ความคิดเห็นที่ 10
เคย save จากเวบ http://www.drpunya.com/news.htm มาครับ เป็นบทความที่ชอบมาก
"18 กค.48 .... ผลงานของ กลต.
คนไทยมีกันอยู่ประมาณ 62 ล้านคน มีทรัพย์สินรวมกันประมาณ 50 ล้านล้านบาท แต่มีคนที่ยึดอาชีพเป็นผู้ร้าย ทำการลักทรัพย์ ฉกชิงวิ่งราว ไปจนถึงปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ ถึงประมาณ 1 เปอร์เซนต์ หรือคือ เรามีผู้ร้ายอยู่ประมาณ 620,000 คน ซึ่งทำให้ผู้อื่นสูญเสียทรัพย์สินปีละไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้เราจึงออกกฎหมาย แพ่งพาณิชย์และกฎหมายอาญาออกมา และให้มีกรมตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมายเหล่านี้
ครับ, กรมตำรวจนั้นต้องมีคนถึง 300,000 นาย เพื่อการรักษากฎหมาย หรือมีในอัตราส่วน 1 ตำรวจ ต่อ 2 ผู้ร้าย แต่ก็ติดตามคดีต่างๆไม่ค่อยจะทัน หลายคนบ่น หลายคนไม่พอใจในผลงานของตำรวจ
แต่, ถ้าท่านดูจำนวนคดีและเหตุร้ายที่เกิดขึ้น มันก็น่าเห็นใจ แต่ละวันมีเหตุร้ายมากกว่าแสนเรื่อง รวมแล้วปีละ 36.5 ล้านเรื่อง ตำรวจจึงต้องดูแลกันคนละเป็นร้อยเรื่อง
อย่างไรก็ตาม การที่เราต้องเสียเงินจ้างตำรวจปีละประมาณ 300,000*200,000=600,000 ล้านบาทนั้นมันก็ยังคุ้มทุน เพราะถ้าไม่มีตำรวจ ผู้ร้ายก็จะเพิ่มขึ้น และความสูญเสียก็อาจเพิ่มไปถึง 3 เท่า หรือคือเพิ่มเป็นปีละ 3*300,000=900,000 ล้านบาท และประชาชนอาจต้องลงทุนซื้อปืนและเสริมรั้วบ้านอีก 1-2 ล้านล้านบาท
ทีนี้เรามาดูเรื่องของตลาดทุนกันบ้าง เราเปิดตลาดหลักทรัพย์ขึ้นมา แล้วเราก็ออกกฎหมาย แล้วเราก็แย่งเอางานของตำรวจมาบางส่วน คือตั้ง กลต.ขึ้นมาเพื่อเป็นผู้กำกับดูแลกฎหมายประเภทนี้ สังคมตลาดทุนนั้นอยู่ในวงแคบ คือมีนักลงทุนประมาณ 500,000 คน มีทรัพย์สินประมาณ 5 ล้านล้านบาท มีบริษัทจดทะเบียน 400 กว่าๆแห่ง มีผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ประมาณ 4000 คน มีโบรกเกอร์ประมาณ 30 ราย มีพนักงานประมาณ 3000 คน รวมแล้วเป็นสังคมของคนแค่ 510,000 คนเท่านั้น ในจำนวนนี้ก็มีผู้ร้ายเช่นกัน เช่น คนเล่นหุ้นบางคนอยากรวยลัด จึงพยายามปั่นหุ้น มีผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนบางคนอยากรวยลัด ก็ปั่นหุ้นของบริษัทของตัว มีการใช้ข้อมูลภายในเอาเปรียบผู้ถือหุ้นอื่น มีการยักยอกเงินของบริษัท มีการลดทุนและเพิ่มทุนจนรายย่อยฉิบหายไปเป็นแถบๆ มีการขายสินทรัพย์ดีๆในราคาถูกๆให้บริษัทของผู้บริหาร มีการตกแต่งบัญชีเพื่อเพิ่มทุนและลดทุน...ฯลฯ
ครับ, ความสูญเสียของนักลงทุนรายย่อยนั้นมันมากกว่า 300,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นเกือบเท่ากับการสูญเสียของคนทั้งประเทศ
แล้วเราได้อะไรจาก กลต. บ้าง?
