ความคิดเห็นที่ 1 ขอมาแบ่งปันด้วยคับ ผมก็ได้ทำ dsm นี้มาเกือบครบปี แล้วคับ ผมขอบรรยายความรู้สึกของการทำ dsm เป็นช่วงๆนะคับ -ตอนแรกๆ ก็มั่วมากเลยคับ (ถือคติว่า ไม่ลองก็ไม่รู้) ทั้งซื้อแพง ทั้งขายถูก แปลงร่าง สลับร่าง จนไม่มีแผนอะไรเลย เดาตลาดตลอด ยอมรับคับว่าช่วงแรกเนี่ย กลัวคับ เพราะยังติดกับกรอบความคิดเดิมๆ อยู่มาก ทั้งกลัวว่าขายแล้วซื้อคืนไม่ได้ ทั้งซื้อคืนมาแล้ว หุ้นตกอีกก็กลัวว่าจะตกอีก ก็ขายทีละไม้ใหญ่ ปรากฎว่าหุ้นหมดมือ ใช้อารมณ์เป็นตัวตั้ง แผนที่คิดว่าจะมี กลับไม่มี แต่สิ่งที่ผมกล่าวมานี้ เป็นสิ่งที่มีค่ามากกกกกกก คับ กับการลงทุนในหุ้นแบบ dsm -ช่วงแห่งการเรียนรู้และปรับปรุง อย่างที่คุณเด่นศรีเคยกล่าวคับ ระบบบัญชีสำคัญที่สุด สิ่งที่ได้ในช่วงแรก ไม่ใช่กำไร แต่ที่ผมได้มากๆ ก็คือระบบบัญชีที่ผมสร้างจากการทำ dsm  ซึ่งได้รับการปรับปรุง แก้ไขตลอด ที่มีการผิดพลาด ไม่เป็นไปตามแผน สิ่งเหล่านี้แหละคับที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ในความผิดพลาด ต้องขอขอบคุณทั้งคุณเด่นศรี ทั้งพี่บ๊อบ หมอวัติ พี่เกี๊ยก และพี่ๆ เพี่อนๆ ทั้งหลายในคลับนี้ ที่ให้ความกรุณาแนะนำและสร้างกระทู้คลาสสิคหลายๆกระทู้ในคลับนี้ -ช่วงแห่งการเดินตามแผน ช่วงหลังๆ นี้ผมเลิกกลัวสิ่งต่างๆ ที่มีในช่วงแรก ไปหมดแล้วอะคับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ผมคิดว่าอาจเป็นเพราะผมเริ่มไม่สนใจ คำว่า กำไร หรือ ขาดทุน จริงๆ (แต่ก่อนคิดว่าไม่สนใจ แต่ขายแล้วหุ้นขึ้นต่อ เซ็งทุกที) ไม่กังวลต่อสองคำนี้เลย และได้เริ่มรับความสุขกับการลงทุนแบบ dsm อย่างจริงๆ อย่างที่พี่ๆ ในคลับนี้บอกเสมอว่า สิ่งที่ได้รับจาก dsm คือ การมีความสุขในการลงทุน -ถ้าถามว่าผมมั่นใจหรือป่าวว่า แผนหรือบัญชีผมเหมือนพี่เทพ (คุณเด่นศรี) รึป่าว ผมคิดว่าผมไม่ทราบเหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมมั่นใจมากๆ คือ ผมกำลังเดินตามแผนที่ผมได้วางแผนไว้ และได้รับการปรับปรุงตลอดเวลา มาถึงวันนี้จะครบปี ในการทำdsm ผมก็ไม่ได้แฝงมากเท่าไหร่ หุ้นก็ไม่เพิ่มมากเท่าที่ควรจะเป็น (อาจเป็นเพราะต้องมาตามล้างตามแก้ สิ่งที่ทำมาในอดีตช่วงแรก) แต่ผมก็ไม่กังวล เพราะ ......... ผมลงทุนในหุ้นตลอดเวลา และ ผมทำตามแผนตลอด ยืมคำพูดพี่เทพมานะคับ ว่า แผนการลงทุนต้องเป็นเรื่องที่ง่ายคับ (เคยคิดยากๆ มาเยอะ) แผนผมก็ง่ายมากคับ จนบางที รู้สึกว่ามันง่ายเกินไป             ขอขอบคุณอีกครั้งคับ กับ พี่เทพ (คุณเด่นศรี) ที่ได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่อาจจะดูว่าเป็นจุดเล็กๆ ในสังคมนี้  แต่สิ่งที่ คุณเด่นศรีได้ทำ มีผลต่อหลายๆ คน (ในทางที่ดีนะ) รวมทั้งตัวผมด้วย มากมาย ป.ล. เผอิญ วันนี้นอนไม่หลับอะคับ หงส์แดงเสมอ เลยมาระบายอะคับ จากคุณ : kkop - [ 2 ก.พ. 49 05:57:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 . แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 49 10:08:29 จากคุณ : จูล่ง - สุภาพบุรุษจากเสียงสาน - [ 2 ก.พ. 49 09:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีครับคุณมิก อีก10ปียังไม่แน่ใจ   หากอีก50-60ปี มีอิสรภาพแน่ๆ จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 2 ก.พ. 49 09:15:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หวััดดีีครับ อย่างนี้ไม่แก่แย่หรือครับ 555  ผมว่า dsmer   จากร้อยเป็นพัน  จากพันเป็นหมื่น  จากหมื่น เป็นแสน  วันหนึ่งการเปลื่ยนแปลงบางอย่าง อาจเกิดขึ้น           จากคุณ : ขวัญชัย - [ 2 ก.พ. 49 09:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อีก60ปี ไม่น่าแก่แล้วครับเฮียขวัญชัย จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 2 ก.พ. 49 10:16:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ๋อลืมไป เฮียเต่าหมายถึงอิสระภาพจากโลก อันงดงามใบนี้  ป๊าดโธ่ หาเงิินเท่าไหร่ก็หาไป แต่จะหาเวลาเกิน 30,000 วันคงลำบาก สุภาษิต  "จงทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะพรุ่งนี้อาจ ไม่มีก็ได้ใครจะไปรู้"           แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 49 00:16:59 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 49 00:15:48 จากคุณ : ขวัญชัย - [ 2 ก.พ. 49 11:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามานั่งฟังครับ   จากคุณ : JG - [ 2 ก.พ. 49 11:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับ พี่ ๆ มานั่งฟังบ้าง ( ยิ้ม ) จากคุณ : พอ(ร์ต)ดี_อิสรภาพ (พิราบเงิน) - [ 2 ก.พ. 49 11:57:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามาอ่านครับบ   (อิอิ  ยิ้ม .......กว้าง) จากคุณ : Vprawat - [ 2 ก.พ. 49 14:07:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อื้มมมมม  อื้มมมมม   ประสบการณ์คือคำตอบนั่นเอง m(.  .)m   ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ครับ จากคุณ : iroiro - [ 2 ก.