CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เครื่องบินไทยคู่ฟ้า ผลาญงบไป 2200 ล้านบาท

    หิ่งห้อยอยากเทียบชั้น   America

    ในที่สุดเครื่องบินประจำตำแหน่งมูลค่า 2,200 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ก็เผยโฉมสู่สาธารณชน หลังจากตกแต่งและนักบินฝึกบินเรียบร้อยแล้ว
    ว่ากันว่าเครื่องบินนี้ก็คล้ายกับเครื่องบิน "แอร์ ฟอร์ซ วัน” ซึ่งเป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของประธานาธิบดีสหรัฐ ที่รู้จักกันดีทั่วโลกนั่นเอง ซึ่งฝ่ายค้านได้เคยคัดค้านการใช้งบประมาณแผ่นดินในการจัดซื้อไปแล้ว โดยชี้ให้เห็นว่าฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น เกินฐานะของประเทศไทย แต่รัฐบาลพยายามหาเหตุผลมาอ้างว่า มีไว้เพื่อให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่บุคคลสำคัญที่เป็นแขกบ้านแขกเมืองของไทย ทั้งที่ในความเป็นจริงเรามีเครื่องบินมากมายที่จะรองรับอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินของการบินไทย ของกองทัพอากาศ หรือของตำรวจ ดังนั้น เหตุผลนี้จึงฟังไม่ขึ้น ยิ่งเมื่อดูการตกแต่งหรูหราในเครื่องบินขนาด 40 ที่นั่งนี้แล้ว (ปรับจาก100 ที่นั่ง) ก็ชัดเจนว่าเอาไว้เป็นความบันเทิง สะดวกสบายของบรรดาคณะรัฐมนตรีนั่นเอง
    บอกตรงๆ ว่า เห็น "แอร์ ฟอร์ซ วัน" ของผู้นำไทยแล้ว “ปวดใจ” เอามากๆ เพราะเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เกรงใจประชาชนเอาเสียเลย หรือว่านายกฯเคลิ้มไปแล้วจริงๆ ว่าขณะนี้ประเทศไทยรวยแล้ว จะเป็นประเทศผู้ให้กู้สุทธิ (Net Lender) แล้ว อย่างที่ท่านนายกฯ พูดเอาไว้ ซึ่งช่างสวนทางกับจำนวนคนจนที่เพิ่มขึ้นจาก 6 ล้านคน  เป็น 8.8 ล้านคน ที่สภาพัฒน์ และทีดีอาร์ไอ เพิ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นคนจนซึ่งมีรายได้ต่อครัวเรือนเพียงเดือนละ 1,163 บาท นอกจากนี้ลืมไปแล้วหรือว่า ยังมีเด็กยากจนในชนบทอีกจำนวนมากที่ต้องเดินไปโรงเรียนวันละ 4 กิโลเมตร ไม่มีแม้แต่รองเท้าจะใส่ ลืมไปแล้วหรือว่าเมื่อต้นปีนี้นี่เอง ที่นายวัฒนา เมืองสุข ฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เคยไปร้องห่มร้องไห้ต่อหน้านักการเมืองและภาคเอกชนสหรัฐ วิงวอนอ้อนวอนขอร้องสหรัฐอย่ากีดกันหรือเก็บภาษีสินค้าเกษตรจากไทยสูง ในวันนั้น รมว.พาณิชย์ บอกว่าเกษตรกรของประเทศไทยจนและลำบาก ขอให้เห็นใจบ้าง
    แต่ต่อจากนี้เมื่อผู้นำและคณะรัฐมนตรีของไทยมีเครื่องบินส่วนตัว บินร่อนไปทั่วโลกอย่างหรูหราแล้ว ใครเขาจะสงสารเราอยากจะช่วยเหลือเรา รัฐบาลคงคิดว่าการทำตัวรวยอาจสร้างเครดิตให้ประเทศไทยได้รับความเคารพนับถือ แต่สิ่งนี้คงจะได้ผลกับประเทศเพื่อนบ้านที่ด้อยพัฒนาที่พึ่งพาเงินช่วยเหลือจากไทยเท่านั้น เช่นลาว เขมร พม่า ที่ไทยพยายามจะทำตัวเป็นพี่เบิ้ม แต่กับประเทศอื่นโดยเฉพาะประเทศที่เจริญแล้วและรวยจริง มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย และเกรงใจการใช้เงินภาษีของประชาชนนั้นเขาคงไม่ได้เคารพนับถือเราเพราะเรื่องแบบนี้ ตรงกันข้ามเขากลับคิดว่า "นี่ไงล่ะ พวกผู้นำประเทศด้อยพัฒนา ก็ชอบอะไรหรูหรา ถลุงภาษีประชาชน"
