ความคิดเห็นที่ 1 ลองหาคณะบริหารเรียนดูสิคะ น่าจะตรงจุดประสงค์กับที่เราอยากทำธุรกิจของตัวเอง เราก็ไม่ได้เรียนสายนี้ แต่คิดว่าน่าจะใช่ ยังไงรอผู้รู้มาตอบเรื่องเรียนต่ออีกทีละกันเนอะ ส่วนเรื่องเปิดร้านกาแฟหรือบาร์เหล้า ส่วนตัวเรารู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่...ตอนนี้มีคนทำเยอะมากกก เราก็ต้องหาจุดเด่นจุดขายกลยุทธต่างๆมาสู้เพื่อความอยู่รอดต่อไป ฮาา เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : หมีโฮก เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:26:43

ความคิดเห็นที่ 2 ฟังดูแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแค่หาตัวเองไม่เจอเท่านั้นแหละให้เวลากับมันหน่อย เด๋วก็ดีเอง จากคุณ : เต้าหยินไม้แห้ง เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:33:03

ความคิดเห็นที่ 3 #1 คณะบริหารคงไม่หละครับ สมองผมไม่ถูกกับคณิตมากครับ5555555 ส่วนเรื่องจุดเด่นผมคิดว่าผม สามารถทำได้นะครับโดยส่วนตัว แต่ก็ไม่เท่าลงมือทำครับ5555 จากคุณ : Phudej เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:39:50

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้ายังไม่มีแนวทางเลยจริงๆ ผมว่านะใน Internet มีข้อมูลมากมาย นั่งเล่นดูโน่นดูนี่ไปเรื่อย น่าจะพอเห็นอะไรที่เราชอบบ้าง ความจริงถ้ามีเงินมาก ก็ลองเดินทางไปหลายๆประเทศ ดูโน่นดูนี่ อาจจะได้ไอเดียก็ได้ครับ จากคุณ : CMT เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:42:12

ความคิดเห็นที่ 6 บริหารไม่ได้เน้นคณิตครับ เราไปเลือกตัวสายหลักตอนหลังครับ ถ้าชอบภาษาก็เรียนภาษาสิครับแต่ควรได้อย่างน้อย2 ภาษานะ จากคุณ : เขียนบน iPad (LuPangBig) เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:42:30

ความคิดเห็นที่ 7 เพิ่มเติมครับ.. ไม่ใช่ว่าผมอยากจะเปิดบาร์หรือร้านกาแฟอย่างเดียวนะครับ ยังมีอีกหลายสิ่งครับ ..หลายสิ่งที่ผมยังไม่รู้ครับ555555 จากคุณ : Phudej เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:43:55

ความคิดเห็นที่ 8 #6 ประมาณการตลาดใช่ป่าวครับ คือผมอคติกับวิชาคณิต(ประเทศไทย)ไปหน่อยครับ ผมเลยเหมารวมกับบริหารด้วจ ขอโทษด้วยครับ ; ] จากคุณ : Phudej เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:48:15

