ความคิดเห็นที่ 1 ** ปกติ การโอนหุ้น จะระหว่างใครก็ไม่เสียภาษีไม่ใช่หรือ ** ยกเว้น .... ต่างกันตรงที่ การโอนในนามอะไร นิติบุคคล หรือ บริษัท อะไรประมาณนี้หรือปล่าวคะ ผู้รู้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้น้องใหม่ทราบด้วยนะคะ (เพื่อจะได้มีความรู้มากขึ้น และความรู้ที่มี จะได้ถูกต้องค่ะ) .......................... Have a nice day ........................... จากคุณ : น้องใหม่เจ้าค่ะ - [ วันตรุษจีน 10:31:09 A:221.128.111.102 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 จบได้แล้วครับ อยากด่าใครไปราชดำเนินหรือเว็บผู้จัดการเถอะ นี่ไม่ใช่หาความรู้แล้วแต่ก่อกวนเพื่อโจมตีใครแล้ว ไปหากฎหมายอ่านแล้วจะเข้าใจ ผมเองรับมรดกจากพี่ที่เสียชีวิตแล้วก็เสียภาษี ก็ไม่บ่น เพราะมันเป็นกฎหมาย สินทรเป็นแหล่งให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน แต่ไม่ใช่เป็นแหล่งที่ชวนคนมาทะเลาะกันครับ เอียนแล้วครับกับคำถามทำนองนี้ จากคุณ : apornpath - [ 29 ม.ค. 49 10:37:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่มีใครเข้ามาตอบเลยแล้ว แล้วน้องใหม่จะรู้เรื่องได้ไง............ ผมจะลองเล่าเท่าที่จำได้ เรื่องนี้คงแบ่งได้เป็นสองระดับ ระดับที่กฏหมายกำหนด และระดับจิตสำนึกและจริยธรรมที่สังคมคาดหวัง ในการโอนหุ้นให้คุณบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จากคูณหญิงพจมาน ชินวัตร จำนวน4.5ล้านหุ้น และได้ขายให้อีกจำนวน 26.8ล้านหุ้นในราคา หุ้นละ 10 บาท และพตท.ทักษิณ ได้ขายหุ้นบ.ชินคอร์ปอเรชั่นให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในราคา หุ้นละ 10 บาทโดยไม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์เช่นกันรวม 2ล้านหุ้น ในขณะที่ราคาตลาด อยู่ที่ 150 บาทต่อหุ้น(ก่อนแตกพาร์) ในการโอนและขายหุ้นดังกล่าว ทางสรรพกรโดย นายวิชัย จึงรักเกียรติ รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร ทำหนังสือ ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2545 (ที่ กค.0811/6312) ระบุว่า การซื้อขายหุ้นดังกล่าว ถือไม่ได้ว่า ผู้ซื้อได้รับประโยชน์จากการโอนหุ้น ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน ซึ่งไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (4) (ช) ตามประมวลรัษฎากร เนื่องจากยังมิได้ก่อให้เกิดรายได้แก่ผู้ซื้อแต่ประการใด จนกว่าผู้ซื้อจะได้ขายหุ้นดังกล่าวไปโดยได้รับผลประโยชน์ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าเงินที่ลงทุน (จาก นสพ.มติชน) สรุปก็คือไม่ต้องเสียภาษี เนี่องจากยังไม่ได้ขายออกไปเป็นตัวเงินได้ ต่อมาครอบครัวดามาพงศ์และชินวัตรได้ขายหุ้นให้บ.ซีดาร์โฮลดิ้งและบ.เอสเพน โฮลดิ้ง บริษัทในเครือเทมาเส็ก โฮลดิ้ง (พีทีอี) กองทุนของรัฐาลสิงค์โปร์ ด้วยมูลค่า 7.