PANTIP.COM : I4231298 +++++++++ อยากทราบว่า ถ้าไม่มีนายกทักษิณในช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยจะไม่ดีขึ้นจริงๆ หรือครับ? +++++++++ [การเงิน]

ความคิดเห็นที่ 30

จากหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น

รัฐบาลถังแตกหนักเลื่อนเซ็นศูนย์ราชการ:คลังขาสั่นขาดดุลเงินสด วันละ800ล้านบาท
วันที่ 28 มี.ค. 2549 แสดงข่าวมาแล้ว 5ช.ม. 46นาที

รัฐบาลเงินขาดมือหนัก เลื่อนเซ็นสัญญาก่อสร้างศูนย์ราชการกรุงเทพฯกับ STEC และ ITDพร้อมยืดไถ่ตั๋วสัญญาใช้เงินออมสินมูลค่า 5 พันล้านบาท ด้านคลังยอมรับถังแตก เงินช็อตวันละ 800 ล้านบาทสั่งตัดงบลงทุนเบิกได้เท่าที่จำเป็น"ทนง"แบไต๋เพิ่มวงเงินออกตั๋วเงินคลังมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท รับภาวะเงินฝืด ส่วนภาษีกฟผ.ส่อเค้าวืดชี้กฎหมายไม่เปิดช่องให้คืน ปชป.แฉซ้ำรัฐบาลถังแตกผลาญเงินแปรรูปรัฐวิสาหกิจโหมประชานิยม

แหล่งข่าวจากบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC กล่าวว่ากรมธนารักษ์ได้เลื่อนเซ็นสัญญาก่อสร้างศูนย์ราชการกรุงเทพมหานครบริเวณแจ้งวัฒนะออกไปอย่างไม่มีกำหนด

โดยบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์(ธพส.)ได้เปิดประมูลโครงการดังกล่าวรวม 4 โครงการ ซึ่งบริษัทเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดใน 3 โครงการ คืออาคารที่จอดรถศูนย์ประชุม และโรงแรม ระบบสาธารณูปโภคพร้อมระบบควบคุมและสำนักงานอาคารเอ ส่วนอีก 1 โครงการคือก่อสร้างสำนักงานอาคารบี บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เป็นผู้ประมูลได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ธนารักษ์จำเป็นต้องเลื่อนโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการออกไป ส่วนหนึ่งเกิดจากช่วงนี้คลังไม่มีเงิน รวมทั้งแผนก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ หรือเมกะโปรเจ็กได้เลื่อนออกไปเช่นกัน เพราะรัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจในการอนุมัติโครงการดังกล่าว

นอกจากนี้วันนี้(28มี.ค.)คลังจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือครม.พิจารณาแผนกู้เงินงบประมาณประจำปี 2549 โดยจะขอ roll over ตั๋วสัญญาใช้เงิน(PN) วงเงิน 5 พันล้านบาทที่กู้จากธนาคารออมสิน และจะครบกำหนดไถ่ถอนปลายเดือนเม.ย.นี้ออกไปอีก 2เดือน เพื่อแก้ปัญหาเงินสดขาดมือ

ดร.สมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนายการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวยอมรับว่ารัฐกำลังมีปัญหากระแสเงินสดขาดมือหรือติดลบ เพราะมีรายจ่ายเข้ามามากในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ในขณะที่รายรับจากภาษีเข้ามาไม่ทัน ทำให้เกิดภาวะเงินสดขาดมือวันละ 800 ล้านบาท หรือตกเดือน 2.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมเมื่อปีก่อนขาดดุลเงินสดวันละ 600 ล้านบาท โดยปัจจุบันรัฐมีรายจ่ายวันละ 6.6 พันล้านบาท จากการเบิกจ่ายงบเหลื่อมปีและเงินนอกงบประมาณ ขณะที่มีรายรับเพียงวันละ 5พันกว่าล้านบาท

ดังนั้นคลังจึงได้หารือกับกรมบัญชีกลางและสำนักงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยให้เลื่อนการเบิกจ่ายเงินงบทุกหน่วยงานออกไปเป็น 7 วันทำการ จากเดิมที่เบิกจ่ายภายใน 1-3 วัน ซึ่งจะใช้ไปจนกว่าภาวะเงินคงคลังจะเข้าสู่ภาวะปกติ

นอกจากนี้คลังยังสั่งให้กรมบัญชีกลางเข้มงวดกับการเบิกจ่ายของทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะงบลงทุนให้เบิกจ่ายได้เฉพาะที่ครบกำหนดชำระค่างวดเท่านั้น ห้ามเบิกเงินล่วงหน้าส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำประเภทเงินเดือน หรือค่ารักษาพยาบาลนั้นให้เป็นไปตามปกติ

อย่างไรก็ตามคลังมั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้จะเป็นตามเป้า 1.36 ล้านล้านบาทในปีนี้อย่างแน่นอน โดยที่ผ่านมา 5 เดือนก็เกินเป้าไปแล้ว 7 พันกว่าล้านบาท และคาดว่าเดือนมีนาคมก็จะเกินเป้าจัดเก็บรายได้เช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสดเข้ามาเสริมสภาพคล่องให้เงินคงคลังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

ดร.ทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าคลังพร้อมที่จะขยายวงเงินตั๋วเงินคลังออกไปหากไม่พอจริงๆ จากเดิมที่วางไว้ 8 หมื่นล้านบาท เพราะสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ยังไม่เกินกรอบ 50%

อย่างไรก็ตามต้องดูถึงความจำเป็นด้วย หากสามารถบริหารจัดการได้ก็ควรทำไปก่อนโดยนำงบประมาณที่ยังไม่ใช้ให้เกิดประโยชน์ตามหน่วยงานต่างๆออกมา อาทิ งบที่เบิกไปใช้สำหรับการก่อสร้างที่เบิกเพียงงวดเดียวให้ปรับเป็นเบิกได้เฉพาะที่ต้องชำระจริงเท่านั้น ห้ามเบิกจ่ายล่วงหน้า เพราะรัฐต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้

นอกจากนี้กระทรวงการคลังมีแผนที่จะยุบเลิกกองทุนนอกงบประมาณของหน่วยงานต่างๆที่มีเงินอยู่จำนวนมากประมาณ 3-4 พันล้านบาท และกองไว้เฉยๆ ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์เพื่อนำเงินมาใช้เบิกจ่ายในงบประมาณ ลดปัญหาเงินขาดมือ

สำหรับในช่วงต้นปีของงบประมาณรัฐบาลมีเงินคงคลังสำรองการเบิกจ่ายประมาณไว้ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ในรูปของเงินสด เงินฝากที่ธนาคารกรุงไทย และบัตรเงินภาษี ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยว่าแต่ละส่วนมีจำนวนเท่าไร

ดร.ทนง กล่าวว่าเงินคืนภาษีของบมจ.กฟผ.นั้นคงไม่มากนัก รวมทั้งค่าหุ้น แต่คลังคงรับผิดชอบเฉพาะเงินภาษี แต่ต้องไปดูกฎหมายก่อนว่าสามารถคืนได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้ยังตอบอะไรมากไม่ได้

นายวราเทพ รัตนากร รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าคณะรัฐมนตรีได้เคยหารือมาก่อนหน้านี้ว่าวงเงินสำหรับออกตั๋วเงินคงคลังที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 1.3แสนล้านบาท แต่เนื่องจากรัฐบาลไม่ต้องให้มีภาระดอกเบี้ยมากจึงลดวงเงินมาเหลือเพียง 8หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องใช้วิธีการบริหารจัดการที่ค่อนข้างเข้มงวดเข้ามาช่วย

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องของการเบิกจ่ายงบเลือกตั้ง 2 พันล้านบาทของรัฐ ตามที่ฝ่ายค้านออกมากล่าวหา แต่สาเหตุหลักมาจากการเบิกจ่ายงบเหลื่อมปีกว่า 1 แสนล้านบาท ทำให้เกิดภาวะเงินสดขาดมือ"นายวราเทพกล่าว

อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังยังยืนยันเป้าการเบิกจ่ายปีนี้ไว้ที่ 93% ของงบประมาณ1.36 ล้านล้านบาทไว้เท่าเดิม แม้ว่าจะมีความเข้มงวดในการเบิกจ่ายมากขึ้นกว่าปีก่อน ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าการเบิกงบ 1 หมื่นล้านบาท แต่สามารถเบิกจริงแค่ 5พันล้านบาทนั้น คงไม่ใช่เรื่องจริง แต่มีเพียงบางหน่วยงานเท่านั้นที่มีปัญหา

นายพิเชษฐ พันธุ์พิชาติกุล กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สาเหตุที่คลังประสบปัญหาวิกฤตเงินคงคลังสำหรับการใช้จ่ายในหน่วยงานราชการต่างๆ เหลือเพียง 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งใช้ได้เพียง 14 วันนั้น เป็นเรื่องที่เคยเตือนแล้ว เนื่องจากรัฐบาลนำเงินจากการขายหน่วยงานรัฐวิสาหกิจมาใช้ดำเนินโครงการประชานิยมจนหมด

สำหรับข้าราชการที่เออรี่รีไทร์ช่วงเดือน ต.ค.2548 ซึ่งได้รับความเดือดร้อนยังไม่ได้รับเงินบำนาญโดยอ้างว่ามีข้อขัดข้องในการรับเงิน การขึ้นเงินเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และการเตรียมดำเนินโครงการต่างๆ ที่คาดว่าจะได้เงินจากการกระจายหุ้นกฟผ.มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท

ขณะที่กฟผ.ถูกศาลปกครองวินิจฉัยเพิกถอนกฎหมายการแปรรูปไม่สามารถดำเนินการ ได้ จึงต้องหาเงินคืนค่าหุ้นให้กับพนักงานวงเงินอีกกว่า 2 พันล้านบาท และรายอื่นๆ กว่าหมื่นล้านบาท ทำให้รัฐบาลไม่มีเงินจะนำไปจ่ายในด้านต่างๆส่งผลกระทบไปถึงโครงการก่อสร้างและเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง โดยคาดว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอีกครั้งไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม

"ตอนนี้เงินคงคลังติดดิน และมีวิกฤตหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นงบในการก่อสร้างที่ค้างผู้รับเหมาทั่วประเทศ และกำลังจะถึงกำหนดจ่ายหลายหมื่นล้านบาท แต่กระทรวงการคลังไม่มีเงินจ่ายแล้ว และอาจประสบปัญหางบประมาณการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย.ที่ต้องใช้วงเงินประมาณ 2-3 พันล้านบาท และหากมีการเลือกตั้งยืดเยื้อเนื่องจากบางเขตได้รับคะแนนไม่ถึง20% อีกด้วย"นายพิเชษฐ กล่าว

นายพิเชษฐ กล่าวอีกว่าขอให้กองทุนประกันสังคมที่มีเงินอยู่ประมาณ 3 แสนล้านบาท หยุดพฤติกรรมการนำเงินไปเล่นหุ้นบริษัท ชิน คอปอร์เรชั่นเพื่อพยุงตลาดหุ้นตามคำสั่งผู้มีอำนาจในรัฐบาล

นายพิเชษฐ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาล ยังบิดเบือนความจริงที่อ้างว่าสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด เพราะความจริงแล้วสืบเนื่องจากการที่รัฐบาลสมัยนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ระงับการกู้เงินจากไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด 1 ปีทำให้กำหนดการชำระหนี้ 3 ปี ครบก่อนกำหนดไปด้วย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง หากรัฐบาลขยายการออกตั๋วเงินกู้ระยะยาวออกไปจากเดิมที่เต็มเพดานอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท มีการตั้งข้อสังเกตว่าในฐานะรัฐบาลรักษาการจะดำเนินการได้หรือไม่ และโดยส่วนตัวมองว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้แม้ว่าจะเป็นหนี้ในระดับรากหญ้าก็ถือเป็นจำนวนมากแก้ปัญหาได้ยากแตกต่างจากวิกฤตปี 2540 ที่เป็นหนี้ในสถาบันการเงินและธุรกิจรายใหญ่

จากคุณ : Arriba - [ 28 มี.ค. 49 09:59:03 ]