ความคิดเห็นที่ 1 จขกท ซื้อขายหุ้นประจำหรือไม - ถ้าไม่แสดงว่ามีอคติในใจ ต้องการด่านายก รู้ทันน๊ะจะบอกให้ - ถ้าใช่ จขกท ต้องการให้เปลี่ยนกฎหมายเสียภาษี หรือ จากคุณ : ต้องการคำตอบอย่าไรก็ว่ามา - [ 4 ก.พ. 49 10:37:31 A:202.149.105.200 X: TicketID:000564 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หลายๆ ท่านเห็นว่าข้อกฎหมายดังกล่าวไม่เป็นธรรม แต่ผมเห็นต่างนะ ผมเห็นว่าเป็นธรรมแล้ว เอาเถอะ เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าไม่เป็นธรรม ผมก็เคารพ ถ้าจะแก้ไขเพื่อความเป็นธรรมก็ต้องไม่ลืมนะครับว่า ยังมีอีกตลาดนึงที่ไม่เสียภาษี ต้องแก้ไปถึงตรงนั้นด้วยนะ เผื่ออนาคตไง เผื่อมีเหตุการณ์แบบนี้ จะได้ไม่เป็นแบบนี้อีก ดูกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ. 2509) ข้อ 2 (63) ต้องแก้ด้วย ผมเปิดบัญชี AFET ขายยางได้กำไร อย่างนี้ต้องแก้ให้เสียภาษีด้วย จริงไหม เอาล่ะ ถ้าแก้ให้เสียภาษีเงินได้จากกำไรแล้ว คนมีความรู้ภาษีเขาก็มีวิธีทำให้มันไม่เสียอยู่ดีแหละ (Tax Planing) วิธีมีถมไป พอมี Tax Planing ให้เสียน้อยถึงไม่เสียเลย ก็จะมีคนมองว่า คุณหลบเลี่ยงภาษีอีก จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 4 ก.พ. 49 10:50:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะมองให้ไม่เป็นธรรมยังไง มันก็หามองได้หมดแหละครับ ยกตัวอย่างเรื่องง่ายๆ เลย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่ได้เก็บในอัตรา Progressive Rate อย่างเดียว ยังเก็บในอัตราคงที่หรือ Flat Rate อีกด้วย อย่างนี้ก็ไม่เป็นธรรมด้วยใช่ไหมล่ะครับ อย่างผมไม่ทำงานไม่มีเงินเดือน แต่ผมมีธุรกิจของตัวเอง ผมเปิดร้านขายของ ผมซื้อของมาขาย 2,000,000 บาท เท่ากับต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายผมเท่ากับ 2,000,000 บาทจริงไหม แต่ผมขายได้แค่ 1,500,000 บาท ขาดทุนไป 500,000 บาท ผมขาดทุน แต่ผมก็ต้องเสียภาษีถูกต้องไหม เงินได้พึงประเมินผม 1,500,000 บาท หักค่าใช้จ่าย 2,000,000 บาท ขาดทุนคำนวณตาม Progressive Rate คำนวณตามวิธีนี้ไม่ต้องเสียถูกไหม แต่กฎหมายก็มัดมือผมว่าก็ต้องคำนวณตาม Flat rate อีก (เพราะไม่ใช่เงินได้ตามมาตรา 40(1)) คือ ร้อยละ 0.5 ของยอดเงินได้พึงประเมินคือ 1,500,000 บาท ผมขาดทุน 500,000 บาท แต่ผมต้องเสียภาษี 7,500 บาท อย่างนี้เป็นธรรมสำหรับผมไหมล่ะ ผมมองโดยเอาตัวผมเป็นที่ตั้ง แน่นอนล่ะ ไม่เป็นธรรม มีอย่างที่ไหน ขาดทุนยังมาเอาภาษีอีก ถ้ามองในแง่ของประสิทธิภาพในการเก็บภาษี มองในแง่รัฐ ล่ะ เป็นธรรม แต่กรณีดังกล่าว ผมวางแผนภาษีล่ะ ผมตั้งเป็นบริษัท หรือตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด กรณีดังกล่าว ผมไม่ต้องเสียภาษีแล้ว นิติบุคคล ขาดทุนไม่ต้องเสียภาษี