ความคิดเห็นที่ 9 ก็คิดอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองนะ อยากเปิดร้านขายเสื้อผ้า อยากมีร้านกาแฟน่ารักๆ อยากทำงานที่ไม่ใช่ตอกบัตร8โมง เลิกงาน 5 โมง ทำทุกวัน บางวัน เสาร์ก็ยังทำ วนเวียนเป็นลูปแบบนี้ไปเป็นปีๆ ปีแล้วปีเล่า ไม่มีอะไรต่างไปเลย เบื่อนะ แต่ก่อนที่จะไปทำอะไรของตัวเอง ปัจจัยหลักมันก็คือเงินทุนนั่นเอง มันก็ช่วยไม่ได้ทีไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง พ่อแม่แค่ส่งให้เรียนจนจบก็คือว่าบุญหัวแล้ว ก็ต้องทำงานหาเก็บเงินเอง แล้วไอ้การเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ยังมีกิเลสอยู่ ไอ้โน่นก็อยากได้ ไอ้นี่ก็อยาก อยากไปเที่ยวนู่นนี่อีกสาระพัด ไหนจะยังมีการแต่งงาน ซื้อบ้าน ซื้อรถ ใช้เงินทั้งนั้น เงินเก็บมาได้แต่ละครั้ง เรือ่งใช้มากกว่าท่เก็บได้มาก หนี้สินก็มี กว่าจะเก็บเงินได้มากพอที่จะเปิดกิจการ ก็จะคิดว่าถ้าออกจากงานประจำไป มันจะมั่นคงหรือเปล่า มีเงินเก็บมากพอแล้วหรอถ้าเผื่อว่ากิจการเจ๊ง (เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายน่ะ) นั่นแหละ สรุป ตอนนี้อายุ 29 หมาดๆ เงินเก็บ = 0 หนี้สิน = เพียบ งานมั่นคง เงินได้โอเค แต่เบื่อกับชีวิตที่วนเป็นลูปเดิมๆ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ก็ต้องมีเงินเก็บที่มากพอก่อน ก็คิดว่า ประมาณอายุ ไม่เกิน 40 จะเก็บเงินให้ได้ และทำงานที่ตัวเองชอบนะ ไม่รู้ว่ากว่าจะถึงวันนั้น จะติดลมยาวหรือเปล่า ...... ส่วนชีวิตของน้อง เข้าใจนะ ที่ว่าอยากมีธุรกิจของตัวเอง ฟังดูดีเลย ถ้าพ่อแม่มีต้นทุนให้ก็ไม่ยากเลย แต่จะไปยากตรงการบริหารงานอีก แต่นั่นแหละ ถ้าไม่มี มันก็ช่วยไม่ได้ที่ต้องทำงานไปก่อน อาจคิดแค่ว่า ทำงานอะไรไปก่อนเพื่อเป็นบันไดไปสู่ธุรกิจในวันข้างหน้าของเราก็ได้ คิดแบบนี้จะได้มีแรงเลือกเรียนหรือมีแรงที่จะทำงานตรงนี้ไปก่อนได้น่ะ จากคุณ : kuroiyuki เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 15:48:41

ความคิดเห็นที่ 10 #9 ขอบคุณสำหรับแนวทางครับ คนเราถ้าเจองานที่ชอบจริงๆก็เหมือนกับเราไม่ได้ทำงานนั้นครับ งงไหมครับ?55555 คนเราต้องมีแผนสองเสมอครับ (ผมมองโลกในแงธรรมดาครับ) จากคุณ : Phudej เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:03:53

ความคิดเห็นที่ 11 อนาคตจะดีได้อย่างไงล่ะคุณ ถ้าปัจจุบันยังไม่มีทางเดินชัดเจน? จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:17:08

ความคิดเห็นที่ 12 #11 นั่นสิครับ5555 จากคุณ : Phudej เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:18:50

