ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่า"พ่อรวยสอนลูกให้จน"มากกว่าครับ ผมอ่านตอนแรกก็ตื่นเต้นครับแต่ต้องมาดัดแปลงเยอะเลยสำหรับบ้านเรา ผมก็ลองทำเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ 2 เครื่องครับได้เดือนละประมาณ 2-4 พันบาท ผมว่าจะไปตามหนังสือทั้งหมดไม่ได้ครับ เพราะ อเมริกาไม่เหมือนประเทศไทยหลายอย่าง เช่น1. การตั้งระบบ 2.เศรษฐกิจไทยการหมุนเวียนของเงินไม่ดีเท่าอเมริกา 3.ความยั่งยืนของธุรกิจ 4.การลงทุนต้องมีทุน อธิบายน่ะครับตามความเห็นผม 1. คนไทยไม่ชินกับการทำงานเป็นระบบ และค่อนข้างหาวิธีหลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์ดังนั้นระบบที่ตั้งมาอาจไม่สามารถควบคุมได้แน่นหนาพอ 2. แน่นอนครับเพราะอเมริกาได้ดุลการค้ามากรบชนะทีนึงได้เงินมหาศาลสามารถดูดเงินจากทั่วโลกได้อย่างมืออาชีพ 3.ช่วงนี้ธุรกิจเกือบทุกอย่างไม่ค่อยมีความยั่งยืนเพราะจะเห่อทำตามกันเยอะดังนั้นคนที่ได้เปรียบคือคนที่เริ่มเร็ว น้ำขึ้นรีบตักและถอยเมื่อควรถอย 4.ผมเคยคิดว่าถ้าคนมีตังค์น้อยจะลงทุนอะไร เช่นมีตังค์อยู่ 5000 บาท ลงทุนโดยที่ไม่ต้องทำงาน ผมว่ายากครับ นอกจากมีเงินเป็น 2-3 แสนเล่นหุ้นอย่างเดียวก็อยู่ได้มีคนรู้จักทำอยู่รายได้เดือนละประมาณ 2-5 หมื่นจากการเล่นหุ้นแต่แกไม่ไปไหนเลยเฝ้าคอม อ่านหนังสือพิมพ์ อย่างเดียว จากคุณ : อโศก (handsumboy) - [ 20 ต.ค. 47 19:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อครับ ผมอยากจะถามผู้รู้ว่า มีการลงทุนอะไรบ้างที่ไม่ต้องไปเฝ้าไปทำงานสำหรับคนมีตังค์น้อย ประมาณ 5000 - 30,000 บาท ผมชอบหนังสือ"พ่อสอนลูกให้รวย"ของ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียรเหมาะกับคนไทยมากครับ เพราะปัจจัยที่จะทำให้เรารวยมันมีมากเหลือเกินแค่หาวิธีที่จะไม่ทำให้เราจนจะแน่นอนกว่า ในหนังสือจะพูดถึงการทำงาน คุณธรรม กฎหมาย อบายมุข ผมว่าใช่เลย เพราะผมเห็นคนไทยส่วนใหญ่รวยแล้วก็จนเยอะเลย เพราะ ติดอบายมุข ไม่รู้จักวางแผนการใช้เงิน ไม่รู้จักประหยัดใช้เงินให้คุ้มค่า ไม่รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น แล้วก็ต้องกลับมาจนอย่างเก่า ตรงนี้ผมว่าสำคัญน่ะ จากคุณ : อโศก (handsumboy) - [ 20 ต.ค. 47 20:01:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แวะมาบอก อ่านแล้ว วิเคราะห์ แล้ว หยิบอันดีๆ ไปใช้ คนที่เค้า ประสบความสำเร็จเค้าไม่ มาโผล่ในเว็บนี้หร็อก จากคุณ : dboy (dboy) - [ 20 ต.ค. 47 21:50:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โหวตกระทู้นี้ครับ จากคุณ : Function - [ 20 ต.ค. 47 22:20:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ dboy คุณรู้จักคนในเวปนี้ตัวเป็นๆนะกี่คนครับ ถึงสามารถสรุปได้ว่า ไม่มีคนประสบความสำเร็จเข้าเวปนี้.. จากคุณ : wbj - [ 21 ต.ค. 47 00:17:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริงด้วยครับ คำว่าประสบความสำเร็จของคุณ dboy เป็นยังไง วานบอก จากคุณ : แหม่งๆ - [ 21 ต.