กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก B2567087
7.ทดลองทุกสิ่ง
ทุกสิ่งที่คุณทำควรจะผ่านการทดลอง โดยไม่มีข้อยกเว้น
คุณควรทดลองราคาสินค้าของคุณ, ข้อเสนอของคุณ ,วิธีทักทายคนที่เข้ามาในร้าน ,น้ำหอมที่ใช้ ,เครื่องแต่งกาย ความรู้สึกที่มีต่อการจัดร้านค้าของลูกค้า(ถามจากลูกค้า) , การรับประกันของคุณ , โฆษณา , ผู้ที่ทำตลาดให้คุณ และทดลองทุกๆสิ่ง
บางทีสิ่งแรกที่คุณควรทดลอง คือ ราคาขายของสินค้า คุณควรที่จะตั้งราคาเพิ่มขึ้น (ก่อนที่คุณจะขายดีขึ้น หรือขายไม่ได้เลย ทำไมคุณไม่ลองทดลองมันดูหละ)
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณเพิ่มราคาขึ้น แต่ยอดขายยังคงเท่าเดิม
ผมจะยกตัวอย่างให้ มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาผมและขอร้องให้ผมช่วยหาวิธีเพิ่มกำไรให้กับธุรกิจร้านอาหารของเธอ ผมบอกเธอไปหลายอย่างแต่อย่างหนึ่งก็คือ ให้เพิ่มราคาขึ้น
ดูเธอจะไม่เต็มใจจะเพิ่มราคามากนัก(เธอเข้าใจผิดว่าจะต้องเพิ่มราคาขึ้นจากเดิมมาก) ผมจึงบอกให้เข้าใจโดยให้เธอเพิ่มราคาของทุกสิ่งในร้านเธอขึ้น 40 cent
40 cent ดูเหมือนจะเป็นราคาที่ไม่สูงมาก แต่เมื่อคิดเป็นรายสัปดาห์แล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้น ลูกค้าของร้านอาหารแห่งนี้มีประมาณสัปดาห์ละ 250 คน ถ้าลูกค้า 1 คนทานอาหาร 1 ชุด เธอก็จะได้กำไรเพิ่มมากขึ้น 100$ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะซื้ออาหารอย่างน้อย 2 ชุด (อาหารหลัก+ของทานเล่น หรือขนมหวาน) และบางครั้งก็ซื้อ 3 ชุด ดังนั้น เธอจึงมีกำไรพิเศษเพิ่มขึ้นมากกว่า 200$ต่อสัปดาห์ ( มากกว่า $10,000 ต่อปี)ทั้งหมดนี้เพียงแค่เธอขึ้นราคาทุกสิ่งในร้านแค่ 40 cent และที่ดีที่สุดคือมันไม่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นในการทำกำไรเพิ่มขึ้น
10% หรือ 5% ฟังดูเหมือนจะไม่มาก แต่มันสามารถเปลี่ยนธุรกิจที่กำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดให้ดีขึ้นได้
แต่คุณจะไม่สามารถรู้ได้ถ้าปราศจากการทดลอง การทดลองจะทำให้คุณค้นพบราคาที่เหมาะสมอย่างรวดเร็วซึ่งจะนำผลดีมาให้คุณ คุณควรที่จะทดลองและหาสิ่งที่ดีที่สุดมาใช้กับลูกค้าของคุณ
8. ตรวจสอบโฆษณา ,จดหมาย รวมถึงโปรโมชั่นอื่นๆทั้งหมดของคุณ
คุณควรที่จะตรวจสอบโฆษณาและโปรโมชั่นทั้งหมดของคุณ เพราะนี่คือวิธีที่จะทำให้คุณรู้ว่ามันได้ผลหรือไม่
การตลาดที่ดีจะต้องผ่านการตรวจสอบ เพราะ การตรวจสอบจะทำให้คุณพบอย่างรวดเร็วว่าอะไรดีที่สุด คุณจะประหยัดเงินจำนวนมาก เพราะคุณจะเลือกทำการตลาดเฉพาะในส่วนที่มันได้ผลจริงๆเท่านั้น
จำไว้ให้ดีว่าจงอย่าจัดโปรโมชั่นใดๆโดยปราศจากวิธีการที่จะตรวจสอบผล
จากหลักการตลาดข้อ 2 ที่บอกไว้ว่าลูกค้ามีความต้องการพื้นฐาน 5 อย่าง ทั้งหมดมีดังนี้
1.ให้ความรวดเร็วกับลูกค้าของคุณ
