ความคิดเห็นที่ 1 พูดกันมากขึ้น ฟังกันมากขึ้น ประชุมให้บ่อยขึ้นครับ (กับเจ้านายนะ) พยายามหัดเป็นเลขาที่ประชุมที่ดี สรุปการประชุมและแนวทางต่างๆให้แน่นอน ทุกครั้งหลังจากมีข้อสรุปหรือข้อยุติ ในที่ประชุม จากคุณ : MESMERIC - [ 30 ธ.ค. 46 00:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อืมมมมม เป็นการทำงานที่ทำให้คนกลางอึดอัดเหมือนกันนะครับ เท่าที่อ่าดู ผมเห็นด้วยกับคุณ MESMERIC นะ อยากเสริมตามความเห็นผมนิดนึงคือ ในเมื่อคุณเป็นจุดต่อระหว่างผู้บริหารและผู้ปฏิบัติน่าจะเพิ่มความคล่องตัวในการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ เช่นหากมีงานอะไรที่เป็นประจำก็เตรียมไว้ได้เลย แบบฟอร์มต่าง ๆ จะได้พร้อม การแทรกแทรงจะได้น้อยลง ผมมีความเชื่อว่างานอาจจะยังไม่ลงตัวนัก ต้องจัดไปแล้วก็คุยไปจนกว่าจะลงตัวครับ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวครับ ขอให้โชคดี จากคุณ : จากป๋า - [ 30 ธ.ค. 46 06:52:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นี่แสดงให้เห็นปัญหาการบริหารงานขององค์กรที่ค่อนข้างจะร้ายแรง สายงานการบริหารไม่มี Organize chart ควรรีบดำเนินการ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงก็ต้องตำหนินายใหญ่ขององค์กร จากคุณ : แปะ (แปะใจดี) - [ 30 ธ.ค. 46 09:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมว่าตามน้ำไปก่อนดีกว่า ถ้าเรายังตัวเล็กเกินกว่าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในองค์กรหรือดัดนิสัยเจ้านายได้ เจ้านายเขาจะสั่งอะไรลูกน้องก็ตามเค้าไปก่อน เขาจะพลิกไปพลิกมายังไงก็ตามเค้า อย่าไปคิดพะวงอะไรมาก ไม่ใช่เราทำให้เกิดขึ้นซะหน่อย ถ้าเขาหาว่าคุณบริหารไม่เป็น คุณก็ขอคำแนะนำจากเขาสักหน่อยว่า จะให้คุณทำงานแบบไหนที่เขาเห็นว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วเรียกว่าบริหารเป็น และก็ทำตามที่เขาแนะนำไปก่อน ลูกน้องส่วนมากจะดูว่าใครมีอำนาจให้คุณให้โทษเขาได้ในองค์กรแล้วจะฟังคนนั้น และคุณต้องเข้าใจลูกน้องด้วยว่า เขามีอิสระในการเลือกวิธีทำงานในวิธีที่เขาถนัด หรือวิธีที่เขาอยากทำ โดยไม่จำเป็นว่าจะเป็นวิธีที่คุณสอนหรือเจ้านายสอน ขอให้ผลลัพธ์ออกมาดีก็โอเคแล้ว ให้คุณตามเจ้านายไปเรื่อยๆจนกว่าจะเกิดปัญหาจนงานสะดุด เมื่อไหร่งานสะดุด เจ้านายเขาจะไม่โทษตัวเขาเองหรอก แต่จะโทษคนอื่น ช่วงนี้แหละ จะเป็นโอกาสให้คุณแสดงความคิดเห็นในการเสนอแนวทางใหม่ว่าที่เกิดปัญหาขึ้นเกิดจากอะไร ควรแก้ไขยังไง เป็นเพราะเจ้านายสั่งตรงลูกน้องโดยตรงหรือเปล่า(บอกอ้อมๆนะ อย่าโพล่งไปตรงๆ เจ้านายคุณมาได้ถึงระดับนี้ก็คงฉลาดพอที่จะอ่านคำพูดออกอยู่แล้ว) ถึงแม้ว่าเจ้านายจะรู้ตัวว่าเขาผิด แต่เขาจะไม่แสดงออกมาหรอก และถ้าเขาไม่เชื่อตามที่คุณเสนอก็ทำตามเค้าไปจนเกิดปัญหาขึ้นอีก คนที่รับผิดชอบไม่ใช่คุณอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะคุณทำที่เขาสั่ง และทุกครั้งคุณก็ต้องพูดอ้อมๆว่าปัญหาเกิดขึ้นได้ยังไง และพูดตรงๆเรื่องวิธีการแก้ไข ถ้าปัญหาเกิดขึ้นบ่อยๆ ผมว่าอีกไม่นานหรอก เจ้านายเขาก็คงเปลี่ยนวิธีการของเขาเอง หรือไม่ก็อนุญาตให้คุณย้ายไปทำงานกับคนอื่นเองแหละ จากคุณ : โดโด้ - [ 30 ธ.ค. 46 18:02:40 A:220.173.55.217 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 เจ้านายกับลูกน้อง เป็นเรื่องปกติครับ เหมือนลิ้นกับฟัน ที่ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ยังมีหนทางมากมายในการแก้ปัญหา หรือ ลดความขัดแย้งลง ผมขอเสนอแนะเล็กๆ น้อยๆ ละกันครับ เรื่องลูกน้อง มีความเข้าใจขัดแย้งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม รวมทั้งปีนเกลียว ขนาดมีเพียง 10 คนยังเกิดอย่างนี้ ผมว่าเป็นปัญหาที่คุณต้องแก้ไขโดยด่วนที่สุด เพราะจะทำให้ระบบการควบคุมพนักงานของคุณเสียไป ซึ่งบางครั้งอาจจะถึงกับย่ำแย่เสียด้วยซ้ำ หากคุณต้องคุมคนหลักร้อย คุณคงกินยาแก้ปวดหัวทุกวันแน่ๆ คราวนี้อยากให้คุณลองเรื่องเหล่านี้ครับ 1. จัดประชุมทุกสัปดาห์ ถึงแม้นแต่ละคนจะมีงานล้นมือก็ตาม ให้หาข้อสรุปของทีมงาน สร้างทีมงานขึ้นมา พร้อมทั้งคุณจะต้องแนะแนว ความคิดอ่านที่เป็นระบบให้กับเพื่อนร่วมงานของคุณ และ การประชุมกันเพื่อหาหนทางการแก้ปัญหาร่วมกัน จะทำให้เพื่อนร่วมงานในกลุ่มมีความสามัคคีกันมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นทางการมากนักไปสักทุกครั้ง และ อย่าละเลย เพียงเพราะงานเยอะกันทุกคน เมื่อคุณเห็นว่า ทีมงานเริ่มดีขึ้น ก็ค่อยๆ ลดเวลาลง และ ให้ห่างขึ้นบ้าง น้อยที่สุดที่คุณจะเรียกประชุมน่าจะประมาณ เดือนละครั้ง หากมากกว่านี้ ทีมงานจะเริ่มแตกอีกครั้งหนึ่งครับ... 2. อธิบายเรื่องต่างๆ ให้กับทีมงานได้รับทราบ แจ้งข่าวสารของทางส่วนต่างๆ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือเป็นไปของทางแผนก เพื่อให้ทีมงานได้รับรู้ความเป็นไป จะทำให้ทีมงานเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทฯ อยากช่วยเหลือบริษัทฯ และ เข้าใจเรื่องระบบงานต่างๆมากขึ้น การสั่งงานของหัวหน้างานคุณ คุณก็ต้องอธิบายเหตุและผลว่าทำไม่เจ้านายคุณถึงสั่งงานกับเขาโดยตรง.. แล้วกำชับให้ทุกคน หากงานต่างๆที่มาจากเจ้านายคุณ ต้องให้คุณรับทราบ มีวันเริ่ม เวลาสิ้นสุดการทำงาน ในทุกๆงาน ทุกครั้ง หรือหากลูกน้องคุณปฏิเสธว่าไม่สามารถกำหนดได้ ก็ให้เขาประเมิณเวลาที่ใช้มาให้ได้ครับ หากคุณพบว่างานนั้นทำลักษณะอื่นแล้วเร็วกว่า คุณเองก็ต้องอธิบายให้ลูกน้องคุณเข้าใจให้ถ่องแท้ ไม่ใช่ปล่อย และ ละเลยอย่างนี้.... 