CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เตือนตลาดทุนโลกใกล้ยุคฟองสบู่แตก

    อ่านก่อนครับอย่าพึ่งติ  ไม่ใช่การเมืองครับ(กลัวขาประจำ 555)
    เห็นว่าน่าสนใจและผมก็เริ่มเห็นอะไรบางอย่างของตลาดอื่นๆทั่วโลก
    ********************************************************

    เริ่มส่อสัญญาณไม่ดี หลังพุ่งต่อเนื่อง 3 ปี แนะเปลี่ยนหุ้นเป็นเงิน

    นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินชั้นนำ แสดงความกังวลต่อแนวโน้มตลาดทุนโลก หวั่นใกล้ถึงระยะขาลง หากเลวร้าย ที่สุดอาจถึงขั้นฟองสบู่แตก หลังไต่ระดับทุบสถิติใหม่ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

    ไมเคิล เบลคิน นักวิเคราะห์จากบริษัท เบลคิน ของสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งที่ เชื่อว่าโอกาสที่ตลาดทุนโลกใกล้พบกับภาวะขาลง กล่าวว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังรอปัจจัยเพื่อผลักดันสู่จุดเปลี่ยน และเมื่อแนวโน้มการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ร้อนแรงในขณะนี้ถึงจุดอิ่มตัว ภาวะชะลอตัวจะเริ่มขึ้นในทันที

    เบลคิน ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่จะก่อให้เกิดภาวะดังกล่าว คือการปรับเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางแห่งหลักๆ ของโลกจากเดิมที่เน้นนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย มาเป็นนโยบายการเงินแบบรัดกุม ซึ่งหากภาวะชะลอตัวหรือ ฟองสบู่แตกเกิดขึ้น การปรับตัวหลังภาวะดังกล่าวจะถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง เนื่องจาก นักลงทุนส่วนใหญ่รับข้อมูลส่วนใหญ่ผ่านสื่ออย่างเท่าเทียมกัน

    “ปัจจัยทางการเงินที่เป็นแรงอัดให้เกิดภาวะฟองสบู่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ก่อนหน้านี้ตลาดเคลื่อนตัวได้ดีมาตลอด 3 ปี และขณะนี้หลักทรัพย์ทางการเงินขยายตัวจนถึงขีดสุดจน ถึงจุดที่ต้องพบกับความล่มสลาย” เบลคิน กล่าว พร้อมแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้น เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด หรือทำชอร์ตเซล เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่นำออกขายและซื้อกลับ

    ด้าน เทอัน ดราอิสมา นักวิเคราะห์อาวุโสจากธนาคารมอร์แกน สแตนเลย์ สาขากรุงลอนดอน กล่าวว่า ภายในเวลา 6 เดือนข้างหน้า ตลาดหุ้นยุโรปจะปรับลดลง 7.9% เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจกับตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการณ์ที่ สูงเกินไป และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะยิ่งทำให้ ผลกำไรที่น้อยอยู่แล้ว ต้องน้อยลงกว่าเดิม

    นอกจากนี้ ปัจจัยชี้วัดหลายตัวอยู่ในระดับที่ น่ากังวลที่สุดรอบ 5 ปี เช่น การคงเพดานปิดตลาดสูงสุดรอบ 5 ปีของดัชนีแนสแดคจนถึงขณะนี้ และกระแสลงทุนในกองทุนรวมในตลาดยุโรปที่ สูงสุดในระดับ 5 ปีจาก 2 เดือนที่แล้ว เช่นเดียวกับดัชนีดาวโจนส์ ดัชนีนิคเคอิ และล่าสุด ดัชนีมอร์แกน สแตนเลย์ เอเชีย-แปซิฟิก ที่ทำระดับสูงสุดรอบ 16 ปี

    “ถือเป็นสัญญาณอันตรายหากนักลงทุนรายย่อยเริ่มกว้านซื้อหุ้น และหากเกิดความผิดปกติขึ้น นักลงทุนจำนวนมากก็พร้อมเทขายหุ้น ในทันที” ดอริสมา กล่าวและว่า ครั้งสุดท้ายที่ตลาดทุนโลกทำระดับสูงสุดคือเดือนธันวาคม 2546 ซึ่งหลังจากนั้นตามมาด้วยภาวะชะลอตัวนานถึง 8 เดือน รวมถึงระดับสูงสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2543 ที่ตามมาด้วยภาวะชะลอ

    อภิชิต จักรบอร์ตติ จากบริษัท เจพี มอร์แกน เชส แอน โค กล่าวแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวน้อยที่สุด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ และหุ้นโทรคมนาคม บางตัว เช่น เอทีแอนด์ที บริษัทโทรคมนาคม และ ซาบมิลเลอร์ ผู้ผลิตเบียร์สัญชาติอเมริกัน

    จากคุณ : อ่านขาด - [ 17 เม.ย. 49 22:22:07 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป