ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่สนใจว่าใครๆ ก็ทำกันอยู่แล้ว ถ้ามั่นใจว่าเราทำได้ดีกว่า ถ้าเราเข้าใจเรื่องลูกค้าและตลาด ต้นทุน กฎหมาย ภาษี ถ้าเราสามารถทำให้ต้นทุนของเราถูกกว่าคู่แข่งได้และขายสินค้าในราคาและคุณภาพที่ผู้ซื้อพอใจก็น่าจะเพียงพอแล้วมั้งครับ ผมชอบกิจการที่มีผู้ทำอยู่แล้วจำนวนมาก เพราะผมจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น อยากได้ความเห็นที่แตกต่างเยอะๆ จากชาวสีลมทุกท่านครับ เพราะจุดนี้คือจุดเริ่มต้นของธุรกิจรายย่อยไทย บางคนมีเงินแต่ไม่ทราบจะเริ่มยังไงดี จากคุณ : academician - [ 4 ส.ค. 46 12:54:03 A:130.18.158.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใคร ๆ ก็ทำกัน รวยยาก เจ๊งยาก ยกเว้นกิจการที่ตามกระแส รายได้ดีก็มี แต่ต้องลงทุนเยอะ ยังไม่มีใครทำ แค่ใช้หัวสมองคิดว่าจะทำอะไรก็เหนื่อยแล้ว สมัยนี้ยังมีอะไรที่ยังไม่มีคนทำ อย่างมากก็คือมีคนทำน้อย ของอย่างนี้ ไม่เจ๊งก็รวย ถ้าให้เลือก เลือกอย่างแรกน่ะครับ เพราะอย่างที่ 2 ถ้าดีจริง ไม่นาน คนก็ทำตามกัน จากคุณ : kazama - [ 4 ส.ค. 46 12:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ชอบแบบที่คนยังไม่ทำหรือทำน้อยน่ะครับ เหนื่อยมากกว่า แต่ก็มันส์กว่า และน่าจะคุ้มกว่า (มั้ง) จากคุณ : BigBlackDog - [ 4 ส.ค. 46 12:59:41 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การเลือกทำธุรกิจ(ของผม) ผมคิดอย่างนี้ เอามาแลกเปลี่ยนกัน ธุรกิจมากมายล้วนแต่มีคนอื่นทำแล้วทั้งนั้น เพราะผมไม่สามารถคิดสิ่งใหม่ ๆ ได้ คนอื่นทำแล้วก็ไม่กลัว แต่ถ้าทำต้องทำให้อยู่รอดและดีกว่าคุ่แข่ง MK ขาย สุกี้ ขณะที่ในตลาดก็มีคนอื่นขายสุกี้ อยู่แล้วเขายังไม่สนเลย แม้วันนี้จะขอทานยังมีคู่แข่ง มีเขตของใครของมัน ก็ยังมีคนทำธุรกิจนี้ไม่เห็นเค้ากลัวกันเลย แล้วผมจะสนจะกลัวทำไม ผมมองทุกธุรกิจที่จะเข้าไปทำอย่างนี้ 1. มองประสบการณ์ ของตัวเอง เกี่ยวกับธุรกิจที่เลือก โดยไม่สนใจ อุปสรรคอื่นใด 2. พิจารณาว่าผม มีความรู้ และเข้าใจของตัวสินค้าและบริการนั้นมากพอ หรือไม่ 3. ทำความเข้าใจในธุรกิจ นั้น อย่างยิ่งยวด เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจ - ข้อมูลจากกระทรวงพาณิช - กระทรวงอุตสาหกรรม - ผลการศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ - ข้อมูลงานวิจัยของธนาคารต่าง ๆ - ข้อมูลจาก บีโอไอ 4. พิจารณาความชำนาญ ของผม หากไม่ชำนาญ พอก็หาผู้ช่วยที่ชำนาญเข้ามา 5. เมื่อศึกษา พิจารณาแล้ว ย้อยกลับมาถามตัวเองว่าชอบ ธุรกิจนี้ ( ส่วนใหญ่ชอบ เพราะผมชอบเงิน , เงินไม่ใช่พระเจ้านะมันคือซาตาน) 6. พิจารณาสิ่ง ที่ ผมมีอยู่ ว่าส่วนไหนเอาไปใช้ประโยชน์ กับธุรกิจนี้ได้บ้าง ก็ยิบมาใช้ เมื่อทำครบ ทั้ง 6 ข้อแล้ว ก็เริ่มดำเนินการ ทำธุรกิจ บนกระดาษก่อน ( เขียนแผนธุรกิจ ) ซึ่งในแผนธุรกิจ จะบอกทุกสิ่งทุกอย่างให้กับผม ทั้งทางด้านการตลาด การเงินการลงทุน จุดคุ้มทุน ปัญหาและอุปสรรค เมื่อเขียนแผนธุรกิจเสร็จ ก็นำตัวเลขและข้อมูลต่าง ๆในแผน มาพิจารณา หากน่าลงทุนก็ทำ หากไม่น่าลงทุนก็ไม่ทำ การเขียนแผนธุรกิจ ให้เขียนด้วยตัวผู้จะทำธุรกิจเอง ไม่ว่าก็คนก็ตาม ไม่ควรจ้างคนนอกเขียนให้ เพราะทำให้เราไม่รู้ ข้อมูลอาจจะไม่เป็นจริง ยกเว้นว่า มีแผนก วางแผนธุรกิจเอง ( Business Development