3. สร้างบารมี และ บุญคุณ กับลูกน้อง เคยประชุมระหว่างอาหารกลางวันบ้างหรือไม่ ถ้าไม่เคยก็ลองทำดู หรือ เรียกคนไปตักเตือน แต่เลี้ยงข้าวกลางวัน เคยทำไม๊ ดูเหมือนให้กำลังใจ แต่ดุด่า ของขวัญปีใหม่ต้องรอให้น้องๆเอามาให้ หรือคุณให้ลูกน้องคุณก่อน เรื่องเล็กๆน้อยๆ มีผลกับบารมีของคุณ เท่าที่ดูบารมีที่จะคุมลูกน้องคุณยังไม่มากพอ จึงเกิดการปีนเกลียวเกิดขึ้น... 4. จัดกิจกรรม รวบรวมทีมงาน ทำทีมให้มีความเป็นหนึ่งเดียว คุณอาจจะต้องใช้กิจกรรม สันทนาการ หรือ นันทนาการ เพื่อสร้างทีมงานบ้าง เช่น การจับ Buddy ให้กับเพื่อนร่วมงาน การเอาเกมส์ต่างๆมาเล่นด้วยกัน การท่องเที่ยวที่ต่างๆร่วมกัน หรือ การนัดกินอาหารเย็น ร่วมกัน เป็นต้น กิจกรรมจะเป็นตัวสร้างให้ทีมงาน เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น หากบางคนไม่ยอมไปจำเป็นต้องใช้อำนาจบังคับบางครั้งก็ต้องทำ แต่ทำอย่างนุ่มนวลด้วย 5. ร่วมกันหาวิธีทำงาน มีการทบทวนเรื่องการทำงานกันใหม่ โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการหาวิธีการทำงานแนวทางใหม่ๆ โดยให้ทุกคนเสนอความคิดเห็น แล้วคุณก็ต้องพยายามโน้มน้าวเขาเหล่านั้น ให้เห็นหนทางที่คุณคืดว่าดีที่สุด ชมเชยกับความคิดเห็นทุกๆความคิดเห็นไม่ว่ามันจะทำได้หรือไม่ก็ตาม เพื่อสร้างและเปลี่ยนนิสัยคนไทย จากคนที่ไม่กล้าพูดไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ให้มาพูดให้มาแสดงความคิดเห็น มีเรื่องใดต้องพูด ต้องสื่อให้เรารับทราบ หรือ ทีมงานรับทราบ ตอนแรกๆคุณอาจใช้เศษกระดาษให้เขาทุกคนเขียนสิ่งต่างๆเข้าในกระดาษ เพื่อจะได้ลดความเขินอายในการแสดงความคิดเห็น แล้วรวบรวมความคิดเห็นเหล่านั้นออกมาเป็นกลุ่ม จัดกลุ่ม สร้างความสัมพันธ์ของแต่ละกลุ่มแล้ว สรุปสิ่งต่างๆที่เข้าเสนอแนะความคิดเห็นออกมา เป็นแนวทางก็ได้... เรื่องนี้อาจจะยาก แต่ถ้าคุณทำได้สักครั้ง คุณก็จะสามารถทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงานได้อย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น... 7. ให้คุณให้โทษตามสถานะการณ์ ให้รางวัลกับคนที่ทำงานได้ดี นี่เป็นจุดที่ต้องทำไม่ว่าความผิดนั้นจะเบา หรือหนัก ก็ตาม ไม่สามารถละเลยเรื่องเหล่านี้ได้ หากเขาทำผิดก็แยกออกไปตำหนิ หากคุณทำให้การตำหนืกลายเป็นคำแนะนำส่วนบุคคลได้ก็จะดีไม่น้อย