ความเร็วที่ว่า คือ อย่าทำให้ลูกค้าต้องรอคอย
กี่ครั้งแล้วที่คุณรู้สึกเบื่อที่จะต้องรอคอย? คุณเคยเดินออกจากร้านเพราะคุณไม่อยากที่จะรอคอยหรือไม่? ไม่มีใครชอบการรอคอย
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเฟรนไชส์พิซซ่า บอกกับคุณว่าจะส่งพิซซ่าให้คุณถึงบ้านในเวลา 4 ชั่วโมง ? พวกเขาคงจะทำธุรกิจนี้ได้อีกไม่นานแน่ๆ
ทำไมแมคโดนัลด์ ถึงได้รับความนิยมมาก ? เป็นเพราะความอร่อย หรือ การโฆษณา ? หรือเป็นเพราะเวลาที่คุณไม่ต้องรอคอย ผมเชื่อว่าคุณยังจำโฆษณาของแมคโดนัลด์ที่สัญญาว่าจะทำจัดอาหารตามคำสั่งให้ภายใน 1 นาที
ถ้าคุณต้องการให้ลูกค้าพอใจในธุรกิจคุณมากขึ้น จงเพิ่มความเร็วให้กับลูกค้า ให้ความรวดเร็วในทุกสิ่งที่คุณทำ
ถ้าคุณขายสินค้าผ่านทางไปรษณีย์ คุณควรส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่งสินค้าให้ลูกค้าในวันที่คุณได้รับคำสั่งซื้อ หรือถ้าไม่ได้ก็ควรเป็นวันถัดไป แต่ถ้ายังไม่ได้อีกคุณควรส่งจดหมายหรือติอดต่อไปเพื่ออธิบายว่าเมื่อไหร่เขาจะได้รับสินค้า
หากคุณเป็นเจ้าของร้านค้าปลีก ความรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าคุณอยู่ในร้านคนเดียวและมีลูกค้า 2 คนเข้ามายังร้าน จงพยายามที่จะให้บริการพวกเขาทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน อย่าใช้เวลาทั้งหมดให้กับลูกค้าเพียงคนเดียว
ถ้าลูกค้าคนหนึ่งกำลังตัดสินใจอยู่ คุณควรขออนุญาต และให้บริการกับลูกค้าอีกคน อย่าปฎิเสธคนใดคนหนึ่ง เพราะจะทำให้คุณสูญเสียการขาย และเมื่อคุณขออนุญาตลูกค้าแล้วคุณจะต้องแน่ใจว่าคุณจะกลับมาหาลูกค้าคนนั้นอีกครั้ง อย่าทำเหมือนพนักงานที่ผมเคยพบในร้านโทรศัพท์มือถือ ขณะที่ผมกำลังถามเขาถึงเรื่องคุณสมบัติที่แตกต่างกันในมือถือแต่ละรุ่น ทันใดนั้นก็มีชายคนนึงเดินเข้ามาในร้าน พนักงานคนนี้ได้ขออนุญาต ที่จะไปดูแลลูกค้าอีกคน เขาเข้าไปถามลูกค้าอีกคนว่า มีอะไรให้ช่วยไม๊ ลูกค้าคนนั้นบอกว่าไม่ จากนั้นพนักงานคนนี้ก็เดินไปรอบๆร้าน ไม่ได้กลับมาหาผมอีกเลย การทำเช่นนี้ ทำให้ผมตัดสินใจไปซื้อโทรศัพท์มือถือที่ร้านอื่น
เรื่องนี้ชี้ให้เห็นอีกอย่างหนึ่งก็คือ การถามลูกค้าว่ามีอะไรให้ช่วยไหม(Can I help you ) หรือคำถามในทำนองเดียวกัน เช่น จะซื้ออะไรดี คุณเพียงแต่เข้าไปหาลูกค้าและได้รับคำตอบกลับมาว่า ไม่ ฉันเข้ามาดูเฉยๆ ทำไมไม่ลองถามลูกค้าว่า คุณเคยมาที่ร้านไม๊ ถ้าเขาไม่เคยมาก็อธิบายย่อๆถึงสินค้าต่างๆในร้าน
จากการวิจัยค้นพบว่าในการเข้าถึงลูกค้าให้หลีกเลี่ยงคำพูดที่ว่า มีอะไรให้ช่วยไม๊ เพราะจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 16% อย่าเชื่อผมลองทำด้วยตัวคุณเองและดูผลที่ได้
อย่าลืมว่า ทุกๆสิ่งที่คุณทำ พยายามให้ความรวดเร็วกับลูกค้าให้มากที่สุด
จากคุณ :
who_am_i(J)
- [
15 ธ.ค. 46 10:48:56
]