แถมยังยกยอดขาดทุนไปหักออกจากกำไร ในรอบระยะเวลาบัญชีต่อๆ ไปได้อีก 5 รอบระยะเวลาบัญชีอีก อย่างนี้จะมีคนมองไหมล่ะว่าผมหลีกเลี่ยง เอาล่ะ ที่กล่าวนี้ไม่ได้ต้องการเบี่ยงเบนประเด็นออกไปไกลหรอก อย่างที่บอกแต่ต้นแหละว่าเรื่องภาษีถ้าจะมองให้มันไม่เป็นธรรม มันมองได้ตลอดแหละครับ อยู่ที่ว่าคุณจะเลือกมองเลือกเห็นอย่างไร แค่นี้ล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 49 11:04:44 จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 4 ก.พ. 49 11:01:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่น่าเกิดการเข้าใจผิดนะคะ เรื่องที่ประชาชน เช่นนักลงทุนในห้องนี้ ข้องใจ ไม่ใช่เรื่องภาษี ในตลาดหุ้น ซึ่งพวกเรารู้ๆกันอยู่แล้ว เรื่องนี้ดิฉันเห็นว่า อจ สุวรรณ ยกประเด็นนึงที่น่าฟัง คือ เลา นลท. ขาดทุนหุ้น เราก็หักภาษีไม่ได้ แต่ประเด็นของหุ้นชินที่ใหญ่มาก เป็นประเด็นควบธุรกิจการเมือง เรื่องนึง ที่เกี่ยวเนื่องกับการซุกหุ้น(แอมเปิ้ล ริช)  ขอไม่เอ่ย ในห้องสินธร กับอีกประเด็น คือ การใช้อำนาจออกกฎหมายเอื้อให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นได้ 49 % โดยตระเตรียมการรอ วันที่กฎหมายจะเริ่มมีผล ก็เซ็นสัญญาขายหุ้นเลย เป็นการส่อเจตนา .... (เรื่อง ศก. โดยตรง)  ตรงนี้ต่างหาก ที่ ชาว ห้องสินธร น่าจะหยิบยกมาถกกัน ว่า จะมีผล บวก หรือ ลบอย่างไรกับ ตลาด  และ อนาคต ของ นลท ไทย โดยเฉพาะ ถ้า สัญญา  FTA กับประเทศตะวันตกทั้งหลายมีผลบังคับใช้ขึ้นมา กฎหมายต่างชาติจะเข้ามาเกี่ยวข้องบังคับใช้อีก ( ที่อยากขอความรู้ คือเคสเศรษฐกิจ ของประเทศเมกซิโกค่ะ) จากคุณ : nijja - [ 4 ก.พ. 49 11:20:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเห็นด้วยกับพี่ nijja อย่างยิ่งครับ เรื่องที่พี่ว่าต่างหากที่ควรนำมาถก นำมาแก้ไขกัน ไม่ใช่เอาเรื่องการวางแผนภาษีของคนๆ เดียวมาเป็นประเด็น แล้วไปแก้กฎหมายที่ยกเว้นภาษีที่เกิดจากการขายหุ้น จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 4 ก.พ. 49 11:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คนไทยนี่เข้าใจอะไรยากจริง ต้องบังคับเรียนกฎหมายให้หมด ขออภัยที่ไม่ตอบกระทู้ ปวดหัว สู้ลอกการบ้านคนอื่นมางงกับความเห็นข้างบนดีกว่า ความคิดเห็นที่ 50 คำถามก็คือ พรบ แก้ไข พรบ ประกอบกิจการโทรคมนาคม ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่ว่า กำหนดให้สัดส่วนการถือหุ้นโดยตรงของคนต่างด้าวหรือนิติบุคคลต่างด้าวน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของทุนทั้งหมด มีประโยชน์ในสำหรับการขายหุ้นของชินคอร์ป 49.6 % ให้กลุ่มนักลงทุนใหม่หรือไม่ ประเด็นคือ 1. ชินคอร์ป ไม่ได้เป็นผู้ได้รับสัมปทานโทรคมนาคม แต่ถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทานโทรคมนาคมจากรัฐ เช่น