ความคิดเห็นที่ 1 คนละส่วนกันครับ  ระหว่างตอนซื้อ  กับตอนขาย พนักงาน   ซื้อหุ้นเพิ่มทุน     กรณีนี้   ถ้าราคาที่พนักงานซื้อ  มีราคาต่ำกว่าราคาที่ขายให้กับคนทั่วไป  หรือราคาตลาด   ส่วนต่างตรงนี้  ถือเป็นรายได้ของพนักงานคนนั้น อันเนื่องมาจากการจ้างงาน  และได้รับสิทธิในการซื้อหุ้น  ซึ่งเป็นประโยชน์ที่นายจ้างให้   ซึ่งจะต้องนำมาเสียภาษี     ต่อมา  พนักงานคนนี้จะขายหุ้น    ถ้าขายในตลาดหลักทรัพย์   พนักงานคนนั้น  ก็ไม่ต้องเสียภาษีจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากการขาย   แต่ถ้าขายนอกตลาด   ถ้าราคาที่ขายสูงกว่าราคาที่ซื้อมา   รายได้จากกำไรตรงนี้ก็ต้องนำไปเสียภาษี   แต่ถ้าขายขาดทุน  ก็ไม่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้นะครับ   จากตัวอย่าง  ถ้าขายด้วยราคาทุนที่ได้มา  ก็ไม่ต้องเสียภาษีจากการขายครับ   ส่วนญาติ  หรือบุตร  เมื่อได้รับหุ้นไปแล้ว   จะเสียภาษีหรือไม่  ก็ดูตอนขายครับ  ถ้าขายในตลาด  ก็ไม่ต้องเสียภาษี  และถ้าขายนอกตลาด  ก็เช่นกัน  ถ้ามีกำไรก็ต้องเสียครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 3 ก.พ. 49 09:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอคืนไม่ได้ครับ เพราะภาษีที่เก็บไปครั้งแรกนั้น ไม่ใช่ภาษีที่มาจากกำไรการขายหุ้น แต่เป็นภาษีที่มาจากรายได้ที่ไม่ใช่ตัวเงินแต่เป็นตัวหุ้น เหมือนที่มีคนเคยเสนอว่าขายของแล้วไม่เอาเป็นเงินแต่เอาเป็นหุ้นนั่นแหละครับ ยังไงก็ต้องเสียภาษี หลังจากนั้นการขายหรือยกให้ญาติ ญาติไม่เสียภาษี ถ้าขายในตลาด แล้วพนักงานก็ไม่ต้องเสียภาษีอีกรอบตอนขาย จากคุณ : ชาวสวน - [ 3 ก.พ. 49 09:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความเห็นที่ 1 ละเอียดดีแล้วครับ จากคุณ : ชาวสวน - [ 3 ก.พ. 49 10:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 3 ก.พ. 49 11:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วทำไม นายโอ๊ก กับนังเอมถึงไม่เสียภาษีล่ะ ลักษณะใกล้เคียงกันเลย จากคุณ : ต้อง - [ 3 ก.พ. 49 11:35:42 A:10.20.162.235 X:203.146.104.44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในกรณีของคุณโอ๊ค  กับคุณเอม  มันไม่เหมือนกันนะครับ 1.  หุ้นที่ซื้อขาย  เป็นหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม  ไม่ใช้การออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่   รวมทั้งการได้หุ้นมาไม่จัดว่าเป็นรายได้จากการจ้างงาน   2. ถึงแม้จะได้หุ้นมาด้วยราคา 1 บาทต่อหุ้น  และขายออกไปที่ราคา 49.25  แต่เนื่องจากการขาย  เป็นการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์   กำไรจึงได้รับการยกเว้นภาษีครับ ปล.  พนักงาน EGAT น่าจะใช้คำพูดสุภาพกว่านี้หน่อยนะครับ  เพราะมันส่งผลไปถึงภาพลักษณ์ขององค์กรของคุณด้วยน่ะ จากคุณ : sunsetbeach - [ 3 ก.พ. 49 12:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พูดไปก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะหุ้นที่ Ample Rich ขายให้นายโอ๊คและนางสาวเอม( ถ้าจะให้เรียกแบบไพเราะ)เป็นหุ้น Shin นี่ หากทั้งคู่ขายหุ้น Ample Rich ที่ตัวเองถือก็ไม่น่าผิดอะไร แต่นี่เป็นหุ้น Shin ที่ Ample Rich ขายให้ทั้งคู่ และทั้งคู่มีฐานะเป็นอะไรในบริษัท และทำไมกรมสรรพากรไม่เรียกเก็บก่อนแบบเดียวกับ EGAT หากผู้ถูกเก็บเห็นว่าไม่ถูกต้อง็ควรไปร้องต่อศาลภาษีอากร ไม่ใช่ขนทั้ง กรมสรรพากรไม่ชี้แจงแทน ดูแล้วเหมือนรับใช้ตระกูลชิน จากคุณ : ต้อง - [ 3 ก.