ค. 47 00:32:36 A:61.90.124.28 X: TicketID:071691 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอามาดัดแปลงได้ แต่อย่านำไปใช้ จากคุณ : เจ้าพ่อเจริญกรุง - [ 21 ต.ค. 47 02:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่านำแนวคิดที่ดีบางส่วนไปใช้ครับ คิดลอกแบบหนังสือ ยังไงก็ทำไม่ได้เหมือนเค้า ลองเปรียบชีวิตตัวเองเป็นการเดินทาง ทางเดินของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใช้พาหนะต่างกัน ใช้ระยะเวลาต่างกัน จุดมุ่งหมายต่างกัน ถ้าคิดมาก อ่านมาก ฟังมาก ต้องค่อยๆคิดเอาประสบการณ์ของคนอื่น มาประยุกต์ให้เหมาะกับเป้าหมายเรา ในมุมมองของผม ผมว่าหนังสือพ่อรวยสอนลูก เป็นหนังสือที่เหมาะกับการจุดประกายความฝัน เพื่อสร้างเป้าหมายทางการเงินครับ แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 47 09:07:04 จากคุณ : กบในฟ้ากว้าง - [ 21 ต.ค. 47 09:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การอ่านหนังสือหรือเรียนรู้อะใรก็เเล้วเเต่ ก็ต้องนำมาคิดมาเเตก เเยกเเยะ เเล้วหยิบจับผสมผสานประยุกต์ ให้เหมาะสมกับตนเอง จึงจะสำเร็จ มากน้อยเเล้วเเต่ปัจจัยพื้นฐานของบุคคล สำหรับหนังสือเเนวนี้เป็นการชี้เเนะให้เห็นรูปเเบบวิธีคิดอีก ทางหนึ่งที่น่าสนใจ ทำให้เกิดการฉุกคิดสำหรับบางคน โดนใจ มนุษย์เงินเดือนหลายๆคน ผมเองก็อ่านเเละชอบ ทำให้เห็นคุณค่าของเงินมากขึ้น ทำให้สนใจวิชาเศรษฐศาสตร์ การลงทุน เเละใช้เงินเป็น มากขึ้น ประเด็นสำคัญสำหรับผมไม่ใช่รวยหรือจน เเต่ทำให้ ผมดีขึ้น ฉลาดขึ้น สุขุมขึ้น จริงจังขึ้น มองการณ์ใกลขึ้น มากกว่าครับ จากคุณ : pawong - [ 21 ต.ค. 47 11:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีค่ะคุณ sharreef โดยส่วนตัวแล้ว เคยอ่านหนังสือของ Rich Dad ... เล่มแรกตั้งแต่อยู่ประถมค่ะ .... ตอนนั้นหนังสือเล่มนี้ยังไม่ดังเลยค่ะ ไม่ได้แปลโดย SE-ED เป็น version เก่ามากๆ (หน้าปกเป็นลายการ์ตูน) ตอนเด็กๆ อ่านแล้วก็ได้อะไรใหม่ๆ (สำหรับตอนนั้น) จากนั้นก็อ่านหนังสือนิทาน (ตอนนั้นฝึกภาษาอังกฤษ) ประมาณมัธยม มีเรื่อง Wink and Grow Rich (ตอนนี้มีแปลเป็นไทยแล้ว เมื่อตอนนั้นยังไม่มี) แล้วก็เรื่อง Babylon (ตอนนั้นยังไม่มีแปลเป็นไทยเหมือนกันค่ะ แต่ตอนนี้มีแล้วนะ ... เคยเห็นค่ะ) สรุปว่า อ่านพ่อรวยตอนแรก อาจเข้าใจไม่หมด (ขึ้นกับประสบการณ์และพื้นฐานของแต่ละคนที่แตกต่างกัน) ... เมื่ออ่าน Wink and Grow Rich ก็เข้าใจ Rich Dad มากขึ้น เมื่ออ่าน Babylon ก็ช่วยให้กระจ่างมากขึ้นและพยายามนึกปรับปรุงให้เหมาะกับตัวเรามากขึ้น ******** โดยส่วนตัวแล้ว การตัดสินใจแต่ละครั้งสำคัญๆในชีวิต ก็ได้แนวคิดจากหนังสือหลายเล่มและประสบการณ์จากผู้รู้หลายท่าน และหนังสือสามเล่ม ที่กล่าวข้างต้น ...... ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เรามายืนจุดนี้ได้ .... (ถือว่าเป็นพระคุณสำหรับเราและครอบครัวมากๆค่ะ) ********* ทุกวันนี้จะถามตัวเองทุกวันว่า 1. วันนี้ เราได้พัฒนาปรับปรุงอะไรให้ดีขึ้นกว่าเดิมบ้าง 2. ครอบครัวเราดำรงชีวิตอย่างมีความสุขและความพอดี (สมดุล) แล้วหรือยัง หรือทำอย่างไรให้ชีวิตสมดุลยิ่งขึ้น 3. เราได้ตอบแทนสังคมตามสมควรแล้วหรือยัง ************ สมการที่สำคัญสำหรับเราคือ ... (พิมพ์กระดาษแข็ง เคลือบ แล้วดูทุกวัน) วิธีการสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน = วิธีง่ายๆสบายๆ ค่อยเป็นค่อยไป + เป็นไปตามธรรมชาติ + สมดุลกับชีวิต ความมั่งคั่งที่ยั่งยืน = ผลตอบแทนสม่ำเสมอ + โอกาสที่เป็นไปตามจังหวะ ผลตอบแทน (output) = ทรัพยากร (input) ผลตอบแทน ได้แก่ ค่าจ้าง, ค่าเช่า, ดอกเบี้ย, กำไร, เงินปันผล ทรัพยากร ได้แก่ แรงงาน, ที่ดิน/อสังหาริมทรัพย์, เงินทุน, ผู้ประกอบการ, หลักทรัพย์ (ในตลาดหลักทรัพย์) ฯลฯ จังหวะ = โอกาส ชีวิต (ความสุข + ความพอดี) = งาน + เวลา + เงิน + ตอบแทนสังคม แรงงาน ... ทำให้ระบบ คนทำธุรกิจส่วนตัว ...คือระบบ (ทำเอง เป็นนายตัวเอง) เจ้าของกิจการ ... เป็นเจ้าของระบบ นักลงทุน ... ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในระบบ ทุกฝ่ายต่างมีข้อดีข้อด้อยต่างกันไป ....... จงเลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนเองถนัดและมีแผนการที่จะรับมือกับสิ่งที่ตัวเองเลือกไว้ .... ไม่ได้แปลว่า ใครดีกว่าใครทั้งนั้น ... แต่มันเป็นสิ่งที่เราเลือกเองต่างหากค่ะ ********** ความมั่งคั่งมีอยู่รอบๆตัวเราจริงๆนะคะ .... เพียงแต่ต้องมองให้เห็น, ตีให้แตก, และปรับให้เหมาะกับการดำรงชีวิตและความปรารถนาอันแรงกล้าของตัวเอง ********** เป็นความเห็นส่วนตัวค่ะ .... ขอคำแนะนำด้วย จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 21 ต.ค. 47 11:56:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอยืมไปใช้บ้างนะครับคุณคนชื่อนินจา ผมต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์รึเปล่าเนี่ย จากคุณ : CHX - [ 21 ต.ค. 47 13:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านครับ เอาความรู้ที่ได้อ่านจากหนังสือเล่มนี้ เป็นแนวทาง ในเรื่องของการรู้จักที่จะใช้ทรัพย์สินให้เกิดประโยชน์ การบริหารเงิน และบริหารความเสี่ยง หรือเรื่องของภาษี ก็นำมาใช้เป็นแนวทางได้เหมือนกันคับ เท่าที่เคยอ่านก็ยังรู้สึกว่าหนังสือเล่มนั้นค่อนข้างเสี่ยง ความเห็นส่วนตัวนะ ไม่ค่อยเหมาะกับผมสักเท่าไหร่ แต่เห็นด้วยกับแนวคิดของเขาที่ว่า ถ้าเราต้องการสิ่งใด สักอย่าง แทนที่เราจะเอาเงินของเราในตอนนี้ไปซื้อ เราควรจะพยายามหาทางเพิ่มรายได้ของเรา แล้วเอาส่วน นั้นมาใช้ (เอาคร่าวๆ นะอ่านนานแล้วจำไม่ค่อยได้) จากคุณ : แมวหลงทาง - [ 21 ต.ค. 47 14:22:50 A:192.168.27.135 X:127.0.0.1, 203.145.16.169 TicketID:070829 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านเหมือนกันครับ แล้วก็ได้ทำตามนิดหน่อยครับ โดยการไปลงทุนซื้อคอนโดให้เช่า 2 ห้องครับ ลงทุนห้องแรกไปประมาณ 5 หมื่นนิดหน่อย ได้ค่าเช่าเดือนละ 2100 บาท หักค่าผ่อนธนาคารไป 800 บาท ได้กำไร 1300 บาท บวกกับค่าเงินต้นอีก 2-3 ร้อยครับ ห้องที่สองลงทุนไปประมาณแสนนิดหน่อย ได้ค่าเช่าเดือนละ 3000 บาท ผ่อนธนาคาร 900 บาท ได้กำไร 2100 บาท บวดค่าเงินต้นอีก 2-3 ร้อยเหมือนกัน ความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่าก็เป็นการลงทุนที่โอเคนะครับ ได้กำไรเดือนละ 3400 บาทต่อเดือน สัก 4 ปีกว่าน่าจะคืนทุนครับ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรต่ออ่ะครับ ทุนหมด แต่ก็ยอมรับว่าได้อะไรจากหนังสือชุดนี้พอสมควรครับ ผมคิดว่าแต่ละคนคงได้ข้อคิดเหมือนหรือต่างกันบ้าง แต่ก็คงไม่มากครับ จากคุณ : High Fidelity - [ 21 ต.