พ. 49 20:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นสมาชิกอาวุโส  อย่าง ท่านไม่เก่งแต่อยากตอบ มาโพส   ก็เลยอดไม่ได้ที่จะมาร่วมวงไพบูลย์ด้วย ตลาดหุ้น สำหรับผม เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก   เมื่อหลังปีใหม่ (มค)  เหมือนกับประเทศ กำลังเจริญรุ่งเรือง แนวโน้ม การเติบโตดีเยี่ยม   หุ้นพากันขึ้น ๆ   แย่งกันซื้อแทบไม่ทัน   ผ่านพ้นไปไม่กี่วัน   ขึ้นมาหลายสิบจุด   แต่เหตุการณ์ผ่านมา หนึ่งเดือน  ซึ่งก็เป็นต้นเดือนเหมือนกัน   นายตลาดเกิดตกอกตกใจ อย่างรุนแรง   เศรษฐกิจประเทศ เหมือนกำลังเริ่มวิกฤต   บริษัทในตลาด  จะขาดทุนย่อยยับจนบริษัทต้องปิดตัวแล้วเหรอ   ผู้คน  พากันขายหุ้น กันอย่างเอาเป็นเอาตาย    หุ้นราคาถูกแล้ว แต่ เผลออีก ชม ให้หลัง  กลับราคาถูกกว่าเดิมอีก    ราคาถูกขณะนี้เหรอ  เชอะ ...  ไม่ซื้อหรอก   (แต่ต้นเดือน มค แพงกว่านี้ตั้งเยอะ  กลับแย่งกันซื้อ  กลัวไม่ได้ของไว้ขาย) หุ้นหลายตัว   ราคาลงมาต่ำแล้ว ต่ำอีก  (กลัวแล้วจ้า ...  )  ซึ่งสถานการณ์ประหลายแบบนี้  อาจทำ DSMER ใหม่ๆ  ชักสับสน   เอ.. ก็ขึ้นมา 4 ช่อง ก็ซื้อแล้วนี่นา   ทำไมซื้อแล้ว  มันลงมาอีก    ด้วยความที่ไม่แน่ใจ ทำให้  ชาว DSM มือใหม่นักต่อนัก  มักเกิดความไม่มั่นใจ ในสิ่งที่ตัวเองทำว่า ถูกกติกาหรือเปล่า    ผมเลยอยากยืนยัน นั่งยันให้ฟังอีกครั้งว่า   ..... ไม่มีใครรู้หรอกว่า ซื้อแล้วจะขึ้นหรือลงอีก   (จ้าวตลาด  ยังไม่รู้เลยครับ  อิอิ)   เพียงแต่ เมื่อเราซื้อคืนกลับมา  สิ่งหนึ่งที่เราได้คือ  เราได้ทรัพย์สินเดิมกลับมา  พร้อมค่าเช่าคืนส่วนนึง   หลังจากนั้น  ก็ถือเสียว่า  เราเริ่มนำทรัพย์สิน ที่มีในมือ มาจัดการใหม่อีกรอบนึง   อย่าได้หวั่นไหว ว่าซื้อแล้วต้องขึ้น  หรือ ขายแล้วต้องลง   เพราะถ้ารู้ขนาดนั้น   ไม่ต้องทำ DSM ให้เมื่อยตุ้มดีกว่า    มาเล่นเก็งกำไรเป็นรอบ ๆ ดีกว่า สิ่งหนึ่งที่หายไปจากใจของ DSM ที่ทำมาได้สักระยะคือ  เรื่องต้นทุน   ลองดูสิครับ  ถ้าไม่คิดว่า ต้นทุนคือเท่าไร แล้ว  จะสนุกและไม่เครียดเลย    ในสถานการณ์ที่หุ้นแย่งกันลงไป   ถ้าเราคิดถึงต้นทุน  มูลค่าที่ลดลง   ใจเราจะไม่นิ่ง  เรากลัวว่า ซื้อแล้วจะลงอีก   แต่ถ้าเรายึดมั่นอย่างแน่วแน่   หมดสัญญาเช่าทรัพย์สินของเราแล้วนะ   เอาคืนกลับมา  พร้อมค่าเช่า    ใจเราจะหนักแน่นขึ้น   เราเก็บค่าเช่านี้ไปเรื่อย ๆ   ถึงแม้จะได้ไม่เยอะ  แต่สะสมไปเรื่อย ๆ  ก็จะเป็นกอบเป็นกำได้ในที่สุด ผมนั่งคิดดูว่า   คนที่มักได้เงิน  ต้องเป็นนักลงทุนที่มีความอดทนจริง ๆ   ไม่ว่า จะมาแนว VI แท้ ๆ   แนว technical (ก็ต้องอดทนรอเวลาซื้อ เวลาขาย)    โดยเฉพาะแนว DSM   แต่กลับกลายเป็นว่า DSM จะทำได้ยากที่สุด เพราะ อะไรเหรอครับ ..    