Department ) เมื่อเริ่มทำธุรกิจ ที่เลือกแล้ว ให้ดำเนินการตามแผนที่ศึกษามาอย่างเคร่งครัด ระเบียบการเงินการคลัง ต้องตามแผนไม่นำเงินออก ไปทำอย่างอื่นเด็ดขาด และตลอดการทำธุรกิจ ต้องมีแผนงานย่อย และปรังปรุงให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลาตามวาระ ที่เขียนมาไม่ได้บอกว่าหากคุณศึกษาแล้ว เขียนแผนแล้ว ปฏิบัติตามแผนแล้ว ธุรกิจจะประสบความสำเร็จ 100 % เพียงแต่ว่า โอกาส เจ๊งมีน้อยกว่าคนที่ไม่มีแผน โอกาสร่ำรวยสำเร็จมีมากกว่าคนที่ทำโดยไม่มีแผน จากคุณ : ALSYS - [ 4 ส.ค. 46 13:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยากทำแผนธุรกิจเป็นจัง จากคุณ : KTR - [ 4 ส.ค. 46 13:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณโชคชัย บูลกูล นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงและมือดี ที่พลิกฟื้นกิจการที่มีหนี้มากมายของ " โชคชัยฟาร์ม " กลับมามีกำไรมากและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เคยพูดไว้ในหนังสือของท่านเองว่า ธุรกิจที่ทำง่าย ๆ ไม่ค่อยเหนื่อย แต่ได้กำไรมาก ๆ น่ะ มีคนทำกันมากมายเกือบหมดแล้ว ตอนนี้ที่ทำได้คือธุรกิจที่ต้องทุ่มเทกันคือ เหนื่อยมาก ๆ แต่ได้กำไรน้อย อาศัยว่าขายได้ปริมาณมาก ๆ ค่ะ จากคุณ : ทะเลใจ (ทะเลใจ) - [ 4 ส.ค. 46 14:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แนะนำให้คุณ KTR ไปเรียนครับ ผมก็กำลังจะไปเรียนที่ ismed แหะๆ จากคุณ : สะเต๊ะ - [ 4 ส.ค. 46 15:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เปลี่ยนเป็น ทำอะไรก็ได้ ที่มีความต้องการของลูกค้ารออยู่แทนได้มั้ยครับ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีคนทำแล้ว แต่ว่าเค้าอาจทำได้ไม่ดี ง่ายๆคือมีช่องว่างให้เราเข้าไปทำการตลาด (Niche Marketing) พัฒนา และนำเสนอสิ่งที่ดีกว่าให้ลูกค้า หรือแม้แต่การบุกเบิกเอง ถ้ามีความพร้อมเพียงพอนะครับ แต่ถ้าเป็น case ยังไม่มีใครทำเนี่ย ขออ้างถึงกระทู้นึง เรื่องการ Innovate นะครับ หาอ่านดู น่าจะเกี่ยวข้องกันได้พอสมควร สำคัญที่ อย่ามานั่งเลือกเลยครับ ถ้ามองเห็นความเป็นไปได้ หรือมองเห็นตลาดแล้ว คนที่เริ่มเร็วที่สุด คือคนที่ได้เปรียบมากที่สุด บางรายได้ความรวดเร็วตรงนี้ จนกลายเป็น competitive advantage นะครับ ปล. อย่างคุณทักษิณ ที่นำเอาระบบการสื่อสารเข้ามา นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่คนยังไม่ได้ทำหรือเปล่าครับ จะตอบว่าใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้ ใช่ หมายถึง รายแรกๆในประเทศไทย ไม่ใช่ ก็เพราะคงไม่ใช่รายแรกของโลก เห็นมั้ยครับ แยกความแตกต่างไม่ได้หรอกครับ แต่ที่แน่ๆ เพราะวิสัยทัศน์ที่จะมองเห็นตลาดที่เฉียบคมมากกว่าครับ ธุรกิจจึงจะประสพความสำเร็จครับ ผมว่าอย่างนั้นนะ :P จากคุณ : BBBombbb - [ 4 ส.ค. 46 15:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านแล้วคงงงๆหน่อยนะครับ แต่ไม่อยากให้ยึดติด ว่าการบุกเบิก สินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจะเป็นการได้เปรียบกว่า อันตรายอีกอย่างนึงครับ เคยหยิบยกมากล่าวเอาไว้แล้ว ว่าด้วยเรื่องความรวดเร็วของข้อมูล ถ้าคุณบุกเบิก คิดอะไรใหม่ๆได้ เท่ากับคุณจะกลายเป็นฝ่าย R&D ให้กับบุคคลอื่นโดยไม่รุ้ตัว ก็เป็นได้นะครับ จากคุณ : BBBombbb - [ 4 ส.ค. 46 15:37:55 ]