ค. 47 15:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จากเจ้าของกระทู้ครับ ดีใจมากครับที่กระทู้ถูกนำขึ้นในกระทู้แนะนำครับ และขอขอบคุณมากครับ ทุกๆท่าน ที่เข้ามาบอกกล่าวในกระทู้นี้ และน่าจะมีอีกมากที่มีประสบการณ์ และนำมาบอกเล่าสู่กันฟังครับ ผมซื้อเกมส์แข่งหนูของเขามาเพื่อจะเล่น แต่ปรากฏว่าไม่สามารถหาผู้เล่นร่วมได้ ไม่ทราบว่าสามารถเล่นคนเดียวได้ไม่ แล้วผู้ที่เคยเล่นมา มีความรู้สึกยังงัยมั้ง เมื่อเล่นเสร็จแล้ว ความคิดความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไม่ จากคุณ : sharreef - [ 21 ต.ค. 47 16:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คล้ายคคห.ที่13 ซื้อบ้านให้คนเช่า 2หลัง โดยใช้หลักในการเลือกซื้อบ้านจากหนังสือ บ้านหลังแรกซื้อมาประมาณ 11ปีแล้ว ราคาเจ๊ดหมื่นกว่าเหรียญ เก็บค่าเช่ามาตลอด เริ่มจาก 130 ต่ออาทิตย์ ตอนนี้ 200/อาทิตย์ บ้านหลังนี้ ราคาประเมิน ตอนนี้ เกือบสองแสน อีกหลังซื้อมา 7ปีกว่า ราคา เก้าหมื่นกว่า ให้เพื่อน (อายุมากแล้ว) เช่า เลยคิดถูกมากๆ เริ่มจาก 110 จนทุกวันนี้ 130 (ราคาตลาดในละแวกนั้น ราวๆ 230-250) หลังนี้ ตอนนี้ราคาประเมิน สองแสนกว่า จากคุณ : ออส - [ 21 ต.ค. 47 19:29:15 A:211.26.126.156 X: TicketID:042374 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีค่ะ คุณsharreef (อีกครั้ง) เกม cashflow สามารถเล่นคนเดียวได้ค่ะ (แต่เล่นหลายคน จะได้อะไรที่แตกต่างกันไป เล่นหลายคน ที่มีอาชีพแตกต่างกัน, ทัศนคติแตกต่างกัน, ประสบการณ์ไม่เหมือนกัน ... ทำให้ได้รับความรู้มากขึ้น) สำหรับเราก็เคยไปเล่นครั้งหนึ่ง (จากผู้มีพระคุณคนหนึ่งได้ให้โอกาสเรา) ก็ได้อะไรหลายอย่าง กลับมาบ้าน ก็ลอง apply เอาเกมเศรษฐีทั่วไป (เกมอสังหาริมทรัพย์ และเกมหุ้น ... ราคาเกมละ 49 บาท รวม 2 เกม = 98 บาท) ......... แล้วประยุกต์ concept เหมือนเกมของ RichDad ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กระแสเงินสดจาก รายได้ของทรัพย์สิน, ค่าใช้จ่าย, อาชีพ, บริจาค, ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูลูก, ต้นทุนเงินกู้ยืม, ฯลฯ ...... สนุกมากๆค่ะ (ในราคาร้อยเดียว) ทุกครั้งที่เล่น ก็จะพยายามหาหลักการ ... เพื่อให้ออกจากสนามแข่งหนูให้ได้ แม้จะมีอาชีพต่างกัน, สถานการณ์ต่างกันออกไป ********** เกือบลืมตอบคำถามไปเลยว่า เล่นคนเดียว ก็ใช้ 2 - 3 ตัวเดิน (อาชีพต่างกัน) แล้วตัดสินใจภายใต้สถานการณ์ที่ดีที่สุดของแต่ละตัวเดิน .... อาจลองสร้างบุคลิกของตัวเดินที่ต่างกันด้วย ก็จะได้อะไรมากขึ้น ..... เช่น ตัวเดินที่ 1 conservative ... ตัวเดินอื่นๆ aggressive หรือ เป็น risk lover หรือ อื่นๆ ลองดูนะคะ ...... อย่าลืม ที่สำคัญ ความรู้ที่ได้ ต้องประยุกต์ให้เหมาะกับสมดุลชีวิตของเราเองและปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เราเห็นความสำคัญเรื่องความรู้มากๆค่ะ ความรู้มีค่ามากกว่าเงินทอง เพราะความรู้สร้างรายได้ไม่รู้จบ กระแสเงินที่เข้ามาเรื่อยๆ มีค่ามากกว่า เงินทองจำนวนมาก ณ เวลาหนึ่งค่ะ ความรู้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (จากการวางแผน, ทดลอง, ปรับปรุง) มีค่ามากกว่า ความรู้ ณ เวลาหนึ่งๆค่ะ ********* ความเห็นส่วนตัวค่ะ ... ขอคำแนะนำด้วย จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 22 ต.ค. 47 11:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อืม...เกมส์นี้ไม่เคยเล่นครับ แต่พูดถึงแล้วทำให้นึกถึงเรื่อง การเล่นหมากล้อม (โกะ) หรือ การไต่เขา แต่หลักสำคัญของหนังสือ พ่อรวยสอนลูก เนี่ย มันน่าจะ เป็นเรื่องของการบริหารเงินให้มีประสิทธิภาพ ทำให้เรา เรียนรู้วิธีการที่จะนำเงินไปใช้ อย่างถูกวิธี ส่วนที่เหลือ (ไม่น่าจะอ่านเรื่องเดียวนะ) ก็คงจะไปหาจาก แหล่งความรู้อื่นๆ ลองอ่านหลายๆ เล่มประกอบด้วยดีไหม อย่างเช่น เกี่ยวกับการไต่เขา รู้สึกคนเขียนจะเป็นคน เดียวกับเรื่อง who moved my cheese มั้ง จอนสัน สเปนเซอร์ (ไม่แน่ใจ จำไม่ค่อยได้ครับ) เรื่องเกี่ยวกับการ ตัดสินใจ ครับ ว่าการไต่เขา ช่วยให้ ตัดสินใจได้ดีขึ้น ส่วนหมากล้อม (ความเห็นส่วนตัวนะ) เรื่องของความสมดุล ไม่รีบร้อน ผ่อนหนัก ผ่อนเบา วางอย่างไรให้ดีที่สุด 1 เม็ดหมาก ต้องก่อให้เกิดประโยชน์หลายอย่าง ไม่ใช่แค่ รุก/รับ อย่างเดียว ในแต่ละจุดสามารถเชื่อมโยงถึงกัน และก็ควรจะมีทางออกมากกว่า 1 เพื่อใช้เป็นการหลีกเลี่ยง ปัญหา จุด/มุม อับ แต่ก็ขึ้นกะว่าชอบแบบไหนด้วยนะครับ จากคุณ : แมวหลงทาง - [ 22 ต.ค. 47 13:44:04 A:192.168.27.135 X:127.0.0.1, 203.145.16.169 TicketID:070829 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมว่าผมใช้ชีวิตตามแบบพ่อรวยสอนลูกนะ ผมเรียนจบแล้ว งานประจำผมไม่ได้ทำ ค้าขาย หรือ หา job ทำไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ไม่ได้มีรายได้เท่าไหร่ กินยังไม่ค่อยพอ แต่ก็สบายใจดี ผมอ่านถึงเรื่องพ่อรวยสอนธุรกิจ ผมไม่แน่ใจว่าคุณเจ้าของกระทู้อ่านถึงหรือยัง แต่ดูจากข้อความที่โพสไปน่าจะยังนะครับ ตอนนี้ผมก็เพิ่งเริ่มทำธุรกิจเครือข่ายตัวนึง ตอนนี้ยังไม่ได้ตังค์เลยสักบาท แต่ผมค่อนข้างมั่นใจนะว่าไม่เกิน ปี 48 ผมจะมีรายได้หลักแสนบาทขึ้นไป/เดือน ผมเห็นด้วยกับโรเบิร์ต นะ เรื่องธุรกิจเครือข่าย ตอนนี้ผมก็ศึกษาเรียนรู้มาพอสมควร พอแนะนำและให้ความรู้กับคนที่อยากรู้ได้บ้าง วันนี้ช่วงบ่ายผมเข้ามาที่ pantip แล้วเห็น pantown ผมเลยลองเข้าไปดู ผมยังไม่ได้ลุกไปไหนเลย ลองสร้างเว็บบอร์ดของตัวเองขึ้นมาอันนึง แบบไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ อยากให้เพื่อนๆเข้าไปแวะเวียนดูเหมือนกัน ผมอยากให้เป็นบอร์ดที่เป็นศูนย์กลางของคนทำธุรกิจเครือข่าย มีทั้งความรู้ เทคนิค ข้อคิด บอร์ดแนะนำธุรกิจ สินค้า แล้วก็พูดคุยให้กำลังใจกัน ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่ช่วยๆลองเข้าไปดูกันหน่อยนะครับ แล้วก็แนะนำกันบ้างก็ดี ที่นี่นะครับ http://ruayrew.pantown.com ขอบคุณครับ จากคุณ : ชานัน (SuperManager) - [ 22 ต.