AIS, Shin Sat และ ITV เพราะฉะนั้นการถือหุ้นใน Shin Corp ไม่ขึ้นกับกฎหมาย พรบ ประกอบกิจการโทรคมนาคม แต่ขึ้นกับข้อบังคับของบริษัทเองว่าได้กำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของคนหรือนิติบุคคลต่างด้าวไว้เท่าไหร่ ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ตามมติของผู้ถือหุ้นของ Shin Corp เอง 2. หลังจากเปลี่ยนแปลง ผู้ถือหุ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหม่แล้ว ชินคอร์ป มีสถานะเป็นนิติบุคคลไทย หรือต่างด้าว ผู้ถือหุ้นใหม่   ซีดาร์ สรุปแล้ว เป็นนิติบุคคลไทย เพราะถือหุ้นโดยถือหุ้นโดยนิติบุคคลไทยเกินกว่ากึ่งหนึ่ง (กุหลาบแก้ว+ไทยพาณิชย์ = 51%) กุหลาบแก้วเป็นนิติบุคคลไทยตามพรบ การประกอบกิจการของคนต่างด้าว เพราะ พงส์ สารสิน ถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ เเอสเพน สรุปแล้ว เป็นนิติบุคคลต่างด้าว เพราะถือหุ้นโดยกลุ่มเทมาเซค ซีดาร์ นิติบุคคลไทย เข้าซื้อ 38.6 % ของชินคอร์ป เเอสเพน นิติบุคคลต่างด้าว เข้าซื้อ 11 % ของชินคอร์ป แปลว่าชินคอร์ปจะดำรงสภาพเป็นนิติบุคคลไทย หากหุ้นที่เหลือในตลาด (50% ของทุนจดทะเบียน) มากกว่า 11.4% เป็นของคนไทยหรือนิติบุคคลไทย (38.6 + 11.4 = 50%) ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น พบว่าประมาณ 15% ยังอยู่ในมือคนไทย นิติบุคคลไทย หรือกองทุนสัญชาติไทย ซึ่งทำให้สถานะของชินคอร์ปหลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหม่ ยังเป็นนิติบุคคลไทย 3. สถานะของชินคอร์ปหลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นยังคงเป็นนิติบุคคลไทยตาม พรบ การประกอบกิจการของคนต่างด้าว แปลว่า สัดส่วนการถือหุ้นของคนหรือนิติบุคคลต่างด้าวของ AIS Shin Sat หรือ ITV เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น การแก้ไขสัดส่วนของคนหรือนิติบุคคลต่างด้าวเป็น 49 % ของ พรบ ประกอบกิจการโทรคมนาคม ไม่ได้มีส่วนช่วยใด ๆ ในการขายหุ้นชินคอร์ปให้กลุ่มผู้ลงทุนใหม่เลย ........................................... การแก้ไขสัดส่วนการถือหุ้นของต่างด้าวเป็น 49 % ดังกล่าว เป็นไปตามการเจรจาเรื่องการเปิดเสรีทางโทรคมนาคมพื้นฐานที่ไทยได้ให้สัตยาบันกับ WTO ซึ่งมีกำหนดเปิดเสรีโทรคมนาคม 8 ปีหลังจากวันที่ 1 มกราคม ปี พ.ศ. 2541 ก็คือวันที่ 1 มกราคม ปี พ.ศ. 2549 นี้เอง จากคุณ : nongbee - [ 24 ม.ค. 49 03:02:20 ] จากคุณ : ชาวสวน - [ 4 ก.พ. 49 13:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่เห็นว่าควรจะมีการปรับปรุงเรื่องภาษี น่าจะเป็นกรณีที่ เจ้าของบริษัทที่นำบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ แล้วนำหุ้นตัวเองมาเทขายในตลาดและไม่ต้องเสียภาษีมากกว่า ไม่งั้นก็กลายเป็นว่าเอาบริษัทเข้าตลาด ตีหัวเข้าบ้าน แล้วก็ปล่อยนักลงทุนลอยแพได้ง่าย เพราะกรณีอย่างนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ใช่แค่กรณีเดียวด้วย และทำให้นักลงทุนที่มีข้อมูลน้อยกว่าเจ้าของบริษัทเดือดร้อนมาก อย่างเช่นกรณีรอยเนทไง จากคุณ : เสียงลมหนาว - [ 4 ก.