พ. 49 13:33:16 A:10.20.162.235 X:203.146.104.44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเป็นรุ่นน้องของนายกด้วยจบโรงเรียนมงฟอร์ตมา ผมไม่ได้เกลียดนายก แต่ผมเห็นว่ามันไม่น่าจะถูกต้องเรื่องการเสียภาษีรายได้ แทนที่กรมสรรพากรจะวินิจฉัยที่ป็นประโยชน์ต่อทางการกลับไปชี้แจงแทนนายก ไม่ทราบว่าเป็นลูกจ้างนายกหรือเปล่า มีศักดิ์ศรีกันหรือเปล่า คนที่ทำงานทางด้านภาษีอากรเคยอยู่สรรพากรบางท่านบอกว่าต้องเสีย แต้กรมสรรพากรบอกว่าไม่ต้องเสีย หากรัฐบาลเป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์ กรมสรรพากรจะบอกว่าต้องเสียหรือไม่ จากคุณ : ต้อง - [ 3 ก.พ. 49 13:46:43 A:10.20.162.235 X:203.146.104.44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หุ้น Shin ก่อนที่จะขายให้กับแอมเพิลริช   เป็นหุ้นของผู้ถือหุ้นคือ คุณทักษิณ   ไม่ใช่หุ้นเพิ่มทุน  ที่บริษัทออกมาใหม่เหมือนของ EGAT ครับ    และเมื่อทางแอมเพิลริช  ขายกลับมาให้กับคุณโอ๊ค กับคุณเอม นั้น  ขายกลับมาด้วยราคาทุน    ซึ่งจริงๆ ตรงนี้จะขายกลับมาโดยราคาตลาดก็ได้   แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น  ถ้าจะต้องเสียภาษี  ก็จะเสียภาษีให้กับรัฐบาลของบริทิชเวอร์จิ้น  เนื่องจากเป็นรายได้ของบริษัทครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 3 ก.พ. 49 13:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อย่าไปซีเรียสมาก ให้จำใส่หัวไว้ว่า "ฟ้าเป็นของทักษิณ ดินเป็นของซีพี" พวกประชาชนก็นิ่ง ๆ ทำตัวน่ารักให้ท่านผู้นำและวงศ์ว่านญาติเครือปกครองไปเถอะ หึหึหึ จากคุณ : Issara - [ 3 ก.พ. 49 13:56:22 A:203.113.51.73 X:203.113.16.241 TicketID:115055 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเข้าใจที่คุณ sunsetbeach  อธิบายมาน่ะครับ และส่วนตัวไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น อยากให้ใช้สติและเหตุผลครับเอาเหตุผลมาพูดกันดีกว่าอย่าใช้อารมณ์ตัดสินเลย เรื่องแบบนี้บางทีมันก็เกินกว่าที่ชาวบ้านจะเข้าใจครับมันคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกันครับ จากคุณ : HugWind - [ 3 ก.พ. 49 16:05:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ยังสับสน เรื่องการเสียภาษีตามที่คุณ คห9 บอกผมว่าเป็นหุ้นเดิม แต่เดิม นายกขายหุ้น Shin ที่ถืออยู่ให้ Ample Rich จำนวน 32.9 ล้านหุ้น ในราคา 10 บาท โดยนายกถือหุ้นของ Ample Rich 100% และหุ้น Shin แตกพาร์ทำให้ Ample Rich ถือหุ้น Shin อยู่ 329 ล้านหุ้นในราคาต้นทุนพาร์ 1 บาทแล้วนายกโอนหุ้น Ample Rich ให้พานทองแท้ 100% สุดท้ายพานทองแท้ถือ 80% พิณทองทา 20%(ซึ่ง กลต. บอกไม่มีหลักฐาน) แล้ว Ample Rich ขายหุ้น Shin ให้พานทองแท้และพิณทองทาที่มีอยู่คนละครึ่ง ตรงนี้ Ample Rich ไม่ต้องเสียภาษีน่ะถูกต้อง แต่พานทองแท้และพิณทองทาซื้อหุ้น Shin จาก Ample Rich มาในราคา 1 บาท ทั้งที่ราคาตลาด 49 บาทควรจะเสียภาษีสิ เพราะว่าพานทองแท้และพิณทองทาเดิมไม่ได้ถือหุ้น Shin ที่อยู่ใน Ample Rich แต่ถือหุ้น Ample Rich ดังนั้น ทั้งคู่ต้องเสียภาษีรายได้จากส่วนต่างของหุ้นที่ Ample Rich ขายให้มาเพราะทั้งคู่มีนิติสัมพันธ์กับ Ample Rich ถ้าหากไม่มีนิติสัมพันธ์คงไม่มีบ้าขายให้หรอก จากคุณ : ต้อง - [ 3 ก.