ค. 47 22:09:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมครับ บ้านเป็นราชการ แล้วก็ทำงานอยู่บริษัทเครื่องถ่ายเอกสารเหมือนกัน แป๊ะๆ เลยครับ ส่วนต่อไปจะเป็นยังงัยต้องดูกันต่อไปครับ... จากคุณ : ... - [ 22 ต.ค. 47 22:59:23 A:61.90.36.75 X: TicketID:064460 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตามมาอ่าน คห.คุณนินจาครับ (จากDSM คลับ) จากคุณ : Panda-baker - [ 22 ต.ค. 47 23:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อ่านหนังสสือพ่อรวยสอนลูกและพยายามที่จะประยุกต์ให้เข้ากับชีวิตของผมเอง ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือการควบคุมใจครับ อย่างผมทำงานที่แรก ได้เงินเดือน 7,000 บาท เก็บได้ 5,000 บาท ทำได้ 4 เดือนมีเงินเก็บรวมกับของเก่าเป็น 25,000 บาท แต่แม่มีเหตุจำเป็นเลยต้องให้เงินที่เก็บไปทั้งหมด ตอนนี้เริ่มทำงานที่ใหม่ เงินเดือน 10,000 ตั้งใจจะเก็บให้ได้ 4,000 บาท เพราะว่าที่ใหม่เดินทางไกลมาก ค่าใช้จ่ายกินอยู่สูงด้วย ผมเห็นเพื่อนหลายคนเงินเดือนมากกว่าผมอีก แต่เขาใช้ไม่เหลือเลย หมดกับสิ่งที่เขาอยากได้และก็เบื่อในเวลาต่อมา (ไม่นาน) ถ้าอยากรวยก็คิดไว้เลยคับว่า "การรู้จักรักษาเงินและทำให้เงินงอกสำคัญกว่าการหาเงินได้มาก ๆ (นิดนึง) ส่วนแนวทางของหนังสือก็ต้องประยุกต์ใช้กับอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตลาดหุ้นคับสำหรับประเทศไทย เพราะบริษัทในไทยแต่งบัญชีกระจาย ขณะที่สหรัฐมีพอควรแต่เพราะขนาดตลาดใหญ่ + จำนวนบริษัทมากเลยดูน้อย (แต่ก้อน้อยกว่าเมืองไทยแน่ถ้าเทียบอัตราส่วน เพราะกฎหมายเมืองไทยอ่อนกว่ามาก) จากคุณ : ปลาโลมาทราย - [ 22 ต.ค. 47 23:36:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตอนนี้มีคนเอาเนื้อหาบางส่วนของหนังสือเล่มนี้มาหว่านล้อมคน เพื่อให้เข้าร่วมกับธุรกิจแปลกๆบางอย่าง ผมก็ฟังเค้าอ่ะนะ ในฐานะที่รู้จักกัน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะชวนเราไปทำอะไร จะลองฟังดูก่อน เนื้อหาบางส่วนก็ดีที่สอนให้เรารู้จักใช้เงิน แต่บางอย่างผมก็ไม่ชอบ เพราะมันทุนนิยมเกินไป ยิ่งคำว่า"พ่อรวย พ่อจน" ซึ่งฟังดูแย่มาก ที่ใช้คำนี้เรียกบุพการีตัวเอง เหมือนกับดูถูกคนทำงานวิชาชีพที่มีประโยชน์ต่อสังคมอย่างมาก เช่นครู-อาจารย์ ผมยังคิดว่าคนไทยถ้าดูแลครอบครัว ช่วยเหลือกันยังดีกว่า ถึงแม้เราจะไม่รวยเร็วนัก แต่มันเป็นวิถีชีวิตของสังคมไทยที่ชาติอื่นไม่มี ยังจำได้ไหม ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ถึงใครจะตกงาน แต่สังคมไทยยังไปได้ เพราะเรามีสังคมครอบครัวที่ดีมีน้ำใจ เลือกมาใช้แต่สิ่งที่ดีๆกว่าครับ ถ้าเอามาหมดมันจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไป จากคุณ : เถ้าแก่น้อย - [ วันปิยมหาราช 00:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เราชอบหนังสือเล่มนี้มาก มีเศรษฐีสอนลูกด้วย ที่คนเขียนสอนลูกสาวอ่ะ เราใช้หลักการดำเนินชีวิตของคนเขียนอ่ะ ถ้าจำไม่ผิดชื่ออีตาวอร์ดอะไรสักอย่าง ตรงตอนเริ่มทำงานก้อทำงานหนักและเรียนรู้ไป โดยไม่ต้องสนใจว่า ผลตอบกลับมามันเท่าที่ลงแรงลงสมองไปรึเปล่า ทำ100 ได้50 ทำ150 ได้กลับมาแค่ 70 ก้อช่าง อดทนทำงานเรียนรู้ให้เก่งๆ อย่าไปประเมิณตนเองบ่อยนัก เรามีดีในตัวอยู่แล้วไม่ต้องรอให้ใครมาชม ขอ้ความที่เราพิมพ์มันไม่มีเขียนไว้ในหนังสือหรอกค่ะ เราอ่านแล้วคิดได้แบบนี้หน่ะ จากคุณ : TuAPaB - [ วันปิยมหาราช 12:30:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คิด ๆ อยู่ครับว่าจะนำมาใช้ตอนอายุมากสักหน่อย ตอนนี้ยังเอ๊าะ ๆ อยู่ครับ ยังไม่มีเงินลงทุน ใช้เดือนชนเดือนทุกที ;-) จากคุณ : Beckham3 - [ 24 ต.ค. 47 09:38:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ปัจจุบันนี้ผมกำลังดำเนินชีวิตตามเส้นทางของพ่อรวยครับ วิธีการหลุดออกจากสนามแข่งหนูมีหลายวิธี อยู่ที่ว่าเราจะ ถนัดแบบไหน บางคนชอบเป็น trader สามารถทำให้เงิน ลงทุนจำนวนน้อยเพิ่มแบบทวีคูณขึ้นมาได้ง่ายๆ บางคน เป็นนักคิดที่สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา และเก็บ ค่าลิขสิทธิ์ไปได้ตลอด การจะหลุดออกจากสนามแข่งหนูได้ เรื่องสำคัญไม่ใช่เงิน แต่อยู่ที่ "วิธีคิด" และ "ระบบ" ครับ จากคุณ : MacroArt - [ 25 ต.ค. 47 03:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พยายามเดินตามแนวทางของพ่อรวยถึงแม้จะยังทำงานประจำอยู่แต่ได้ทดลองมาหลายอย่าง เช่น ตั้งบริษัท เล่นหุ้น กองทุนรวม เรียนตรงๆ ว่ากำไรดีกว่าฝาก Bank แค่นิดเดียว -_-' (ความสามารถส่วนตัวห้ามลอกเลียนแบบ) เห็นด้วยที่หลายท่านได้ post ไว้คือต้องมีการปรับให้เข้ากับสภาพความเป็นจริงของประเทศไทยด้วย อย่างหนึ่งที่ผมเห็นคือ ที่พ่อรวยบอกว่า "ไม่ต้องใช้เงินต่อเงินเสมอไป" นั้น แม้แต่โรเบิร์ตเองก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนไหวพริบทางธุรกิจมาตั้งแต่เด็กจึงจะทำได้ (และมีพ่อรวยคอยดูแล และฟันฝ่าอุปสรรคมาเยอะ) สำหรับเราแล้วคงไม่ใช่ว่า แค่อ่านหนังสือแล้วจะนำไปปฏิบัติได้ในทันที ก็คงต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรเช่นกันและโดยส่วนใหญ่แล้วเงินก็ยังเป็นปัจจัยหลักในการทำธุรกิจหรือลงทุนให้ประสบความสำเร็จ ผมคิดว่าในความเป็นจริงส่วนใหญ่คนรวยยิ่งรวยขึ้น เช่น ด้วยอำนาจการต่อรองและเครดิตทำให้คนรวยมีต้นทุนในการทำธุรกิจที่ต่ำกว่าคนจน คนรวยที่ลงทุนในหุ้นสามารถที่จะอดใจรอให้หุ้นขึ้นราคาได้นานกว่าคนจน (เนื่องจากไม่ต้องรีบใช้เงิน) ผมเห็นด้วยกับโรเบิร์ตว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นหนทางหนึ่งที่ง่ายในการพบกับอิสระภาพทางการเงิน (ความเสี่ยงต่ำ เงินลงทุนน้อย ฯลฯ) แต่น่าเสียดายที่ในประเทศไทยมีของปลอมเยอะ หรือแม้แต่ของจริงก็มีคนทำไม่ดีไว้เยอะ อย่างไรก็ตามผมจะยังคงเดินตามแนวทางนี้ต่อไป และขอเอาใจช่วยทุกคนให้ประสบความสำเร็จในทางเดินของท่านครับ คุยกันได้ครับ 0-6397-0978 จากคุณ : sd beer (sd beer) - [ 26 ต.