ความคิดเห็นที่ 1 ตามชั่วโมงการทำงาน ทั้งตัวเอง และลูกน้อง (ปริมาณงานที่ทำ) ตามความซับซ้อนของธุรกิจ เช่น -ธุรกิจคุณเป็นกิจการผลิต หรือ ซื้อมาขายไป หรือ รับจ้าง(บริการ) -จำนวน เอกสารประกอบ เช่น เดือนละ 10,000  รายการ  กับ เดือนละ  30 รายการ -ลูกหนี้ เจ้าหนี้  1,000 ราย  กับ  10 ราย ฯลฯ ปล.ปกติไม่ได้คิดตามยอดขาย หรือ ยอดกำไร เพราะผิดมรรยาทวิชาชีพ จากคุณ : เด็กจอมแก่น - [ 30 พ.ค. 48 23:11:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับคุณ เด็กจอมแก่นค่ะ (ตามมาตั้งแต่ nukbunchee) คุณเสียค่ารับรองงบ 60,000.- ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูงสำหรับกิจการที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ถ้าเป็นกิจการที่มีจำนวนเอกสาร หรือขนาดของรายได้สูง ก็จะถือว่าเป็นอัตราทั่วไป ทั้งนี้จะต้องดูบริษัทที่เข้ามาตรวจสอบคุณด้วยว่า มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับหรือไม่ จากคุณ : hatunya - [ 30 พ.ค. 48 23:29:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ้าว  hatunya   เล่นอยู่ นักบัญชีด้วยเหรอ ชื่ออะไรอ่ะ ใครแปลงร่างมารึเปล่า (หมูแดง ,เด็กบ้านนอก ฯลฯ) ***มาเพิ่มเติมนิดหน่อย  ถ้าหากคิดค่าตรวจสอบบัญชีตามรายได้ มันจะเกิดปัญหา เช่น บริษัทมีรายได้ ปีละ 12,000,000  บาท  มันจะมี Case 1. บิลเอกสาร รายการละ 500,000  ตกประมาณ เดือนละ 2 รายการ เท่านั้น หรือ ทั้งปี มี 24  รายการค้า 2. บิลเอกสาร  รายการละ 1,000 บาท  ตกประมาณ เดือนละ  1,000 รายการ  หรือ ปีละ 12,000 รายการค้า ลองคิดดูว่า รายได้เท่ากัน ระหว่าง ตรวจสอบ เดือนละ 2  รายการ กับ 1,000  รายการ  มันไม่เหมาะสม ที่จะนำรายได้มาเป็นเกณฑ์   แต่อาจนำมาเป็นเกณฑ์ได้ กรณี แบ่งเป็นธุรกิจ ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ เท่านั้น จากคุณ : เด็กจอมแก่น - [ 31 พ.ค. 48 00:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาดู... จากคุณ : ~*พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ*~ - [ 31 พ.ค. 48 06:38:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ veeza ก็ควรเปรียบเทียบ ค่าตรวจบัญชี โดยให้ผู้บริการหลายรายเสนอราคามา เพื่อคัดเลือกซิ ยอดขายเป็น 100 ล้านบาท (เดาเอาเอง) เสียค่าธรรมเนียม 60,000 บาท ไม่แพงหรอก (ถ้าเขาทำงานกันจริง) และมี Value ด้านอื่นให้กับคุณด้วย เช่นคำแนะนำเรื่องจุดอ่อนของระบบการทำงาน หรือระบบควบคุมภายในของบริษัทคุณ ที่เขาตรวจพบ ซึ่งนั่นเท่ากับลดภาระการรั่วไหล หรือลดต้นทุน มากกว่า 60,000 บาท ที่คุณเสียไป หรือข้อผิดพลาดด้านเอกสาร ซึ่งอาจสร้างปัญหา ให้กับคุณเมื่อสรรพากรเข้ามาตรวจ จากคุณ : Oil - [ 31 พ.ค. 48 18:59:48 A:61.91.104.113 X: TicketID:086607 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จ้างสนง.บัญชีทำบัญชีให้ ถึงเวลาเซ็นต์ ทีไรมีปัญหาทุกที จะย้ายก็เอกสารอยู่กับเขา ทำไงดีครับ อีกอย่าง 1 รายการ คือ 1 ใบเสร็จ หรือ 1ใบเสร็จ มีสินค้า 10 รายการ ถือเป็น 1รายการ หรือ 10 รายการ (ซือ้มาขายไป ครับ) จากคุณ : veeza - [ 1 มิ.ย. 48 11:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เวลาส่งเอกสาร ก็ให้เซ็นรับเอกสารทั้งหมดทุกครั้ง ข้ออื่นขอไม่ออกความเห็น รายการค้า  เช่น ..เมื่อขาย  มีใบส่งของให้ลูกค้า แล้วเรามาตั้งเป็นลูกหนี้การค้า คือ 1 รายการค้า ..