ความคิดเห็นที่ 1 ก็... 1.แบบง่ายๆที่ไม่ต้องมีบัญชี มาเป็นแบบมีบัญชีชัดเจน.. 2.แบ่งหน้าที่ชัดจนไม่ซ้ำซ้อน.. 3.ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ประมาณนี้... จากคุณ : มือเก่า (คนอุบล) - [ 27 ธ.ค. 48 14:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่ต้องเปลี่ยนจริงๆ คือ ความคิดค่ะ ต่อไปนี้ต้องเปลี่ยนความคิดระหว่างตัวเรากับบริษัทแยกออกจากกันค่ะ นันหมายถึงว่า รายได้ รายจ่ายของบริษัท ต้องเป็นของบริษัทจริงๆ จะนำเงินของบริษัทมาใช้ส่วนตัวไม่ได้ รายจ่ายส่วนตัวก็ไม่สามารถหักเป็นคชจ.บริษัท เพราะไม่ถูกต้องตาม พรบ.การบัญชี 2543 ในส่วนของผู้บริหารควรมีการตั้งเงินเดือนให้กัน ผู้บริหารก็ใช้จ่ายในส่วนเงินเดือนไป ค่าใช้จ่ายในส่วนบริษัทต้องมีใบเสร็จทุกรายการ และระบุชื่อในใบเสร็จเป็นชื่อบริษัทด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 48 16:18:35 จากคุณ : ซันเดย์ - [ 27 ธ.ค. 48 15:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สักวัน....จะรู้ จากคุณ : ประธาน เหมา - [ 27 ธ.ค. 48 22:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การเปลี่ยนแปลงจากระบบครอบครัวเป็นระบบบริษัทนั้น ในมุมมองของผม การเริ่มต้นของผมจะเริ่มจากการวางแผนแบบให้น้ำซึมบ่อทรายก่อนแล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงครับ อย่าลืมนะครับ ว่าความเป็นเจ้าของของผู้ก่อตั้งสูงมาก วันใดวันหนึ่งถ้าต้องเปลี่ยนความรุ้สึกว่ามันไม่ได้เป็นของเขา วันนั้นจะเป็นวันที่ยุ่งยากมากที่สุดครับ ระบบ และหน้าตาของบริษัทเป็นอย่างหลังๆ เลยครับ ก่อนที่คุณควรจะทำ คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับผู้ก่อตั้งก่อนว่าทำไม อะไร อย่างไร ชี้ให้เห็นทั้งผลดี และประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงครับ เมื่อนั้นสิ่งต่างๆ จึงเริ่มครับ ระยะเวลาก็คงแล้วแต่ขนาดขององค์กรครับ และความรวดเร็วที่ผู้เริ่มก่อตั้งสามารถรับได้ ในกรณีหนึ่งนั้นทำมากว่าสิบปีแล้วครับ แต่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปให้ซึมซาบ และเข้าใจ ลดข้อขัดแย้ง และแรงต้านทานจากทีมงานด้วยเช่นกัน จากคุณ : นายทิว - [ 28 ธ.ค. 48 00:58:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนนี้ ก้อเริ่มลงทุนไปทั้งตึกทั้งระบบ แต่ที่หนักใจที่สุด คงเป็นเรื่องคนนี่แหละค่ะ มีวิธีไหนมั้ยค่ะที่ป้องกันการยักยอก คืออย่างพวกห้างต่างๆนี่ มีใครพอจะทราบมั้ยค่ะว่าเค้ามีระบบตรวจสอบพนักงานอย่างไร จากคลังจนถึงแค็ชเชียร์ จากคุณ : Rum - [ 29 ธ.ค. 48 23:32:04 A:158.108.210.239 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 จากคุณ : wbj - [ 18 ม.ค. 49 05:10:52 ]