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นการซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ จึงได้รับการยกเว้นภาษี สำหรับเรื่องจิตสำนึกและความสมควรหรือไม่ในการใช้ช่องนี้ของกฏหมาย ผมคงไม่อาจวิจารณ์ คงต้องยกให้ผู้ที่เป็นนักกฏหมายว่ากันต่อไป แต่อ่านเรื่องคุณูปการของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่6ที่ทรงแสดงไว้จับใจจนต้องเอามาฝาก.......... สำเนาลายพระราชหัตถเลขาของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่6 ที่ทรงมีมาถึงเจ้าพระยายมราชความว่า "ด้วยแต่ก่อนๆมา การเก็บภาษีที่ดินและโรงร้าน กรมพระคลังข้างที่ยังไม่ได้เคยเสียภาษีให้กับ เจ้าพนักงานสรรพากรเลย บัดนี้ฉันมาไตร่ตรองดูเห็นว่า ทรัพย์สมบัติของฉันทั้งหลายที่เป็นส่วนตัว ก็เท่ากับเป็นทรัพย์สมบัติของคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่เหตุใดฉันมาเอาเปรียบแก่คนทั่วไป ซึ่งดูไม่เป็นการสมควรเลย  ส่วนของๆผู้อื่นจะไปเก็บเอากับเขา ของๆตัวเองจะเกียจกันเอาไว้ เพราะคนธรรมดาทั่วไป ใครที่มีทรัพย์สมบัติเป็นที่ดินหรือโรงร้าน เมื่อถึงคราวที่เจ้าพนักงานจะเก็บภาษี เขาก็ต้องเสียภาษี ให้กับเจ้าพนักงานตามส่วนมากและน้อยของทรัพย์สมบัติที่เขามีอยู่  ตัวฉันเอง ถ้านอกจากในทางราชการแล้ว ฉันก็ถืออยู่ว่าฉันเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ทรัพย์สมบัติของฉัน ที่มีอยู่ก็นับว่าเป็นส่วนมาก ถ้ารัฐบาลจะแบ่งผลประโยชน์ของตนที่ได้มาจากทรัพย์สมบัติทั้งหมดนั้นบ้าง ฉันก็มีความยินดีเต็มใจที่จะเฉลี่ยให้เป็นการอุดหนุนชาติและบ้านเมืองอย่างคนสามัญด้วยเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้เจ้าพระยายมราชเก็บภาษีอากรในที่ดินและโรงร้าน ซึ่งนับว่าเป็น สมบัติของส่วนตัวฉันเองอย่างเช่นที่ได้เคยเก็บมาจากคนอื่นๆ ทั่วไปนั้น" บรรพกษัตริย์ ยังทรงห่วงใยประเทศชาติมากกว่าพระองค์เองทั้งที่สถานะทรงอยู่เหนือคนธรรมดาทั่วไป กรุงเทพธุรกิจ 26 มค.49 เรื่อง จิตสำนึกเสียภาษี จากคุณ : b n' b (K.nobody) - [ 29 ม.ค. 49 23:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คห.ที่ 3 นะคะ ที่เข้ามาให้ ความรู้ และข้อคิดค่ะ ^ ^ จากคุณ : น้องใหม่เจ้าค่ะ - [ 30 ม.ค. 49 13:36:16 A:221.128.104.116 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 การวางแผนทางภาษีของพี่เหลี่ยมเรานี่ กลายเป็นก่ออาชญกรรมร้ายแรงแล้ว ไม่มีใครซักคนไปฟ้องศาลเลย ถ้ามันเลวร้ายนัก ทำไมไม่ไปฟ้องศาลกันนะ แปลกจัง เมืองไทยนี่แปลกนะ คนพูดเก่งกันจัง ตอบฉะฉาน ไม่เห็นมีใครไปจัดการเค้าเลย จากคุณ : ตอง - [ 30 ม.ค. 49 14:04:28 A:61.90.20.62 X: TicketID:100920 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ คห.๒ครับ ถ้าคุณเข้าใจว่าผมเข้ามาชวนทะเลาะก้เป็นการเข้าใจผิด อย่างยิ่ง ถ้าคุณได้เคยอ่านข้อความผมในกระทู้ราชดำเนินจะรู้ว่าผมไม่เคยโจมตีรัฐบาลเลย แต่ที่ถามเพราะในอดีตผมเคยได้รับโอนบ้าและที่ดินจากพี่ชาย(เจ้าของที่) และน้องชาย (เจ้าของบ้าน) โดยไม่ได้ซื้อขายหรือเกิดรายได้ แต่ทำไมผมถึงต้องเสียภาษี จะต่างกันอย่างไรกับกรณีของคุณหญิง กับ พี่ชาย จึงถามเพื่ออยากรู้ ขอบคุณนะครับสำหรับการเข้ามาโพส แต่น่าจะมีสาระมากกว่ารี้หน่อยนะครับ ไหนๆจะเข้ามาแสดงภูมิปัญญาแล้วควรจะมีภูมิมากกว่านี้นะครับ จากคุณ : โจโฉ คนเก่า - [ 31 ม.ค. 49 12:50:12 ]