ความคิดเห็นที่ 10 3B อม 3B = BBB om bbb เรียบเรียงในสมองก่อนตอบสิ จะได้ไม่ต้องให้คนอื่นงง...อิอิ.. ตอบกันไปก่อนนะ แล้ว ค่อยมาตอบทีหลัง... จากคุณ : wbj - [ 4 ส.ค. 46 16:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนที่คิดว่าจะทำอะไรดี ก่อนที่จะบอกว่า ทำอะไรที่ใคร ๆ ก็ทำกัน หรือ ยังไม่มีใครทำ ผมคงต้องดูอีกนิดนึงว่า จะทำที่ไหน แล้วค่อยคิดว่าทำอะไร มั้งครับ เพราะคำถามเริ่มต้นคงจะเป็น ทำอะไร แล้ว ทำที่ไหน ต่อมาก็จะต้องใช้ทุนเท่าไหร่ และ อื่น ๆ ต่อไป จากคุณ : Marker - [ 4 ส.ค. 46 16:56:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หากเป็นนักธุรกิจมืออาชีพ จะชอบทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำกัน เพราะเป้นงานท้าทายความสามารถ แต่อิสระด้านความคิด คือตัวเราเป็นผุ้กำหนดแนวทางการขายและการบริการใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันของผู้บริโภคและสังคม ผมเคยคิดธุรกิจที่ยังไม่มีใครทำได้หลายตัว แต่จนใจ ที่เวลาไม่ค่อยมี อย่างเช่นถ้าผมมีเงินเหลือสัก 30 ล้าน ผมจะเนรมิตร้านอาหารใต้ทะเล เรียกว่านั่งทานกันท่ามกลางฝูงปลาฉลามกันเลย หรือไม่ก็ขายก้วยเตี๋ยวเรือ ให้ชื่อว่า ก้วยเตี๋ยวเรือกรุงศรีฯ สร้างบรรยากาศให้เป็นสมัยกรุงศรีทั้งหมด ไม่ว่าจะบริกร หรือ อุปกรณ์ต่างๆ ฉนั้นจะเห็นได้ว่า สินค้าที่แปลกใหม่ ไม่เคยมีใครทำมาก่อน มักจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้บริโภค แต่การวางแผนงาน ต้องวางอย่างมืออาชีพ รัดกุมทุกระบบ สำหรับนักธุรกิจมือใหม่ ยังไม่สมควรเริ่มกิจการใหม่ครับ สมควรหาประสบการณ์จากสินค้าตัวเก่าไปก่อน พร้อมเมื่อไร ลุยได้เลย //////// เพราะธุรกิจ เป็นเรื่องของประสบการณ์และความรอบรู้ครับ จากคุณ : -godjiwa@hunsa.com (godjiwa) - [ 4 ส.ค. 46 17:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ความเห็นผมนะครับ ทำได้ทั้งสองกรณีครับ และทั้งสองกรณีล้วนแต่ต้องใช้ความรู้ทางธุรกิจด้วยกันทั้งนั้นครับ หากจะบอกว่าจะเป็นการดีกว่าหากเราจะทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ระบบธุรกิจการค้าคงต้องหยุดนิ่งกันบ้างละครับ คงไม่มีใครคิดค้นสินค้าหรือบริการใหม่ๆกันได้ทุกวัน หรือกลับกันเราอาจจะทำในสิ่งที่หลายๆคนก็ทอยู่เพียงแต่เราทำมันให้ดีกว่า เหนือกว่า เราก็อยู่ได้ ผมจึงเห็นว่า โอกาสประสบความสำเร็จมีได้ทั้งสองทางครับ มันยากอยู่ที่ว่าคุณคิดจะทำอะไร และทำอย่างไรตามศักยภาพที่คุณมีมากกว่า ไม่มีใครตอบได้อย่างจริงๆหรอกครับว่า เราจะทำธุรกิจอะไรดี หากแต่คุณเจาะจงธุรกิจมาสักอย่างแล้วถามแนวโน้มจากท่านผู้มีประสบการณ์ความรู้ในที่นี้ ผมว่าจะได้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากกว่าครับ จากคุณ : golf s. - [ 4 ส.ค. 46 22:10:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รับทราบครับพ้ม แฮะๆ คราวหน้าถ้าจะ post อะไรยาวๆ จะ save ไปเก็บเอาไว้ก่อนแล้วกันครับ จากคุณ : BBBombbb - [ 5 ส.