B2474311 โจทย์การตลาด : เรียนถาม ข้อเสนอแนะ คำแนะนำ พี่ๆชาวสีลมด้วยครับ []

ความคิดเห็นที่ 8

เมื่อมีสินค้าคงคลัง แน่นอนว่าต้องเก็บในสต๊อกให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ยิ่งอุปกรณ์ และ เครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยแล้ว ยิ่งต้องลดให้น้อยที่สุด ถ้าไม่มีเลยได้ก็ยิ่งดีครับ เห็นด้วยกับ Kritpass ครับ เป้นการลดสินค้าคงคลังให้เป้น 0 ซึ่งถ้าทำได้ก็ยอดเลยครับ

เมื่อจัดการเรื่องสินค้าคงคลังแล้ว ก็มาดูเรื่องการขายครับ ซึ่งมี 2 ลักษณะ ลักษณะแรกคือการที่ขายสินค้าจำนวนมากๆ ซึ่งจะขายแต่ละทีก็จะต้องใช้เวลาในการติดต่อ กว่าจะซื้อจะขาย กันทีนานมาก อีกลักษณะหนึ่งคือ การขายจำนวนน้อยๆถึงปานกลาง แต่พยายามขายให้เร็วที่สุด เร็วมากๆ เพื่อให้ของออกไปได้ และ ได้รับเงินสดกลับมาหมุนเวียนให้มากที่สุด และ เร็วที่สุดครับ ใน พันธ์ทิพ ใช้วิธีการหลัง และ ยืดการชำระเงินออก เอาเงินส่วนที่ได้รับเครดิต ไปหารายได้จากส่วนต่างๆต่อไป บางตัวขายเท่าทุน แต่ได้เครดิตนานๆ ก็เอาเงินส่วนต่างมาซื้ออุปกรณ์อย่างอื่นๆเพื่อขายก็มีครับ

บริษัทฯ คอมพิวเตอร์ให้เช่าจะมีสตีอกสินค้าอยู่ที่ลูกค้า และเป็นสินค้าที่เสื่อมคุณค่า และ ราคาทุกวันๆ ดังนั้น ต้องมีเงินทุนค่อนข้างหน้า ซึ่งคุณบอกว่ามีก็ดุกันครับ การจัดการหลังจากคอมพิวเตอร์กลับมานี่สิ เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน เพราะมันเริ่มตกรุ่นแล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ชอบซื้อสินค้ามือสอง อยู่เหมือนกัน ดังนั้น ต้องขายคอมพิวเตอร์มือสองนี้ให้ออกไปให้เร็วที่สุด หลังจากได้นำกลับมาจากการเช่าครับ...

ดังนั้นการให้เช่าเครื่องคอมพิวเตอร์ควรให้ได้ทุนคืนให้เร็วที่สุด เช่น 2-2.5 ปี แต่ถ้าเร็วกว่าเป็น 1 ปีคืนทุนได้ก็ดี และสัญญาก็น่าจะมีอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไปเพื่อให้ได้กำไร แต่ขาดทุนดอกเบี้ย แต่หากขายเครื่องได้หลังจากให้เช่า หรือ หารายอื่นที่ต้องการเครื่องที่ Spec ไม่สูงมากนักก็จะเป็นการดีมากเลยครับ

สินค้าส่วนใหญ่ต้องมี Brand Name เพราะลุกค้าจะเชื่อใจมากกว่า ต้องดูดี และ เร็ว หากเป็นสินค้าที่ไม่มี Brand ก็จะได้รับการต่อรองหรือราคาก็ต้องต่ำกว่าเครื่องมี Brand เป็นเรื่องปกตินะครับ... บางคนสอดใส้ แต่ไม่แนะนำเพราะจะทำให้เราเสียค่า Maintenance สูงเหมือนกัน แต่มีคนทำเหมือนกัน ภายนอกมี Brand แต่ภายในเป็น Assembly.