หรือหากใครก็ตามทำดี ก็ต้องชมเชย และ ต้องชมเชยเขาเหล่านั้นให้กับคนอืนๆได้รับรู้ บริษัทฯผมใช้การปิดประกาศ และ แจกโล่ประกาศเกรียติคุณ ครับ 8. กำหนดเวลาในการทำงานแต่ละชิ้น ไม่ว่างานนั้นจะมากจากเจ้านายคุณ หรือ ตัวคุณให้งานกับลูกน้องคุณเอง คุณก็ต้องกำหนดเวลาสิ้นสุดของงาน เพื่อใช้ในการอ้างอิงผลงานต่างๆของลูกน้องคุณ หากงานไม่เสร็จตามกำหนด ไม่ต้องฟังคำแก้ตัวว่า เจ้านายใหญ่ สั่งอย่างนี้ อย่างนั้น แต่มองที่เนื้องานว่า เสร็จหรือไม่เสร็จ ซึ่งถ้าเจ้านายใหญ่สั่ง ก็ต้องบอกว่า มันเป็น วิจารณญาณของคุณเองที่จะทำตามเขา หรือ ทำให้ดีกว่าที่เขาสั่ง แล้วลงโทษ หรือ แจ้งความบกพร่อง ให้ทราบครับ.. 9. จัดหาระบบควบคุมการทำงานเช่น KPI เข้ามาควบคุมการทำงาน และ รายงานผลงานของลูกน้องแต่ละคนให้รับทราบบ่อยครั้ง การใช้ระบบควบคุมการทำงาน รวมทั้ง การกำหนดเป้าหมายการทำงานทั้งปี เป็นการสร้างเป้าหมายการทำงานให้กับลูกน้องของเรา แล้ว ต้องบอกถึงความสามารถของลูกน้องว่าทำได้ตามเป้าหมายบ่อยครั้ง อาจจะทุกๆเดือน หรือ ทุก 3 เดือน การบอกผลงานเมื่อสิ้นปี ทำให้ลูกน้องของคุณ ไม่สามารถ ปรับปรุงตัวเองเพื่อประสบความสำเร็จในชีวิตได้ และ ไม่มีเป้าหมายที่แน่นอนในการทำงาน ทำให้ลูกน้องรู้สึกว่า ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก คราวนี้ก็โยนความผิดทั้งหลายมาให้คุณอีกนั่นแหละ.. ต้องเข้าใจลูกน้องแต่ละคนนะครับว่า เขาต้องการอะไร อะไรที่มากไป หรือ อะไรที่น้อยไป ดังนั้น ทำความเข้าใจกับเขาเหล่านั้นให้มาก แล้ว ทำความเข้าใจตัวเองด้วย ปรับเปลี่ยนตัวเองและทีมงาน รวบรวมทีมงานของคุณกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ เรื่องเจ้านาย เจ้านาย 3 คน เหมือน 3 ก๊ก ถ้าทุกคนเข้ากันดีก็ไม่มีเรื่อง แต่หากเป็นลักษณะนี้ ผมว่าคงต้องตามน้ำและ สร้างกระแสน้ำไปในตัว เจ้านายไทยคุณก็รักกันไปครับ ส่วน เจ้านายต่างชาติ คุณก็ต้องแสดงการบริหารแบบต่างชาตืให้เขาเห็น ครับ แล้ว เจ้านายต่างชาติของคุณชาตืใดครับ ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลย์ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ หรือแม้นกระทั่งไทย ก็มีแนวทางการบริหารแตกต่างกันไป แต่สื่งที่เหมือนกันของแต่ละประเทศก็คือ ความต้องการผลงาน ถ้าได้ข้อมูลว่า เจ้านายต่างประเทศของคุณชาตืใดก็จะสามารถแนะนำได้ลึกซึ้งกว่านี้... ผมพบว่าคุณใช้คำว่า "เจ้านายต่างชาติคนนี้" แสดงว่าเพียงคนเดียว เท่านั้นที่มีปัญหากับคุณ หรือว่าผมเข้าใจผิดว่าเป็น ทั้ง 2 คนครับ ? เจ้านายบ้างานนะมีวิธีจัดการดังนี้ครับ 1. บ้างานตามเจ้านาย อาจจะมาทำงานเสาร์-อาทิตย์บ้าง