Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แชร์ประสบการณ์ชีวิต จากวัยรุ่นสู่วัยทำงาน ติดต่อทีมงาน

วันนี้ว่างช่วงเช้าเลย คิดว่าประสบการณ์ของผมที่ผ่านมาอาจจะเกิดประโยชน์กับใครที่ กำลังท้อแท้ได้ ถ้าใครอยากแชร์ประสบการณ์ของท่านก็เชิญได้เลยนะครับ

ช่วงวัยรุ่น ผมต้องหาเงินเรียนมหาวิทยาลัยเอง เนื่องจากที่บ้านมีพี่น้องเยอะ ( 5 คน) ผมเป็นคนกลาง พี่ๆผม พ่อแม่ส่งให้ แต่พอของผม ท่านว่ามันใกล้กันไปท่านส่งไม่ไหว แต่ถ้าอยากเรียนท่านจะไปกู้เงินมาให้ อายุผมกับพี่ๆ ห่างกัน 3 ปี ผมอยากเรียนต่อจึงไม่ขอให้ท่านกู้เงินมาเพื่อผม แต่ผมจะหาทางของผมเอง

ก่อนจบ ม5 เริ่มหาเงินด้วยการเป็นเด็กเดินโพย พนันฟุตบอล เก็บเงินวันละ 100 ที่เหลือก็กินใช้ตามภาษาวัยรุ่น ชีวิตเสี่ยงคุกมาเยอะ ต้องหลบๆซ่อนๆ ตั้งเป้าไว้ว่า ถ้าไม่ติดคุก จบปี 4 จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันอีกเลย มีครั้งนึงที่โดนคนเอาปืนจ่อหน้า เพราะเคลียร์ยอดไม่ตรง เกือบจะไม่ได้มานั่งพิมพ์แล้วเชียว

พอเข้าปี1 ที่บ้านประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ผมเลยบอกพ่อแม่ไปว่า ผมดูแลตัวเองได้ ให้ท่านดูพี่ๆผมก็พอ ดังนั้นเงินไปมหาวิทยาลัยผมจึงไม่ได้อีก แต่เช้ามืดผมก็ไปช่วยท่านขายข้าวแกง ผมเลือกเรียนตอนบ่ายทำให้ตารางชีวิตเป็นดังนี้ 04.00 ตื่นไปช่วยพ่อแม่ขายข้าวแกง 12.00 กับบ้านมาอาบน้ำเตรียมไปเรียน และเข้าโต๊ะบอลไปเอาราคาเตรียมทำงานต่อ 18.00 เรียนเสร็จ 20.00 เข้าโต๊ะบอล กว่าจะได้กลับก็ เที่ยงคืน ช่วงนั้นท้อแท้มาก แต่พอเห็นเงินที่ได้รับ ก็สู้ต่อเพราะตั้งเป้าว่าต้องเรียนให้จบให้ได้

ปี 2 ชีวิตเกือบจะจบสิ้นแล้ว........พ่อ ป่วยเป็นอัมพฤก ที่บ้านไม่มีใครมีเงิน ผมเลยต้องไป ยืมเงินโต๊ะบอล 200000 เพื่อรักษาพ่อ โต๊ะบอลไม่คิดดอก แต่ให้ผมสัญญาว่าจะทำงานจนกว่าจะใช้หนี้หมดค่อยเลิกเพราะ เค้ารู้ว่าถ้าผมเรียนจบผมจะเลิก ทำให้ตอนนี้ที่คิดว่าจะเรียนต่อผมว่าจะไม่เรียนแล้วเนื่องจากจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเรียน สุดท้ายไปเจออาจารย์ท่านนึง ก็เลยคุยกันท่านเลยแนะนำให้ไปกู้ กยศ มาเรียนถ้าอยากเรียนจริงๆ ผมสัญญากับท่านว่าจะสู้อีกคำรบนึง