ความคิดเห็นที่ 13 เข้าใจ   คือทำงานแล้วมีความสุขกับงาน ก็เหมือนเราไม่ได้ทำงานไง   พี่โน๊ตเคยพูดไว้อ่านะ  55 อีกนิด  อย่างตอนนี้พี่ก็ทำงานตรงสายนะ   แต่เบื่อไม๊   เบื่อ  อยากมีกิจการของตัวเองแน่นอน   แต่กว่าจะถึงวันนั้น  ก็ต้องผ่านจุดนี้ไปก่อน     ถามหน่อย  ที่ว่าอยากมีจะมีร้านเป็นของตัวเองเนี่ย  แล้วเอาเงินทุนมาจากไหน ขอพ่อแม่  ??    อันนี้จะว่าง่ายก็ง่าย  ได้เปรียบตรงที่ได้ทุนมาแล้ว  แต่จะยากตรงที่จะทำอะไร   ทำที่ไหน  ทำเล   การบริหาร   ทำไงให้รุ่ง  อันนี้ยากกว่าคิดจะเรียนอะไรอีกนะ    ทำไงไม่ให้เจ๊งเนี่ย หรือถ้าจะเก็บเงินเปิดร้านเอง   จะมีทางไหนให้ได้เงินมาล่ะ   ต้องคิดตรงนี้ด้วยไม๊ ??? เห็นจากกระทู้ล่างๆ  เหมือนจะไม่ชอบงานออฟฟิศ   ก็อาจลองไปศึกษาการดำเนินชีวิตของคนจำพวกไอ้แป้ก   พี่โน๊ต   น้าเน็ค  พวกที่ไม่ได้มีสูตรสำเร็จก็ได้นะ ชีวิตจะโลดโผนหน่อย    ทำได้ทุกอย่าง   เหมือนหาประสบการณ์ไปเรือ่ยๆน่ะ อย่างนี้ชีวิตก็จะไม่น่าเบื่อ   แต่เราจะทำแบบนั้นได้แล้วจะมีความสุขจริงๆหรอ  ไม่รู้ หรือถ้าอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง  ถ้าไม่มีเงินทุน และไม่รู้วิธีบริหาร  อย่างนี้ก็มีเป็นตัวอย่างจากคนรอบข้างให้เห็นเหมือนกัน  เช่น  อยากเปิดร้านเกมส์  พวกก็ไปเป็นลูกจ้างที่ร้านเกมส์เค้าก่อนเลย   ครูพักลักจำ  แล้วมันก็ออกมาเปิดร้านเกมส์เป็นของตัวเอง แต่เจ๊งหรือเปล่าไม่รับประกันนะ  แต่แนวทางเปิดร้านรู้แน่ไง  เพราะปัจจัยที่จะเจ๊งไม่เจ๊งมันไม่มีสูตรอ่ะ    หรือบางคนก็อาจไปเป็นลูกจ้างร้านกาแฟเค้าไปเลย  ไรแบบนี้   เอาป่ะละ    ชีวิตไม่น่าเบื่ออ่ะ   แต่ถ้าวางแผนไม่ดี  จะดูชีวิตไม่มีแก่นสารไปเลยนะ     55555555 จากคุณ : kuroiyuki เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:26:08

ความคิดเห็นที่ 14 #13 เอาจริงๆก็คงต้องไปหาทุนหละครับ5555555 ถึงตอนนี้จะมีแค่100kอต่ก็มีกิเสศวัตถุนิยมเข้ามาล่อใจเยอะครับ แต่ก่อนหน้านี้ผมก็เป็นลูกจ้างมาพอสมควรครับ รับออร์เด้อ, แคชเชียร์, เด็กเฝ้าบูท ขายสบู่55555 ผมก็มีความสุขนะครับ แต่มันก็ไม่ใช่งานที่มั่นคงเท่าไหร่นัก บางทีผมอาจจะต้องใช้ชีวิตตามกฏความเป็นจริงครับ เพื่อหาประสบการณ์มากกว่านี้ครับ ความคิดตอนนี้คงมีไม่มากพอที่จะทำอะไรให้สำเร็จครับ555555 ขอบคุณมากเลยครับ  ; ] จากคุณ : Phudej เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:44:16