พ. 49 13:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โอย...  ประเด็นไปไกลเลย แค่ยกมาถามความเห็นเรื่องภาษีจากการขายหุ้นเท่านั้นเอง เพราะในสัปดาห์ที่ผ่านมา   เห็นตามสื่อต่างๆ  รวมทั้งหลายๆ ท่านที่มาโพสต์ในสินธรนี่  ว่าการที่คุณทักษิณไม่เสียภาษีนี่  เลี่ยงภาษีบ้าง  ไม่เป็นธรรมบ้าง    ก็เลยแค่มาขอความคิดเห็นว่า  แล้วจะให้คิดภาษีแบบไหนถึงจะเป็นธรรม จากคุณ : sunsetbeach - [ 4 ก.พ. 49 16:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเห็นที่ 7  ดูจะแปลกๆ ชอบกล   คนโกงตีหัวเข้าบ้าน ก็ต้องจับไปดำเนินคดี จะไปเก็บภาษีโกงแล้วเลิกกันไปนั้นไม่ได้  ส่วนเจ้าของหุ้นเอาหุ้นดีๆมาขายหมูก็ออกจะเยอะ จะไปเก็บภาษีเลือกปฏิบัติมันไม่ได้  หยั่งงี้ หุ้นดีๆที่ไหนจะเอามาเข้าตลาดล่ะ จากคุณ : sahwatt - [ 4 ก.พ. 49 17:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ sahwatt ในความเห็นที่ 7 ไม่ได้หมายถึง "จะไปเก็บภาษีโกงแล้วเลิกกันไป" ทราบดีว่าถ้าเจ้าของทำในลักษณะแบบรอยเนท จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่แล้ว เพราะมีกฎหมายรองรับตรงนี้อยู่ แต่ถามว่าถ้ามีกฎเกณฑ์ที่เจ้าของบริษัทจะต้องเสียภาษีจากการขายหุ้นที่ตนถือไว้ ในภายหลังจากบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะไม่เป็นการคุ้มครองผู้ลงทุนรายย่อยมากกว่าหรือ ในการที่จะป้องกันไม่ให้เจ้าของบริษัทนำหุ้นแย่ๆ มาหลอกขายรายย่อยแบบตีหัวเข้าบ้าน เพราะนี่เป็นช่องทางที่ปลอดภาษี ได้กำไรเต็มๆ จาการเอาตัวรอดจากความเสี่ยงโดยอาศัยข้อมูลบริษัทที่ตนรู้ดีกว่าผู้ลงทุน แล้วปล่อยให้ผู้ลงทุนที่ไม่มีข้อมูลมากเท่ากลายเป็นผู้รับเคราะห์แทน กรณีนี้ไม่ได้หมายถึงห้ามไม่ให้เจ้าของเดิมขายหุ้นในตลาด แต่เจ้าของเดิมจะเอาแต่ประโยชน์ในตอนเอาหุ้นเข้าตลาดอย่างเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ได้สิทธิเท่าเทียมกับผู้ลงทุนรายย่อยที่ด้อยกว่าในข้อมูลข่าวสาร รับแต่ผลกำไรเต็มๆ ทั้งจากตอนเอาเข้าตลาด ทั้งตอนขายทิ้ง ไม่ยอมจะเสียสิทธิใดๆ ที่เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ได้รับไปแล้วกลับคืนส่วนรวมบ้างหรือ ส่วนเจ้าของหุ้นดีๆ เขาก็ไม่ได้คิดว่าเอาหุ้นมาขายหมูหรอก ยังไงเขาก็ได้ผลประโยชน์มากจนคุ้มค่าอยู่แล้ว ไม่งั้นก็รวยคนเดียวแบบไทยรัฐไม่ดีกว่าหรือ แล้วเจ้าของบริษัทที่ดีจริง ไม่คิดชั่ว ก็ไม่น่าจะกลัวอะไรมากกับกฎเกณฑ์แค่นี้ และ "ถ้าหุ้นดีจริง ทำไมเจ้าของจะขายเสียละ" จากคุณ : เราเอง ความเห็นที่ 7 (เสียงลมหนาว) - [ 4 ก.