ค. 46 00:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เคยอ่านเจอมาว่า บางครั้งคนเราต้องแตกต่าง เพื่อที่จะโดดเด่น และบางครั้งก็ต้องทำตามเพื่อที่จะไม่โดดเดี่ยว คงต้องดูว่า อะไรที่ใครๆก็ทำน่ะ มันพอกับความต้องการและตอบสนองความต้องของคนได้ตรงจุดแล้วหรือยัง ถ้ายังเราก็ลงมือต่อได้ และอะไรที่ไม่มีใครทำน่ะ เพราะมันยังไม่คุ้ม หรือมันยังไม่จำเป็น ต้องเสียเวลานานในการทำ เพราะคุณคงไม่ตัดสินใจทำธุรกิจเพียงเพราะปัจจัยภายนอกว่ายังไม่มีใครทำ หรือมีคนทำได้อยู่แล้ว มันอยู่ที่ตัวเราเองด้วยว่า รู้จักตัวเองแค่ไหนว่าจะทำอะไร และขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายๆอย่างมาประกอบอีกเยอะมังคะ จากคุณ : สาวยิปซี - [ 5 ส.ค. 46 01:04:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ธุรกิจที่คนทำเยอะ ก็มาจากธุรกิจที่น้อยแล้วได้รับความนิยมหรือมีความก้าวหน้ามาก คนจึงหันมาให้ความสนใจมากขึ้น และเริ่มมากขึ้น ซึ่งจะเปรียบการเลียนแบบก็เป็นได้ หรือจะเรียกว่าการนำทาพัฒนาก็ว่าได้ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจที่เค้าทำค่ะ ธุรกิจที่เราทำ เป็นธุรกิจที่ทำกันเยอะ(ไม่มากนัก) แต่ปัจจัยการเติบโตของธุรกิจต้องอาศัยกลวิธีที่ค่อนข้างยาก ฉะนั้นธุรกิจนี้ภายนอกจะมองเห็นว่ามีเยอะ แต่โตน้อย และไม่มีกาลเวลาหรือสมัยนิยมเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะกาลเวลาหรือสมัยนิยมเป็นปัจจัยที่ทำให้สินค้าล้าสมัยเร็ว ผลคือ สินค้าค้างสต๊อคมาก หากระบายไม่ทัน เราว่าเหล่านี้น่าจะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจเลือกทำธุรกิจมากกว่าที่จะเลือกว่า ธุรกิจไหนคนทำมาก หรือน้อย การทำกิจการใดสักอย่าง แน่นอน ถ้าเลือกได้ย่อมต้องการเลือกกิจการที่เรามีความชำนาญมากกว่า เป็นธรรมดา แต่หากกิจการนั้นไม่ได้รับความสนใจหรือไม่ประสบความสำเร็จ เราย่อมต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อนำมาประกอบกิจการเรา การเลือกกิจการที่จะทำ ปัจจัยการเลือกไม่เหมือนกัน แล้วแต่นิสัยใจคนแต่ละคน ความสามารถการเรียนรู้ ความสามารถการปรับตัว ความสามารถในการแก้ปัญหา พื้นฐานเศรษฐกิจครอบครัว ฉะนั้นการตัดสินขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แน่ะนำค่ะ ว่าดูว่าเราต้องการอะไรจากกิจการที่เราทำ ความมั่นคั่ง ความมั่นคง /มีขีดจำกัดเรื่องเวลามั๊ย เช่นต้องเร่งเก็บเงินเพื่อ ............. ธุรกิจที่ทำเงินเร็วโดยมากมักไม่มั่นคง มักเป็นธุรกิจฉาบฉวย เรียกว่าช้อนโอกาสได้สักก้อนแล้วรีบปล่อยอะไรทำนองเนี่ย แต่ถ้าแสวงหาความมั่นคง คือค่อยๆเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเพื่ออนาคตที่แน่นอน อย่างที่แน่ะนำ(คนอื่น) ปัจจัย 4 มักเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ คนจีนก็เช่นนี้ เราจึงเห็นคนจีนค้าขาย สินค้าเกี่ยวกับ อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ยา(ไม่ว่าจะแผนปัจจุบัน หรือยาจีน ) เพราะสินค้าพวกนี้มั่นคงมากกว่า จากคุณ : ผู้สัญจร - [ 5 ส.ค. 46 03:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สรุปแล้วความเห็นมีเป็น 3 ฝ่ายนะครับ ฝ่ายที่ 1 ทำธุรกิจที่ “ใครๆ ก็ทำกัน” หรือที่มีคนทำอยู่แล้ว เช่นพวกปัจจัย 4 - น่าจะมีความมั่นคงมากกว่า - รวยยาก (บางคนบอกว่า เจ๊งยาก ผมก็หวังอย่างนั้นครับ) ผมเองตั้งใจจะอยู่ฝ่ายนี้ครับและพยายามจะไม่หนีไปอยู่กับอีก 2 ฝ่าย ปัญหาหลักของธุรกิจพวกนี้ก็คือ 1. คู่แข่งเยอะมาก อาจเกิดการต่อสู้ด้วยราคาจากรายเก่า เพื่อเร่งให้เราเจ๊ง ตายสนิท 2. ถ้าไม่ทำกำไรและคืนทุนภายในปีแรก โอกาสรอดมียากครับ 