ปี 3 ชีวิตที่เหนื่อยล้า จากที่ต้องตื่นนอนตี 4 เปลี่ยนเป็น ต้องตื่นตี 3 มาทำขายแกงขาย ลูกค้าไม่เคยรู้เลยว่าผมเป็นคนทำเอง จากที่กลับบ้านเที่ยง กลายเป็นว่า ไม่ได้กลับ ขายข้าวแกงเสร็จเปลี่ยนเสื้อไปเรียนเลย เรียนเสร็จ กลับมาที่ร้านเพื่อจะเอาของกลับบ้านโดยมอเตอร์ไซค์เก่าๆของพ่อผม (ขายข้าวแกงริมถนน ) ขายข้าวแกงที่แถวเสาชิงช้า บ้านอยู่ฝั่งธน วันไหนถ้าฝนตก ขับรถไปร้องไห้ไป

ปี 4 ต้องฝึกงาน ไปฝึกงานไม่ได้เงินแถมต้องกลับดึก บางวันไม่ได้นอนเพราะว่า ถ้านอน ก็จะหาเงินมาใช้โต๊ะบอลไม่ได้ เหนื่อยสุดๆ แต่ดีว่า พี่ๆ เรียนจบแล้ว(หรือจะบอกว่า ไม่มีใครเรียนจบซักคนเอาเงินพ่อแม่ไปกินเที่ยวหมด) พ่อเสียใจจนเข้าโรงพยาบาลเลย ผมได้แต่เศร้ามันอะไรกันเนี้ยชีวิต

ก่อนจบได้งานทำเป็นฟรีแล็น ค่าตัว 300 ต่อวัน ทำได้ 3 เดือนบริษัทเจ๊งซะงั้น

พอเรียนจบจริงๆ ตกงานครับพี่น้อง มานั่งขายข้าวแกงเเบบเต็มรูปแบบ แต่ตอนนี้ ผมใช้หนี้โต๊ะบอลหมดแล้ว พอกันทีชีวิตที่ผิดกฎหมาย แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เมื่อมานั่งขายข้าวแกง กำไรบ้างขาดทุนบ้าง เงินทั้งหมดก็ให้แม่หมด เพราะท่านเป็นคนจ่ายค่าเช่าบ้าน มานั่งคิดดูคงต้องกลับเข้าวงการพนันอีกทีเพื่อเอาเงินมาทำอะไรบางอย่างที่อยากทำ

จบมา 1 ปี ไม่มีงานทำ สมัยก่อน ต้องเดินทางไปสมัครด้วยตัวเอง อินเตอร์ใช้น้อยมากสมัยนั้น คอมพิวเตอร์แพงมาก ดังนั้นเรื่องคอมพิวเตอร์ผมโง่สุดๆส่งอีเมลแต่ละครั้งแทบจะไปกราบพนักงานร้านเน็ตให้ส่งให้

จบมา 1 ปีครึ่ง ได้งานแรกดีใจมาก ทำได้ 1 เดือนโดนไล่ออก ข้อหาไม่ขยัน เพราะ เค้าให้ทำงานช่วงดึกคือ เสร็จงานก็ตี 2 - 4 บางทีกลับไปไม่ได้นอน ต้องมาขายข้าวแกงต่อ แล้วต้องกลับมาตอกบัตรตอน 10 โมงอีก ต่อนั้นท้อสุดอะไรกันเนี้ย

จบมา 2 ปี ออกจากบริษัท มา 3 ที่ บทจะได้งานก็มากันเพียบ ตอนสมัครเเรกๆไม่ได้ซักที่  ตอนนั้นคิดแล้วว่าจะเสียเงินเรียนทำไมเนี้ย จบมาก็ไม่ได้ทำงาน ขายข้าวแกงดีกว่า