ค. 47 16:52:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พยายามเดินตามที่คุณ Robert Kiyosaki ว่าไว้เช่นกัน ปีหน้าถึงจะตอบได้ค่ะ ว่าประสพความสำเร็จหรือเปล่า แต่เท่าที่เป็นอยู่ ประสพความสำเร็จไปแล้ว 30% จากคุณ : กระต่ายลอยคอ - [ 27 ต.ค. 47 15:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โอ.... คุณอ่าน อะไร ก็เชื่อเค้าหมดเลยหรอครับ???? ถึงขนาดเดินตามกันเลย นี่เรียกว่าต้นแบบแล้ว ทำไม ไม่หัดเดินตามคนไทย อย่าง ทนิน เจียวรานน หรือ ชิน โสพณพาณิชย์ อะไรงี้บ้างล่า.... ขยัน, ซื่อสัตย์, อดทน.... จะรวยไม่รวย ไม่รู้ครับ แต่รับรองว่า อยู่ดีไม่มีทุกข์ นะ จะบอกให้..... จากคุณ : MESMERIC - [ วันออกพรรษา 00:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมอ่าน "พ่อรวยพ่อจน" หลายเล่ม รู้สึกว่าประหลาดใจดีที่มีคนที่คิดแบบที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ชอบใจเพราะพอดีเบื่องาน ตะลุยหาซื้ออ่านหนังสือแนวนี้อีกหลายเล่ม เพื่อหาแรงบันดาลใจ และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวคืออยากรวยแบบพอเพียงสักหน่อย ศึกษามันทุกธุรกิจที่ คิดว่า น่าจะเข้าท่า ไม่ว่าจะเป็น "ร้านกาแฟ", "ปลูกกล้วยไม้", " หอพัก", " เบอเกอรี่" อ้อ อีกอัน "มินิมาร์ท" ศึกษาแบบจริง ๆ จัง ๆ เลยนะครับ คือขนซื้อหนังสือเกี่ยวกับเรื่อง ๆ นั้นมาอ่าน เข้าในทุก web site ของเรื่องนั้น ๆ ถ้ามีเบอร์โทรฯของคนที่ทำธุรกิจนั้น ๆ ก็โทรฯไปหาเค้าเลย, เจอใครที่ทำเรื่องนั้นก็เป็นคุยกับเค้าทั้งคนที่ทำแล้วสำเร็จ กับคนที่ทำแล้วไม่สำเร็จ ถ้าเป็นบริษัทที่ขายของเช่น พวกอุปกรณ์ทำกาแฟ หรือขนมเค็ก หรือขายพวกต้นกล้ากล้วยไม้ ก็โทรฯไปหาเค้า ถามความเห็นเค้า มีโอกาศก็เข้าไปดูสินค้าจริงๆ เลย แล้วก็ค่อย ๆ ตัดไปทีละอย่าง ทีละอย่าง (เคยขนาดโทรฯไปหานายกสมาคมผู้เลี้ยงกล้วยไม้ประจำจังหวัดเลย คิดดูเพื่อสอบถามให้แน่ใจว่าธุรกิจนี้มัน ok มั๊ย) จากนั้นก็ลองไปทำ ๆ ดู เช่น เคยไปเข้าคอร์สอบรมทำกาแฟ, ส่งภรรยาไปลองเรียนทำเบอเกอรี่, กลับบ้านต่างจังหวัดไปลองขุดดินปลูกต้นไม้ดู สุดท้ายผมขายบ้านที่กรุงเทพฯ เอาเงินมาลงทุนค้าขาย ผมพบว่า ไม่ว่าคุณจะศึกษาอย่างไร ในแต่ละธุรกิจมันจะมีเรื่อง มีปัญหาที่รอให้คุณแก้ซ่อนอยู่เสมอ ซึ่งถ้าคุณไม่ลงมือมาทำ คุณจะไม่มีวันเห็นปัญหานั้น และผมก็รู้อีกอย่างนึงว่าในการทำธุรกิจมันมีสิ่งอยู่สิ่งหนึ่งซึ่งผมเรียกมันว่า กลไกการป้องกันการรวย ซ่อนอยู่ คือคุณไม่มีทางจะรวยง่าย ๆ ในสิ่งที่คุณทำอยู่ในทุกธุรกิจ กลไกนั้นประกอบไปด้วย 1. ตัวคุณเอง 2. เงินทุน 3. ความรู้ในธุรกิจนั้น 4. โชค ตอนนี้ผมมีความสุขมากกว่าตอนทำงานที่บริษัท แต่ถ้าถามถึงรายได้ ผมได้น้อยกว่าตอนอยุ่ที่บริษัท โดยผมหวังว่าในอนาคตจะได้สูงขึ้น ๆ แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้เดือดร้อนอะไรครับ จากคุณ : กระเพราหมูสับราดข้าวไข่เจียว - [ 29 ต.ค. 47 18:40:52 ]