3. ประสบการณ์ของเราสู้คู่แข่งที่อยู่มานานกว่าไม่ได้ คู่แข่งมีสายสัมพันธ์กับลูกค้ายาวนานกว่า คู่แข่งรู้จักจังหวะและโอกาสของธุรกิจมากกว่า 4. มีคู่แข่งรายใหม่ๆ ตลอดเวลา ใครๆ ก็คิดว่าธุรกิจพวกนี้ง่าย เหนื่อยน้อย (หารู้ไม่ว่าความเป็นจริงนั้นตรงกันข้าม) ฝ่ายที่ 2 ธุรกิจที่ “ยังไม่มีใครทำ” - น่าจะดี เพราะเราเป็นผู้บุกเบิก - เหนื่อยกว่า มันส์กว่า - ยอมเหนื่อยมากหน่อยดีกว่า ผมว่าธุรกิจที่ “ใครๆ ก็ทำกัน” นั้นเหนื่อยไม่แพ้กันนะครับเพราะต้องแข่งกับตัวเองและคู่แข่งมากมาย แต่ธุรกิจที่ “ยังไม่มีใครทำ” นี่แข่งกับตัวเองครับเพื่อชนะใจผู้บริโภค บางคนบอกว่าผู้บุกเบิกน่าจะได้เปรียบเพราะติดปากผู้บริโภคมากกว่า แต่เสียดายที่ลูกค้าก็หันไปหารายใหม่ๆ ง่ายเหมือนกัน อันนี้ไม่ใช่ว่าผมคัดค้านนะครับ การเริ่มสิ่งใหม่ๆ เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญครับ ฝ่ายที่ 3 ทำแบบไหนก็ได้ ทั้งที่ “ใครๆก็ทำกัน” หรือ “ยังไม่มีใครทำ” คุณ 3 บี อม 3 บี (ตามคุณ wbj เรียก) บอกว่าทำอะไรก็ได้แต่ขอให้ตัดสินใจแล้วลุยเลย ทำให้ดีกว่าคนอื่น แต่ระวังคนเลียนแบบ ถ้าดีจริง เดี๋ยวใครๆ ก็ทำตาม จะเสียเวลาคิดธุรกิจให้คู่แข่งฟรีๆ เชื่อใน First-Mover Advantage ผมเชื่อครับว่าทำอะไรก็ได้ดีกว่าการไม่ลงมือทำ ผมเคยคิดกับเพื่อนนะครับและหาข้อมูลในการ Refill Cartridge หมึกพิมพ์เครื่องพิมพ์ Laserjet 4P 5P 5MP พบว่า ตลับหมึกหรือ Cartridge นี่สามารถเติมหมึกได้ 2 ครั้ง มีส่วนประกอบสำคัญคือแถบแม่เหล็กและผงหมึก แถบแม่เหล็กมีอายุการใช้งานเท่าที่สามารถเติมหมึกได้ 2 ครั้ง ผงหมึกต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น เพราะละเอียดมากและต้องใช้กับแถบแม่เหล็ก เชื่อมั้ยครับคุยกันกับเพื่อนอยู่แค่เพียงเดือนเดียว มีวางตลาดแล้วครับ คนอื่นเอาไปทำซะแล้ว ขายดีมากครับ Cartridge ปกติราคา 3,000 บาท แบบของใช้แล้วเอามาเติมหมึกขายเพียง 1,700 บาท ผลของการลงมือทำ “ช้าไป” แทนที่จะเป็นเจ้าแรกกลับกลายเป็นคิดให้คนอื่นฟรีๆ เพราะเราถามหลายคนน่ะครับเรื่องเทคโนโลยี เค้าก็ถามกลับว่าจะรู้ไปทำไม จะทำอะไร คุณ Marker บอกว่า น่าจะคิดก่อนว่าทำที่ไหน แล้วจึงคิดว่าทำอะไร อันนี้เหมือน ไก่กับไข่ครับ ผมไม่กล้าเถียงว่าอะไรเกิดก่อนกัน บางคนมีตึกแถวหรือมีสถานที่อยู่แล้ว ทำเลจึงบังคับให้เลือกชนิดของธุรกิจ แต่ขณะที่บางคนเลือกธุรกิจเพราะความชำนาญ เลือกธุรกิจที่เรามีความได้เปรียบคู่แข่งก่อน แล้วจึงหาทำเล เช่น อยากทำร้านอาหาร แล้วคิดว่าจะขายแถวมหาวิทยาลัย จึงไปเลือกทำเลมหาวิทยาลัยต่างๆ ว่าตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเราหรือไม่ ตรงกับ Concept ร้านและระดับราคาที่เราสนใจ คุณ Golf บอกว่า ขึ้นอยู่กับโอกาสและศักยภาพของผู้ลงทุน คุณสาวยิปซีบอกว่า มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ปัจจัยภายในก็สำคัญ ผมชอบความคิดของคุณ ALSYS ครับ ไม่กลัวที่จะทำสิ่งที่คนอื่นทำอยู่ แต่คุณจะทำให้ดีกว่า และมีกระบวนการตัดสินใจเป็นขั้นเป็นตอน อย่างนี้สิครับ ธุรกิจจึงจะชนะคู่แข่งและเติบโต คุณทะเลใจ พูดตรงใจผมครับ เรื่องความเหนื่อยยากในการทำธุรกิจ ทุกธุรกิจนั้น ความสำเร็จไม่ใช่มีมาง่ายๆ ต้องทำงานหนักมาก ต้องเหนื่อยมาก คนบางคนหวังแต่จะทำธุรกิจแล้วรวยเร็วในช่ัวพริบตา ยากครับ เราต้องเหนื่อย ต้องลุยครับ แค่หลอกคนไปสมัครสมาชิกแล้วคุณได้เงินนี่ไม่ใช่ธุรกิจครับ ตัวผมเองเลือกปัจจััย 4 ครับ แต่เลือกแค่ 2 ชนิด ที่อยู่อาศัย ถึงคนเราจะไม่เปลี่ยนกันบ่อยๆ (ชีวิตนึงเฉลี่ยประมาณ 6 ครั้ง) แต่ราคาการซื้อขายต่อหน่วยสูงครับ คนที่มีกำลังซื้อผมจะขาย คนที่ยังไม่มีกำลังซื้อผมจะทำห้องพักแบ่งให้เช่าครับ แบบ Apartment หรือหอพัก อาหาร ทุกคนต้องทานอาหารครับ ผมเน้นแค่เพียง “สะอาด รสชาดดี และราคาถูก” ครับ เคยมีเพื่อนผมทำเล่นๆ นะครับ ซื้อเครื่องคั้นน้ำอ้อย จ้างลูกจ้าง 2 คน (คั้น กรอกใส่ขวด ขาย เก็บสตางค์ ล้างขวด สรุปลูกจ้างทำทุกอย่าง) ซื้ออ้อยวันละ 1 มัด ขายขวดเล็ก 3 บาท ขวดใหญ่ 5 บาท โชคดีที่หน้าบ้านเพื่อนเป็นอู่และป้ายรถเมล์ คนผ่านเยอะพอสมควร เชื่อมั้ยครับหักต้นทุนทุกอย่างและค่าลูกจ้าง 2 คน กำไรเดือนละ 3 หมื่นบาทครับ อันนี้เมื่อเกือบ 10 ปีมาแล้วนะครับ ตอนนี้ผมกำลังสงสัยว่านิยามของธุรกิจที่ยังไม่มีใครทำนี่ตรงกันหรือเปล่า ถ้าเราเอาร้านอาหารมาดัดแปลงเพิ่มบริการใหม่ๆ เข้าไป จะนับว่ายังไม่มีคนทำหรือมีคนทำเยอะแล้วครับ ธุรกิจที่ยังไม่มีใครทำนี่ผมว่าน่าจะเป็นพวกบริการนะครับ เช่น มีคนจะซื้อรถยนต์คันใหม่ คุณให้บริการหาราคาที่ถูกที่สุดของรถยนต์รุ่นนั้นยี่ห้อนั้นทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาไปถาม Dealer หลายๆ แห่ง ไม่ต้องเสียเวลาเจรจาต่อรองราคา บริการจัดงานแต่งงานครบวงจรแบบที่ดูดีและราคาประหยัด ตั้งแต่วันหมั้น งานรดน้ำ และงานฉลองแต่งงาน ทำทุกอย่างตั้งแต่รวบรวมรายชื่อญาติและเพื่อนที่จะเชิญให้ทั้งสองฝ่ายเลือก พิมพ์การ์ด ส่งการ์ดเชิญ หาของชำร่วย จัดเลือกสถานที่และอาหาร จัดหาช่างภาพและชุดแต่งกาย จัดอุปกรณ์ทุกอย่าง ทำ Presentation ประวัติเจ้าบ่าวเจ้าสาว นิมนต์พระฯลฯ บริการจัดงานศพครบวงจรแบบเป็น Package มีใครทำหรือยังเอ่ย ถ้าไม่มีผมจะทำ จากคุณ : academician - [ 5 ส.ค. 46 11:29:46 A:130.18.158.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 เลือก ข้อ 3 ธุรกิจที่ตัวเองถนัด และชื่นชอบคะ จากคุณ : กุยแกตามหาโจโฉ - [ 5 ส.ค. 46 13:07:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สำหรับผม... ผมไม่เครียดว่ามีคนทำธุรกิจนี้มาแล้วมากแค่ใหน ขอเพียงเรามีลักษณะเด่น หรืออะไรที่มั่นใจว่าเราสามารถเรียกลูกค้ามาได้ สามารถแข่งขันทางการตลาดได้ ผมก็กล้าที่จะทำ เพราะถ้าเรามัวแต่มานั่งคิดว่า ไอ้นั่นเขาทำมากแล้ว ไม่ทำดีกว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนักสำหรับผม ***ผมคิดว่าไม่ว่าเราคิดจะทำอะไรก็แล้วแต่ ขอให้เรามองเห็นช่องทางที่จะตีตลาด เรียกลูกค้ามาเป็นของเราได้ แล้วก็มุ่งมั่นทำมันอย่างเต็มที่ เราก็มีโอกาสชนะเหมือนกันคับ*** *** แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่ใช่การดันทุรัง ทำไปทั้งที่รู้ว่าเราสู้เขาไม่ได้นะครับ เพราะการทำอย่างนั้นคือคุณแพ้ตั้งแต่คุณคิดแล้วล่ะ ผมว่าน่ะ*** อิๆๆๆ : ) เป็นความคิดเห็นส่วนตัวมากๆๆ จากคุณ : Little Exp. - [ 5 ส.ค. 46 13:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมมักจะมองเรื่องของการ create demand ซะส่วนใหญ่ครับ :) ถ้าจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ผมว่าเราควรหาวิธีขยายตลาดออกไปด้วยครับ ไม่ควรคิดแค่การช่วงชิง market share เท่านั้น :) จากคุณ : wmouth - [ 5 ส.ค. 46 13:35:09 ]