หลังจากนั้นก็มาทำงานที่โฮมออฟฟิสนึง โอเคมาก เลยคุยกับแม่ว่า เราจะตั้งใจทำงานนะ 7.30 ต้องไปทำงานแล้ว แม่ต้องเหนื่อยหน่อยนะ ตอนนั้นทะเลาะกับครอบครัวจน โดนไล่ออกจากบ้าน แต่ก็หน้าด้านอยู่ต่อ สิ่งที่ผมอยากจะทำยังไม่ได้ทำ ดังนั้นไล่ยังไงก็ไม่ไป...........ตอนนี้มีเงินเก็บ 100000 แล้วจากวงการพนัน พอได้งานจริงๆจังๆก็เลิกทำทั้งๆที่ยังทำได้ แต่ผมตั้งเป้าไว้แล้วว่า จะไม่อยู่วงการนี้นานๆ ถ้าผมติดคุกใครจะดูแลพ่อแม่ พี่ที่โต๊ะบอลก็เข้าใจ สุดท้ายเป็นพี่น้องกันดีกว่า ว่างๆไปนั่งเล่นกินเบียร์กันแต่ไม่ทำแล้ว

ทำงานที่นี่ได้ 7 ปี มันสุดๆ
ปีที่ 1 เงินเดือน 7200 บาท มันมั้ยครับ ผ่านไป 3 เดือนผ่านโปร เงินขึ้นเป็น 8200 บาท ที่นี่เจ้านายเป็นคนจีน สไตล์ อาแปะ แกชอบคอมพิวเตอร์มากๆ พอรู้ว่าผมไม่เป็นคอมพิวเตอร์ แกสอนหมดตั้งแต่ใ้ช้คอมพิวเตอร์ ยันซ่อมคอมเบื้องต้นเป็น ผ่านมาอีก 6 เดือนแกเห็นเราผอมลงเลยถาม ก็เลยเล่าให้ฟังว่า เงินที่ได้ให้แม่ไปจ่ายค่าบ้าน 5000 แล้วจะเอาข้าวแกงที่บ้านมากินตอนเที่ยง ถ้าเย็นวันไหนกลับดึกก็จะหิ้วท้องรอจนกว่าจะถึงบ้าน จะได้ไม่เปลื่องตอนนั้น เงินที่เหลือเป็นค่่ารถกับค่ามือถือ เสื้อผ้า ไม่ต้องห่วง ขอของเพื่อนๆมาทั้งนั้น

ปีที่ 2 เจ้านายยกให้เป็นหัวหน้าทีม เพิ่มเงินให้เป็น 12000 ดีใจมากตั้งใจทำงานมากๆ ให้ไปไหนไปหมด ไม่คิดโอทีเพราะคิดว่าเจอคนดีต้องช่วยสุดๆ

ปีที่ 3 เจอวิกฤตศรัทธา เพราะเจ้านายให้ขึ้นเป็นผู้จัดการ และเสนอเงินเดือนให้เป็น 30000 แต่ผู้จัดการคนอื่นและทีมอื่นๆ โต้แย้งและยื่นใบลาออก ถ้าขึ้นเงินให้ผมเท่านั้น เพราะคนอื่นๆ 3 ปีที่ผ่านมาได้ขึ้นแค่ 10 % สุดท้ายเจ้านายเรียกผมไปคุย และขอโทษที่ไม่สามารถขึ้นให้ได้เพราะถ้าคนลาออกหมดแกก็แย่ (ที่บริษัทมีพนักงาน 25 คน ผู้จัดการ 3 ) เรื่องเงินที่รั่วก็มาจากแกไปบอกผู้จัดการเอง เพราะคิดว่าคนอื่นๆจะร่วมยินดีกับผม สุดท้ายผมก็เลยไม่อยากให้แกลำบากใจ เลยลาออกแต่แกไม่ยอม และแก่ให้เงินเดือนผม 25000 ในประกันสังคมแจ้ง 15000 แกให้ส่วนตัวทุกเดือนอีก 10000