สินค้าให้เช่าต้องการความแตกต่าง ต้องสร้างความแตกต่างขึ้นมาเองครับ เช่น ชื่อเสียง ชื่อสินค้า ใบรับรอง และอื่นๆ อันนี้ต้องทำการบ้านบ้างครับ เพราะว่า ไม่มีเวลาหาให้...

กลุ่มเป้าหมายที่น่าเข้าหาคือบริษัทฯต่างชาติ และ บริษัทใหญ่ๆ ซึ่งจะมีการเช่าจำนวนมาก ซึ่งน่าจะเสนอเป็นรุ่นๆไปก็ได้.. อาจเริ่มจากจำนวนน้อยๆก่อน เพื่อให้ลูกค้าได้เป็นลูกค้าเราก่อน จากนั้นค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถให้ลูกค้าเปลี่ยนมาเป็นเช่าได้ทั้งหมด (เนื่องจากบริษัทใหญ่ๆ มีการซื้อคอมฯมาใช้อยู่แล้ว) คราวนี้มองอีกมุมก็คือ บริษัทฯใหญ่ ก็จะแบ่งส่วนคอมฯออกเป็นส่วนๆ มีสิทธิ์สั่งซื้อกันเอง คราวนี้ก็เหนื่อยสิครับ ต้องเข้าหาทุกคน บางบริษัทฯไม่ถูกกันอีกสิเอ้า.. สนุกกันไปใหญ่เลย..555

แต่ถ้าให้มองก็เป็นบริษัทขนาดกลาง หรือ บริษัทฯ เปิดใหม่ ใช้มูลค่าที่จ่ายเราทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่าย แทนที่จะกลายเป็นทรัพย์สินที่ไม่มีราคาในอนาคต.. ซึ่งบริษัทฯประเภทนี้มีไม่น้อยครับ และ คุ้มกับการเข้าหาอยู่เหมือนกัน..

ไม่แนะนำบริษัทฯเล็กเพราะจะเสียเวลาในการบริการมาก แต่ถ้าหากได้ผลประโยชน์เป็นกอบเป็นกำละก็ น่าทำเหมือนกันนะครับ มี จำนวนน้อยๆ เป็นข้ออ้างในเรื่องราคาที่สูงครับ...

สถานสอนคอมฯบางที่ก็ต้องการเปลี่ยนเครื่องแล้วครับ ลองไปหาดู มีข้อเสนอต่างๆให้ ผมว่าก็น่าสนนะครับ..

ตลาด เป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน หากคิดว่าการเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าแล้ว ก็จะมีการแลกเปลี่ยนกันเกิดขึ้น ดังนั้น บางครั้งการซื้อขาย อาจจะกลายเป็นการแลกเปลี่ยนแทนนะครับ มองดูมุมนี้บ้าง เพราะคุณอาจจะได้สินค้า หรือ การบริการอื่นๆแทน เช่น ให้ลุกค้าอีกกลุ่มไปอบรมการใช้คอมฯ ในราคาพิเศษที่... ก็ได้..

โฆษณาต้องมี หนังสือเฉพาะทาง น่าสนใจครับ หรือ หนังสือทางด้านบริหาร ฯลฯ แต่หนังสือคอมพิวเตอร์ไม่แนะนำ ดูแล้วมันเป็นอยุ่ในกลุ่มคู่แข่ง แต่ก็ต้องมีบ้าง แต่ไม่ต้องมีมาก และ ไม่ต้องให้ข้อมุลมากนักแต่ต้องเป็นโฆษณาที่ดึงดูด และ ตรงใจ ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายครับ...

ดึกแล้วอยากนอน ไว้ว่างๆอาจจะมาเขียนให้ใหม่ ถ้ายังไงเมล์มาคุยกันก็ได้นะ...

จากคุณ : Wiboon Joong (wbj) - [ 1 ต.ค. 46 21:14:09 ]

ความคิดเห็นที่ 9

ขอโทษที่เพิ่งโผล่มาค่ะ .. ขอบคุณที่ตอบคำถามค่ะ

อืม.. จริงๆ แล้ว แบมก็ไม่ได้รู้เรื่อง คอมพิวเตอร์ให้เช่าอะไรนี่หรอก เพราะแบม โลวเทค จะตาย แต่อ่านกระทู้ของคุณแล้ว แบมดันนึกไปถึง อีเมล์ที่แบมเคยตอบผู้ที่ถามเรื่อง "สินค้าที่เหมาะกับธุรกิจให้เช่า" คนหนึ่ง มีรายละเอียดบางประการที่เป็น "เพียงความคิดเห็นของแบมคนเดียว" แต่อยากจะแชร์ดังนี้ค่ะ

1. " สินค้าทุกอย่าง " ที่ใช้แล้วไม่ได้หมดไปในเวลาอันสั้น หรือ ไม่ได้มีการเสื่อมสภาพและราคาในอัตราที่รวดเร็ว แบมเห็นว่า สามารถทำธุรกิจให้เช่าได้ค่ะ

2.ขอให้พิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้ ว่าเอื้อต่อการประกอบธุรกิจนี้หรือไม่

Demand (ความต้องการในตลาด)
- หากในภาวะการซื้อขายปกติ สินค้าใดมีระดับราคาที่สูงเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ผู้บริโภคคิดว่าจะได้รับจากสินค้า ซึ่งทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า "แพง" สินค้านั้นมีแนวโน้ม ที่จะสร้างธุรกิจให้เช่าได้ เช่น รถยนต์เมอร์ซิเดสเป็นรถยนต์ที่มีมูลค่าสูง สำหรับผู้ใช้ประโยชน์เพียงการเป็นยานพาหนะ คอมพิวเตอร์มีราคาสูง สำหรับผู้ที่ใช้ประโยชน์เพียงการพิมพ์งาน
- หากความต้องการที่จะใช้สินค้านั้น มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เนื่องจากผู้บริโภคต้องการประโยชน์จากสินค้านั้นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ สินค้านั้น มีแนวโน้มที่จะสร้างธุรกิจให้เช่าได้ เช่น ชุดราตรี วีซีดี ธุรกิจชุดแต่งงานบนถนนทองหล่อ ที่มีมูลค่าหมุนเวียนปีละหลายร้อยล้าน ก็เริ่มต้นจากความคิดนี้ค่ะ

Supply (ปัจจัยแวดล้อมตัวเอง)
หลังจากที่พิจารณาแล้วพบว่าในตลาดมีความต้องการ จึงเริ่มพิจารณาปัจจัยแวดล้อมของตัวเอง ลองพิจารณาดูว่า มีความเอื้อต่อการทำธุรกิจนี้หรือไม่ หลักๆ เลยก็ 3 เรื่องค่ะ
- ก่อนอื่นเลย คงต้องเป็นความพร้อมด้านเงินทุน
- ต่อมาก็ด้านสินค้าที่จะให้เช่า แบมคงไม่แนะนำว่าเป็น "อะไร" แต่บอกเพียงว่า ในกรณีดีที่สุดคือ ควรเป็นสินค้าที่มีอยู่แล้วในจำนวนมาก ณ ระดับหนึ่ง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เพื่อให้ได้มา จึงคิดที่จะสร้างรายได้จากสิ่งที่มีอยู่ // ในกรณีที่ยังไม่มีสินค้านั้นอยู่เลย แล้วคุณจำเป็นต้องจ่ายเพื่อให้ได้มา ควรคำนึงถึงต้นทุนต่อหน่วยที่ต้องจ่ายไป และแหล่งที่สามารถหาสินค้าได้ ซึ่งควรต้องมีราคาต่ำพอ และมีสินค้าอย่างสม่ำเสมอ ตรงนี้สำคัญมาก ต้องให้แน่ใจจริงๆ ว่า แหล่งสินค้านั้นจะสามารถจัดหาสินค้าให้คุณในราคาที่นิ่งพอได้อย่างสม่ำเสมอ
- สุดท้าย ก็เป็นความพร้อมทางด้านบุคลากรค่ะ คือต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ด้านต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกิจ น่ะค่ะ

3. วางแผนธุรกิจ

เมื่อผ่านการพิจารณาทั้งด้าน demand และ supply มาแล้ว พบว่า ทั้งสองประการนั้น เอื้อต่อการเริ่มธุรกิจให้เช่าสินค้าที่คุณตั้งใจไว้มากเลย คุณคงมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะเริ่มทำธุรกิจนี้ ดังนั้นขั้นตอนต่อไป ก็คือ การเริ่มวางแผนธุรกิจกันแล้วล่ะค่ะ

********************************

เขียนมาซะยาว ก็เพื่อที่จะบอกว่า ณ วันที่คุณ "ผ่านมา ขาประจำ" ตั้งกระทู้นี้ แบมจะเหมาเอาว่า คุณผ่านการพิจารณาทุกปัจจัยในขั้นตอนการตัดสินใจเริ่มธุรกิจมาหมดแล้ว

และตอนนี้ คุณกำลังอยู่ในขั้นตอนที่ 3 คือ การวางแผนธุรกิจ

ก็ไม่รู้ล่ะ ว่าใช่หรือเปล่า เอาเป็นว่า แบมเหมาว่าคุณได้พิจารณามาอย่างถี่ถ้วนละ แล้วพบว่า ทั้ง Demand และ Supply นั้นมีปัจจัยที่เอื้อต่อธุรกิจของคุณอยู่มาก คุณเลยตัดสินใจทำธุรกิจนี้

งั้นแบมก็จะทำแค่ตอบคำถามที่คุณถามมา แล้วกัน

2. กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

- ทำไมเอาข้อ 2 มาตอบก่อน? ก็เพราะมันสำคัญที่สุดในการวางแผนธุรกิจน่ะสิ คุณนึกภาพออกไหม ว่าการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมันก็เหมือน จุดศูนย์กลางของการวางแผนทุกสิ่งทุกอย่างในธุรกิจของคุณ พวกเค้าคือคนที่จะนำรายได้มาสู่ธุรกิจของคุณเพื่อให้ธุรกิจของคุณรุ่งเรือง การวางแผนธุรกิจของคุณจึงเป็นเหมือน การวางแผนจัดการกับธุรกิจของคุณเพื่อให้ ในที่สุดแล้ว กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตัดสินใจควักเงินยอมจ่ายให้คุณน่ะแหละ ก็ในเมื่อพวกเค้าสำคัญที่สุดขนาดนี้ คุณจะไม่ให้เค้าอยู่จุดศูนย์กลางได้ยังไง

คุณตอบมาแล้วว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือองค์กรธุรกิจ บริษัท โรงงาน และสถาบันการศึกษา โดยกลุ่มแรกที่จะเริ่มก่อนคือบริษัทครับ

บริษัทคืออะไร??? แล้วองค์กรธุรกิจ กับ บริษัท กับโรงงาน มันต่างกันตรงไหน? งง แต่เอาล่ะในระยะแรก คุณอาจยังหากลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงไม่เจอ ก็ไม่ว่ากัน คุณกำหนดกว้างๆ ไว้ได้ ว่า คือกลุ่มลูกค้าในระดับ บริษัท แต่เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะสร้างความชัดเจนให้กับ "กลุ่มเป้าหมาย" ของคุณ โดยการแบ่งเซกเมนต์ลูกค้าคุณตามลักษณะความต้องการใช้สินค้า เช่น
: แบ่งตามระยะเวลา ก็อาจกำหนดไป ว่า Key Account ของ คุณ เป็นลูกค้าที่เช่าระยะยาว ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป // ลูกค้ารายย่อย ก็เช่าเป็นช่วงสั้นๆ เช่น ใน Special Event จัดงานแฟร์ ลดกระหน่ำ หรืออะไรอย่างนี้
: หรือจะแบ่งตามจำนวนเครื่องให้เช่า