คนทำ DSM  มักจะดูราคาอยู่เรื่อย ๆ  เพื่อจะได้ซื้อได้ขาย   พอเราเห็นมันทุกวัน เราได้ทีละนิด  ตบะเริ่มจะแตก  อยากได้มาก ๆ   จากที่ให้ที่ขายทีละ 10% ได้กสงฝ หน่อย ๆ  ก็เริ่มขายเป็น 20%   พอซื้อคืนได้  คำนวณดู  โอ้โห กสงฝ เยอะนี่หว่า   ใจยิ่งลำพอง   จาก 20% ก็ขยับเพิ่มไปเรื่อย ๆ   จนในที่สุด  ก็เป็นเก็งตลาด เก็งกำไรไม่รู้ตัว    กว่าจะรู้ตัว  พอร์ทอาจบอบช้ำได้ ลองสำรวจและคิดอีกนิดนะครับ  ว่า  เรากำลังมีเป้าหมายยังไง   อ้อ ยืมคำพูดหมอวัติมาดีกว่า ..... จงดมเนยแข็งอยู่เสมอ แล้วอย่าลืม  พบกันใหม่  เมื่อชาติต้องการ ....   อิอิ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 49 12:41:21 จากคุณ : minibar - [ 3 ก.พ. 49 09:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำดี ๆ :) ในช่วงหุ้นขึ้น-ลงแรง ๆ นี้ล่ะครับ เป็นช่วงของการเรียนรู้ จริง ๆ ว่าแผนที่เราวางไว้ สอดคล้องและเหมาะสม หรือไม่ :) ไม่มีแผนไหน สมบรณ์แบบ 100% ครับ ขอให้อยู่ในเกณที่เราพอใจก็พอแล้ว (เขียนไว้เตือนตัวเอง :) อีก 10 ปี ค่อยพบกันครับ :) จากคุณ : BeSmile - [ 3 ก.พ. 49 10:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากครับ   พี่ minibar   จากคุณ : Vprawat - [ 3 ก.พ. 49 10:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุยกันสบายๆ ผ่อนคลายความเหงา     มีเพื่อนท่านหนึ่งเมื่ื่อปีก่อนผมถามมูลค่าพอร์ต เพื่อนว่า5ล้านเศษ  ปีนี้้ผมถามเขาบอกว่ามูลค่า ประมาณล้าน เศษ   ผมเคยพูดคุย ให้อ่านเว็บ บอร์ด DSM เพื่อศึกษาแนวคิดหลายหนเขาก็ ไม่เข้ามาดู ทราบว่่าใช้อินเตอร์ไม่เป็น ภรรยา ห้ามลูกเปิดให้พ่อเขา(ครอบครัวไม่สนับสนุน) ผมเชียร์ให้ออกโน๊ตบุ๊ค  หรือ พ๊อกเก็ตพีซี โดยให้เอาของผมไปเปิดอ่านดูเพื่อนเลยบอกว่า เอางี้แล้วกันที่ผมศึกษามา  ช่วยบอกเป็นสูตร สำเร็จให้เขาฟังเลยดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ไปอ่านเอง(เล่นทางลัดซะแล้วเพื่อนเรา)..............จบตอน 1)               จากคุณ : ขวัญชัย - [ 3 ก.พ. 49 14:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่าน ขวัญชัย จะเปิดสอนสูตรสำเร็จตอนที่สองเมื่อ รอติดตามตอนต่อไป จากคุณ : จูล่ง - สุภาพบุรุษจากเสียงสาน - [ 3 ก.พ. 49 15:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุยกันสบายๆ ผ่อนคลายความเหงา    ตอน 2 ผมก็เลยบอกว่าสูตรสำเร็จ นั้นไม่ยากเลยง่ายมากๆ แต่จะ ทำได้หรือปล่าวก็ค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นจากการแก้ที่ต้นเหตุก่อนเลย  คือ บัญชี เช่นเวลา เราค้าขายเราขายสินค้าไป  สิ้นเดือน วางบิล  เก็บเช็ค เราจะต้องเก็บใบวางบิลให้ดีเข้าแฟ้ม ให้เป็นระเบียบเก็บก็ ง่าย  หายก็รู้ ถ้าใบวางบิลเราหายไปใบหนึ่งเราก็เอาไปเก็บ เงินไม่ได้  เท่ากับเงินรั่วไหลไปแล้ว  นี่ประเด็นหนึ่ง(เพราะ ผมเห็นบัญชีพอร์ทเขาแล้ว...แบบว่า...