ความคิดเห็นที่ 21 5555 ผมคิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมที่ MBK ถึงมีตู้มือถือเรียงราย ของก็เหมือนๆกัน ตู้ก็เหมือนกัน แล้วทำไงถึงจะขายได้ ทำไมเขามาร้านเรา ไม่ไปร้านข้างๆอีกเป็นสิบๆร้าน หรือแล้วแต่ดวง เดี๋ยวก็มาเอง อันนี้ผมก็ไม่ทร่าบแต่เห็นเขาก็อยู่กันได้ดีเนอะ แปลว่าถ้าเราไม่มีจุดดึงดูดอะไรเลย แต่อยู่ในตลาดที่ถูกต้องก็ขายได้มั้ง จากคุณ : Double - [ 5 ส.ค. 46 16:31:55 A:169.210.15.130 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ในความคิดดิฉัน มันเป็นไปได้ทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยและองค์ประกอบอื่นๆ แต่ที่สำคัญไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ตัวผู้ประกอบการควรจะต้องมีความรู้และมีความชำนาญในธุรกิจที่จะทำ เพื่อไม่ให้การทำธุรกิจนั้นเป็นเหมือนการเข้าห้องเรียน หากแต่เป็นการทำธุรกิจจริงๆ กรณีที่ทำธุรกิจที่ "ใครๆ ก็ทำกัน" แล้วจะอยู่ให้ได้นั้น นอกจากการหาจุดเด่นมาเป็นจุดขายแล้ว จะต้องหันมาเน้นเรื่องบริการค่ะ คนไทยชอบอะไรที่เอาอกเอาใจ พูดจาดีๆ เข้าไว้ จริงใจกับลูกค้า ยินดีให้ข้อมูลแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าเค้าไม่ซื้อ ก็จะทำให้ผูกใจลูกค้าได้ค่ะ จากคุณ : ดาวอักษร - [ 5 ส.ค. 46 17:23:48 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จะมาเล่าจัดแพ็จเก็จงานศพของที่นี่ให้ฟัง คงแตกต่างจากของเมืองไทยแน่ๆเลย เมืองที่เราอยู่มี Funeral Homes เป็นพันๆแห่ง แต่เชื่อมั๊ย เจ้าของเป็นคนแค่หยิบมือเดียว ส่วนมากจะเป็นมาเฟียคนอิตาลี่ หรือว่าเกี่ยวข้องกัน เพราะฉนั้นสอบถามราคาไปเถอะกี่ที่กี่ที่ก็ราคาเดียวกัน ทั้งๆที่คนละชื่อคนละบริษัท แต่ราคาเกินกันไม่กี่ร้อย แล้วแต่ว่าเราจะเอาเซอร์วิทระดับไหน หรือแม้แต่จองที่ฝังศพ ( ป่าช้า ) เจ้าของก็เป็นกลุ่มเดียวกัน เพียงแต่เขาทำให้คนเข้าใจว่าเป็นของรัฐบาล แต่จริงๆแล้วพวกนี้หนุนหลังทั้งนั้น ถ้าใครเงินไม่ถึงก็อย่าหวัง ว่าจะใด้ฝังที่ดาวน์ทาวน์ โน่นแหละต้องออกนอกเมืองไปไกลๆ คนแก่ที่นี่ หลังจากเกษียณ เขาจะเริ่มจับจองจ่ายเงินสำหรับของพวกนี้เอาไว้ล่วงหน้า เผื่อลูกหลานจะได้ไม่ลำบากทีหลัง ถ้าบางคนเงินไม่พอ แต่มีประกันชีวิต ก็สามารถเดียลกันได้ พวกนี้เขาหาตลาดโดย เข้าไปพูดใน ที่บ้านพักคนชรา ใครสนใจก็จองเอาไว้ได้เลย สะดวกจริงๆ จากคุณ : nailz22 - [ 6 ส.ค. 46 08:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ครั้งหนึ่ง นานมาแล้วผมทำธรกิจอย่างหนึ่งที่มีคนทำเยอะแยะ แล้วก็ต้องตอบคำถามว่า จะทำได้เหรอ?? คู่แข่งมากมายแถมเราเสียเปรียบเรื่องทำเล แต่ไม่นานต่อมาธุรกิจนั้นดีวันดีคืน เพราะผมเข้าใจธรรมชาติของลูกค้าและธุรกิจนั้น ต่อมาไม่นานผมก็ทำธุรกิจอีกอย่างที่ไม่เคยทำและไม่มีใครทำในจังหวัดผม ผมดูตลาดแล้ว น่าจะไปได้ดีเพราะความต้องการสูง แต่พอทำจริงๆๆ ก็สู้ราคาที่มาจากกรุงเทพ ไม่ได้....ทุกวันนี้ก็ยังเหนื่อยอยู่เลย เพราะฉะนั้นถามว่า ทำอะไรดี?? ผมคิดว่า อยู่ที่คุณเป็นมืออาชีพไม๊....หาวิธีที่ทำให้ทำแล้วล้ำหน้าคู่แข่งไม๊?? เพราะ ในวิชาการตลาดนั้นไม่มีการเอาปริมาณคู่แข่งมาเป็นตัวกำหนดอุปสรรคในการทำธุรกิจหรอกครับ.... ไม่รู้ว่าผมคิดงี้...จะถูกหรือป่าว?? จากคุณ : มือเก่า (คนอุบล) - [ 6 ส.