ความคิดเห็นที่ 1 โดยส่วนตัวจากที่ลองมาหลากหลายแล้ว ขอแนะนำว่า ให้เลือกหุ้นโดยยึดจาก 1. หุ้นนั้นเป็นหุ้นพื้นฐานดีพอสมควร 2. เราอยากเป็นเจ้าของกิจการนั้น ๆ 3. โอกาสในการถูก delist ถูกแขวน ถูกทำให้หยุดการซื้อขายมีน้อย 4. มีสภาพคล่องพอประมาณ 5. การเคลื่อนไหวของราคาเหมาะกับจังหวะชีวิตเรา ใจเย็น ๆ ครับ ผมเคยใจร้อนมาแล้ว บอกได้แค่ว่าถ้าโชคดีเลือกหุ้นถูก ก็ดีไป แต่ถ้าเลือกผิดขึ้นมาแล้วล่ะก็ ยับเยินครับ อ้อ...ลืมตอบคำถาม 1. ดูที่แท่งเทียนเลยครับ เลือกเอาที่เหมาะกับจังหวะชีวิตเรา เช่น เฝ้ากระดานได้ตลอดทั้งวัน ก็เลือกพวกที่ราคาสูงสุดกับ ต่ำสุด อยู่ห่างกันเยอะ ๆ น่ะครับ 2. กฎที่สำคัญคือ ห้ามเดาครับ พยายามวางแผนให้รอบคอบ ก่อนลงสนาม พอถึงเวลาลงสนามแล้ว ให้ทำตามแผน สุดยอดกระบวนยุทธ ก็คือไม่มีขาขึ้น ไม่มีขาลง เพราะไม่ว่า ขาจะขึ้นหรือขาจะลง ฉันก็จะทำแบบนี้ อิ อิ อิ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 22 มี.ค. 49 18:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การเลือกซื้อหุ้น สำคัญครับ เพราะว่า เงื่อนไขหนึ่งในการเข้าซื้อ เราควรจะคิดว่าต้องอยู่กับหุ้นตัวนั้นอย่างต่ำ 2 ปีขึ้นไปในการทำ DSM (2 ปีขึ้นไป ไม่ใช่ข้อจำกัดนะครับ จะมากกว่าน้อยกว่า ก็แล้วแต่...(เติมเอาเองครับ :) ดังนั้น สูตร ในการเลือก ซื้อหุ้น ก็ ขึ้นอยู่กับ สภาวะแวดล้อมของแต่ละคน (ผมก็ใช้สูตรคล้าย ๆ กับของพี่ แมลงเม่าทนไฟ ) ส่วนการบริหารก็แล้วแต่ แต่ละคน ... ในกรณีนี้ ถ้าคุณทิ้งมาก หุ้นขึ้น จะเกิดอะไรขึ้น ... ถ้าคุณทิ้งมาก หุ้นลง จะเกิดอะไรขึ้น ... ขอให้มีแผนงานที่ดี ลดการคาดเดา ก่อนการลงทุนครับ :) เชื่อมั่นในความรู้ ของตนเองครับ (แล้วเรียนรู้จากการลงมือทำ:) ผมยังเชื่อใน ก้าวทารก ครับ ... ช้า ๆ แต่มั่นคง รายได้สม่ำเสมอในช่วงเวลาที่เรากำหนดครับ :) จากคุณ : BeSmile - [ 24 มี.ค. 49 09:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อือ...อันนี้ถามแบบไม่ต้องให้ไปอ่านของเก่า 1. Turn over rate นั้นบอกจำนวนครับ บางที่อาจไม่ได้สือถึง range of gap ครับ รายได้มาจากส่วนต่างครับ Basic การเอากำไรจากหุ้นมี 2 อย่าง 1. Divident 2. Capital gain/loss 2. อันที่ 2 นี้ก็ขึ้นกับแผน, ความตั้งใจ, ความสามารถในการับความเสี่ยง บางคน conservative ก็ต้องเก็บมาก ผมเป็นแบบสู้ยิบตา ก็ไม่ค่อยเก็บนัก เก็บไว้แต่ข้อมูล