ยุ่งมากอย่าว่าขาย ไปเป็นเดือนๆเลยขายไปอาทิตย์นึงก็ค้นยากแล้ว น่าจะ ซื้อคืนไม่ครบ) ส่วนการขายหุ้นนั้นผมเปรียบเหมือนการ ขายแล้ววางบิล ไว้  ขายไปตามขั้นตอน  แล้วเก็บบิลขายไว้ให้ดี  เพื่อพิ จารณาซื้อคืนตามบิลที่ขายไป สังเกตุว่าถ้าเราซื้อคืนบ่อยๆบิลที่เราวางไว้ก็จะน้อยลงๆ ๆ เราก็ต้องขยันวางบิลไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะมีบิลมากพอที่จะ ให้เราซื้อคืน  การซื้อคืนแต่ละครั้งคือรายได้...... ส่วนความเหมาะสมของการหาจังหวะขายมันจะเกิดความ ชำนาญขึ้นโดยอัตโนมัต  เหมือนนักบิน ยิ่งมีชั่วโมงบิน มากเท่าไหร่  ฝีมือก็จะชำนาญขึ้นมาเอง....... จบแล้วครับ                         จากคุณ : ขวัญชัย - [ 3 ก.พ. 49 22:38:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอ้ งานนี้คุ้มครับ ผมเขียนเล่นๆไร้สาระ แต่ได้บทความดีๆมีสาระยาวๆถึง 3 เรื่อง (ที่ท่านอื่นตอบ ผมถือว่ามีสาระสั้นๆแล้วกันครับ อิอิ) ปล.1 ทีแรกผมนึกว่าคุณขวัญชัยเป็นเด็กหนุ่ม จบมาไม่นานแต่ดันเก่งเรื่องการลงทุน ที่ไหนได้ ขนาดพี่เต่า ยังเรียกพี่ ดีนะเนี่ยผมยังไม่เคยสอนอะไรพี่ไป ไม่งั้นอาจเข้าข่าย สอนหนังสือสังฆราช หรือ สอนจระเข้ว่ายน้ำได้ ปล.2 พี่เกี๊ยก เรียกผมว่าสมาชิกอาวุโส งั้นระดับพี่เกี๊ยกจะเรียกอะไรดีล่ะครับ อิอิ ปล.3 ปีพ.ศ.2559 นัดมีตติ้งกันนะครับ ถึงตอนนั้นมีอิสรภาพทางการเงินกันหมดแล้วนี่ หาเวลาว่างไปเที่ยวกันมั่งดีกว่าครับ จากคุณ : ไม่เก่งแต่อยากตอบ - [ 4 ก.พ. 49 15:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณพี่ขวัญครับ  อธิบายได้ชัดแจ้งแจ่มแจ๋วมากครับ   ต้องหัดวางบิลบ่อยๆครับ  จะเข้าถึงดีเอสเอ็มเร็วขึ้น จากคุณ : iroiro - [ 4 ก.พ. 49 16:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พี่ minibar  คร๊าบ...บ ที่พี่ Post ว่า........ ผมนั่งคิดดูว่า   คนที่มักได้เงิน  ต้องเป็นนักลงทุนที่มีความอดทนจริง ๆ   ไม่ว่า จะมาแนว VI แท้ ๆ   แนว technical (ก็ต้องอดทนรอเวลาซื้อ เวลาขาย)    โดยเฉพาะแนว DSM   แต่กลับกลายเป็นว่า DSM จะทำได้ยากที่สุด เพราะ อะไรเหรอครับ ..    คนทำ DSM  มักจะดูราคาอยู่เรื่อย ๆ  เพื่อจะได้ซื้อได้ขาย   พอเราเห็นมันทุกวัน เราได้ทีละนิด  ตบะเริ่มจะแตก  อยากได้มาก ๆ   จากที่ให้ที่ขายทีละ 10% ได้กสงฝ หน่อย ๆ  ก็เริ่มขายเป็น 20%   พอซื้อคืนได้  คำนวณดู  โอ้โห กสงฝ เยอะนี่หว่า   ใจยิ่งลำพอง   จาก 20% ก็ขยับเพิ่มไปเรื่อย ๆ   จนในที่สุด  ก็เป็นเก็งตลาด เก็งกำไรไม่รู้ตัว    กว่าจะรู้ตัว  พอร์ทอาจบอบช้ำได้ ............................... โดนครับโดน  เพราะนั่นมันจุดอ่อน....