พ. 49 16:32:07 A:10.20.162.235 X:202.44.210.43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทั้งสองคนไม่ใช่พนักงานของ ample rich ไม่ใช่ผู้ให้บริการแก่ ample rich จึงไม่ใช่รายได้ที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมายฉบับเดียวกับกรณี EGAT ส่วนจะเสียภาษีในกรณีอื่นหรือไม่ ก็ว่ากันไป สรุปว่าไม่เสียแล้วกัน จากคุณ : ชาวสวน - [ 3 ก.พ. 49 17:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 >> แต่พานทองแท้และพิณทองทาซื้อหุ้น Shin จาก Ample Rich มาในราคา 1 บาท ทั้งที่ราคาตลาด 49 บาทควรจะเสียภาษีสิ เพราะว่าพานทองแท้และพิณทองทาเดิมไม่ได้ถือหุ้น Shin ที่อยู่ใน Ample Rich แต่ถือหุ้น Ample Rich ดังนั้น ทั้งคู่ต้องเสียภาษีรายได้จากส่วนต่างของหุ้นที่ Ample Rich ขายให้มาเพราะทั้งคู่มีนิติสัมพันธ์กับ Ample Rich ถ้าหากไม่มีนิติสัมพันธ์คงไม่มีบ้าขายให้หรอก --  ตรงนี้ต้องแยกระหว่างตัวนิติบุคคล  คือแอมเพิลริช  กับตัวบุคคล  คือคุณพานทองแท้  และคุณพินทองทา ครับ ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นผู้ถือหุ้นแอมเพิลริช  แต่ในทางกฏหมายแล้ว  ถือว่าเป็นบุคคลคนละคนกันครับ   และหุ้น shin ที่แอมเพิลริชถืออยู่   ถือเป็นทรัพย์สิน   เหมือน  ที่ดิน  ตึก รถยนต์นะครับ   ดังนั้นการขายออกมาก็เหมือนแอมเพิลริช  ขายทรัพย์สินมาให้ทั้งสองคน   อนึ่ง สำหรับส่วนต่างระหว่างราคาตลาด  กับราคาที่ทั้งสองซื้อมาถ้าจะต้องนำมาคิดภาษี   ก็ในกรณีที่หุ้นั้นไม่ใช่หุ้นของ shin  แต่เป็นหุ้นของบริษัทแอมเพิลริชเอง   ถ้าทั้งคู่ได้ซื้อหุ้นของแอมเพิลริช  ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดล่ะ  ส่วนต่างนั้นต้องนำมาคิดภาษีครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 3 ก.พ. 49 17:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วมันต่างกันอย่างไรล่ะ เมื่อทั้งคู่ก็คือเจ้าของ Ample Rich อย่างนี้ก็เหมือนกับเลี่ยงภาษีอยู่ดีนั่นแหล่ะ กฏกระทรวงเกี่ยวกับภาษีดูทาง Net ได้ที่ไหนละคับ จากคุณ : ต้อง - [ 3 ก.พ. 49 21:13:11 A:58.10.253.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 http://www.rd.go.th/publish/2502.0.html กฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ข้อ 2  ให้กำหนดเงินได้ต่อไปนี้เป็นเงินได้ตาม (17) ของมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 . . . (23) เงินได้จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแต่ไม่รวมถึงเงินได้จากการขายหลักทรัพย์ที่เป็นหุ้นกู้หรือพันธบัตร (แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 187 (พ.ศ. 2534) ความเดิมยังคงใช้บังคับดอกเบี้ยพันธบัตรของรัฐบาลและพันธบัตรของรัฐบาลที่เริ่มจำหน่ายก่อน 8 พฤศจิกายน 2534 จากคุณ : sunsetbeach - [ 4 ก.พ. 49 00:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ด้วยกรมสรรพากรได้ขอให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรวินิจฉัยว่า กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำหุ้นไปแจก หรือขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ให้กับพนักงาน ลูกจ้าง กรรมการ ที่ปรึกษา หรือบุคคลผู้รับทำงานให้ในลักษณะทำนองเดียวกัน ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้รับเงินได้พึงประเมินที่จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่ จำนวนใด คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาและได้มีคำวินิจฉัยในการประชุมครั้งที่ 33/2538 วันที่ 10 มกราคม 2538 ว่า กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนำหุ้นไปแจกให้พนักงานลูกจ้าง กรรมการ ที่ปรึกษา หรือบุคคลผู้รับทำงานให้ในลักษณะทำนองเดียวกัน หรือนำหุ้นไปขายให้กับบุคคลดังกล่าวตามข้อตกลงพิเศษในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด กรณีย่อมถือได้ว่าบุคคลดังกล่าวได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว จึงต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษีที่ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้นไม่ว่าหุ้นดังกล่าวจะมีเงื่อนไขหรือไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำหน่ายจ่ายโอน และไม่ว่าหุ้นดังกล่าวจะเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับจำนวนเงินได้พึงประเมิน ให้ถือตามมูลค่าหุ้น ดังนี้ 1. ในวันที่ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้นดังกล่าว เป็นหุ้นที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (1) หากหุ้นดังกล่าวมีราคาขายให้กับประชาชนทั่วไป (Public Offering)ให้ถือมูลค่าหุ้นเท่ากับราคาขายให้กับประชาชนทั่วไป (2) หากหุ้นดังกล่าวไม่มีราคาขายให้กับประชาชนทั่วไป (Public Offering) ให้ถือมูลค่าหุ้นเท่ากับราคาเฉลี่ยในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนที่ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้น 2. ในวันที่ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้นดังกล่าว เป็นหุ้นที่ไม่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (1) หากหุ้นดังกล่าวมีราคาขายให้กับประชาชนทั่วไป (Public Offering) ให้ถือมูลค่าหุ้นเท่ากับราคาขายให้กับประชาชนทั่วไป (2) หากหุ้นดังกล่าวไม่มีราคาขายให้กับประชาชนทั่วไป (Public Offering) ให้ถือมูลค่าหุ้นเท่ากับมูลค่าทางบัญชีในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้น กรณีที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใดจะเสนอหุ้นให้พนักงาน ลูกจ้างกรรมการ ที่ปรึกษา หรือบุคคลผู้รับทำงานให้ในลักษณะทำนองเดียวกัน โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับหุ้นดังกล่าว และประสงค์ที่จะทำความตกลงเกี่ยวกับการคำนวณมูลค่าหุ้นเพื่อประโยชน์ในการเสียภาษีของบุคคลดังกล่าว ให้ยื่นคำขอต่อกรมสรรพากรเพื่อเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป ไม่ทราบว่า ใครเป็นคนเซ็นต์อนุมัติให้ Ample Rich ขายหุ้น Shin ให้ พานทองแท้และพิณทองทา หรือใครเป็นกรรมการบริษัทที่เซ็นต์ จากข่าว กลต. คือ พิณทองทาและพานทองแท้ไม่ใช่หรือ ชัดเจนเลย ว่าทั้งสองคนเป็นกรรมการ ของบริษัท Ample Rich เพราะต้องเป็นคนอนุมัติให้ Ample Rich ขายให้ตัวเอง ดังนั้นต้องเสียภาษีแน่นอน หากกรมสรรพากรต้องการความโปร่งใสควรเรียกเก็บภาษีไปก่อนโดยอ้าง คำวินิจฉัยนี้ หากผู้เสียภาษีเห็นว่าไม่เป็นธรรมก็สามารถฟ้องร้องได้ ไม่ใช่กรมสรรพากรไปแก้ต่างให้แบบนี้ จากคุณ : ต้อง - [ 4 ก.พ. 49 11:12:32 A:58.10.251.26 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 กรณีข้างบนนี่  ใช้ในกรณีที่หุ้นที่ให้  คือหุ้นเพิ่มทุน  ของบริษัทตัวเองนะครับ    ไม่ใช่หุ้นของบริษัทอื่น   ซึ่งถ้าแอมเพิลริช  มีการเพิ่มทุนของตัวบริษัท  แล้วขายให้กับคุณโอ๊ค  หรือคุณเอม  ในราคาต่ำกว่าพาร์  หรือต่ำกว่าราคาที่เสนอขายให้กับผู้อื่น   แบบนี้ถึงจะนำมาคิดภาษี  ตามการวินิษฉัยที่คุณยกมาครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 4 ก.พ. 49 16:23:26 ]