ความคิดเห็นที่ 15 ยังดีนะครับที่รู้จักคิดเรื่องอนาคตตัวเอง เด็กสมัยนี้ รวมถึงผู้ใหญ่บางคน ยังไม่คิดขนาดนี้เลยครับ ถ้ายังค้นพบตัวเองไม่เจอแนะนำให้เรียนอะไรก้ได้ที่พอจะมีปัญญาเรียนให้จบ เพื่อเอาวุฒิมาก่อนเพื่อที่จะได้ไปสมัครงานที่พอจะทำเงินให้เราได้ในระดับนึง แล้วค่อยรวบรวมเงินทุนไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบครับ แต่ถ้าชอบสังเกตพฤติกรรมมนุษย์ ผมว่าลองไปเรียนพวก Art มั้ยครับ การสังเกตมนุษย์เป็นพื้นฐานของศิลปะครับ ศิลปะไม่ได้มีแค่เรื่องวาดรูปนะครับ อย่าคิดว่าไม่เก่งวาดรูปแล้วเรียนไม่ได้นะครับ ศิลปะมันอยู่ที่การวิเคราะห์และถ่ายทอดออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่นวาด เพลง บทความ หรือสื่ออื่นๆ เป็นต้น สุดท้ายก็ขอแนะนำน้องเพิ่มเติมว่าอย่าไปกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีแล้วอนาคตจะดีตามเองครับ จากคุณ : xhai เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 16:56:39

ความคิดเห็นที่ 16 #15 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีดีนะครับ เป็นอีกแขนงวิชาหนึ่งที่ผมสนใจครับ แต่เพิ่งรู้ว่า การสังเกตุมนุษย์เป็นพื้นฐานของศิลปะ ลึกล้ำดีครับ5555 จากคุณ : Phudej เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 17:08:21

ความคิดเห็นที่ 17 แนะนำเรียน economics ครับ เป็นสายศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ ในเชิงธุรกิจโดยตรง จากคุณ : วายุหมุน เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 20:24:34

ความคิดเห็นที่ 18 โลกแคบ  ทั้งๆที่ไปท่องโลกกว้าง ขนาดแค่ บริหารธุรกิจ คุณยังเหมารวมว่าเป็นคณิตศาสตร์เลย โลกแคบไหมล่ะ ประสบการณ์คุณยังน้อยครับ  น้่อยเกินไปที่จะบินด้วยตัวเอง สิ่งที่จะเปิดโลกของคุณให้กว้างขึ้น คือ  "หนังสือ"ครับ หนังสือในที่นี้ รวมไปถึง หนังสือตำราเรียน  ตัวหนังสือในโลกอินเตอร์เน็ต เอาง่ายๆนะ ผมขอถามคุณ ในฐานะที่คุณอยากเปิดร้านเหล้า บาร์ คุณรู้หรือไม่ ว่าคุณจะบริหารร้านอย่างไร ให้มีคนเข้ามาใช้บริการ ?? เป็นคำถามสั้นๆ ที่กว้างมาก มันไม่ใช่แค่ เปิดร้าน ,ร้านมีเหล้า,มีอาหาร ,มีเด็กเสิร์ฟ,มีพ่อครัว,มีจาน,มีแก้ว,มีโต๊ะ-เก้าอี้,มีเครื่องเสียง มันไม่ใช่แค่นั้น  ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกเป็น50เท่านะครับ เพียงแค่ความรู้อันหางอึ่ง กับประสบการณ์อันกระจ้อยร่อย แถมยังไม่เคยมีประสบการณ์การค้าขายมาโดยตรงอีกต่างหาก แล้วยังมาคุยโว ว่าชอบสังเกตุพฤติกรรมมนุษย์ ... ใครๆก็สังเกตุกันทั้งนั้นแหล่ะครับ คนนู้นเป็นอย่างนู้น คนนี้เป็นอย่างงี้ แต่สังเกตุอย่างมีหลักทฤษฎี มีเหตุ มีผล อ้างอิงหลักฐานจิตวิทยาได้ เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ว่า มองเอง สังเกตุเอง คิดเอง เออเอง ....สุดท้ายก็ บ้าไปเอง ให้ดีที่สุด  ให้กลับไปเรียน  เรียนอะไรก็ได้ ที่ตอบโจทย์ความฝันของตนเองได้ เช่น อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ  ถ้าไม่เรียนบริหารธุรกิจ ก็เรียนการตลาด  เป็นต้น แต่ถ้า ถอดใจ ไม่เรียน อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยตนเอง ก็แนะนำว่า ให้เริ่มจากเล็กๆก่อน  ไปขายของตลาดนัดดูก่อน  ถ้าขายของร้านเล็กๆยังไม่รอด ก็ขอให้เลิกคิดที่จะเปิดร้านบาร์,ผับ หรือถ้าจะให้สุดยอด ก็กลับไปเรียนด้วย ทำกิจการเล็กๆเองด้วย    ขายของไป เรียนไป สั่งสมทั้งประสบการณ์ ทั้งความรู้ไปพร้อมๆกัน  นี่แหล่ะสุดยอด สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า ผมเคยคิดว่าตัวเองเจ๋ง  ไม่ต้องเรียนหรอก ไปหางานทำเอาประสบการณ์อย่างเดียวดีกว่า (คุ้นๆไหม  ท่าทางเราจะคิดคล้ายๆกัน เหอๆ) ชีวิตมันพลิกได้ตลอดเวลา  จากกะเลวกะลาด จับพลัดจับผลูมีรายได้เป็นแสนต่อเดือน จากนั้นก็ตกต่ำ ขึ้นๆลงๆ  ตอนขาขึ้นก็ดีไป  แต่ตอนขาลงก็ไม่มีใบประกาศนียบัตร มาค้ำประกันความรู้(ทั้งๆที่มีประสบกาณ์โชคโชน) ผมคิดผิดที่ไม่เรียน อย่าเดินซ้ำรอยผมเลย จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 55 21:06:22