ทำงานเลยเวลากลับบ้านบ้าง ทั้ง 2 อย่างต้องทำงานจริงๆนะครับ ไม่ใช่นั่งเล่น หรือ คุณอาจจะปรับตัวเองให้มาเช้ากว่าปกติมากๆ และ กลับเท่าเดิม ทำงานไม่ใช่เดินเล่นไปมา ติดตามงาน จัดระบบงานให้เข้าที่ และ รายงานให้เจ้านายรับทราบเป็นระยะๆ 2. ทำงานให้เสร็จก่อนวันกำหนด งานที่คุณได้รับมอบหมาย หากคุณสามารถทำให้มันเสร็จก่อนกำหนดได้ ก็ให้รีบทำ และ ส่งงานก่อนกำหนดเวลาบ่อยๆ ซึ่งเจ้านายที่บ้างานมันชอบคนลักษณะอย่างนี้ 3. งานที่ได้รับต้องได้มากกว่าที่เจ้านายสั่ง และเป็นประโยชน์ต่อการใช้งาน ทำให้เจ้านายรู้สึกว่า เรามีความสามารถ มีความคิด มองการณ์ไกลกว่าด้วย... 4. เข้าไปหา และ ขอคำปรึกษาบ่อยๆ เอาข้อสรุปการทำงานของเรา ไปปรึกษา อย่าเอาปัญหาไปให้เจ้านายคิด แต่เอาความคิดของเราให้เจ้านายตัดสินใจขั้นสุดท้าย โดยมีวิธีแก้ปัญหาหลากหลายวิธีเสนอให้ ต้องทำทุกเรื่องเป็นประจำครับ และไม่ใช่เฉพาะเจ้านายคนไทย คุณต้องทำกับเจ้านายต่างชาติของคุณทั้ง 2 คนด้วย และทำจนคุณติดนิสัย แล้วเรื่องเจ้านายบ้างานจะหายไป แต่หากฝืนคุณมาก เกินไป คุณก็ต้องทำทีละข้อ โดยเฉพาะ ข้อ 4 เพราะมันจะทำให้ความรู้สึกของเจ้านายที่มีต่อคุณดีขึ้น ผมไม่แนะนำให้ประจบแต่ผมแนะนำให้คุณไปขอความคิดเห็นนะครับ.. 2 เรื่องนี้มันต่างกัน.. ระบบการทำงานของบริษัทฯ จากที่อ่าน คิดว่าการทำงานเป็นก๊ก อย่างนี้ หรือ คุยเฉพาะหัว ตัวไม่ต้องรู้อย่างนี้ มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่การสื่อสารที่ดีควรจะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยกันรับรู้โดยละเอียด ต้องให้แก้ต่าง หรือ รับทราบข้อผิดพลาด ทั้งหมด ดังนั้น จุดหนึ่งที่ผมมองคือ ระบบงานของบริษัทฯ คุณ ยังไม่เสถียร มากนัก คุณลองปรึกษากับเจ้านายคนไทยของคุณดูครับว่า ควรจัดระบบงานอย่างไร จัดระบบการติดต่อ และ การสั่งงานอย่างไร จะได้ลดข้อบกพร่องหลักๆ ไปได้ครับ.. เอาคำแนะนำต่างๆของแต่ละคนมารวมกันเพื่อสร้างเป็นแนวทางของคุณนะครับ อย่าเชื่อคำแนะนำของผมจนกว่าคุณจะได้พิสูตร.. จากคุณ : Wiboon Joong (wbj) - [ 30 ธ.ค. 46 18:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขออนุญาตให้ความเห็นค่ะ คือว่า ข้อความต่อไปเป็นแค่ความคิดเห็น จากคนๆ หนึ่ง ที่นั่งอยู่หน้าจอ  ไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ใดๆ ของคุณ  และเป็นการให้ความเห็นจากข้อมูลที่มีเท่านั้นนะคะ  ดังนั้น หากคำพูดใดไม่เหมาะสม  ขออภัยนะคะ "อำนาจเกิด เมื่อถูกใช้" การใช้อำนาจ และ การบริหารอำนาจ เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง   ยืนยันว่า ไม่ใช่ศาสตร์   ไม่มีทฤษฎี   