ปีที่ 4 ที่บ้านโดนเจ้าของบ้านไล่ออกจากบ้านเพราะ มีคนอื่นจะมาเช่าและให้ค่าเช่าสูงกว่าที่ผมเช่าอยู่ ไล่กันอย่างกับหมูกับหมา ผมทนไม่ไหว แม่ก็ทนไม่ไหว พ่อเคลียดต้องเข้าโรงพยาบาล ผมเกือบฟิวขาดเผาบ้านมันแล้ว ดีนะว่ามีสติ ดูเงินเก็บและเงินเดือนแล้ว สิ่งที่ผมอยากทำที่สุดคือ ซื้อบ้านให้พ่อ เพราะสิ่งที่ท่านเสียใจที่สุดคือการขายบ้านเก่าและทำให้ลูกๆไม่มีบ้านอยู่ ตอนนั้นขาดเงิน 20000 บาทก็จะดาวร์บ้านได้ เลยยืมเจ้าของบริษัท แต่ก็ยังไม่มีเงินพอที่จะจ้างรถ แต่พี่ๆที่ผมเค้าจ้างงานมาช่วยกันเพียบ ฟรีหมด(ผมทำบริษัทออแกไนซ์) ตอนพ่อย้ายเข้าไป ท่านร้องไห้ทุกคืน ผมก็งงว่าแกจะร้องทำไม เลยทนไม่ไหวเข้าไปถาม พ่อผมท่านว่า ดีใจมาก ถ้าเค้าตายไปอย่างน้อยลูกๆก็มีบ้านอยู่ (เล่นซะผมหนีไปร้องไห้หนักกว่าพ่ออีก)

ปีที่ 5 คนที่บริษัทเริ่มโกงกัน จนเจ้าของเครียดมาก และเรียกผมไปคุยคนเดียวว่าบริษัทอาจจะต้องปิดตัวนะ ส่วนคนอื่นๆที่โกงเค้าไปเค้าไม่โกรธ แต่เค้าเป็นห่วงผม

ปีที่ 6 บริษัท เริ่มไม่มีเงินทำให้พนักงานลาออกหมด เหลือ 3 คนในนั้นมีผมด้วย รับงานเล็กๆตามสภาพ คนที่เหลือก็ช่วยๆกันไป เงินเดือนไม่เคยพูดกัน ได้บ้างไม่ได้บ้าง 3 เดือนออกที่ ครบบ้างไม่ครบบ้าง และปีนี้เองพ่อผมก็เสียเจ้านายไม่ค่อยมีตังค์ แต่แกใส่ซองมา 10000 ผมแทบอยากจะเอาเงินไปคืนแกเลยเพราะ แกก็ไม่มีแต่ยังมีน้ำใจกับผมขนาดนี้

ปีที่ 7 ปีสุดท้ายกับบริษัทนี้ สุดท้ายเงินเดือนไม่ได้กันทุกคน เป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ ผมใช้เงินเก่าอย่างเดียวเลย พี่ๆอีก 2 คนก็เหมือนกัน เราเลี้ยงร่ำลากัน 4 คนมีเจ้านายอีกคน มันส์ไปอีกแบบ เจ้านายบอกว่าใครอยากได้อะไรหยิบไปเลยผมให้หมด ขำกันจะตายว่า จะหยิบอะไรกันดี พอเลิกงานเลี้ยง พี่ๆและเจ้านายไปคุยกัน สิ่งที่รู้ก็คือ ทุกคนขอว่า ผมยังเด็กอยู่และน่าจะมีอนาคต จึงขอรถบริษัทให้ผม เผื่อผมจะได้ใช้ประโยชน์เจ้านายก็เลยมอบรถให้ผม แล้วบอกว่า ถ้าวันไหนที่ อั๋วดีขึ้นเงินเดือนที่ติดทุกคนไว้ผมจะจ่ายให้หมด ส่วนรถที่ให้ผมถือว่าเป็นโบนัสที่สู้กันมา 7 ปี

จากคุณ : จัดไป
เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 55 13:26:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com