CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ศิริวัฒน์ฟันธง หุ้นไทยไป 550 จุด ขอขายหุ้นฝากแบงค์ ---> เพื่อน ๆ ว่าไงบ้างคัฟ

    "ศิริวัฒน์" เตือน!!! ตลาดหุ้น-ส่อวิกฤติ แนะเก็บหุ้น ช่วงดัชนี 550 จุด

    "ศิริวัฒน์ แซนด์วิช" เชื่อตลาดหุ้นปีจอ "อันตราย!!!" เตือนแมลงเม่า..."ขายหุ้น ฝากแบงก์ กินดอกเบี้ย" กำชับให้ใจเย็นๆ แนวโน้มอาจเห็น Set Index ต่ำกว่า 550 จุด ...แล้วค่อยช้อนเก็บ จับตาหุ้นโบรกเกอร์โดยเฉพาะ "CNS" และ "ASP" แต่ยังไม่ใช่ราคานี้


    "ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ" ส่องอนาคตตลาดหุ้นปี 2549 โดยเตือนนักลงทุนให้ใช้ความระวังอย่างสูง เพราะเชื่อว่าดัชนีปีนี้มีโอกาสสูงที่จะทรุดลงต่ำกว่า 550 จุด ด้วยพลังของระเบิดเวลาจาก "ราคาน้ำมัน" และ "ภาวะเงินเฟ้อ"

    วันนี้ทั่วโลกไม่ได้พูดถึงปริมาณสำรองน้ำมันที่น้อยลง แต่กำลังวิตกว่า "โรงกลั่นน้ำมัน...มันไม่พอ"

    ปัจจุบันกำลังการกลั่นน้ำมันทั่วโลกทำได้ 82 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่มีการใช้น้ำมันทั่วโลกถึง 80 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะให้ไปเพิ่มตัวเลขการกลั่นของโรงกลั่นมันไม่ไหว เพราะเต็มกำลังการผลิต คือน้ำมันมี แต่โรงกลั่นไม่ไหว แม้แต่สหรัฐก็ไม่มีการขยายโรงกลั่นมาเป็นระยะเวลา 10-20 ปี เพราะรู้ว่าต้องลงทุนสูง...และไม่คุ้ม

    "ที่ผ่านมาหุ้นไทยออยล์(TOP)ขึ้นก็เพราะเขา คือ โรงกลั่น"

    ศิริวัฒน์ ฉายภาพอนาคตเพื่อเจาะจงให้เห็นว่า...เลวร้ายที่สุด คือ เมื่อประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมัน ด้วยปริมาณการใช้ 120 ล้านลิตรต่อวัน และมาจากการนำเข้าถึง 90% คือ 108 ล้านลิตร

    "ปี 46 เราใช้เงิน 3 แสนล้านบาท...เพื่อซื้อน้ำมันจากต่างประเทศ ปี 47 ใช้ไปอีก 5 แสนล้านบาท ปี 48 คาดว่าจะใช้ไม่น้อยกว่า 7 แสนล้านบาท แล้วปี 49 เราจะต้องหาเงินอีกเท่าไหร่ไปจ่ายให้โอเปค

    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ภาระของประเทศก็เกิดขึ้น แล้วมันจะสะเทือนถึงความมั่นใจในตลาดหุ้น ที่ยืนอยู่ได้ด้วยความมั่นใจ"

    ...ระวัง! รอบนี้อาจจะเจอเหมือนช่วงวิกฤติ 2540 "เมฆดำทะมึนกำลังก่อตัว มันกำลังมา"

    หลายปีที่ผ่านมาเซียนหุ้นหลายคนยอมรับว่า การทำนายของ "ศิริวัฒน์" ค่อนข้างแม่นยำ เพราะหากย้อนความแม่นไปเมื่อปลายปี 2547 เขาเป็นเซียนหุ้นรายเดียวที่เชื่อว่าตลาดหุ้นจะตก

    "วันนั้นดัชนีอยู่แถวๆ 720 จุด ผมก็บอกนักลงทุนตอนนั้นว่าให้เทขายหุ้นให้หมด...แล้วเอาเงินไปซื้อดอลลาร์ ตอนนั้น 1 เหรียญเท่ากับ 38.50 บาท และผมเชื่อว่าเงินบาทไม่มีทางแข็งค่าไปกว่านั้น ตอนนั้นถ้าใครตามผมก็กิน"

    เขามองต่อไปว่า "ปี 2549 ฟันธงได้เลย ดอกเบี้ยฝากขึ้นแน่นอน และน่าจะไปถึง 4-5% ถ้าเราฝากเงินวันนี้ด้วยผลตอบแทนขนาดนี้ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วจะไปเล่นหุ้นทำไม เพราะเต็มที่ปีหน้าก็เสมอตัว"