เมื่อรับเงิน มีใบเสร็จรับเงิน  มาบันทึกรับชำระจากลูกหนี้ เป็น 1 รายการค้า อื่นๆ เช่น รายการปรับปรุง ก็จะมี Journal Voucher  บันทึกรายการปรับปรุง ก็จะเป็น 1 รายการ เช่นกัน จากที่ถาม ใบเสร็จ 1 ใบ แต่มีการขายหลายรายการ ก็ถือเป็น 1 รายการค้า  แต่ก็เป็นรายการที่ซับซ้อนกว่า รายการเดียว  เพราะต้องไปตัดสต็อกสินค้า ทีละรายการ  หรือถ้ามีส่วนลดการค้าที่ใบเสร็จ ก็คำนวณยุ่งยากอีกเช่นกัน ปล.ส่วนมากเวลาจะรับงาน ก็จะถาม เช่น ใบรับของ/ใบกำกับภาษี  กี่ใบ/เดือน ใบเสร็จรับเงิน (จากขาย) กี่ใบ/เดือน รายการสินทรัพย์(ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์) กี่รายการ สต็อกสินค้า หรือ สต็อคผลิต มีสินค้ากี่รายการ เป็นต้น จากคุณ : เด็กจอมแก่น - [ 1 มิ.ย. 48 15:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอเอกสารคืนเมื่องานเรียบร้อยแล้ว และแบ่งจ่ายค่าบริการเป็นส่วน โดยส่งมอบเช็คค่าบริการงวดสุดท้าย เมื่อเอกสารได้รับคืนครบ หาผู้ให้บริการรายอื่น ที่ดีกว่าที่ใช้อยู่เดิม ยังมีที่ดี ๆ อีกมาก แต่คุณไม่รู้จักเท่านั้นเอง ............................................................ ค่าบริการไม่ได้คิดจากปริมาณเอกสารอย่างเดียว เป็นแค่ปัจจัยประกอบส่วนหนึ่ง อย่าไปยึดติดมากนัก จากคุณ : ค่อย ๆ แก้ปัญหา เดี๋ยวก็ดีขึ้น - [ 1 มิ.ย. 48 21:14:13 A:61.91.104.163 X: TicketID:086607 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องค่า fee นี่ถ้าบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยนึง หมายถึงยอดขายประมาณ 50 ล้านขึ้นไป (สำหรับผมนะ) จะพิจารณาจากจำนวนเอกสาร ระบบบัญชี การเก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ แล้วก็ตัวผู้บริหารและลักษณะของธุรกิจ บริษัทนึงจำนวนรายการเท่ากัน แต่คุณภาพการทำบัญชีต่างกันนี่ เวลาที่ใช้ในการตรวจสอบต่างกันเยอะมากนะครับ ตัวผู้บริหารเหมือนกัน มี integrety แค่ไหน ถ้าน้อยมากๆบางทีแทบจะเลิกคุยเลยครับ ส่วนเรื่องเอกสารก็จะถามเหมือน เด็กจอมแก่นอ่ะครับ แต่จะเพิ่ม เรื่องการจัดทำรายงานต่างๆ เช่น ลูกหนี้ เจ้าหนี้ กระทบยอดเงินฝาก ทำหรือเปล่า และทำบ่อยแค่ไหน ถ้าบอกว่าทำ ปีละครั้ง อันนี้สงสัยจะเหนื่อยเพราะมั่วแหงเลย ปล เท่าที่เจอบางเคสการติดต่อผู้สอบฯผ่านสำนักงานบัญชีคนที่คิดค่าตรวจเพิ่ม บางครั้ง เป็นสำนักงานบัญชีเองครับ เพราะบางแห่งเค้าให้ผู้สอบฯเหมาไปเลยต่องบๆละ 5000 ไรเงี้ย ส่วนใหญ่งบไม่ใหญ่มาก ทีนี้เค้าเรียกค่าสอบฯจากบริษัทได้ สมมุติ 20000 15000 ก้อเข้ากระเป๋าอะครับ แต่ผู้สอบฯโดนด่าฟรี จากคุณ : ซาตาน - [ 1 มิ.ย. 48 21:49:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกคำตอบครับ จากคุณ : veeza - [ 3 มิ.ย. 48 09:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จากที่ทราบมานะค่ะ เพราะว่าอยู่ในวงการสอบบัญชีเหมือนกัน แต่ยังเป็นลูกน้องเค้าอยู่ ปัจจัยหลักในการกำหนดค่าสอบบัญชีคือ 1. ปริมาณรายการที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชี 2. ลักษณะธุรกิจที่ตรวจสอบว่าเป็นธุรกิจเฉพาะ ซื้อมาขายไป หรือ manufacturing 3. internal control ของบริษัทเองที่มีอยู่ ถ้าเป็นบริษัท ไม่จำเป็นว่าต้องใหญ่ เล็ก แต่มีการควบคุมภายใน (ไม่ต้องเป็นมาตรฐานก้อได้) แต่สามารถป้องกันการทุจริตได้ ก้อโอเช 4. ความเสี่ยงของบริษัท อันนี้ค่อนข้างสำมะคัน เพราะ auditor ค่อนข้างกัว หากมี case ทุจริต หรือ ผู้บริหารมีวิศัยทัศน์ในการmake ยอดขายหรืออะไรก้อตาม จะทำให้ผู้สอบบัญชีต้องระมัดระวังในการตรวจสอบมากยิ่งขึ้น อย่างไรก้อตาม บริษัทสามารถขอ letter of recommendation จากผู้สอบบัญชีได้ว่าเข้าไปตรวจคิดตังตั้งแพงเนี่ย เจออะไรมาบ้าง เพือเป็นการปรับปรุงระบบการทำงานของเราด้วย จากคุณ : น้องใหม่ค่ะ (ทาโบะ) - [ 11 มิ.ย. 48 21:32:55 ]