ไม่ใช่ใช้กับคนนี้ ที่นี่ได้ผล  แล้วจะใช้กับที่อื่นๆ ได้ผลด้วย   แต่เป็นศิลปะที่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะบุคคล   และทักษะดังกล่าว  ถูกสร้างขึ้นจาก ทัศนคติที่มีต่อผู้อื่น ตลอดจนประสบการณ์ในการบริหารอำนาจในสภาวะต่างๆ   ในกรณีของเจ้าของกระทู้  โจทย์ที่ต้องแก้คือ   เป็นผู้ที่ได้รับอำนาจมา แต่รู้สึกว่า ไม่มีโอกาสได้ใช้ ในความคิดของแบม   เห็นว่า ทางแก้ไขไม่ใช่  การจับเข่านั่งคุยกับนาย   เพราะมันไม่ได้ทำให้คุณได้อำนาจของคุณคืนมา  แต่อย่างใด แต่แบมเห็นว่า  คือ  การแสดงให้คนแวดล้อมคุณเห็น   ว่า คุณคือ คนที่เหมาะสมที่จะใช้อำนาจนั้น อย่างชอบธรรม แล้วเริ่มตรงไหนดี? คงต้องเริ่มที่ตัวคุณเอง     ขณะที่แบมตอบนี่ ฤกษ์งามยามดี เพราะสิ้นปีพอดี    งั้นแบมถามคุณหนึ่งคำถาม   สมมติคุณหลับตาตื่นมา เป็นปีใหม่พอดีเลย  Just Make a Wish!!   คุณกำลังจะพบสิ่งที่คุณอยากได้.... เดินเข้าที่ทำงาน ลูกน้องทุกคนมองคุณด้วยทัศนคติที่เคารพชื่นชม   นายต่างชาติของคุณเดินเข้ามาชื่นชมคุณว่า ผลงานปีที่แล้วยอดเยี่ยม!  ไหนมาเล่าให้ฟังซิ  ปีนี้ คุณมีแผนบริหารทีมงานของคุณอย่างไรให้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมอีก !!!   คุณยิ้มรับคำชมของนาย  แล้วนั่งลง เริ่มต้นเล่า แผนบริหารทีมงานของคุณ ว่า........................................................ ถ้าคุณเริ่มต้นเติมคำในช่องว่างได้ ภายในสิบวินาที   แบมให้เครดิตว่า  50%  คุณคือผู้เหมาะสมที่จะใช้อำนาจ   ...  แต่ถ้าคุณนึกไม่ออกว่าจะตอบนายว่าอะไรดีล่ะ?????? มาพนันกันไหม (อุ๊บส์! นายกไม่ให้เล่นพนัน)   ...  ว่า ถ้าคุณเปิดปีใหม่ ด้วยการหอบแผนบริหารงานประจำปี ของคุณไปนั่งปรึกษานาย    นายคุณจะมองคุณด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป? ทำไมแบมต้องให้เริ่มต้นด้วยการ พรีเซนต์แผนประจำปี?    ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งใดในองค์กร   หากคุณมีลูกน้อง  หรือทีมงาน   คุณจำเป็นต้องมีการวางแผน   แล้วแผนนั้นจะต้องถูกนำไปใช้ด้วย แล้วทำไมแบมต้องให้หอบไปคุยกับนาย?    เพราะแผนนั้น คือเครื่องหมายที่คุณ จะย้ำเตือนนายว่า   นี่คืองานของผม!  ใช่ไหมครับ?  ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกไหม?  ทั้งหมดนี่คือหน้าที่ของผม!    ถ้านั่นคือหน้าที่ของคุณ    แล้วนายคุณมีหน้าที่ทำอะไร?      นายคุณมีหน้าที่นั่งฟัง และให้คำปรึกษาคุณ    ชี้แนะคุณ  เพื่อให้แผนที่คุณอุตส่าห์คิดมานั้น มุ่งไปสู่เป้าหมายขององค์กร คุณห้ามละออกมาจากนาย   ถ้านายยังไม่ยอมเปิดแผนคุณอ่าน  และเปิดปากพูดเกี่ยวกับแผนของคุณ  จนคุณสามารถสรุป final copy ได้   ...   