    ไม่มีใครที่มีมโนสำนึก จะเคารพนับถือคนทำตัวเกินฐานะหรอก ศิลปะแห่งการเป็นคนที่ดีที่สุดก็คือ การทำตนพอสมควรแก่ฐานะ  อันที่จริงลักษณะของการฟุ่มเฟือยหรูหรานั้น หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นลักษณะที่เกิดกับประเทศด้อยพัฒนาทั้งนั้น เช่นมาร์คอสและภรรยาแห่งฟิลิปปินส์ และเพราะลักษณะเช่นนี้ของผู้นำประเทศด้อย จึงทำให้ประเทศไม่พัฒนาไปถึงไหน ตอนประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำหรือ จี-8 ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ทางรัสเซียได้โวยวายกับสหรัฐว่าขี้ตืดขี้เหนียว เก็บแม้แต่เงินค่าใช้เพรส เซ็นเตอร์(ศูนย์สำหรับนักข่าว) ทางเจ้าหน้าที่สหรัฐตอบไปว่า ให้ใช้ฟรีไม่ได้ เพราะต้องเกรงใจชาวอเมริกันผู้เสียภาษี
    เรื่องนี้หวนให้นึกถึงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกว่าพันล้านบาท ของรัฐบาลไทย เมื่อปลายปี 2546 ที่เราเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปค ตอนนั้นเราแจกคูปองกินข้าวฟรีให้กับนักข่าวจากทั่วโลก และฟรีอื่นๆ อีกทุกอย่าง ซึ่งตรงนี้ไม่ว่ากัน เพราะถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักข่าวในการรายงานข่าว แต่สำหรับความฟุ่มเฟือยอื่นๆ ด้านพิธีการและการต้อนรับนั้น ก็อย่างที่ได้วิพากษ์วิจารณ์กันมาแล้วว่า มันเกินจำเป็น เช่นเสื้อผ้าไหมปักดิ้นทอง ราคาตัวละ 9 หมื่นบาท ที่เราทำแจกผู้นำประเทศต่างๆ ซึ่งถูกสำนักข่าวต่างประเทศนำเสนอไปทั่วโลกด้วยความทึ่ง(เสียดสี) ว่าเป็นราคาที่สูงกว่ารายได้ต่อหัวต่อปีของคนไทยเสียอีก (รายได้ต่อหัวคนไทยราว 2000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือประมาณ 8 หมื่นบาท) แถมเอาเข้าจริงก็ไม่ได้ผลในการโปรโมตท่องเที่ยว แม้จะมีการกล่าวขานถึงความอลังการของการจัดงาน โดยเฉพาะพิธีในวันสุดท้ายนั้น ก็อย่าเพิ่งคิดว่าทุกประเทศจะคิดชื่นชมเราไปทั้งหมด เพราะยังมีหลายประเทศที่เขาพูดลับหลังเราไปอีกทางหนึ่ง คือเห็นว่าเป็นพิธีการที่ดูตลกดี (ยกเว้นรูปแบบการประชุมและสารัตถะ) และที่สำคัญไม่มีใครคิดเอาเยี่ยงอย่างเราเลยในแง่ความฟุ่มเฟือย แม้แต่ประเทศที่รวยกว่าเราก็เถอะ
    กล่าวสำหรับเครื่องบินประจำตำแหน่งในแบบเดียวกับ "แอร์ ฟอร์ซ วัน” นั้น แม้แต่ประเทศเพื่อนบ้านที่รวยกว่าเรา 9 เท่า เช่นสิงคโปร์ (คนสิงคโปร์มีรายได้ต่อหัวต่อปี 3.8 หมื่นดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 9.1 แสนบาท) เขาก็ยังไม่มีเลย และเท่าที่เห็นในขณะนี้มีเพียงประเทศซึ่งปกครองด้วยระบบประธานาธิบดีเท่านั้น เช่นสหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ที่ผู้นำประเทศมีเครื่องบินประจำตำแหน่ง เพราะบุคคลเหล่านี้ดำรงสถานะเป็น Head Of State หรือประมุขสูงสุดของประเทศ
    ส่วนประเทศไทยนั้น เป็นระบบพระมหากษัตริย์ ถือว่าพระมหากษัตริย์ทรงดำรงพระสถานะเป็น Head Of State
    ส่วนนายกรัฐมนตรีมีสถานะเป็น Head Of Government หรือผู้นำฝ่ายบริหาร
    "แอร์ ฟอร์ซ วัน”  “หิ่งห้อย”อย่าแข่งไฟ
    โดย : แอร์ ฟอร์ซ วัน" "หิ่งห้อย”อย่าแข่งไฟ

    จากคุณ : ริบ ริบ ริบ หรี่ (Pongsuk)  - [ 18 เม.ย. 49 11:22:52 ]

    จากคุณ : bar-b'gon - [ 18 เม.ย. 49 13:25:33 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป