PANTIP.COM : I4046568 “เล่นหุ้นเราต้องสนุกกับมัน” []

ความคิดเห็นที่ 1

ย้อนอดีตในวัยเด็ก
“นายเกรียงไกร” ย้อนอดีตในวัยเด็กให้ฟังว่า เขาเกิดในครอบครัวคนจีนที่มีฐานะปานกลาง นิสัยส่วนตัวชอบทำงานค้าขาย ขณะที่คุณพ่อ คุณแม่ของเขาจะทำงานธนาคารพาณิชย์และชอบลงทุนในตลาดหุ้นเหมือนกับนายแบงก์ทั่วๆไป

ในปี 2535-2536 เป็นช่วงที่เขาเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และเป็นช่วงที่เขาเริ่มเรียนรู้เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นจากผู้เป็นบิดาและมารดาของเขา

“ตอนที่ผมอายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้นป.6 ช่วงนั้นก็เป็นช่วงปิดเทอม คุณพ่อ คุณแม่ของผมก็ได้พาผมไปที่ทำงานด้วยและในออฟฟิศก็มีห้องค้าหลักทรัพย์ไว้ให้บริการแก่นักลงทุน ซึ่งช่วงแรกคุณแม่จะให้ผมดูหุ้นให้กับท่าน เช่น ถ้าราคาหุ้นมีการเคลื่อนไหว และเป็นหุ้นที่คุณแม่ผมถืออยู่ ผมก็จะรีบโทรไปบอกคุณแม่ทันที”

ด้วยนิสัยส่วนตัวของนายเกรียงไกรที่ชื่นชอบบริหารเงิน อยากให้เงินงอกเงย เขาจึงเห็นว่าการลงทุนในหุ้นจึงเป็นหนทางที่จะตอบโจทย์ความต้องการของเขาได้เป็นอย่างดี จึงตัดสินใจก้าวสู่ตลาดหุ้นด้วยเงินทุน 50,000 บาท ขณะที่เรียนอยู่ชั้นป.6

หุ้นบริษัท การบินไทย หรือ THAI เป็นหุ้นตัวแรกที่นายเกรียงไกรตัดสินใจเข้าไปลงทุน

“ในสมัยนั้นหุ้นจองบูมมาก และเมื่อเปิดการซื้อขายวันแรกราคาหุ้นจองสามารถทำกำไรให้กับนักลงทุนที่ถือได้ประมาณ 1 เท่าตัว และช่วงที่ผมตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นก็ได้เข้าไปลงทุนในหุ้นจอง THAI เป็นตัวแรก”

เขาเล่าว่า ก่อนที่หุ้น THAI จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาหุ้น THAI นอกตลาดก็ขยับขึ้นไปถึง 100 บาท ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่ขาย แม้ว่าในขณะนั้นจะได้กำไรแล้วก็ตาม

“หุ้น THAI เทรดวันแรกราคาหุ้นสามารถยืนเหนือจองได้สำเร็จที่ระดับ 65 บาท แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะไม่ขายเพราะผมคิดว่าในเมื่อราคาหุ้น THAI นอกตลาดอยู่ที่100 บาท แต่ราคาเปิดวันแรกอยู่ที่ 65 บาท ฉะนั้นผมจะขายทำไม ต่อมาราคาหุ้น THAI ก็ยืนเหนือจองได้เพียงสัปดาห์เดียวเท่านั้น ราคาหุ้นก็ลง แต่ผมตัดสินใจที่จะเก็บไว้ 1 ปีและก็ต้องตัดใจขายไปในราคา 40 บาท ทำให้ผมรู้จักคำว่าขาดทุน แต่หลังจากวันนั้นผมไม่เคยขาดทุนแม้แต่สักครั้งเดียว เพราะได้รับอานิสงส์จากภาวะตลาดหุ้นที่เป็นใจ”

จากคุณ : sutee - [ 23 ม.ค. 49 12:39:46 ]