    เพราะฉะนั้น กลยุทธ์การเล่นหุ้นของผมปีนี้ก็คือ "ขายหุ้นให้หมด แล้วเอาเงินไปฝากแบงก์"

    โดยธรรมชาติของตลาดหุ้นนั้น มันจะต้องลงก่อน...ถึงจะขึ้นต่อ แต่เผอิญช่วงที่ผ่านมาหุ้นมันไม่ลง เพราะต่างชาติยังไม่ขาย เพราะตลอดปี 48 ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิราวๆแสนล้านบาท...และเที่ยวนี้ฝรั่งติด(ใจ)หุ้นพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันปรับขึ้น

    "ภาคอุตสาหกรรมอื่นต้นทุนแพงขึ้น แต่ยอดขายไม่ได้เพิ่มขึ้น...ส่วนกำไรก็มีแต่จะลดลง หรือไม่ก็ขาดทุน มองเกมให้มันง่ายๆ แล้วหุ้นมันจะขึ้นได้ยังไง"

    อย่างไรก็ตาม หลายสำนักอาจแนะนำให้นักลงทุนพยายามเลือกลงทุนหุ้นใน "กลุ่มธนาคารพาณิชย์"...เพื่อความปลอดภัย เพราะเป็นหุ้นประเภท Defensive Stock

    ...แต่ผมขอให้ติดตามการประกาศผลประกอบการงวดสิ้นปี 2548 ของธนาคารพาณิชย์ไว้ นอกจากตัวเลขกำไรแล้ว ต้องดูด้วยว่าธนาคารจะเหลือ "เอ็นพีแอล" เป็นเท่าไร ซึ่งโดยส่วนใหญ่ตอนนี้จะอยู่ประมาณ 10%

    แล้วจับตาดูว่าเอ็นพีแอล จะเพิ่มขึ้นหรือต่ำกว่า 10% จากนั้นให้พิจารณาการขยายตัวของสินเชื่อว่าเป็นอย่างไร

    เพราะในอนาคต สินเชื่อที่อยู่อาศัยใกล้จะก่อปัญหาในระบบธนาคาร โดยเฉพาะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนสินเชื่อที่เติบโต จนทำให้กำไรของธนาคารเพิ่มขึ้นเยอะมาก

    ล้วนมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อส่วนบุคคล

    ขณะที่ "ราคาหุ้น" กลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็ปรับเพิ่มมาพอสมควรแล้ว

    เพราะฉะนั้น ปีนี้ผมจะไม่ซื้อหุ้นธนาคาร แต่ถ้าจะให้เลือกซื้อ ผมขอซื้อหุ้นโบรกเกอร์

    โดย "ศิริวัฒน์" มองว่าหุ้นของ "บล.พัฒนสิน" (CNS) และ "บล.เอเซียพลัส" (ASP) ...น่าสนใจที่สุด เพราะถือเป็นโบรกเกอร์ที่มีการเทรด-มาร์จิ้นน้อย

    เราต้องมองหาโบรกเกอร์ที่เขาทำธุรกิจสมเหตุสมผล ไม่มีหนี้ แล้วก็ปลอดมาร์จิน เพราะช่วงตลาดหุ้นลงหนักๆ ลูกค้าจำนวนมากที่เล่นมาร์จินมักจะถูกฟอร์ซเซล (บังคับขาย)...ลูกค้าจะเจ๊ง แล้วจะลากให้โบรกเกอร์รายนั้นมีปัญหาไปด้วย

    "เพียงแต่จุดยืนของผมตอนนี้คือ 'ขายหุ้นให้หมด' ถ้าดัชนียังลงมาไม่ต่ำกว่า 550 จุด ผมจะไม่ซื้อหุ้น!!!

    "ศิริวัฒน์" กำชับว่า ตอนนี้ให้ใจเย็นๆฝากเงินไว้ก่อน...ท่านมีสิทธิได้ซื้อ ASP แถวๆ 2 บาท

    เขามองต่อไปถึงอนาคตหุ้นพลัง โดยเฉพาะ "ปตท."(PTT) และ "ปตท.สผ"(PTTEP) ก่อนฟันธงว่า การเติบโตด้านกำไรของ "กลุ่มปตท." ในปี 49 จะน้อยกว่าปี 48 อย่างแน่นอน

    ดังนั้น ราคาหุ้นทั้งสองตัว...ยังต้องลงมาอีก

    "แต่ราคาช่วงที่ผ่านมาไม่ยอมลง เพราะต่างชาติยังไม่ขาย ที่สำคัญพวกนี้จะไม่เหมือนเรา(รายย่อย)ที่จะขายกันทีละพันหุ้นหมื่นหุ้น แต่มันขายกันทีเป็นสิบๆล้านหุ้น" เขาชี้ให้เห็นภาพ ก่อนอธิบายต่อว่า

