PANTIP.COM : I4202301 ชาวหุ้นเตรียมเฮ ศุกร์ที่ 24 นายกจะเว้นวรรค []

ความคิดเห็นที่ 14

ปัญหาคือ ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ฝ่ายหนึ่งมีการศึกษาจนทะลุปรุโปร่งแล้วก็ควบคุมทุกอย่างไว้ได้แทบจะเด็ดขาด (ส่วนหนึ่งก็มาจากคนที่พร้อมใจกันไปยกให้เขา) ไม่ว่าอย่างไรถ้าทำกันตามกติกาผูกขาดนี้ก็ไม่มีวันที่จะหลุดจากกรอบที่เขาตีไว้ได้ ถามว่าคุณจะทำอย่างไร ตรงนี้มันเป็นเหมือนการพัฒนาประชาธิปไตย ให้มีการป้องกันเพิ่มขึ้น แต่ก็จะมีคนเลี่ยงอีกเพราะมีคนเก่งและเจ้าเล่ห์เสมอ จนกว่าเราจะสามารถพัฒนาให้คนของเรามีความคิดในเรื่องคุณธรรมให้เป็นเรื่องใหญ่สุดสำหรับนักการเมืองที่จะเป็นชนชั้นปกครอง เราคงไม่สามารถสอนลูกหลานเราได้ว่าคุณธรรมเป็นอย่างไร เพราะปัจจุบันคือถ้าคุณมีเงินมากพอคุณสามารถทำอะไรก็ได้ เพราะมันจะสามารถบิดเบือนทุกอย่าง
ขอเข้าเรื่องหุ้นเพราะอยู่ในห้องสินธร ถ้า CEO ของบริษัทไหนมีพฤติกรรมเจ้าเล่ห์ใช้ทุกวิธีการในการควบคุมบริษัท ควบคุมราคาหุ้น (บล๊อกหุ้น) ถ้าเราอยู่ในฐานะผู้ลงทุนเราก็จะมาดูว่าเรายอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน จะเล่นด้วยถ้าเราคิดว่ายังมีลู่ทางที่เราสามารถทำกำไรกับมันได้ ในขณะที่นักลงทุนส่วนนึงที่เมื่อเห็นพฤติกรรมของ CEO เช่นนี้ก็รับไม่ได้แล้ว ถอยดีกว่าเพราะคิดว่าผู้บริหารไม่โปรงใสพอ ยังไงบริษัทนี้ก็ไม่น่าเชื่อถือ หาบริษัทใหม่ดีกว่า ส่วนพวกที่ยังเล่นอยู่ก็จะถูกบีบออกไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้ามือจะเลิก คนสุดท้ายที่ถืออยู่กลุ่มนึงก็จะรู้ว่านรกเป็นยังไง
เอามาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ขณะนี้ คงพอจะรู้ว่าพวกเราที่ถือหุ้นประเทศไทยอยู่ กำลังอยู่ในผู้ลงทุนกลุ่มไหนข้อจำกัดและความยากมันอยู่ที่ เลิกถือหุ้นไม่ได้อีก (ขอร้องว่าอย่าบอกว่าให้สละสัญชาติ หรือเปลี่ยนสัญชาติ) นั่นคือ มันแบ่งแยกไม่ได้ ดังนั้นความพิเศษของผู้บริหารประเทศคือ คุณต้องเป็นที่ยอมรับ พอที่รับ หรือฝืนใจรับได้สำหรับทุกคน แต่ต้องไม่ใช่รับไม่ได้เลยกับคนกลุ่มนึงซึ่งยิ่งมากเท่าไรก็เป็นปัญหามากขึ้นเท่านั้น รู้แต่ว่ายังไงประเทศชาติก็ยังไปต่อได้ เพราะอย่างไรเสียก็ต้องมีคนมาทดแทนจนได้อยู่ดี แต่ประเทศชาติย่ำแย่แน่ถ้าคนๆ เดียวจะฝืนอยู่เพื่อความเกลียดชังของอีกฝ่ายหนึ่ง ตัวอย่างมียกอยู่แล้วมากมายในประเทศต่างทั้งที่ห่างและใกล้ๆ บ้านเรา ข้อสรุปไม่ได้หมายความว่า เกลียดชังแล้วต้องไป หรือมากกว่านั้นคือต้องเช็คบิลตามหลัง เพราะถ้าทำอย่างนั้นฝ่ายที่จะยอมสละก็จะต่อสู้ต่อไป เพราะถ้าลงโดยที่ตัวเองยังมั่นใจว่าไม่ผิด แต่เมื่อหมดอำนาจอาจจะถูกกระทำเอาได้ เอาเป็นว่าถอยแล้วยุติเพื่อสร้างกติกาใหม่ที่ยอมรับได้ ก่อนจบขอวกเข้าเรื่องหุ้นอีกที การควบคุมไม่ได้หมายความว่าไม่ดีเสมอไป แต่ที่สำคัญมันอยู่ที่ผู้ทำมีเจตนาอย่างไร ซึ่งมันต้องรอตอนจบถึงรู้ แต่ประเทศไทย พวกเราคงไม่อยากรอจนถึงตอนนั้น เอาเป็นว่าลองทายเปรียบเทียบเล่นๆ ว่าคุณคิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการควบคุม เพื่อดำเนินการบางอย่างคล้ายกับกลุ่มกิจการไหนในตลาดหลักทรัพย์
1. บริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศที่ชอบบล๊อกราคาหุ้นบริษัทที่ตัวเองถือลงทุนอยู่และต้องการเอาออกจากตลาด ค่อยๆ รีดจนจบอย่างค่อนข้างโปร่งใส แล้วก็ค่อยประกาศราคาเอาออกจากตลาด ซึ่งผลประโยชน์ก็จะตกกับผู้ถือหุ้นบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นี้ ถ้าเป็นแบบนี้เราก็น่าจะยอมรับกับรัฐบาลนี้ได้
2. บริษัทในกลุ่มพลังงาน ที่มักจะมีการทำราคาหุ้น ก่อนที่จะมีข่าวดีออกมา เหมือนกับมีคนคาดเดาหรือรู้ข้อมูลก่อน ซึ่งบางอย่างก็เหมือนกับจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องดูเหมือนกับจะได้ประโยชน์มากกว่าและเสี่ยงน้อยกว่า ที่สำคัญยังน่าสงสัยว่าอยู่ได้เพราะความสามารถจริง หรือเพราะผูกขาดบางอย่างอยู่ คิดว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ในภาวะนี้
3. กลุ่ม Rehabco ไม่ต้องบอกว่าโดยพฤติกรรมสุดเหวี่ยงกันขนาดไหน แต่ก็มีผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องบางคนสามารถทำประโยชน์ได้เหมือน แต่หวังว่ารัฐไม่น่าจะอยู่ในฐานะนี้

ถึงแม้ว่าจเชื่อว่าอยู่ในข้อ 2. แต่ขอถามว่า ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะไหนคุณกล้าปล่อยไปจนถึงตอนจบหรือไม่ เพราะถ้าตอนจบในแบบของข้อ 2. คือ Enron แล้วพวกเราหรือรุ่นหลังเราจะทนรับได้มั้ย ???

จากคุณ : vrmrtu (vrmrtu) - [ 18 มี.ค. 49 18:05:10 ]