พ. 49 21:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเป็นเรื่องที่คุณเสียงลมหนาวว่า  มันก็มีการคุ้มครองอยู่พอควรแล้วนี่ครับ  ทั้งจากตลาดหลักทรัพย์  และก็ กลต. เช่น  ในกรณี IPO  ก็จะมีเรื่อง silent period ส่วนในกรณีที่หมด silent period แล้ว  ก็คงต้องแยกระหว่าง  ขายหุ้นทิ้ง  กับการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ การขายหุ้นทิ้ง  โดยที่ไม่มีการรับซื้อเป็น big lot  เมื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ทยอยขายหุ้นออกมาก็ต้องรายงานกับ กลต. ทุกๆ 5% อยู่แล้ว  (ยกเว้นจะไม่รายงานซึ่งเป็นการผิดกฏหมาย) แต่ถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่   ก็คงไม่เรียกว่าการขายทิ้ง  เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่คนใหม่  คงไม่ซื้อกิจการมาละลายเงินตัวเองทิ้งนะครับ จากคุณ : sunsetbeach - [ 4 ก.พ. 49 22:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้าใจที่คุณ sunsetbeach อธิบาย แต่การรายงานตลาด กับ กลต เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหุ้นที่ถือทุก 5% เนี้ย มันเกิดทีหลังการขายใช่ไหม และเมื่อทยอยๆ ขายออกมาแล้ว รายย่อยก็รับซื้อไปแล้วโดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนขายให้ กว่าจะรู้หลายครั้งก็ติดดอย ต้องเจ็บตัวไปแล้ว ต้องยอมรับความจริงว่าเจ้าของบริษัทกับรายย่อยมีข้อมูลที่เป็นอาวุธในมือไม่เท่ากัน ฉะนั้นก็ไม่ควรจะให้เจ้าของบริษัทได้สิทธิประโยชน์จากส่วนต่างในการลงทุนเท่ากับที่รายย่อยได้รับ ส่วนเรื่องที่สามารถเอาผิดเจ้าของบริษัทใช้ประโยชน์ข้อมูลภายใน ตามมาตรา 241 พรบ.หลักทรัพย์ฯ นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่โพสต์มาเนี้ยก็เพียงแค่จะเสนอว่าถ้ามีมาตรการทางภาษีแบบนี้ มันจะทำให้เขายั้งคิดหากจะวางแผนชั่วได้บ้างไหมก็เท่านั้นเอง ตามหัวข้อกระทู้ที่เปิดให้แสดงความคิดเห็น ปล.ไม่ได้หมายความว่าเจ้าของบริษัทจะวางแผนชั่วทุกคน เพียงแต่มันเคยเกิดมาแล้วก็เท่านั้นเอง หรืออย่างน้อยก็ทะยอยขายหุ้นออกมาให้รายย่อยหวั่นไหวว่าเกิดอะไรขึ้นเอ่ย? จนเกิดข่าวลือกันไปต่างๆ นานา หรือไม่ก็กลายเป็นข่าวทุบหุ้นแล้วย้อนกลับมาซื้อเองซะงั้น ปล. 2 กรณีเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ แล้ว"หุ้นใหญ่คนใหม่  คงไม่ซื้อกิจการมาละลายเงินตัวเองทิ้งนะครับ" อันนี้ก็เคยมีกรณีคนใหม่ โดนคนเก่าตุ๋นซะเปื่อยเลยเหมือนกันมิใช่หรือ (ขนาดเป็นทนายมือเทคแล้วนะ ประสาอะไรกับรายย่อยทั่วๆไปจะไม่โดน) แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 49 23:25:34 แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 49 22:56:20 จากคุณ : ตามมาอีกทีจากความเห็นที่7+10 (เสียงลมหนาว) - [ 4 ก.พ. 49 22:51:31 ]