ของผมเลยครับ.... (ไม่รู้ว่ามีกี่จุดแล้วอ่ะ ไอ้เจ้าจุดอ่อนของผมเนี่ย....แต่ยังไงก็น่าจะยังมีจุดแข็งอยู่จุดนึงล่ะน่า...เอ...หรือจะเป็นจุดอ่อนหว่า..อิอิ) จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 5 ก.พ. 49 07:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีครับ    วันเหงาๆ    ไม่รู้จะทำอะไร     เลยแวะมาเยี่ยมบ้านเดิม            ทุกวันนี้ผมบริหารก็บริหารพอร์ตให้แฟนผมอยู่ โดยซื้อเข้าพอร์ตเขาเลย      เป็นเรื่องยากอยู่อย่างของ DSM  ในการที่เปรียบเหมือนซื้อทองเข้าร้าน     ขายออก แล้วซื้อกลับคืน    ได้ค่ากำเหน็จเป็นผลตอบแทน     ผมอธิบายหลักการ    อย่างไรอย่างก็แล้ว     โดยสรุปเขา ยอมรับได้ยาก    ทั้งๆที่เขาก็ชอบเรื่องทอง     เนื่องจาก เขาเป็นแม่ค้า    ซื้อมาขายไป     เพื่อขายเอากำไรส่วนต่างของราคา     เพื่อนผมอีกคนที่เล่นหุ้นเช่นกัน      หลายวัน     ก็มาพูดให้ผมฟังว่า    ทำไมต้องมาทำให้มัน ยุ่งยาก      ซื้อมาขายไปง่ายดี     เขาสองคนเออ ออกันดี ผมถึงรู้ว่า    การที่เรายึดติดอยู่ในสิ่งเดิมเก่าๆ    การที่จะให้ละทิ้ง     เริ่มในสิ่งใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย     ที่สำคัญที่สุดคือ  ต้อง  "  เปิดใจ " ก่อนครับ จากคุณ : วิถีพุทธ - [ 5 ก.พ. 49 20:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทำตามแผนบ้าง ทำาตามใจตัวเองบ้างบางครั้ง ส่วนใหญ่ทำตามอารมณ์ตลาด ระบบบัญชียังดีอยู่ ปริมาณหุ้นลดลง มูลค่าพอร์ตลดลง กำลังตามดูตัวเองอยู่ เลยไม่ค่อยได้ดูแลพอร์ต ถือ25ตัว วัชพืชเต็มไปหมด ตอนนี้ น่าจะต้องไปอ่านทบทวนในคลังกระทู้เก่าแล้วล่ะ ดีใจที่เจอดีเอสไอ จากคุณ : ลุงเอิญ - [ 8 ก.พ. 49 13:25:54 ]

ความคิดเห็นที่ 22 นานฯจะมีกระทู้อ่านสนุก แต่สั้น จากคุณ : eyes only (ลำชี) - [ 8 ก.พ. 49 14:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สรุุปว่าการอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย ที่สุดคือ  การแสดงผลการ บริหารพอร์ต ของเราให้เขาเห็น  ดังนั้น อะไรก็ไม่ดีเท่า ขมักเขม่นสร้างพอร์ตของเราให้ดียิ่งขึ้นต่อไป             จากคุณ : ขวัญชัย - [ 8 ก.พ. 49 14:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สุดยอดครับพี่ๆ จากคุณ : ยง (savia) - [ 8 ก.พ. 49 23:52:50 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อิจฉาจัง แต่ละคนทำมาครบปี มีความคืบหน้าแล้ว เรายังไปไม่ถึงไหนเลย หงิงหงิง ... คราวนี้ทำใจลำบาก....เหลือเกิน...ลำบาก.. เข้ามาบ่นเล่นครับ ไม่มีอะไร อิอิ จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 11 ก.พ. 49 00:07:16 ]