|
ผมไปยื่นความประสงค์ขอเปิดบัญชีหลักทรัพย์ ผมจำไม่ได้ว่าผมติดเงื่อนไขอะไร ผมจึงเลือกเปิดการลงทุนในหุ้นในชื่อ บัญชีคุณแม่ และเปิดบัญชีด้วยเงินขั้นต่ำ 50,000 บาท จำได้ว่าตอนนั้นมีไม่พอขอยืมแม่มาประมาณ 10,000 ซึ่งตอนนั้นผมก็คิดว่าก็ไม่เป็นไร ชื่อใครไม่สำคัญ ของให้ได้ลงทุนก็พอ
หลังจากได้เปิดพอร์ทสมใจ ชื่อ บัญชีชื่อคุณแม่
เราก็ลงทุนไปเรื่อยๆ ตามถนัดของเรา เวลาผ่านไปสักพักผลตอบแทนมันดีวันดีคืน จนแม่สงสัยใจจนถามไถ่ถึงการลงทุน ผมอยู่หอพักตลอด ปีหนึ่งกลับบ้านสี่หน แต่เอกสารการลงทุนทุกอย่างผมส่งกลับบ้านหมด ท่านดูผลงานการลงทุนจากเอกสารที่ส่งไปที่บ้าน
ผมจึงเล่าเรื่องการลงทุนขอผมให้ฟังว่ามันเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยแค่ไหนในระยะยาว การลงทุนที่ปลอดภัยสำหรับผมคือ การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ VI
การลงทุนช่วงนั้นเป็น ผมลงในบริษัทที่เป็นที่รู้จักโดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค เป็น “สินค้า” หรือ “บริษัท” ที่ท่านรู้จัก ผมเลยนำเสนอเรื่องการทำกำไรของบริษัท เพราะท่านไม่ได้เป็นนักลงทุนแต่อย่างใด
หลังจากที่ท่านได้ซักถามเรา คุณแม่ท่านคงเห็นทักษะการลงทุนซึ่งเป็นจุดแข็งของผมและท่านอยากจะสนับสนุน
แต่ คุณแม่ ก็เห็น จุดอ่อน เช่นกัน ท่านรู้สึกว่า ผมไม่มีความมั่นคงพอที่จะเห็นจำนวนมากๆวิ่งไปวิ่งมาโดยที่จะไม่ใช้มัน ถ้ามีกำไรก็กลัวว่าจะฟุ้งทำซ่านนู่นนี่นั่นตลอด กลัวจะใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่ายอีก
จริงของท่านช่วงนั้น ผมจิตใจไม่แข็งพอ และ ผมยังเยาว์เกินไป
ท่านจะสนับสนุนการลงทุนของผม แต่.... ท่านจะตั้งเงื่อนไขบางอย่างเพื่อปิดจุดด้อยของผม
เงื่อนไขคือ ท่านให้ผมเป็นผู้เลือกลงทุนอย่างเดียวส่วนคุณแม่ผมจะเป็นผู้ดูแลเงินทุนทั้งหมด
แต่สำหรับผมตอนนั้น เงื่อนไขที่ท่านวางไว้นั้น ไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ขอให้ได้มีเงินลงทุนเป็นพอ เงื่อนไขเรื่องเงินๆทองก็คงไม่เป็นไร
หลังจากท่านบอกเงื่อนไขแก่ผม ท่านก็เก็บไปไตร่ตรองอยู่ และดูผลงานผมอีก หลายเดือน และท่านเพิ่มเงินลงทุนมาให้ผมอีก ประมาณ 100,000 บาท ผ่านไปอีกประมาณปีหนึ่ง ผลงานการลงทุนก็ดีสม่ำเสมอ ท่านลงเพิ่มมาให้อีก 100,000 บาท ผ่านไปอีกสักระยะ ผลงานการลงทุนก็ดีสม่ำเสมอ ท่านลงเพิ่มมาให้อีก 100,000 บาท รวมเงินลงทุนเพิ่มเป็น 300,000 บาท ทยอยลงทุนเพิ่มตามระยะเวลาและผลงาน
จากคุณ |
:
มาม่ากับปลากระป๋อง
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ต.ค. 55 13:43:43
|
|
|
|
|