ความคิดเห็นที่ 3
4.รวมสามแบงก์เป็นหนึ่ง.
วันที่ 8 มีนาคม 2547 คือหนึ่งในวันประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมแบงก์ไทยเมื่อ แบงก์ทหารไทย
ลงในเอ็มโอยูควบรวมกิจการระหว่าง แบงก์ทหารไทย ดีบีเอสไทยทนุ และ บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่ง
ประเทศไทย ด้วยการแลกหุ้น โดย 1 หุ้นดีบีเอสไทยทนุมีค่าเท่ากับ 0.90 หุ้นแบงก์ทหารไทย และ 1 หุ้น ไอเอฟ
ซีทีแลกได้ 1.124 หุ้นแบงก์ทหารไทย (ดูตารางประกอบ)
สัดส่วนการแลกหุ้นระหว่าง
1.หุ้นสามัญดีบีเอสไทยทนุ 10,658,907 หุ้นแลกเป็นหุ้น แบงก์ทหารไทย 9,664,579 หุ้น
(สัดส่วนส่วน 0.9: 11)
2.ในสำคัญแสดงสิทธิดีบีเอสไทยทนุ หรือ DTDB-W1 จำนวน 769,469 หน่วยแลกเป็นหุ้น
แบงก์ทหารไทย 71,560 หุ้น (สัดส่วน 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิฯต่อ 0.093 หุ้น
3.หุ้นไอเอฟซีที 14,734,082 หุ้น แลกเป็น 16,561,103 หุ้น (สัดส่วน1หุ้นไอเอฟซีที: 1.124 หุ้น
สามัญทหารไทย
ที่มา: ธนาคารทหารไทย
ทั้งนี้ในส่วนของดีบีเอสไทยทุนมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกด้วยว่าจะต้องนำเงินสดมาไถ่ถอน
ตราสารหนี้กึ่งทุน หรือ แคปส์ ทันที 7,500 ล้านบาท และหลังการควบรวม ธนาคารทหารไทยมีทรัพย์สินรวมเพิ่มเป็น 677,000 ล้านบาท มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของระบบ ยอดสินเชื่อรวมเท่ากับ 533,000 ล้านบาท มากเป็นอันดับ 3 ของระบบ ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 11%ฐานลูกค้าเพิ่ม
เป็น 4 ล้านราย มีสาขาทั่วประเทศ 462 แห่ง โดย 158 แห่งอยู่ในเขตกรุงเทพฯซึ่งมากเป็นอันดับ 2
ของระบบ ,จุดบริการเอทีเอ็ม 963 จุดทั่วประเทศ และหลังการควบรวมแล้ว กระทรวงการคลังถือหุ้น 31.2 %(เดิมถือ 48 %) ดีบีเอส สิงคโปร์ 16.1% กองทัพ 7.3 % นายพานทองแท้ ชินวัตร 3 % บริษัทไทย ประกันชีวิต 3 %
เบื้องหลังการตัดสินใจควบรวมครั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากจากแรงกดดันของการแข่งขัน
ในอุตสาหกรรมธนาคารที่ต้องปรับตัวให้มีขนาดและคุณภาพเพียงพอสำหรับการแข่งขัน และเชื่อ
ว่ามาจากความล้มเหลวในการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนของแบงก์ทหารไทยหลัง เอเอ็นแซดแบงก์
ประกาศ เป้าหมายที่ สุภัค ศิวรักษ์ กรรมการผู้จัดการ แบงก์ทหารไทย ประกาศหลังการควบรวมคือ
ก้าวขึ้นเป็นแบงก์อันดับ 5 ของระบบ
ด้วยขนาดของแบงก์ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมดีลนี้จึงอยู่ในอันดับสี่
จากคุณ :
OnceInTheBlueMoon
- [
30 ธ.ค. 47 02:26:12
]
|
|
|