: หรือจะแบ่งตามอะไรก็แล้วแต่เถอะ

ทำไมแบมอยากให้แบ่งเช่นนี้? การแบ่งลูกค้าตามลักษณะความต้องการใช้สินค้า ส่งผลดีให้กับคุณในแง่ของการเอื้อต่อการจัดองค์กรและบุคลากรของคุณเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งในที่สุดแล้ว จะทำให้คุณหาตัวตนและทิศทางของตัวเองเจอ จะหากลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของคุณเจอ เช่น เมื่อคุณทำธุรกิจผ่านไประยะหนึ่ง คุณวิเคราะห์พบว่า ลูกค้าที่สำคัญๆ ของคุณที่คุณมีความสามารถในการตอบสนองความต้องการได้ดีที่สุด คือกลุ่มลูกค้าที่เช่าคอมฯ ในระยะเวลาสั้นๆ คุณสามารถตัดสินใจกำหนดกลุ่มเป้าหมายหลักและวิสัยทัศน์ของธุรกิจคุณ เพื่อสร้างตลาดเฉพาะของคุณเอง และ เพื่อหนีคู่แข่งตัวใหญ่ คือ "ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจให้เช่าคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง สำหรับโครงการระยะสั้น" โห มันส์ไปเลย ตกลงกลุ่มเป้าหมายหลักคุณ คือ ทุกคนในโลก ที่มีความต้องการใช้คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงในระยะเวลาสั้นๆ ใช่หรือไม่? โอ๊ะ ทำไมเรียกตัวเองว่าผู้เชี่ยวชาญล่ะ? ก็คุณมี compony profile ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ดีกับกลุ่มลูกค้าที่เช่าคอมฯระยะสั้นในอดีตน่ะสิ

1. ต้องการทำ product ให้แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ (ชอบความคิดที่แปลกใหม่)
3. การตลาด
4. การประชาสัมพันธ์
7. การสร้างความนิยม, royalty (ผมมีความชื่นชมความสามารถด้านนี้ของสถาบัน netdesignaward มาก)
8. การขยายรูปแบบของ product

5 ข้อนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การตลาด ก็ตอบรวมๆ แล้วกัน
- ตอบรวมๆ ก็คือ ยังไม่ตอบ ตอบไม่ได้ ไม่เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย อ่าว.. ไม่ได้แกล้ง อันนี้พูดจริง กลยุทธ์การตลาดทุกกลยุทธ์ มันต้อง Market Driven อยู่แล้ว ต้องมุ่งไปสู่การตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ถ้าตอบได้ ลูกค้า Yes!! ก็จะนำมาซึ่งรายได้ขององค์กรที่เพิ่มมากขึ้น // แต่ของคุณ แบมตอบไม่ได้ แบมไม่เข้าใจ คำว่า กลุ่มเป้าหมาย คือ “บริษัท” มันลางเลือน จนทำงานต่อไม่ได้ อ่ะ พูดเรื่องลางเลือน ก็ให้นึกอยากจะเตือนคุณ เมื่อคุณเป็น ผู้นำองค์กร “ความชัดเจน” คือสิ่งที่ต้องการ ถ้าไม่ชัดเจน คนในองค์กรก็จะรู้สึกเหมือนแบมคือ ทำงานต่อไม่ได้ ไม่ว่า จะจ้างเซลส์ฝีมือดีขนาดไหน พนันกันได้ ว่าเค้าต้อง ใช้เวลาคลำทางพอสมควรเลยล่ะ เมื่อเจอคำว่า “กลุ่มเป้าหมายคือบริษัท”

5. นโยบายด้านราคาและคุณภาพ
6. นโยบายด้านการบริหาร

2 ข้อนี้ ถ้าคุณไปทำให้กลุ่มเป้าหมายคุณชัดเจนกว่านี้ แบมก็จะกลับมาตอบเหมือนกัน

***************************************
สรุป แบมไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลย -_-‘ หุหุ โดนหลอกให้อ่าน ล่ะ :-P

แก้ไขเมื่อ 02 ต.ค. 46 01:51:31

จากคุณ : bam_ka@ - [ 2 ต.ค. 46 01:45:05 ]