ความคิดเห็นที่ 1 Case นี้น่าสนใจครับ 1. นาง B อยู่ธนาคารมา 10 ปี ยังเป็นแค่พนักงาน Counter หรือเปล่า หรือ เป็นหัวหน้าระดับ Authorize แล้ว 2. นาง B มีประวัติการทำงานอย่างไร มีการฝ่าฝืนกฏเกณฑ์ของธนาคารมาบ้างหรือเปล่า โดยเฉพาะด้านความซื่อสัตย์ ถ้า นาง B ทำงานมา 10 ปี แล้วเป็นแค่พนักงานรับฝากถอนเงิน และไม่เคยมีประวัติเสียหายมาก่อน เห็นสมควรออกหนังสือเตือนครับ และสม:-)้ายไปทำหน้าที่อื่น ทั้งนี้คงต้องอธิบายให้แกฟังเกี่ยวกับความผิดของแกให้เข้าใจ เพราะเท่าที่แกแก้ตัวมา คงไม่เข้าใจกฏเกณฑ์ของธนาคารเท่าที่ควร ถ้า นาง B เป็นเจ้าหน้าที่ถอนฝากเงินระดับ Authorize และ มีประวัติเสียเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ระเบียบของธนาคารมาก่อน ก็เห็นควรออกหนังสือเตือน และตัดเงินเดือน หรือ ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์หรือมีปัญหาเงินๆทองๆมาก่อน ก็เห็นควรให้แกเขียนใบลาออกซะ จากคุณ : Yai (ใหญ่) - [ 17 ธ.ค. 46 21:49:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นาง B มีความผิดแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งหน้าที่นี้ ถือว่าเป็นผู้ดูแลในชั้นต้นให้การถอนเงินเป็นไปตามกฏระเบียบ แต่กลับละเมิดกฏเสียเอง โทษที่จะได้รับควรเป็นสองเท่าด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลใดๆ ก็ไม่สามารถหักล้างกับการกระทำผิดดังกล่าวได้ มิฉะนั้นจะมีกฏระเบียบไว้ทำอะไร ไม่มีข้อยกเว้นที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าให้ทำได้ การกระทำผิดที่เกิดขึ้น ถือเป็น การสมรู้ร่วมคิด ในการละเมิดระเบียบปฏิบัติ องค์กรเป็นผู้เสียหายในทุกด้าน ไม่ว่านาย A จะยอมรับและยืนยันประการใดก็ตาม อีกทั้งเป็น ตัวอย่างในการทุจริต ที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้าอีกด้วย หากคุณเป็นกรรมการผู้มีอำนาจตัดสินใจพิจารณาความผิดพนักงานคนนั้น คุณจะพิจารณาอย่างไร 1. ปลดออก หรือ หากพิจารณาจากประวัติการทำงานที่ผ่านมา ไม่เคยมีข้อบกพร่อง 2. ให้ลาออก เป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดและยึดถือกฏระเบียบเป็นสำคัญ การทุจริตต่อหน้าที่เป็นเรื่องร้ายแรง โดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวข้องการการเงิน แต่อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง อาจมีข้อปลีกย่อยอื่นๆ มาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งอาจทำให้การลงโทษ เหลือเพียง ลดขั้นเงินเดือน เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี และย้ายไปทำหน้าที่อื่นทันที จากคุณ : meowjo - [ 17 ธ.ค. 46 23:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผิดจริง -ปลดออก- จากคุณ : bam_ka@ - [ 17 ธ.ค. 46 23:08:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เอ ... คิดว่า คุณเมียวโจ้ เขียนสลับกันระหว่าง 2 ข้อนี้ นะคะ หรือเปล่าคะ? 1. ปลดออก หรือ หากพิจารณาจากประวัติการทำงานที่ผ่านมา ไม่เคยมีข้อบกพร่อง 2. ให้ลาออก เป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดและยึดถือกฏระเบียบเป็นสำคัญ การทุจริตต่อหน้าที่เป็นเรื่องร้ายแรง โดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวข้องการการเงิน จากคุณ : bam_ka@ - [ 17 ธ.ค. 46 23:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีค่ะ คุณ bam_ka@ อธิบายว่า ตัดสินใจให้ ปลดออก หรือ ไล่ออก ค่ะ แต่หากพิจารณาจากประวัติการทำงานที่ผ่านมา ไม่เคยมีข้อบกพร่อง ฐานกรุณา ก็จะ ให้ลาออกเอง ค่ะ ส่วนย่อหน้าถัดมาเป็นการอธิบายถึงเหตุผลในการตัดสินใจค่ะ จากคุณ : meowjo - [ 17 ธ.ค. 46 23:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลองอ่านเรื่อง 3 ก๊ก ดู มีการตัดสินโทษ อยู่หลายกรณี บางกรณี ก็ต้องตัดหัวคนทำผิด บางกรณี ก็ต้องยกโทษให้ กรณีความผิดไม่เสียหายต่อบริษัท ก็น่าจะแค่ตักเตือน ตามความเห็น 1 จากคุณ : Mr.Stupid - [ 18 ธ.ค. 46 00:14:09 A:202.28.27.4 X:202.28.24.147 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อืมมมม นาง B น่าจะโดนปลดออกนะครับ เพราะทำผิดทั้ง ๆ ที่รู้ แต่อาจจะยอมความกันได้กรณีที่ผู้เสียหาย(นาย A)ไม่เอาความ ขอบคุณครับ นาน ๆ เจอเคสประเทืองปัญยา จากคุณ : จากป๋า - [ 18 ธ.ค. 46 07:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ข้อมูลเพิ่มเติมครับ ======== - นาง B เป็น Authorize แล้ว แต่ยังไม่ได้ Promote เป็นหัวหน้างาน จึงยังทำหน้าที่รับฝาก-ถอนเงินอยู่ - ประวัติความดีความชอบของนาง B 1. หาเงินฝากให้ธนาคารได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน เมื่อ 3 ปีก่อน - ประวัติการลงโทษของนาง B 1. เคยทำเงินสดขาดบัญชี 10,000 บาท เมื่อ 5 ปีก่อน 1 ครั้ง ได้ชดใช้เงินคืนธนาคารแล้ว และธนาคารได้มีหนังสือเตือนให้เพิ่มความระมัดระวังรอบคอบในการทำงานแล้ว ======== ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่สละเวลาให้ความเห็นครับ จะไม่มีการชี้ว่าความเห็นไหนถูก หรือ ผิด แต่เป็นเรื่องของมุมมอง เหตุผล และการตัดสินใจของแต่ละท่านครับ จากคุณ : Knight - [ 18 ธ.ค. 46 23:25:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผิด ถูก เราจะดูที่เจตนา ไม่ดูตามตัวหนังสือ เขาทำของสามีคนเดียว ไม่เคยทำกับลูกค้าอื่น และถ้าดูจากเหตุผลที่ทั้งคู่ให้ จะเห็นว่ามาจากการคิดแบบใช้สามัญสำนึก อย่างปถุชนทั่วไป มิใช่หัวมดหัวหมอ หรือเห็นช่องทางจากกฏระเบียบ แล้วนำเอามาทุจริตใส่ตน ถ้าเราเป็นกรรมการ จะตัดเงินเดือนในเดือนที่พิจารณาเดือนเดียว สัก 20% แค่นั้นก็มากพอ จากคุณ : หนมถ้วยฟู - [ 19 ธ.ค. 46 17:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอาไปประหาร(ล้อเล่น) สามีภรรยา ถือเป็นบุคลคนเดียวกันหรือเปล่า เวลากู้เงินทำไมคู่สมรสค้ำประกันไม่ได้ก็ไม่รู้ แต่ต้องเซ็นยินยอม เคสนี้ก็ถามสามีเขาจะเอาเรื่องหรือเปล่า ถ้าไม่ ก็เอาแบบหนมถ้วยฟูก็ได้นิ จากคุณ : หยวนๆกันหน่อย - [ 20 ธ.