    "ต่างชาติเขาได้หุ้น PTT กันตั้งแต่ 35 บาท พอขึ้นมา 100 บาท รายย่อยบอกโอ้โห...แพง แต่ต่างชาติก็ยังซื้อ แล้วก็ขึ้นไป 200 บาท ต่างชาติก็ยังบ้าซื้อ มาวันนี้ 230 บาทแล้ว...ฝรั่งแทบไม่เคยขายออกมา"

    ฉะนั้น ถ้าพวกต่างชาติจะขาย เขาจะไม่สนใจราคา

    "เพราะ SET ที่ขึ้นมาได้ก็เพราะ PTT และถ้าจะลงก็ขึ้นอยู่กับ PTT อีก"

    เคสแบบนี้ นักลงทุนไทยเคยเผชิญมาแล้วที่ราคาหุ้นของ "ผาแดง อินดัสตรี้" (PDI) ตอนนั้นราคาเป็น "พันบาท" แทบไม่เชื่อว่าราคามันจะสามารถทรุดเหลือแค่ "ร้อยบาท"

    นักลงทุนในตลาดหุ้น...งงไปหมด ตัวผมเป็นโบรกเกอร์แท้ๆยังจอด คนไทยทั้งประเทศไม่เข้าใจ จากราคาเป็นพันทำไมเหลือร้อยเดียว ก็เพราะฝรั่งมันขาย "ทุกราคา"

    ...และผมหวังว่าเคสนี้คงจะไม่เกิดขึ้นกับ PTT และ PTTEP

    แต่ราคา PTT และ PTTEP วันนี้ ต้องเตือนว่าค่อนข้าง "เต็มมูลค่า"

    ตอนนี้ต้องเกาะติดหุ้น PTT ไว้ เมื่อไรที่ผู้บริหารประกาศจ่ายเงินปันผลออกมาแบบ "ดีๆ" ...แล้ววันนั้นราคา PTT จะตก เพราะจะมีพวก "อินไซเดอร์" ...เราเสียเปรียบ

    ส่วนที่ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ และรมว.คลังมักบอกว่า ค่า P/E ของตลาดหุ้นไทยยังต่ำเกินไป และต่ำกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคนั้น "เค้าหลอกเราทั้งหมด"

    "เพราะสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ 'P/E Ratio' จะสูงหรือต่ำมันอยู่ที่ตัว E เพราะปี 49 นี้ ค่า E ของทั้งตลาดมันจะไปต่อได้ยาก

    ...ถ้าเอา E ที่ไม่เติบโตมาเทียบกับดัชนีที่ 670-690 จุด P/E ตลาดหุ้นไทยจะประมาณ 10-11 เท่า

    "ขอท้าเลยว่าให้เอาราคาหุ้นวันนี้ ไปเทียบกับเอิร์นนิ่งของปี 2549 ลองดูว่ามันจะอยู่ที่ 9 เท่าหรือเปล่า...ต้องมี 10 เท่า 11 เท่า...อย่างแน่นอน เพราะการเติบโตของกำไร จะไม่ดี"

    ศิริวัฒน์เตือนทิ้งท้ายว่า เศรษฐกิจจะมีไซเคิลของมัน ถ้าวันนี้เราคิดว่าไซเคิลของตลาดหุ้นมันหมดแล้ว...เราต้องกล้า Cut Loss ตัดใจไปเถอะ และอย่าหวังร่ำรวยจากตลาดหุ้น ให้คิดเพียงว่าจะเอาผลตอบแทนสัก 15-20% ทำให้ได้ตามที่ต้องการแล้วคุณจะรอด และจะไม่ติดหุ้น

    "ศิริวัฒน์พูดความจริง เชื่อไม่เชื่อไม่รู้...แต่จะเกิดขึ้นปีนี้-อย่าเล่นหุ้น ฝากแบงก์อย่างเดียว"


    จาก กรุงเทพธุรกิจ


    ==================================


    ป๋มรู้และคุ้น ๆ ว่าเขาเปงคนที่เล่นหุ้นเจ๊งจนออกมาขายแซนวิสราคาแพงแถวสถานีรถไฟฟ้า

    แต่ ป๋มไม่รู้ว่าทำไม เขาเล่นแล้วเจ๊ง เพื่อนๆ รู้ปะคัฟ บังเอิญตอนนั้นป๋มยังมะได้สนใจเรื่องหุ้นเลย

    จากคุณ : โดราเอม่อน05 - [ 8 ม.ค. 49 22:43:33 A:203.113.76.12 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป