PANTIP.COM : I4046362 ### เอาแล้ว H ทั้งตระกูล ### [หุ้น]

ความคิดเห็นที่ 30

“แม้ว” รับแล้วขายหุ้นชินฯฟาด 7 หมื่น ล. - อ้างลูกเสียสละทำเพื่อพ่อ

“ทักษิณ” เปิดปากยอมรับขายหุ้นชินฯรับเงินเข้ากระเป๋า 7 หมื่นล้านบาทจริง อ้างเป็นการตัดสินใจของลูกๆ ที่ทำเพื่อพ่อ ให้พ่อได้อยู่ในวงการเมืองอย่างสบายใจ

วันนี้ (23 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้ยอมรับแล้วว่าได้ขายหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไปแล้วตามที่เป็นข่าว แต่ย้ำว่าเป็นการตัดสินใจของลูกๆ เพื่อให้พ่อได้อยู่ในวงการเมืองอย่างสบายใจ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า ลูกๆ ใช้เวลานานในการตัดสินใจขายหุ้นที่ถืออยู่ในครั้งนี้ และในวันนี้ทาง บริษัท ชินคอร์ป จะมีการแถลงอย่างชัดในในช่วงบ่าย

“เป็นการตัดสินใจของลูกๆ เป็นการทำเพื่อพ่อ เพื่อให้พ่ออยู่ในวงการเมืองอย่างสบายใจ” นายกรัฐมนตรี ระบุ

เมื่อถามว่า การขายหุ้นลักษณะนี้ต้องเสียภาษีหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวย้อนถามว่า ขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ใครเสีย เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงก่อนหน้านี้ที่มีการโอนหุ้นให้ลูก พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แทบไม่ต้องเสียภาษี

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะมีผลอะไรหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้นายกฯ พยายามที่จะพัฒนาประเทศไทยให้ทัดเทียมกับสิงคโปร์ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าสิงคโปร์จะเข้ามาลงทุน ซื้อขายในประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เวลานี้เราลงทุนในต่างประเทศก็มีมากมาย คือ บริษัท ปตท. สผ. ก็ไปขุดน้ำมันที่โอมาน อิหร่าน พม่า คือโลกยุคนี้มันเป็นโลกไร้พรหมแดน ใครก็ลงทุนประเทศไหนได้ ประเทศไหนก็ไปลงทุนประเทศอื่นได้ คนไทยลงทุนสิงคโปร์ และสิงคโปร์ลงทุนไทย สิงคโปร์ลงทุนอังกฤษ มีหมดทุกที่ ญี่ปุ่นลงทุนในไทย ไต้หวันลงไทย เกาหลีลงไทย เยอะแยะไปหมด

“การลงทุนไปการลงทุนมา ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร การลงทุนเขาไม่ได้มาลงทุนฟรี เขาก็เอาเงินมา เราก็อยากได้เงินลงทุน เศรษฐกิจประกอบด้วยเงินลงทุนจากต่างประเทศ การท่องเที่ยว การส่งออก การก่อสร้าง การเกษตร ทุกอย่างเป็นเศรษฐกิจหมด”

เมื่อถามว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้การเจรจาล่าช้า เป็นเพราะต้องรอแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคแห่งชาติ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย “ถามหาเรื่อง คนละเรื่อง ไม่เกี่ยวเลย ไม่มีอะไร พวกนี้ชอบหาเรื่อง คิดอะไรไม่รู้แปลก”

ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เลี่ยงที่จะให้ความเห็นถึงข่าวการขายหุ้นบริษัท ชินฯ ที่ครอบครัวของนายกรัฐมนตรีถือหุ้นใหญ่มาโดยตลอด อย่างไรก็ดี เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักข่าวรอยเตอร์ได้ตีพิมพ์ว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ชินคอร์ป ได้บรรลุข้อตกลงขายหุ้นให้กับบรรษัทลงทุนเทมาเสกของสิงคโปร์ จำนวน 1,157 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท แต่ พ.ต.ท.ก็ยังปฏิเสธว่าไม่รู้ ให้ไปถามลูก เพราะไม่ใช่เจ้าของ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการขายหุ้นดังกล่าวจะมีการบรรลุข้อตกลงแล้ว ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และมีข่าวว่า ในช่วงวันที่ 1-4 ม.ค.ที่ผ่านมา นายกฯพร้อมครอบครัวได้เดินทางไปเซ็นเอกสารลงนามแล้วก็ตามแต่ก็ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามเช่นเดิม และไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการ รวมทั้งยังไม่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า การขายหุ้นดังกล่าวยังโยงไปถึงการแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 (ฉบับที่ 2) มีสาระสำคัญ คือ มีการเปลี่ยนแปลงเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ เป็น 49 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเพิ่มสัดส่วนกรรมการบริษัทได้มากกว่าเดิมที่เคยกำหนดไว้แค่ 1 ใน 3 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า กฎหมายฉบับนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ม.ค.2549 และเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 21 ม.ค.2549 เป็นต้นไป

รายงานยังระบุอีกว่า สาเหตุที่ยังไม่สามารถประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ครอบครัวนายกรัฐมนตรีถือหุ้นใหญ่ที่มีการบรรลุข้อตกลงขายหุ้นกว่า 1,157 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท ให้กับกองทุนเทมาเสก ซึ่งเป็นบรรษัทลงทุนของสิงคโปร์ เป็นเพราะต้องการรอกฎหมายประกอบกิจการโทรคมนาคมมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการก่อน เรื่องการเสียภาษีส่วนต่างของราคาหุ้น รวมทั้งรายละเอียดของการดำเนินธุรกิจในเครือชินคอร์ป ที่ยังไม่ลงตัว

จากคุณ : สังขยาใบเตย - [ 23 ม.ค. 49 14:40:11 ]