ค. 46 13:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จัดงานศพแบบครบวงจร six feet under เหรอพี่ เมืองไทยไม่เหมือนกันน่ะ ติดต่อร้านโลงศพ ติดต่อวัดเท่านั้น วัดมีคนที่คอยจัดการให้เกือบทุกอย่างอยู่แล้ว จะสู้กับวัดเหรอพี่ จากคุณ : kazama - [ 6 ส.ค. 46 23:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คิดก่อนลงมือทำ คิดแล้วลงมือทำ ลงมือทำแล้วคิดทบทวนเพื่อปรับปรุง จะได้กำไรหรือได้ประสบการณ์ ต้องลงมือทำครับ คิดอย่างเดียวคงไม่เกิดประโยชน์ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบครับ จากคุณ : academician - [ 7 ส.ค. 46 08:55:11 A:130.18.158.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 แหะ แหะ คุณ Kazama แล้วผมจะบาปมั๊ยนี่ ไปแข่งกับวัด ผมว่าจะเริ่มตั้งแต่แจ้งเจ้าหน้าที่อำเภอ/เขตเพื่ออกใบมรณบัตร ฉีดยาศพ ติดต่อวัด เคลื่อนย้ายศพ ตกแต่งโลงศพ จัดดอกไม้ แจ้งญาติ พิมพ์การ์ดงานเผา/งานกงเต็ก/ฝัง จัดอาหาร/ของว่าง จัดของชำร่วย ออกแบบ/พิมพ์หนังสืองานศพ จัดเตรียมเครื่องไหว้/กงเต็ก ติดต่อร้านแกะสลักป้ายหน้าฮวงซุ้ย ฯลฯ อิ อิ เลิกก็ได้ครับ กลัวบาป ทำเรื่องอาหาร กับ ที่อยู่อาศัยก็พอแล้วครับ จากคุณ : academician - [ 7 ส.ค. 46 09:01:48 A:130.18.158.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 ธุรกิจแต่งงานครบวงจรก็มีคนทำแล้วคะ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะพบกันครึ่งทาง เลือกธุรกิจที่เราถนัด แล้วสำรวจว่าตลาดต้องการงานของเราแบบไหน แล้วทำให้ตรงกับความต้องการของตลาดในด้านที่เราถนัด พยายามพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ให้ดีเสมอ ถ้าพัฒนาสินค้าไม่ได้ก็พัฒนาเรื่องบริการแทน พูดง่ายๆว่าต้องมีลักษณะเฉพาะที่คนอื่นไม่มีจึงอยู่รอดคะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ต้องตั้งอยู่บนศีลห้า และไม่ใช่ห้าอาชีพที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไว้คะ :) จากคุณ : @-อมยิ้มแก้มตุ่ย-@ - [ 7 ส.ค. 46 21:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณครับคุณหมอ ห้าอาชีพที่พระพุทธเจ้าห้ามไว้มีอะไรบ้างครับ ผมอยู่ไกลหาหนังสือธรรมอ่านไม่ได้น่ะครับ ที่มีอยู่หลายเล่มก็ไม่มีบอกเรื่องนี้ไว้ ขอบคุณอีกทีครับ จากคุณ : academician - [ 8 ส.ค. 46 11:43:13 A:130.18.158.250 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 ธุรกิจที่ไปได้ดีไม่ใช่ว่าขึ้นอยู่กับความแปลกใหม่เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดด้วย ลองสังเกตเช่นร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ ในช่วงแรกมีเปิดไม่กี่แห่ง มีลูกค้าล้นหลาม สักพักก็มีเปิดตามๆ กันมาไม่รู้กี่เจ้า ก็แบ่งๆ ตลาดกันไป พออยู่ได้ แต่ถ้าคุณเปิดตอนนี้ จุดคุ้มทุนก็จะอยู่ห่างออกไป เพราะอัตราแข่งขันสูง หากในปัจจุบัน ร้านค้าเช่น เซเว่น อีเลฟเว่น มีเปิดทั่วเมือง แต่ยังทำผลกำไรดีและมีผู้สนใจเปิดแฟรนไชส์อีกมาก เพราะตลาดโดยเฉพาะด้านสินค้าบริโภคยังไม่อิ่มตัว กลับกลายเป็นธุรกิจที่น่าสนใจทั้งๆ ที่มีคนทำเยอะแล้ว สรุปว่าควรศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดก่อนลงมือทำธุรกิจน่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีกว่าครับ จากคุณ : คนรู้มาก - [ 8 ส.ค. 46 23:06:01 ]