ความคิดเห็นที่ 1 25 ปีนะคับ ไม่ช่าย ปี 2 ปี ถ้าดอกเบี้ย มันแพงมากก็ไปหาธนาคารอื่นมาเปรียบเทียบ จากคุณ : ... - [ 31 ม.ค. 49 14:58:44 A:61.91.131.104 X: TicketID:089498 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใครมี list เปรียบเที่ยบดอกเบี้ยเงินกู้ของแต่ละธนาคาบ้างไหมครับ? หรือมีธนาคารไหนแนะนำบ้าง ขอบคุณมากๆ ครับผม จากคุณ : zmeal (zmeal) - [ 31 ม.ค. 49 15:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เก็บเงินให้ได้ เงินดาวน์มากหน่อย แล้วกัดฟันกู้ แบบ จ่ายต่อเดือนมากหน่อย แป๊บเดียวหมด จากคุณ : :::GANTZ::: - [ 31 ม.ค. 49 15:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อดทนครับ การผ่อนกับธนาคารมีข้อดีคือคุณสามารถจ่ายเกินค่างวดได้ ในอนาคตเมื่อคุณมีรายรับมากขึ้นก็ส่งมากขึ้น เวลาการผ่อนและดอกเบี้ยจ่ายก็ลดลงเองครับ แต่ตอนทำสัญญา เลือกช่วงเวลาที่นานที่สุดเข้าไว้ครับ (แม้มีกำลังส่งมากกว่าก็ตาม) เผื่อบางช่วงที่อาจมีปัญหาไว้ด้วย จากคุณ : *John* - [ 31 ม.ค. 49 15:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วถ้าเราส่งค่างวดสูงขึ้นแล้วเนี่ยะ (หมายถึงเงินต้นลดลงแล้วใช่มะครับ) แล้วแบงค์จะคำนวนเงินค่างวดใน งวดต่อๆ ไปอย่างไรอะครับ? ไม่เข้าใจข้อนี้อะครับ หรือว่า bank มีใบเสร็จบอกเรามัยว่า เงินที่เราจ่ายไปสมุมติ จ่าย 10,000 เป็นเงินต้นเท่าไหร่เป็นดอกเท่าไหร่ อะไรแบบนี้อะครับ? จากคุณ : zmeal (zmeal) - [ 31 ม.ค. 49 15:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แบงค์คิดดอกรายวันครับ เวลาส่งค่างวดเขาจะหักดอกออกก่อน ที่เหลือหักเงินต้น ส่งมาก ก้หักเงินต้นได้มากครับ จากคุณ : *John* - [ 31 ม.ค. 49 15:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ก็ประมาณนี้แหละครับ 1.5M ตอนนี้ซื้อแคมรี่ได้หนึ่งคัน อีก 25 ปี  4M อาจซื้อได้แค่ โคโรลล่า นะครับ พอนึกออกไหม จากคุณ : TauRuZ_PaSSeRBy - [ 31 ม.ค. 49 15:32:27 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ภาวะเงินเฟ้อ อาฮะ get ครับ แต่ T T นี่มันภาวะเงินเฟ้อ มากกว่า 100% เลยนะเนี่ยะ T T แงๆๆๆๆ ส่วนเรื่องหักดอกก่อนนี่ ธนาคารเค้ามีเอกสารให้เราดูอะป่าวครับผม ?? คือกลัวแบบ easy buy อะครับ ประมาณว่าจ่ายเดือนละพัน ดอกซะ 600 ค่าธรรเนียม 100 เงินต้น 300 อะไรทำนองเนี้ยะ ประมาณพูดๆๆๆ ให้เรางง แล้วก็ sign ซะ สุดท้ายก็แง T T อะ จากคุณ : zmeal (zmeal) - [ 31 ม.ค. 49 15:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ธนาคารมีหลักฐานชัดเจนครับ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจ่ายแต่ละงวดนั้น เป็นค่าดอกเบี้ยเท่าไร ค่าเงินต้นเท่าไร จากคุณ : *John* - [ 31 ม.ค. 49 15:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โย๊ะ ขอบคุณมากครับทุกๆ ท่าน ปล. หากท่านใดมีธนาคาใด ที่ให้ดอกเบี้ยถูกๆ รบกวนช่วยแนะนำให้ด้วยนะครับ หรือแนะนำที่หาข้อมูลก็ได้ครับ ^ ^" ขอบคุณครับ พี่ๆ ใจดีจัง จากคุณ : zmeal (zmeal) - [ 31 ม.ค. 49 15:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โดยทั่วไปไม่ต่างกันมากหรอกครับ ดอกถูกสุดน่าจะเป็นออมสิน หรือกรุงไทย แต่เงื่อนไขจุกจิก ออมสินนี่เผลอๆ โดยค่าใช้จ่ายต่างๆ + บังคับประกันชีวิตผู้กู้ ฯลฯ สูงกว่าดอกแบงค์อื่น ความสะดวกสบายไม่มี ความยืดหยุ่นในสัญญาต่ำ แต่ที่ผ่านมาผม (หมดไป 2 หลัง ค้างอีก 2 หลัง กู้เพิ่มอีก 1 หลัง) ติดต่อ TMB เพราะคล่องตัวกว่าธนาคารใหญ่อื่นๆ ที่ต้องส่งเรื่องให้สำนักงานใหญ่พิจารณาซึ่งรู้ผลช้ากว่ามาก จากคุณ : *John* - [ 31 ม.ค. 49 16:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้ากู้ระยะยาวๆ  เกิน 10 ปีขึ้นไปเนี่ย... เมื่อคำนวณค่างวดออกมาแล้ว  ช่วง 10 ปีแรกนี่ ค่างวดแต่ละงวดโดนดอกเบี้ยกินหมดครับ   เหลือส่งเงินต้นนิดเดียวเอง  จะไปเริ่มทยอยตัดเงินต้นเยอะๆ ก็ปีหลังๆ โน่นล่ะครับ แต่เอ  ถ้ากู้ 1,500,000 ผ่อน 14,000 ดอกที่ 8%  ประมาณ 17 ปีก็หมดแล้วนะครับ ถ้าผ่อน 25 ปี  ดอก 8% ค่างวดจะอยู่เกือบๆ 12,000 เท่านั้นเอง   แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 49 16:20:13 จากคุณ : sunsetbeach - [ 31 ม.ค. 49 16:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ราคาบ้านคุณ ในอีก 25 ปีข้างหน้า มากกว่า 4 ล้านแน่นอน ต่างกับรถ โดยสิ้นเชิง เขาถึงให้ซื้อบ้านในราคาแพง แล้ว ซื้อรถในราคาถูก เท่าที่จะความสามารถจะอำนวย ถ้าทำกลับกัน ชีวิตจะมีแต่หนี้ จากคุณ : . - [ 31 ม.ค. 49 16:21:52 A:58.8.107.223 X: TicketID:106249 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นี่แค่ดอกเงินกู้บ้านซึ่งเป็นดอกเบี้ย MLR ต่ำสุดของดอกเงินกู้แล้วนะครับ ถ้าเป็นกู้ไปทำอย่างอื่นแล้วจะสูงกว่านี้อีกเยอะ แล้วที่ดอกมันเยอะเพราะคุณผ่อนนาน ถ้าคุณผ่อนเยอะหน่อยก็จะลดดอกได้มากมายเลย เช่นถ้าคุณผ่อนเพิ่มเดือนละ 1000 บาท จะลดดอกได้ 300เดือนเลยนะครับ ลองคิดดูเล่นๆ กู้เงิน  1.5 ล้าน ดอก ปัจจุบัน MLR ประมาณ 7% ต่อปี แถมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ตกเป็นดอกเบี้ยปีละ 105000 บาทต่อปี คิดเป็นดอกเบี้ย 8750 ต่อเดือน แล้วคุณบอกผ่อนปีแรก  7400 ต่อเดือน  มันจะเอาเงินส่วนไหนไปลดต้น ปีที่สองผ่อน 14000 ต่อเดือน ก็ลดต้นได้แค่เดือนละ 5000 บาทเอง กี่เดือนกว่าจะหมด 1.5 ล้าน  ผมว่าถ้าอยากจะเสียดอกน้อยหน่อยให้คุณผ่อนเดือนละ 15000 บาท ตั้งแต่เดือนแรกเลย จะลดดอกเบี้ยได้เยอะมากๆ ลองคำนวนดูนะครับ จากคุณ : คนเดินเรือ (คนเดินเรือ) - [ 31 ม.ค. 49 16:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าคุณฝากเงินเดือนละ14000 บาท ดอกเบี้ย 6 % ครบ 25 ปีจะได้เงิน 9.7 ล้านบาท จากคุณ : Sueto (sueto) - [ 31 ม.ค. 49 16:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จากการคำนวน 1.5 ล้าน ผ่อน 25 ปี ดอก 8 % จะผ่อน 11577 บาท/ด เท่านั้น ทาง ธ.คงเผื่อค่างวด กรณีดอกเบี้ยขึ้นในอนาคตครับ จากคุณ : Sueto (sueto) - [ 31 ม.ค. 49 16:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ใช่ครับ ธนาคารเผื่อค่างวดในกรณีดอกเบี้ยขึ้นในอนาคตครับ แต่ก็น่ากัวจิงๆ T T ขอขอบคุณทุกๆ ท่านอีกรอบครับ เด๋วกลับไปอ่านต่อที่บ้าน สำหรับพี่ คนเดินเรือ ที่ทำให้ผมเข้าใจ idea มาขึ้นครับ ว่า 7400 เนี่ยะจ่ายแต่ดอกเบี้ยจริงๆ ^^" จากคุณ : zmeal (zmeal) - [ 31 ม.ค. 49 17:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเข้าใจว่าปีแรกทีผ่อนต่ำนั้นน่าจะเป็นผลจาก promotion ของดอกเบี้ยธนาคารครับ เช่นปีแรก ดอกเบี้ยคงที่ 3 % ปีต่อไป MLR-.5% แต่อย่างว่านั่นแหละครับ ถ้าส่งไหว ปีแรกๆ นี่แหละที่ดอกจะเยอะเพราะเงินต้นเยอะนั่นเองครับ จากคุณ : *John* - [ 31 ม.ค. 49 18:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ดอกเบี้ย ประมาณ  8 x 25 = 200 % จากคุณ : Chaeh - [ 31 ม.ค. 49 22:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 บ้านสำเร็จรูปใน กทม. แพงระยับจริงๆ ครับ เคยคิดจะสร้างบ้านเอง เป็นบ้านชั้นเดียว ขนาดสองห้องนอน ดูจากแปลนสำเร็จรูปต้องใช้งบสร้างถึง 800,000 บาท เลิกเลย จากคุณ : นักเทคนิค - [ 1 ก.พ. 49 00:13:26 A:61.47.103.135 X: TicketID:115483 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ลองดูที่อื่นครับที่ไม่ใช่ UOB ผมกู้กับเอเชีย (ตอนนี้คือ UOB) ครบสามปี ขอเข้าโปรแกรม fix rate ต่อ เค้าบอกว่าถ้าเข้าต้องเสีย 1% ของยอดที่เหลือด้วย แถมยังได้ fix rate แบบห่วยๆอีก มาคิดดูแล้วไม่คุ้มแน่ เตรียมหาที่ใหม่ refinance เพื่อนผมกู้อาคารสงเคราะห์มาสามปีเหมือนกัน ครบสามปีธนาคารให้เข้า fix rate ต่อโดยไม่เสียอะไรเลย แถมได้โปรดีอีกต่างหาก แต่ดูให้ดีนะครับ MLR ของ UOB นี่สูงกว่าที่อื่นๆ หลังหมดโปร fix rate แล้วของอาคารสงเคราะห์จะใช้ MRR นะครับ ลองเทียบดูละกัน จากคุณ : น้อยนิด (น้อยนิด) - [ 1 ก.พ. 49 09:07:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้ากู้ซื้อบ้าน แนะนำ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพราะธนาคารอื่น ดอกเบี้ยอาจจะโหดภายหลังได้ ... การซื้อบ้าน คำนวน แบบ ลดต้นลดดอก อนาคตคุณมีเงินมากขึ้น คุณสามารถจ่าย มากกว่าเงินงวดได้ เช่น ได้โบนัสก็แบ่งจ่ายซัก 50,000 - 100,000 ก็สบายๆ แถมบ้านยังขายต่อได้ราคาไม่ตก (ขึ้นกับทำเลด้วยนะ) หากผ่อนหมดแล้ว เวลาจะทำธุรกิจก็เอาไปจำนองได้เงินด้วย แต่การซื้อรถ มันคิดดอกเบี้ยคงที่คูณจำนวนปีแล้วแบ่งผ่อนเป็นงวดๆ ไม่มีทำเล ขายต่อราคาตก แถมเสียค่าน้ำมันด้วย จำนองก็ไม่ได้ แต่มันก็ให้ความสะดวกสบาย ยังไง ไม่ต้องคิดมาก ถ้ามีกำลังก็ซื้อเถอะครับ บ้านน่ะ เป็นอสังหาริมทรัพย์นะ จากคุณ : เก่ง (KENG76) - [ 1 ก.พ. 49 09:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ธนาคารจะคิดค่าผ่อนชำระมากกว่าเพราะว่าอัตราดอกเบี้ยในอนาคตมีแนวโน้มสูงขึ้น ถ้าผ่อนปกติ 25 ปี เงินต้นจะลดลงไม่หมด ก็เลยต้องคิดเผื่อไว้ก่อน เพราะไม่งั้นจะต้องให้ลูกค้ามาชำระเพิ่มอยู่ดี (พอดอกขึ้นเงินที่ชำระก็จะเป็นดอกเยอะ ต้นน้อย เค้าเลยคิดเผื่อไว้ให้) ตอนคุณกู้ให้ดู อัตราดอกเบี้ยดีๆ เพราะอัตราแต่ละเบงค์ไม่เท่ากัน เช่น MLR MRR จะต่างกันประมาณ 0.50 บาท และ MLR ของแต่ละแบงค์ จะต่างกัน บางที่อาจต่างกันเกิน 0.50 บาท ด้วย อย่าดูแค่ว่าแบงค์นี้ MLR-0.25 อีกแบงค์ MLR -0.75 หรือ MRR-1.00 แบงค์ที่ MLR -0.25 อาจจะดอกเบี้ยต่ำสุดก็ได้ จากคุณ : คนเดินเรือ - [ 1 ก.พ. 49 09:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าซื้อบ้านไว้อยู่ก็ OK  เพราะถ้าคุณไปเช่าบ้านระดับนี้อยู่  ค่าเช่าคิดซะว่า เฉลี่ยจากถูกไปหาแพง ตามอัตราเงินเฟ้อ  จะตกเดือนละ 6000 -  7000 บาท 300 เดือน =  1.8 ล้าน - 2 ล้าน ที่จ่ายเกินก็เป็นราคาบ้านอีก 25 ปีข้างหน้า  แต่คุณต้องหาเงินมาซ่อมแซมแล้ว เพราะอะไรๆคงพังไปตามกาลเวลา บ้านหลังนี้ อาจจะแพงกว่า หรือถูกกว่า 2.2 ล้าน ก็ได้ มันไม่เสมอไปที่ว่าบ้านราคาจะขึ้นตลอด  ตอน property boom  คนที่ซื้อที่ดิน บ้านหรือคอนโดไว้ ผ่านไป 25 ปี ราคาถอยลงมาครึ่งหนึ่ง   เมื่อ 6 ปีก่อน เพื่อนจะอพยพไปอยู่คานาดา บอกขายบ้านแต่ได้ราคาไม่พอใจ ก็คิดว่า บ้านจะแพงขึ้นมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก เลยทิ้งบ้านไว้  มีคนดูแลบ้านให้อย่างดี  กลับมาคราวนี้ บอกขายราคาเดิม นี่ผ่านไป ครึ่งปี ยังขายไม่ได้เลย จากคุณ : prettypetite - [ 1 ก.พ. 49 19:13:27 ]