ค. 46 09:21:09 A:203.155.9.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขออนุญาตร่วมออกความเห็นครับ (ถึงแม้จะเป็นคนตั้งโจทย์เอง) ผมเห็นควรให้ลาออกครับ ด้วยเหตุผลว่า 1. นาง B "เจตนา" ฝ่าฝืนระเบียบของธนาคาร โดยการ "ปลอมลายเซ็น"ถอนเงิน 2. การกระทำของนาง B ไม่ใช่แค่ 1-2 ครั้ง แต่กระทำต่อเนื่องมา 2-3 ปี 3. นาง B ทำงานมาประมาณ 10 ปีแล้ว ย่อมทราบกฎระเบียบของธนาคารดี และสามารถหาทางกระทำให้ถูกต้องได้ เช่น นำสลิปกลับบ้านไปให้สามีลงชื่อมอบฉันทะ มาก็ได้ หรือให้สามีมาเปลี่ยนเงื่อนไขการถอนเงินที่ธนาคารก็ได้ แต่ไม่ทำแม้แต่อย่างเดียว จริงๆ แล้วการกระทำ "ปลอมลายเซ็นถอนเงิน" ก็ควรให้ปลดออกแล้ว แต่เนื่องจากไม่ได้ทำให้ธนาคารเสียหาย และเจ้าของบัญชีไม่เอาเรื่องธนาคาร ก็ควรลดให้ลาออก เพื่อไปประกอบอาชีพอื่นครับ ----------------------- ที่ผมออกความเห็นมา ไม่ได้มาชี้ว่าใครผิด หรือถูกครับ แต่เป็นความเห็นหนึ่งเท่านั้น เพราะปกติการพิจารณาโทษพนักงาน ก็ทำในรูปคณะกรรมการ ซึ่งกรรมการแต่ละท่านก็มีความเห็นแตกต่างกัน และให้เหตุผลแตกต่างกันเหมือนในกระทู้นี้ครับ เพราะสุดท้ายการจะพิจารณาโทษจริงๆ จะให้กรรมการแต่ละท่านให้ความเห็น และนับผล Vote ออกมา โดยจะให้ Vote ก่อนว่าจะเอาโทษ ออก/ไม่ออก แล้วค่อยพิจารณารูปแบบอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้า Vote ให้มีโทษถึงออกแล้ว จะให้ออกแบบไหน ปลดออก หรือ ให้ลาออก เป็นต้นครับ จากคุณ : Knight - [ 20 ธ.ค. 46 11:35:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ยังตามอ่านอยู่ค่ะ คุณ Knight เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากกรณีหนึ่ง เพราะฐานข้อมูลเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง มีมุมมองให้ใช้ร่วมในการพิจารณาตัดสินใจ ทั้งในแง่หลักการบริหารงานและในแง่หลักมนุษยธรรม ในกรณีเดียวกันนี้ หากเกิดกับองค์กรอื่นที่มิใช่เกี่ยวกับการเงินโดยตรง เช่นธนาคารนั้น อาจมองว่าเป็นเรื่องที่พอจะอนุโลมให้ได้ในฐานะผู้ให้บริการที่อยากจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งองค์กรก็คงต้องการเช่นนั้น อีกทั้งไม่มีความเสียหายที่เป็นรูปธรรม การตัดสินลงโทษส่วนใหญ่จึงอิงด้านมนุษยธรรมเป็นหลัก แต่มองในด้านขององค์กร มีความเสียหายที่เป็นนามธรรมเกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่การจงใจฝ่าฝืนกฏระเบียบ การละเลยในหน้าที่ เห็นกับประโยชน์ส่วนตนจนไม่คำนึงถึงภาพพจน์ขององค์กรว่าจะเสียหายอย่างไร ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการว่าจะมีมุมมองอย่างไร พิจารณาถึงความดีความชอบที่เคยมี ความซื่อสัตย์ต่อองค์การ กฏระเบียบและภาพพจน์ขององค์กร เป็นต้น โดยส่วนตัว เห็นด้วยกับความเห็นของคุณ Knight ค่ะ จากคุณ : meowjo - [ 20 ธ.ค. 46 13:24:06 ]