ความคิดเห็นที่ 19 ลองหาหนังสือบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการก่อตั้งและทำธุรกิจในวงการต่างๆ มาศึกษาอ่านและวิเคราะห์ดูให้ละเอียด นำมาเป็นแนวทางพร้อมกับลงมือปฎิบัติ ทำให้เรียนรู้ประสบการณ์ได้เร็วยิ่งขึ้น ชอบหรือถนัดด้านไหน ศึกษาด้านนั้นๆ ให้ลึกซึ้ง เมื่อเรามีความรู้เพิ่ม มีความมุ่งมั่นหรืออิทธิบาท 4 มันก็จะมีแรงผลัก ดันตัวเองขึ้นมาโดยอัตโนมัติครับ เช่น ธุรกิจอุปโภคบริโภค ก็หาหนังสือบันทึกความทรงจำของ ดร.เทียม โชควัฒนา, วงการอาหารสัตว์ อ่านประวัติของท่านเจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์, วงการโลจิสติกส์ อ่านเกี่ยวกับธุรกิจของ federal express ,วงการสิ่งทอ ศึกษาดูวิธีการทำธรกิจของ จงสถิตย์,วงการอสังหาริมทรัพย์ ศึกษาการเริ่มธุรกิจของเลย์กาชิง ฯลฯ จากคุณ : หัวใจจากท้องทะเล เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 10:32:01

ความคิดเห็นที่ 20 ขอแนะนำอีก 1 ตัวเลือกค่ะ ถ้าชอบสังเกตพฤติกรรมมนุษย์ลองเรียนจิตวิทยาดูมั้ยคะ เราจะมองเห็นโลกเปลี่ยนไปเลยล่ะ มีจิตวิทยาการให้คำปรึกษา จิตฯ คลินิก พี่เรียนอยู่แต่เป็นจิตวิทยาเกี่ยวกับคนทำงานค่ะ จากคุณ : ~CaRaMelLoVer~ เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 55 23:11:49

ความคิดเห็นที่ 21 มีเด็กหลายคนเป็นแบบนี้ ลองเข้าไปทดสอบในแบบทดสอบความถนัดดูจะได้รู้ว่าจริงๆ ต้องการอะไร http://www.tsi-thailand.org/calculatortool/stat_iframe11.php จากคุณ : Apple2u เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 55 14:04:26