มี กลต.มา 16 ปี กลต.ได้กล่าวโทษนักปั่นหุ้นประมาณ 60 ราย และชนะคดีแค่รายเดียว นอกนั้นก็เป็นการจับผิดพนักงานของโบรกเกอร์อีกปีละ 40-50 คน และปรับบริษัทอีกปีละ 10-20 ราย หรือคือมีคดีให้ทำแค่ปีละไม่ถึง 100 เรื่อง เฉลี่ยแค่คนละ 1/3 เรื่อง
แต่เราต้องจ้างคนไว้เกือบ 300 คน ต้องสร้างตึกที่ใหญ่กว่าวังปารุส ต้องจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมปีละกว่า 5000 ล้านบาท
ครับ, ปัญหาก็คือ ในงานของธุรกิจเงินทุน ผู้เสียหายไม่รู้จะไปแจ้งความได้ที่ใหน ทุกคนหวังว่า กลต.จะเป็นผู้คอยสอดส่องและกล่าวโทษแทนพวกเขา พวกเรารอเรื่องนี้มา 16 ปีแล้ว จริงๆแล้วข้อมูลนั้นมีอยู่ มีในเครื่องคอมพิวเตอร์ของตลาด มีในหน้าหนังสือพิมพ์ มีในเสียงซุบซิบของนักเล่นหุ้น มีในห้องค้า... มันก้องจนเต็มหูคน แต่กลต.ไม่ค่อยได้ขยับเข้าไปดู มันแสดงถึงความไม่รับผิดชอบ ความไม่มีความรู้ด้านเดต้าโพรเซสซิ่ง และความไม่เข้าใจในงานที่ตนรับผิดชอบ
ครับ, ผมเชื่อว่ากว่า 20 เปอร์เซนต์ของผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนนั้นคดโกงผู้ถือหุ้นรายย่อย และกว่า 20 เปอร์เซนต์ของโบรกเกอร์นั้นมีส่วนในการปั่นหุ้น นั่นหมายความว่า มีผู้ร้ายอยู่ในระบบมากกว่า 1400 คน และพวกนี้ก่อคดีทุกวันวันละเป็นพันคดี ลองปลอมตัวเป็นนักลงทุน แล้วเข้าไปนั่งฟังในห้องค้าซิครับ แล้วท่านจะได้เห็นเรื่องเหล่านี้
และที่ผมอยากจะแนะนำเป็นอย่างสูงก็คือ เลิกสั่งคนให้ไปเปิดดูเว็ปไซท์ต่างๆ แล้วหาทางปิดเว็ปไซท์เขา เพราะเว็ปไซท์ต่างๆนั้นมันไม่สามารถจะปั่นหุ้นได้ มันมีคนเข้าไปเปิดดูแค่วันละ 200-300 คน การเป่าหูนักลงทุนเพียงแค่นี้มันไม่สามารถจะชี้นำตลาดได้ คนซื้อขายหุ้นในแต่ละวันมันมีกว่า 200,000 คู่ และเจ้าของเว็ปก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากเรื่องแบบนี้ เขาทำธุรกิจอย่างอื่นอยู่ต่างหาก เช่นของผมนี้เปิดเพื่อหวังจะขายโปรแกรมและเทคนิคการเล่นหุ้น
สิ่งที่นักคอมพิวเตอร์ของ กลต. ควรทำก็คือ เอาข้อมูลการซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์ไปวิเคราะห์ แล้วดึงเอาการซื้อขายของกลุ่มคนบางกลุ่มมาดู แล้วไปเช็คข่าวสารในห้องค้าต่างๆ แล้วจะเห็นการปั่นหุ้น หรืออย่างน้อยก็จะออกมาตราการป้องปรามได้ทัน
ครับ, กลต.มีคนแค่ 200-300 คน ซึ่งต้องไปต่อสู้กับผู้ร้าย 2000-3000 คน มันก็น่าเห็นใจ แต่ถ้าคลำให้ถูกวิธีมันก็จะจับผู้ร้ายได้มากกว่านี้ ที่ควรคิดก็คือ หากเรายุบ กลต.แล้วจะเกิดความเสียหายมากขึ้นหรือไม่? เรื่องนี้ผมคิดว่าแตกต่างจากเรื่องของกรมตำรวจ คือ มีกลต. หรือไม่มีกลต. ความเสียหายมันก็เป็นเท่าเก่านี่แหละ เพราะกลต.ไล่ไม่ทันผู้ร้าย และผู้ร้ายก็ไม่สามารถคดโกงได้มากกว่านี้แล้ว
ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมคงจะยุบสำนักงานนี้ไปนานแล้ว"
จากคุณ :
Calaglin
- [
23 ม.ค. 49 22:57:40
]
|
|
|