ผมเลือกหุ้นที่ผมมั่นใจว่ามันจะต้องมีราคามากกว่าที่ซื้อ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่วันนี้ในความเป็นจริง หลายตัวต่ำกว่าก็ถือเป็นประสบการณ์ครับ แต่ก็มีที่ซื้อมาไม่ทัน DSM ก็กำไร 30% บางตัวซื้อแล้วพลาดก่อนรู้จัก DSM ก็ขาดทุน 40% ใช้ DSM ก็ขาดทุนน้อยลงมาแล้ว บางตัวก็พลาดไปเลยก็มี อ่าน comment ของคุณแมลงเม่าฯ ดีๆครับ มีประโยชน์กับมือใหม่ที่ชอบพลิกแพลงมากเลย จากคุณ : กึ่งสำเร็จรูป - [ 24 มี.ค. 49 11:10:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับสำหรับความคิดเห็น สำหรับผม ผมได้ลองวิธีแบบ basic (ทุกสองช่องที่ 10%) มาซักระยะหนึ่งแล้ว ... บางตัวก็ตามลงมาช้อนเก็บได้ บางตัวราคาก็ขึ้นมาจากจุดขายมาก จนผมต้องหาจุดขายใหม่ ( 15 ช่อง จากจุดขายแรก) แต่มันก็มีหุ้นบางตัวที่ ราคาสูงกว่าจุดขายด้านล่าง แต่ราคาก็ไม่ขึ้นสูงมากจนถึงจุดขายจุดใหม่ จนบางครั้งก็ขายที่ 10 ช่อง จากจุดขายแรกที่ขึ้นมาแทน เพราะรู้สึกว่าไม่งั้นหุ้นมันไม่ไปทางไหนซักที (ไม่รู้ว่าจะผิดหรือปล่าว) แต่ที่แน่นอนคือ ซื้อให้ต่ำกว่าที่ขาย ผมก็คิดจะอยู่กับหุ้นไม่ต่ำกว่า 2 ปี อยู่แล้ว ถ้ามีพี่ๆท่านไหนใช้ DSM ถึงสองปีบ้าง ยังไงมาช่วยเล่าสู่ประสบการณ์กันฟัง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับมือใหม่ DSMอย่างผมบ้าง ก็จักเป็นพระคุณอย่างสูงครับ สุดท้ายนี้ขอยกประโยคของพี่แมงเม่าทนไฟที่ว่า "สุดยอดกระบวนยุทธ ก็คือไม่มีขาขึ้น ไม่มีขาลง เพราะไม่ว่า ขาจะขึ้นหรือขาจะลง ฉันก็จะทำแบบนี้" จากคุณ : Freefree (จขกท) (Freefree) - [ 29 มี.ค. 49 19:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จนบางครั้งก็ขายที่ 10 ช่อง จากจุดขายแรกที่ขึ้นมาแทน เพราะรู้สึกว่าไม่งั้นหุ้นมันไม่ไปทางไหนซักที (ไม่รู้ว่าจะผิดหรือปล่าว) ----------------------------- ผมคิดว่า น้อยไปนะครับ น่าจะสัก  15-20  อะครับ (ขออภัยครับ พอดี ผมงกไปหน่อย ครับ อิอิ) ไม่งั้นหุ้นจะลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าหุ้นขึ้นอย่างต่อเนื่องนะครับ  อิอิ   แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 49 11:14:47 จากคุณ : Vprawat - [ 31 มี.ค. 49 11:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณคุณ Vprawat สำหรับคำแนะนำดีๆครับ จากคุณ : Freefree (จขกท) (Freefree) - [ 10 เม.ย. 49 12:13:45 ]