Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ถ้าคุณรู้จัก แล้วคุณจะรักและเข้าใจอาชีพ “รับราชการ” มากยิ่งขึ้น ตอนที่ 3 โอกาสที่ไม่มีวันสิ้นสุด ติดต่อทีมงาน

ต้องขอโทษทุกท่านที่ผมอยากจะใช้พื้นที่เว็บบอร์ดสาธารณะแห่งนี้อีกครั้งในการบอกเล่าความเป็นไปในอีกแง่มุมหนึ่งของอาชีพรับราชการ


ผมหายไปหนึ่งปีเต็มเพราะความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น จนเป็นที่มาของอีกแง่มุมหนึ่งของอาชีพรับราชการในตอนนี้ที่กล่าวว่า โอกาสไม่มีวันสิ้นสุด ครับ


ก่อนอื่นคงต้องขอขยายความให้เข้าใจง่ายๆ ก่อนว่า คำว่าโอกาสไม่มีวันสิ้นสุด ก็คือ โอกาสในการเรียนรู้ในการที่จะพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องทั้งร่างการ จิตใจ ความคิด และสติปัญญา ให้เป็นคนเก่งและดีอย่างครบรอบด้าน ผมเองก็มีโอกาสได้รับการพัฒนาดังกล่าวในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา ดังนั้นสิ่งที่ผมเก็บเล็กผสมน้อย จนมากและใหญ่เพียงพอที่ผมคิดว่า จะสามารถนำมาเล่าสู่กันฟังได้ครับ


การพัฒนาอย่างแรกคงหนีไม่พ้นการฝึกอบรม การประชุมและการดูงาน ซึ่งผมกล้าพูดได้เลยว่า หน่วยงานราชการ เป็นหน่วยงานที่ลงทุนกับการฝึกอบรมในรับที่สูงมาก ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้การอบรมถ้าเป็นในลักษณะรัฐต่อรัฐ หรือหน่วยงานต่อหน่วยงาน จำพวกสถาบันการศึกษาหรือองค์การระหว่างประเทศ ทุนฝึกอบรมเหล่านี้ก็จะวิ่งเข้าหาภาคราชการก่อนไปสู่เอกชนอย่างแน่นอนครับ


ที่กรมของผม ทุกสัปดาห์จะต้องมีหนังสือเวียนในสำนัก แจ้งข่าวการฝึกอบรมสัมมนาที่น่านใจ ใครใคร่สนใจร่วมลงชื่อได้ เริ่มตั้งแต่การอบรมเล็กภายในกรม หรือการอบรมในระดับกระทรวง แบบนี้การแข่งขันจะไม่ได้สูงมากนัก และมักจะมีที่เหลือพอสำหรับทุกคน


แต่เมื่อเพิ่มระดับความเข้มข้นของการฝึกอบรมเป็นระดับชาติหรือนานาชาติ คราวนี้ก็จะเริ่มแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น แม้จะมีทุนจำนวนมาก แต่ผมก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความจริงที่ว่า ทุนส่วนใหญ่มักจะกระจุกอยู่ในส่วนกลาง ไม่ได้กระจายออกไปยังหน่วยงานตามภูมิภาคเสียเท่าไร มิหนำซ้ำในบางครั้ง ทุนฝึกอบรมเหล่านี้อาจะถูกจองเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว การเปิดรับสมัครเพื่อคัดเลือก อาจะเป็นพิธีกรรมหรือขั้นตอนหนึ่ง เพื่อป้องกันข้อครหาในทางปฏิบัติครับ


ดังนั้น ถ้าเป็นทุนนอก ผมก็ไม่เคยจะมีโอกาสกับเขาเสียเท่าไร ยิ่งประเทศยอดฮิตอย่างโลกที่หนึ่งนี่ยิ่งหวังยากอยู่ แม้จะเขียนใบสมัครไป แต่ในระดับกรรมการคัดเลือก เขาก็คงต้องมองความเหมาะสมหลายๆ อย่าง สุดท้ายผมก็มักจะรับประทานแห้วตามระเบียบ พูดถึงทุนประเภทนี้ ผมเคยได้รับเลือกอยู่หนหนึ่ง ส่งเอกสารไปยังประเทศปลายทางแล้วด้วย แต่สุดท้ายผมไม่ได้ไป เพราะหน่วยงานปลายทางท่านเห็นว่า งานที่ผมทำอยู่อาจจะไม่สอดคล้องโดยตรงกับรายละเอียดการอบรม ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ครับ


เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็เลยต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาส โดยอาศัยเอางานที่ทำเฉพาะทางมาเป็นตัวตั้ง ทุนอบรมใดที่จัดสรรไว้ตรงกลางของกรม โอกาสมักจะริบหรี่ เพราะงานของผมดูอย่างไรเสียก็ไม่ตรงหรือเข้าทาง ผมก็เลยใช้วิธีขอไปเองเสียเลย โดยเป็นการไปอบรมในสายงานที่ผมทำอยู่ คราวนี้ก็ไม่อาจมีคู่แข่ง เพราะเป็นเรื่องเฉพาะทางมากขึ้นครับ


ด้วยเหตุนี้ ผมจึงมีโอกาสไปยืนปร๋อ และนั่งฟังบรรยายดีๆ ที่ BIS กลางนครบาเซิล ในสวิตเซอร์แลนด์ ที่ที่แต่ก่อนสมัยเด็กๆ ผมรู้สึกได้ว่ามันเป็นแค่ฝัน และฝันที่ไกลเกินเอื้อมากๆ ครับ จากกนั้น ผมก็ยังได้รับโอกาสอีก 2-3 ครั้ง ในการไปดูงานในหน่วยงานแบบเดียวกับประเทศไทย ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งสนุกและรับความรู้ตลอดจนการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน เช่นเดียวกับอีกงานที่กรุงวอร์ซอร์ ประเทศโปแลนด์ ครับ


การไปดูงานหรืออบรมเหล่านี้ กลับมาก็จะต้องทำรายงานส่งอีกหลายหน้าพอสมควร แต่นั่นผมว่าอาจจะยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เท่ากับการจะต้องจัดทำ Knowledge Management เพื่อให้คนอื่นๆ ในองค์กรที่ไม่ได้ไปด้วย ๆได้รับรู้รับบทราบข้อมูลดังกล่าว ต้องบอกว่ากรมของผมก้าวหน้าในเรื่องนี้พอดู ใครไปไหนมาไหนก็จะต้องมีการจัดการแบ่งปันความรู้อยู่ตลอด ถ้าว่างก็สามารถไปเข้าฟังแลกเปลี่ยนข้อมูลข้อคิดเห็นกันได้ครับ


ลำดับถัดมา สำหรับโอกาสในการพัฒนาตนเองก็คือ ระบบราชการมีช่องทาง หรือหลักสูตรที่สามารถพัฒนากำลังคนคุณภาพให้เกิดขึ้นได้มากครับ ทั้งกระบวนการคัดเลือกเบื้องต้น ในรูปแบบทุนดึงดูผู้มีศักยภาพสูงหรือ UIS แบบนี้ ก.พ. ท่านจะตาถึง รีบไปช้อนตัวเด็กเก่งๆ ตั้งแต่ระดับปริญญาบัณฑิต ถ้าได้รับทุนก็จะส่งเสียให้เรียนในปีสุดท้าย รับเข้ามาทำงาน ให้คุ้นเคยกับระบบงานและวัฒนธรรมราชการเสียก่อน แล้วจึงส่งไปเรียนต่อต่างประเทศ ภายในหนึ่งถึงสองปี เด็กเองก็จะมีประสบการณ์และเห็นสิ่งที่ระบบราชการต้องการจะเติมเต็มในระยะสั้นและกลาง พร้อมทั้งสามารถเลือกเรียนในสาขาที่เหมาะสมกับเนื้อหาสาระของงานครับ


ถ้าอายุเยอะขึ้นหน่อย ก.พ. ท่านก็ไม่ทอดทิ้ง กระทรวงต่างๆ ก็จะมีหลักสูตรนักบริหาร ขยันเรียนกันตั้งแต่ระดับ ต้น กลางสูง ไปทีประมาณหนึ่งเดือน แต่ถ้าระดับสูงก็หายกันเป็นสามสี่เดือน ยิ่งถ้าไปยาวอย่างหลักสูตร วปอ. ก็อาจจะหมายถึงหายไปทั้งปี แต่ผมเองไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะยังไม่เคยไปเรียนสักระดับครับ


แต่จะเอาสิ่งที่เล่ามาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน คือผมมีโอกาสได้ช่วยเจ้านายของผมในการทำรายงานสำหรับหลักสูตรนักบริหารระดับสูง ซึ่งผมก็ได้เห็นจุดบกพร่องหรือข้อจำกัดอยู่เหมือนกันครับ ว่า ระบบราชการในส่วนนี้ยังยึดติดอยู่กับรูปแบบของรายงานมากกว่าเนื้อหาสาระ ตลอดจนโครงสร้างรายงานที่มีความซ้ำซ้อนกันหลายจุด และไม่ค่อยเป็นไปตามระเบียบวิธีวิจัยที่ผมคุ้นเคย


แต่ผมก็ช่วยทำให้เจ้านายของจนสำเร็จ โดยท่านก็ช่วยดูช่วยให้คำแนะนำบ้าง จนท้ายที่สุดรายงานฉบับดังกล่าวก็ไปขึ้นหิ้งเป็นรายงานดีเด่นของรุ่น นบส. เสียด้วย  นั่นทำให้ผมตกใจยิ่งกว่า เพราะผมใช้เวลาทำเล่มดังกล่าวน้อยมาก คือ ทำก่อนส่งรายงานความคืบหน้า เบ็ดเสร็จมีการรายงานความคืบหน้า 4 ครั้ง ผมก็ทำทั้งหมดสี่วัน เกือบๆ เจ็ดสิบหน้า แล้วยังอุตส่าห์ได้รางวัล ก็เลยสงสัยว่าแล้วเล่มอื่นๆ ในรุ่นนี่เขาเขียนกันออกมาอย่างไร อย่าลืมนะครับว่ารายงานพวกนี้เป็นของซีเก้า ระดับอำนวยการสูงเป็นส่วนใหญ่ครับ


เรื่องเขียนรายงานนี่ยังไม่จบแค่นี้ครับ ผมยังมีโอกาสไปช่วย ซีสิบอีกท่านหนึ่ง จัดทำผลงานวิชาการ หรือที่เรียกว่า ว. เพื่อขอตำแหน่งในระดับทรงคุณวุฒิหรือซี 10 เดิม ด้วย ความจริงแล้วฟังดูเหมือนหลายท่านจะรู้สึกลบกับระบบราชการ ผมก็ยอมรับว่าผลงานของท่านใดก็ควรทำกันเอง แต่เมื่อถูกขอให้ช่วย ผมก็ลำบากใจและไม่สามารถปฏิเสธได้


แต่การช่วยของผมจะต้องมีเงื่อนไขเล็กน้อย คือผู้ใหญ่แต่ละท่านนั้น จะต้องอ่านเนื้อหาในขั้นสุดท้ายก่อนส่ง และควรจะมีมูลค่าเพิ่มในการปรับหรือแก้ไขรายงานจากที่ผมเขียน แบบที่ผมส่งให้แล้วส่งต่อไปหน่วยงานปลายทางเลย แบบนั้นก็ดูจะเกินไปครับ


จากอานิสงส์มือปืนรับจ้างเขียน ว. หรือเขียนรายงาน นบส. ของข้าราชการระดับปฏิบัติการอย่างผมผุ้ซึ่งไม่เคยแม้แต่จะเขียน ว. เป็นของตัวเองเลยสักเล่ม ก็เลยมีผู้ใหญ่มาเชื้อเชิญให้ไปช่วยงานในหลักสูตรนักบริหารระดับสูงของกระทรวง


งานนี้สนุกมากๆ ครับ เพราะคนมาเรียนส่วนใหญ่จะเป็นซีเก้าทั้งหมด แล้วก็ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานอิสระและรัฐวิสาหกิจต่างๆ หน้าที่หลักของผมก็คือการให้คำวิพากษ์วิจารณ์กับผู้เข้าร่วมศึกษาในหลักสูตรเหล่านั้นทั้งงานกลุ่มงานเดี่ยว ตลอดจนแนะนำเอกสาร งานวิชาการ หรือตำรา ที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดทำรายงานศึกษาส่วนบุคคล ทำไปทำมาผมเลยได้เพื่อนต่างวัยซึ่งห่างจากผมกว่าสามสิบปีมาหลายท่าน


ลูกศิษย์กลุ่มนี้น่ารักมากครับ และตั้งใจทำงานกันทุกคน ที่สำคัญทำให้ผมมีโอกาสเข้าใจและเห็นภาพบทบาทภารกิจของหน่วยงานอื่นๆมากขึ้น ทุกวันนี้ผมเลยสนิทสนมกับสรรพากรพื้นที่หลายจังหวัด หรือแม้แต่คุณลุงธนารักษ์ที่น่ารัก และปรึกษารายงานกับผมทั้งทางโทรศัพท์และทางอีเมล์กันทุกสัปดาห์


หรือแม้แต่ผู้บริหารเบอร์สามของธนาคารสีชมพู ที่ทำเอาผมรับไหว้แทบไม่ทันทุกครั้งที่เจอกัน การไปเป็นคนสอนหรือช่วยสอนตรงนี้ ทำให้ผมต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความเห็นและทัศนคติระหว่างกัน และทำให้ผมเชื่อว่าแต่ละท่านมีความตั้งใจจริงในการทำงานตามหน้าที่ของข้าราชการที่ดีครับ


ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ผมก็จะไปช่วยสอนในหลักสูตรนี้รุ่นต่อๆไปอีก ในช่วงต้นเดือนหน้าซึ่งนับเป็นประสบการณ์และโอกาสการเรียนรู้ที่น่าประทับใจมากๆครับ

จากคุณ : buenos
เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:24:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com