตำแหน่งธรรมดา ๆ งานง่ายและเยอะ ดูเหมือนจะเก่งสุดในแผนก แล้วเป็นคนแบ่งงานไม่เป็น เสนอโปรเจ็คอะไรไป ก็ทำอยู่คนเดียว แถบจะเป็นหัวหน้าแผนก ทุกงานต้องผ่านผม ก็เลยทำงานเป็นวัว เป็นควาย จนไม่ไหว รู้ว่าเครียดมาก ก็เลยออก ออกมาดีหน่อย มีเงินเก็บ งานล่าสุด เป็นงานสบาย ออกจะสบายมาก แต่ไม่สบายใจ เพราะต้องประสานงาน แต่กลับเหมือนเป็นที่ลองรับอารมณ์ เสียมากกว่า วันนี้ก็เกือบจะลาออก ใจคิดจะลาออกทุกวัน ทุกครั้งที่เปลี่ยนงาน คือ ออกก่อน แล้วค่อยหา และทุกครั้ง เงินเดือนจะน้อยกว่าที่ย้ายมาเสมอ เพราะเหนื่อยที่จะหาแล้ว ยอมหมดขอแค่มีงาน มีเงินเลี้ยงชีพ ตอนนี้ก็กำลังจะหางานใหม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะยังไง ออกแนวปล่อยชีวิตแล้ว แล้วแต่บุญ แต่กรรม ถ้าวัดกันในหมู่เพื่อน ผมก็จัดเป็นคนรั้งท้ายสุด ทั้งเงินเดือนและความสุข แต่ก็ไม่โทษใคร เพราะจะโทษก็โทษตัวเอง ที่ชีวิตไม่มีเป้าหมาย ขี้เกียจ อยู่ไปวัน ๆ  และเป็นคนที่ออกแนวจิตตก 555 ผมคิดว่า คนเราต้องอยู่กับงานวัน ๆ นึง ต่ำ ๆ  ก็ 8 ชั่วโมง ถ้าได้ทำงาน ที่เราอยากทำ มีความสุข เงินเดือน อยู่ได้ ก็น่าจะพอแล้ว ตอนนี้ผมขอแค่นั้น สำหรับเด็กจบใหม่ ที่แบบว่า ยังไม่เดือดร้อน ที่ต้องรีบหาเงิน ก็หางานแบบที่ใจอยากทำจริง ๆ ดีกว่า และไม่ต้องกลัวว่าเราจบเกรดไม่ดี หรือความรู้ไม่ถึง สมัครไปเถอะครับ  แต่ขอให้ตั้งใจลุย ลุยไป ตอนนี้ในกลุ่ม ผมเห็นคนที่ดูประสบความสำเร็จที่สุด กับเป็นคนที่จบหลังเพื่อนที่สุด แต่เป็นคนที่มี ทัศนคติในการทำงานที่ดี และเป็นคนสู้ ขอให้โชคดี นะ จากคุณ : พ่อมดกระป๋อง เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 15:26:43

ความคิดเห็นที่ 86 ^ ^ เอิ่ม มาจากไหนเนี่ย ปวดตับ (=_=")a จากคุณ : เงาตะวันออก เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 18:28:14

ความคิดเห็นที่ 87 รู้สึกอะไรดีๆ เกิดรอบตัวคุณเยอะเนอะราวนิยาย เลย หุหุ เปนผมนะ เหอะๆไม่มานี่ง...หลอก จากคุณ : snowvywine เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:54:48

ความคิดเห็นที่ 88 คนใกล้ตัวของเรา จบไอที.มหาลัยดัง เกรดเลิศ. ภาษาได้ ทำงานที่แรกเน้นเอาประสบการณ์ ไปอยู่ศูนย์เทรน เทรนมันทุกเดือนหายบ้าเลยค่ะ Certificate เพียบ ทำงานสามที่ ที่แรก16,000=> 34,000 อายุงานสองปี ที่สอง36,000=>45,000. อายุงานห้าปี ที่สาม120,000 ได้ตอนอายุยี่สิบแปดค่ะ ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัว จากคุณ : ตอกะจอ เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 19:48:24

ความคิดเห็นที่ 89 เลือกเยอะไม่เป็นไร  แต่ให้ระวังอย่า "เยอะ" ก็แล้วกัน จากคุณ : วันนี้รักเธอที่สุด เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 21:05:35

ความคิดเห็นที่ 91 # 55 คุณอุราฮาร่า  อยากจะขอโทษที่มองคุณว่าเป็นคนแปลก ๆ มาตลอด จนคอมเม้นท์นี้ทำให้เราเปลี่ยนความคิดไปเลย  ประโยคนี้... บางคนต้องรีบเรียนให้จบเพื่อออกมาทำงานหาเงินส่งน้องเรียน ส่งเงินให้พ่อแม่ เขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองว่างงาน3เดือนเพียงเพื่อหางานอันวิเศษได้  มันโดนใจมาก อย่าว่าแต่ 3 เดือนเลย เราไม่สามารถว่างจากงานได้แม้แต่เดือนเดียวค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ไม่ได้หมายความว่า จขกท. ไม่ถูกต้องนะคะ เราเข้าใจว่าสังคมที่ จขกท. อยู่ มันคนละแบบกับเราเท่านั้นเอง :) จากคุณ : กานดา ขาร็อค เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 15:58:19

ความคิดเห็นที่ 92 อย่าว่าจขกท.เลย ผมเข้าใจนะ จริงๆ ผมอยู่ในพวกเลือกงานไม่ค่อยได้ แต่ผมก็เข้าใจในความสำคัญของการเลือกงานเหมือนกัน เพื่อนๆ ผมก็คุยๆ กัน ถ้าเราได้ทำงานตรงสาย หรือตรงสิ่งที่เราชอบ (ไม่เกี่ยวกับเงินเดือน) มันจะให้ทั้งเรามีความสุขทางใจ และยังได้เงินเข้ากระเป๋าอีกด้วย อย่าลืมว่า เจ้าความเป็นดีไม่เลือกงานในตอนแรกๆ นี่แหละ ทำให้สุดท้ายพอเปลี่ยนงาน งานที่ 2 งานที่ 3 หรืองานที่ 4 กลับต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกับเงินเดือนกันใหม่ เพราะอะไร ก็เพราะมั่วซั่วทดลองสายงานไปหมด จับจุดไม่ถุกว่าเราควรทำอะไรหรือชอบอะไร แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าเราไม่เลือกมาเป็นพอแล้ว ไม่เลือกมาก กับ ไม่รู้จักเลือก มันคนละอย่างนะ ต้องแยกแยะให้ดีๆ อย่างเพื่อนผมตอนนี้จะ 30 แล้ว เก่งภาษาระดับเทพ อยากแปลอยากเป็นล่าม แต่ด้วยว่าไปฝึกงานสายการบิน ก็เลยได้เป็น sales ให้สายการบินนี่แหละ เปลี่ยนมา 2 งาน สายนี้ตลอด เงินเดือนโอเค แต่คงยากที่จะพลิกตัวกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับงานที่รักแต่ไม่เคยได้เลือกอย่างพวกงานแปลหรือล่าม ผมเองก็เหมือนกัน รักอยากทำงานแปลงานล่าม แต่จับพลัดจับผลูได้ทำงาน freight ทางเลือกผมเลยเหลือแค่ 2 หรือ 3 ทาง คือ เก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วกลับไปเริ่มต้นกับงานที่รัก หรือเลือกเดินทางสายนี้เพื่อเงินเดือนที่ดีกว่า (เพราะมีประสบการณ์แล้ว) ไปเสียเลย ถึงได้บอกว่า ถ้าคุณโชคดี และมีโอกาส จงหางานที่ตัวเองรัก เมื่อเปลี่ยนงาน ก็ให้อยู่ในสิ่งในสายที่ตัวเองรัก คุณจะได้ทั้งประสบการณ์ที่หลากหลาย ความก้าวหน้า และเงินเดือน แต่ถ้าคุณเปลี่ยนงานมั่วซั่วไปเรื่อยและปลอบใจตัวเองว่าเราไม่ใช่คนเลือกมาก หว่านแหไปเรื่อยๆ ประสบการณ์ต่างๆ ที่มันไม่ปะติดปะต่อกันมันก็จะเสียปล่าว จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 19:11:04

ความคิดเห็นที่ 93 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 16:12:20

ความคิดเห็นที่ 94 ยังอ่านไม่ละเอียด แต่ก็เห็นด้วยว่าควรเลือก ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มไหนก็ตาม แต่จะเลือกได้แค่ไหนก็อยู่ที่โอกาสของแต่ละคน เราไม่ค่อยสนใจทฤษฎีเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายมันขึ้นอยู่กับศักยภาพของเราและโอกาส แต่ถ้าเก่งจริง ไม่ต้องนั่งกังวลกะ career path อะไรมากมายหรอก เราค่อนข้างเชื่อแบบนั้น ปล. สรุปว่ามีแค่สองกลุ่มเองเหรอ เท่าที่อ่านดูนับว่า้เป็นสองกลุ่มที่แคบมาก เดี๋ยวขออ่านอีกรอบ แล้วจะมาเม้นใหม่ 5555 จากคุณ : ZzIqka เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 17:19:04

ความคิดเห็นที่ 95 เข้ามาชมเด็กจบใหม่หางาน จากคุณ : ต้น เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 19:55:49 A:171.4.182.73 X: TicketID:377555

ความคิดเห็นที่ 96 อ่านที่จขกท. เขียนอย่างละเอียดแล้ว และเห็นด้วยกับ #55 ที่สุด เราคิดว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากในชีวิต ไม่ว่าช่วงจบใหม่ หรือช่วงไหนก็ตาม คือการที่เรารู้ว่า 1. เรามีความ "ต้องการ" อย่างไร และ 2. เรามี "ความจำเป็น" อย่างไร และเราต้องไม่หลอกตัวเอง นั่นแปลว่า เราต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อน ว่าเราคือใคร ความสุขของเราคืออะไร และ บลาๆๆ เหมือนที่ #55 กล่าวไว้ แต่เราเชื่อนะว่า ปัญหาของคนส่วนใหญ่ คือไม่รู้ตัวเองคือใคร และหลอกตัวเอง เราเห็นด้วยว่า ถ้าเราเป็นเด็กจบใหม่ และมีโอกาสเลือกงาน เราก็ควรจะเลือกให้ดีที่สุด ควรจะคิดให้รอบคอบในทุกๆ ขั้นตอน ไม่ใช่แค่เพราะว่ามันจะเป็นประโยชน์แก่ตัวเองหรอก แต่เพราะว่าถ้าเลือกดะหรือมั่วๆ หรือคิดเพ้อฝันจินตนาการโลกสวย แล้วมันเกิดไม่ใช่ขึ้นมา จะได้ไม่ต้องไปเป็นภาระองค์กรเวลาที่ทำแป๊บเดียวแล้วออก และที่เราว่าสำคัญไม่แพ้กัน คือในเมื่อเลือกแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบการเลือกของตัวเองด้วย เห็นจขกท. บอกว่า สังคมที่คุณอยู่ ตัวเลขเงินเดือนมันสะท้อนถึงความสำเร็จ แต่เราคิดว่ามันคงเป็นความสำเร็จแค่ด้านเดียว และไม่ได้เป็นด้านที่สำคัญที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่ ในสังคมที่เราอยู่ เรากล้าพูดว่า มีเพื่อนจำนวนมากที่เก่งระดับท็อปของประเทศในสายงานของเขาเมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน และคนเหล่านั้น บางคนยอมอยู่กับเงินเดือนไม่ถึงสองหมืน ทั้งๆ ที่สายงานของเขาและความสามารถระดับเขาน่าจะเริ่มต้นได้ที่ 3-5 หมื่นอย่างสบายๆ บางคนอยู่บ้านเป็นฟรีแลนซ์ บางคนเป็นอาจารย์มหาลัยเงินเดือนหมื่นกว่าบาท เรามั่นใจที่สุด ว่าคนกลุ่มนี้เลือกได้ และถ้าเขาเลือกทางอื่น บางทีเขาอาจจะมีรายได้มากกว่าและเติบโตในสายงานนั้นเร็วกว่าใครหลายๆ คนก็ได้ แต่เขาแค่เลือกอีกทางที่มันเหมาะกับความต้องการของเขามากกว่าเท่านั้นเอง ถามว่าคนกลุ่มนี้เขาอยากได้เงินเยอะๆ มั้ย เขาก็อยากได้ ถามว่าเขาพอใจกับรายได้ของเขามั้ย บางทีเขาก็ไม่พอใจนะ แต่เขาก็ยังอยู่ตรงนั้น เพราะบางทีมันก็มีเหตุผลอย่างอื่นที่สำคัญกว่าเงินเดือน จากคุณ : ZzIqka เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:49:05