เมื่อคุณจับเข่าคุยกับนายจนแผนของคุณเสร็จสมบูรณ์  เป็นอันว่า ตลอดปี คุณจะทำงานได้อย่างสบายใจมากขึ้น  ก่อนออกจากห้องนาย หันไปสบตานายหนึ่งครั้ง  แล้วบอกว่า จะสำเนามาให้   (ซึ่งมีความหมายว่า    แผนในมือผมนี่ คุณ Agreed แล้วนะ!)   ออกจากห้องนาย แล้วคุณต้องทำอะไรต่อนะ ?   แบมคิดว่า คุณน่าจะประชุมทีมงานของคุณ   ด้วยหัวข้อ แผนงานประจำปี  ที่ผ่านการปรุงแต่งด้วยมือของคุณและนาย มาเรียบร้อยแล้ว      คุณว่าไหม ... คุณจะไม่ได้เห็น นายมายืนค้านอะไรในห้องประชุมหรอก ตอนนี้ คุณคงปลอด การล้วงลูก ของนาย แล้ว (มั๊ง)  ที่เหลือ   คงต้องใช้ศิลปะ กันอีกรอบ ในการมัดใจ + มัดคอ ให้ลูกน้องคุณตั้งใจทำงานตามแผนของคุณแล้วล่ะ เขียนยาวอีกละเรา ว่าแต่วันนี้ คุณเตรียมแผนงานสำหรับปีหน้าเสร็จแล้วใช่ไหมคะ?    เปิดงานมาปีหน้า แต่งตัวหล่อสุด  แล้วเดินไปเคาะห้องนายเลยค่ะ... โชคดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 31 ธ.ค. 46 00:39:15 จากคุณ : bam_ka@ - [ วันสิ้นปี 00:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 7 . จากคุณ : SEA - [ วันสิ้นปี 01:04:31 A:202.59.243.63 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 แยบยลเหมือนเคยครับคุณแบม จากคุณ : เยี่ยมครับ - [ วันสิ้นปี 14:31:44 A:169.210.32.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 แบมอธิบายข้อ 4 ในเรื่องของเจ้านาย ใน ความเห็นของพี่ได้ละเอียด มองเห็นภาพ และ สามารถเอาไปใช้งานได้จริงๆ.. นับถือ.. จากคุณ : wbj - [ วันสิ้นปี 14:38:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คารวะคุณแบมด้วยใจจริง จากคุณ : ครูต้อ - [ วันสิ้นปี 18:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณทุกความเห็น นะครับ จะเอาไปใช้ ครับ บางอย่างก็ลองใช้แล้วยังไม่ได้ผล แต่จะลองอีกทีครับ โดยเฉพาะ พยายาม จะพาลูกน้องไปทานข้าง แต่ไม่มีใครยอมไปครับ จะให้บังคับ ก็ลำบาก อ้อ เจ้านายเป็น ญี่ปุ่นครับ เหลือวันหยุดอีก สี่วัน จะทำแผนงานตามคุณแบม แนะนำครับ ขอบคุณ คุณ wbj แยกแยะได้ชัดเจนดีครับ มีปัญหากับนายคนเดียวครับ อีกคนเขาอ้อม ๆ ครับ แต่ยังเกรงใจผมอยู่ นายคนที่บ้างานนี่ ก็ ไม่ได้ดุรุนแรงอะไรนะครับ แต่ผมรู้มาว่า เขาเอาผมไปพูดในที่ประชุมผู้บริหารว่าผม ยังบริหารไม่เป็น ไม่ควบคุมพนักงานเท่าที่ควร และสิ่งที่ผมเลือกทำไปแล้วก็คือ ผละออกจากเขาครับ แต่เมื่อ ได้รับคำแนะนำในนี้ ก็ต้องกลับไปหาเขาแหละครับเพราะเขายังทำงานกับผมอีกสองปี ถ้าผมจะอยู่ที่นี่ต่อ ก็ต้องปรับตัว ให้ได้ เพราะ การโปรโมชั่นระดับผม ต้องรายงานไปยังบริษัทแม่ แม้ว่าจะเข้ากันได้ดีกับเจ้านายคนไทยระดับสูงที่นี่ก็ตาม สักสองอาทิตย์หลังจากเปิดงาน จะกลับมารายงานครับ จะเซฟ กระทู้นี้ไว้ครับ จากคุณ : สิงห์ - [ วันสิ้นปี 23:22:14 A:202.59.254.82 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 เจ้านายญี่ปุ่น เวลางานต้องทำงานทุ่มเทกว่าเจ้านายประเทศอื่นๆ หัวหน้างาน ต้องเหี้ยม และ เนียบ เหยาะแยะแสดงว่ายังไม่เป็นผู้นำ หลังเลิกงานต้องเลิกหลังเจ้านาย (เจ้านายบางคนอยู่กินในบริษัทฯ ก็ยากหน่อย) วิเคราะห์เจ้านายฃาตินี้ให้เล็กน้อย แต่ไม่อยากทำให้ตามความต้องการของเจ้านาย แต่ทำในส่วนของท่านให้ดีที่สุดดีกว่า เข้าหาให้มากๆครับ เอาใจช่วยครับ ขอบคุณครับที่ชม สวัสดีปีใหม่ 2547 ด้วยครับ.. จากคุณ : Wiboon Joong (wbj) - [ 1 ม.ค. 47 02:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วเจ้านายที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยมีความคิดเห็น ไม่ค่อยเก่ง ไม่ชอบกดดันลูกน้อง ไม่กล้าสั่งงานลูกน้อง ชอบให้เดาเอาเอง ทำงานกันเองไปเรื่อยๆ ไม่ชอบพูด ไม่ชอบสื่อสาร ไม่เคยบอกว่ามีปัญหา แต่พอมีปัญหาก็แก้ไขไม่ค่อยได้ ต้องกลับมาคิดเอาเองต่อ พอไปขอความเห็นอะไรก็ทำท่าอึดอัด เสนออะไรไปก็บอกว่าก็ทำก็ได้ (ไม่ทำก็ไม่เป็นไร) ไม่เคยบอกว่าคาดหวังอะไร เฮ้อ เจ้านายแบบนี้จะให้เราทำยังไง ฝากถามต่อ จากคุณ : นิว วูแมน อิน ทาวน์ - [ 2 ม.ค. 47 21:28:19 A:203.107.149.44 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 เราเคยคิดว่าเจ้านายเราแบบบริหารไม่เป็นอย่างแรง แบบว่า ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกิจการกับลูกน้อง ถ้าไม่จำเป็น ความรู้สึกของเราต่อเขา คือ เพื่อนร่วมงาน เท่านั้นจริงๆ ม่ะได้มีความทราบซึ้งแบบเออ เจ้านาย ลูกน้องเล้ย จากคุณ : ขอบ่นด้วยดิ้ -- คนผ่านมา - [ 3 ม.ค. 47 20:09:20 A:203.118.66.184 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอถามคุณ นิว วูแมน อิน ทาวน์ สักเล็กน้อยครับว่า ที่กล่าวมานั่นนะเป็นหัวหน้าคุณจริงๆหรือ และ ถ้าคุณเป็นคนเก่ง เป็นหัวหอกสำคัญของการทำงานด้วยแล้ว ผมว่าเจ้านายคุณไว้วางใจคุณมากจนไม่ควบคุมดูแล แต่ที่แน่ๆ หากคุณต่อว่าเจ้านายคุณได้ถึงขนาดนี้ ถ้าเขารู้ว่าคุณมาระบายได้ถึงขนาดนี้ผมว่าเค้าน่าจะ...ทำอะไรสักอย่างนะครับ... จากคุณ : wbj - [ 5 ม.ค. 47 17:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คนผ่านมาอยู่ในตำแหน่งอะไรครับ... ตำแหน่งมีผลกับการบังคับบัญชา... จากคุณ : wbj - [ 5 ม.ค. 47 17:38:44 ]