ความคิดเห็นที่ 1 บางครั้งเราอาจต้องทำรายการโยกย้ายบ้างครับ เพราะการปล่อยไว้เฉยๆ จะได้แต่ประโยชน์ทางด้านภาษีอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่ลงทุนในกองทุนที่เป็นตราสารหนี้ ไม่จำเป็นต้องย้ายไปกองทุนที่ลงทุนในหุ้นก็ได้ครับ เพราะโอกาสที่จะขาดทุนจากการลงทุนนานๆ คงไม่มี (เก็บไว้เฉยๆ) หรือมีก็น้อยมากๆ แต่คนที่ลงทุนไว้ในกองทุนประเภทที่ลงทุนในหุ้น ต้องมีการหลบร้อน ไปอยู่ตราสารหนี้บ้างครับ เพราะถ้าหุ้นตกแบบไม่เห็นพื้นเลย คุณจะเหลือแต่ประโยชน์ทางภาษี ส่วนเงินไว้กินยามแก่เฒ่า มันจะไม่เหลือนะครับ ส่วนการสับเปลี่ยนเขามีไว้ทำกำไรเก็บไว้กินยามแก่เฒ่าให้มากๆ ครับเพราะกองทุนประเภทนี้ไม่สามารถขายมาหลบในกระเป๋าเราได้เลย (จนกว่าจะครบกำหนดตามข้อบังครับ) อย่างดีที่สุดคือการหลบร้อนไปพึ่งเย็น จังหวะเหมาะๆ ก็เอามาเล่นกับไฟในตลาดหุ้นสักที เพือฟลุกได้เงินกินเปล่าโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มนั้นเองครับ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 49 09:19:11 จากคุณ : pjuk - [ 22 เม.ย. 49 09:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมยังไม่เคยโยกย้ายเลยครับ ซื้อมาก็สองสามปีแล้ว  ซื้อลืมไม่ค่อยได้ดู ก็อย่างที่คุณเจ้าของกระทู้ว่าๆคิดว่าลงทุนระยะยาวเพราะกว่าจะถอนได้อายุตั้ง 55 โน่น จริงๆถ้ามีเวลาดูหน่อยพวกกองทุนหุ้นอาจจะโยกย้ายได้ในช่วงหุ้นตกไปอยู่พวกตราสารหนี้  แบบที่คุณ pjuk แนะนำ เพื่อผลประโยชน์สูงสุด  แต่ก็อย่างว่าว่าใครจะรับประกันได้ว่าจังหวะไหนดีสุดที่จะโยกไปโยกมา   แต่ผมไม่รู้ว่าการโยกย้านนี่ต้องรายงานหรือเปล่า แล้วกำไรที่เกิดจากการขายตอนโยก (ของกองทุนที่โดนโยกออก) ต้องทำอย่างไร  ไม่โดนเสียภาษีย้อนหลังหรือครับ  เดาว่าคงไม่โดนไม่งั้นคงไม่ทำกัน   พอดีผมไม่เคยทำครับ  เคยแต่ขายทิ้งไปเลยเพราะซื้อเกิน limit ในปีนั้น  กำไรต้องเอาไปจ่ายภาษีด้วย  แงะ จากคุณ : อึ้งกิมกี้ (g2001) - [ 22 เม.ย. 49 17:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณพี่ pjuk ครับ ในการโยกเพื่อคาดหวังกำไรบางครั้ง ในกองทุนหุ้น เมื่อเราได้กำไรแล้ว เราก็โยกกลับมาเก็บ ไว้ใน กองทุนที่เป็นประเภทคราสารหนี้ ใช่ไหมครับ ซึ่งจะทำให้เรา เก็บเอากำไรออกมาได้ จากคุณ : หมูอวบ - [ 22 เม.ย. 49 18:22:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถามพี่ pjuk อีกนิดครับ กรณีที่ผมไม่ได้คาดหวังเรื่องภาษี กองทุน RMF ยังเป็นคำตอบที่ดีสำหรับการออมเงินเมื่อแก่เฒ่าหรือเปล่าครับ เมื่อเทียบกับฝากประจำไปเรื่อยๆ หรือ ฝากแบบบำนาญกับออมสิน ขอบคุณครับ จากคุณ : หมูอวบ - [ 22 เม.ย. 49 18:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ซื้อไว้เหมือนกัน!  แต่เพื่อการวางแผนทางภาษี (300,000*30% ผลตอบแทนดีกว่าฝากเงิน) ถ้าคุณมีเป้าหมายทางกำไรด้วย  ก็ซื้อ 2 กองฯ จากคุณ : คุณนายน้ำหวาน - [ 22 เม.ย. 49 18:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 การสับเปลี่ยน เป็นการเก็บสะสมกำไรอย่างหนึ่งครับ ถึงแม้คุณจะเอากำไรออกจากระบบบไม่ได้ก็ตาม สมมติว่าไม่มีการย้ายกองทุนเลยแล้วลงทุนในกองหุ้นไว้ ถ้าหุ้นขึ้นคุณจะกำไรเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ แต่ถ้าหุ้นตกกำไรที่เพิ่มพูลมาก็จะหดกลับไปเช่นกัน แต่ถ้าเวลาหุ้นขึ้นกำไรเพิ่มขึ้น ถึงจุดหนึ่งคุณคิดว่าหุ้นจะตก คุณย้ายออกมาเก็บไว้ที่กองตราสารหนี้ กำไรที่ได้มาจะไม่หดหายไปกับตลาดหุ้น แต่จะค้างเอาไว้ แต่ถ้าคุณคิดผิดหุ้นกลับไม่ลงหมายความว่ากำไรคุณก็จะหยุดอยู่กับที่ แต่กำไรที่ได้มาไม่หดไปไหนจริงไหมครับ กอง RMF & LTF ถ้าไม่ใช้ประโยชน์ทางภาษีแล้วอย่าลงทุนเลยครับ เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่ากองทุนธรรมดาเลย แถมถ้าคุณจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ แม้คุณจะไม่ใช้สิทธิทางภาษีเลย แต่ถ้าคุณขายแล้วมีกำไรคุณยังต้องเสียภาษีอีกด้วยซ้ำ ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลยครับ เพราะทุก บลจ. จะมีหน้าที่หัก ณ ที่จ่ายไว่ 3% ก่อนเลยส่วนที่เหลือผู้ลงทุนไปเสียเพิ่มหรือขอคืนกันเอาเอง ดังนั้นสรรพากรตรวจเจอแน่ครับ จากคุณ : pjuk - [ 22 เม.ย. 49 21:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ อึ้งกิมกี้ (g2001) ครับถ้ามีเวลาน่าจะลองเล่นสับเปลี่ยนบ้างนะครับ แล้วสนุกกว่า การสับเปลี่ยนไปมาระหว่าง SCBSFF กับ SCBSET อีกครับ เพราะการสับเปลี่ยนของ RMF (ของ SCB) ได้ในวันเดียวกันเลยนะครับ ทั้ง 4 กอง (RM3,RM4 <--> RM1,RM2) และไม่จำกัดจำนวนครั้ง ไม่มีค่าธรรมเนียมเก็บเพิ่ม ไม่ผิดข้อบังครับ อิสระทางการเงินเต็มที่ครับ (ประกาศไว้ว่าถึงสิ้นปี 49 แต่ต่ออายุมาหลายครั้งแล้วครับ และคาดว่าจะต่ออายุอีกในปีหน้า) แต่การสับเปลี่ยนจะมีใบแนบเป็นหลักฐานส่งให้ทุกครั้งเมื่อมีการสับเปลี่ยน และต้องเก็บไว้แนบกับ ภงด.90/91 พร้อมกับใบแนบรายการซื้อขายที่ บลจ. จะส่งให้ปลายปีด้วยครับ แต่ถ้ายื่น ภงด.ผ่าน Internet ก็ง่ายครับ จากคุณ : pjuk - [ 22 เม.ย. 49 21:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับ คุณพี่ pjuk แล้วหากผมไม่ซื้อกองทุน RMF หรือ LTF ควรหันไปศึกษาพวกที่เป็นแบบ valued investor หรือเปล่าครับ ผมเคยอ่านพวกนี้ถือกันแบบยาวๆ หลายปี จากคุณ : หมูอวบ (หมูอวบ) - [ 22 เม.ย. 49 22:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การลงทุนยิ่งยาว ความเสี่ยงยิ่งลดลงครับ ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ ดอกเบี้ยเงินฝาก เคยกว่า 10%ต่อปี ลงมาสุดที่ 1%ต่อปี และกำลังจะกลับไปที่ 10 กว่าอีกแล้วนะครับ ดัชนีตลาด จาก 1700 ลงมาต่ำสุดๆ 200 กว่า ก็กำลังจะวิ่งใกล้หลักพันอีกครั้ง ใครที่ลงทุนเก็บออมอย่างต่อเนื่อง คงไม่มีปัญหาในอนาคตยามเกษียณนะครับ จากคุณ : pjuk - [ 22 เม.ย. 49 23:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พี่ pjuk ครับ ผมขอปรึกษาหลังไมล์ได้ไหมครับ เรื่องเกี่ยวกับหุ้นนี่ล่ะครับ จากคุณ : หมูอวบ - [ 22 เม.ย. 49 23:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบให้แล้วครับ.................^_^ จากคุณ : pjuk - [ 23 เม.ย. 49 00:36:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เคยทำแล้ว แบบว่า พอหุ้นขึ้นมามาก ก็ขายล้างพอร์ตหุ้น เอาเงินเข้ากองทุนตราสารหนี้ของธนาคารที่มั่นคงที่สุด เพราะผลตอบแทนราวๆ 12% ฝาก ถอนได้ทุกวัน พอหุ้นตกได้ที่ ก็โยกเงินเข้ามาซื้อหุ้น มีความสุขอยู่แค่หนึ่งปีเท่านั้นเอง ปัญหายิ่งใหญ่ก็มาเยือน สิ้นเดือนมิถุนายน ปี 1977 หุ้นตกได้ที่ กะว่าวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาหุ้นได้เวลาขึ้นแน่นอน  วันศุกร์เช้า เคาะซื้อเต็มพอร์ต บ่าย กองทุนตราสารหนี้ที่เคยได้รับผลตอบแทนสูงสุด ใหญ่ที่สุด  และมั่นคงที่สุด ประกาศปิดตัวเอง  หุ้นลง floor เกือบทั้งกระดาน ต้องเทขายออกไป 70% ขาดทุนไป 5% (3.5% ของทั้ง portflio) สรุปก็คือ เวลาดี  มันจะดีทั้งตราสารหนี้ และหุ้น เวลาเจ๊ง ตราสารหนี้จะแสดงอาการก่อน แล้วหุ้นก็ลงตาม แต่กองทุนตราสารหนี้มักจะได้เงินคืนครบ หรือเกือบครบ จากคุณ : prettypetite - [ 23 เม.ย. 49 19:17:53 ]