|
เอาภาษาแบบเข้าใจง่ายหล่ะกันนะคะ และต้องแก้ความเข้าใจคุณใหม่ด้วยนะคะ (ไม่ขอลงในเชิงเทคนิค)
ลองนึกดูว่า ในองค์กรที่มีแผนกมากมายที่ทำหน้าที่ที่หลากหลายกันเพื่อที่จะดำเนินธุรกิจไปได้นั้น 'งาน' ในแต่ละชนิดก็มีความต้องการ 'โปรแกรม' ที่จะมารองรับการทำงานแตกต่างกัน
ยกตัวอย่าง ดังนี้ (ถูกผิด ขออภัย ไม่ถนัดเชิง business มากกนักค่ะ)
- แผนกบัญชีการเงิน ต้องการโปรแกรมสำหรับ ลงบันทึกบัญชีแต่ละวัน, ปิดงบปลายเดือน, งบดุล, งบกำไรขาดทุน, งบเพื่อการวิเคราะห์สำหรับผู้บริหาร ฯลฯ
- แผนกสินค้าคงคลัง ต้องการโปรแกรมสำหรับ บันทึกสินค้าคงคลัง, เบิกสต๊อค, จัดการ warehouse ฯลฯ
- แผนกจัดซื้อ ต้องการโปรแกรมสำหรับ ออกใบสั่งซื้อ (Purchase Order), การเปรียบเทียบราคาของวัตถุดิบ ฯลฯ
- แผนก sale ต้องการโปรแกรมสำหรับ เปิดใบ sale order, รายงานยอดขายแต่ละเดือน ฯลฯ
- แผนก production ต้องการโปรแกรมสำหรับ วางแผนการผลิต, ออกใบสั่งผลิต, คำนวณสูตรผลิต ฯลฯ
- อื่นๆ
มันจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับองค์กร หากข้อมูลทุกอย่างในโปรแกรมนั้น 'เชื่อมโยงกัน' 'ข้อมูลชุดเดียวกัน' 'ทันต่อความต้องการ' เพื่อได้ข้อมูลที่จะนำไปต่อยอดและวางแผนสำหรับตัดสินใจ รวมถึงควบคุมระบบการทำงานของพนักงาน
ระบบโปรแกรมเกือบสำเร็จรูปขนาดใหญ่นี้ จึงเรียกว่า ERP (Enterprise Resource Planning) ค่ะ
ส่วน SAP เป็นเพียง ERP ยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งที่นิยมใช้กันทั่วโลก สัญชาติเยอรมัน มีราคาสูงมาก และระบบค่อนข้างซับซ้อนค่ะ
ยี่ห้ออื่นในตลาดก็มีอีกหลากหลายนะคะ
จากคุณ |
:
eat pray love
|
เขียนเมื่อ |
:
29 ต.ค. 55 11:16:32
|
|
|
|
|