มีหลายท่านบอกว่าเป็นเรื่องทางเทคนิคการคลัง ไม่มีปัญหา
เหมือน กฟผ. พอจับได้ก็บอกว่ามีปัญหาทางเทคนิค ถ้าจับผิดไม่ได้ก็จะไม่มีปัญหาอะไร แค่ประชาชนรู้ไม่ทันเอง
ใครทักมาก ก็หาว่าอคติ งั้นมาตามดูกันต่อว่าถังแตกจริงไหม??
ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 เป็นต้นมา จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2549 รัฐบาลขาดดุลเงินสดแล้ว 135,570 ล้านบาท
*******************************************************
งบฯ-บัญชีสะพัดทรุด ขาดดุลเงินสดแล้วแสนล. จับตาลด-เลื่อนลงทุน
โพสต์ทูเดย์ เศรษฐกิจไทยส่อแววประเดิมขาดดุลแฝด ปีนี้เป็นปีแรก สาเหตุจากเศรษฐกิจชะลอตัวรายรับน้อยกว่ารายจ่าย อยู่ที่คลังจะรักษาวินัย หรือเลือกขาดดุล กู้เงินเพิ่ม ดันเศรษฐกิจโต
นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ รองศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรรมการอิสระ ธนาคารนครหลวงไทย เปิดเผยว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตในอัตราชะลอตัวลง หากอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยเติบโตเกิน 4% นับว่าเก่งแล้ว ซึ่งผลให้ การจัดเก็บรายได้อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่รายจ่ายกลับเพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่ายเพื่อการเลือกตั้ง ค่าใช้จ่ายในโครงการประชานิยม ทำให้กระทรวงการคลังขาดสภาพคล่องของกระแส เงินสด และทำให้ปีนี้เป็นปีแรกที่จะเห็นการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลงบประมาณ
ปีนี้เป็นปีแรกที่จะขาดดุลแฝด เพราะเศรษฐกิจชะลอตัว รัฐเก็บภาษีได้น้อยลง แต่รายจ่ายมากขึ้น การเลือกตั้งที่ใช้จ่ายเยอะมาก และใช้เงินไปกับโครงการประชานิยม รวมถึงข่าวเรื่องงบเงินสด เมื่อรายรับน้อยกว่ารายจ่าย รัฐบาล อาจจะต้องกู้ เพื่อให้เงินลงตัว อันนี้เป็นปัญหาสำคัญของรัฐบาล นายสมชาย กล่าว
สำหรับการเก็บรายได้ที่ไม่ได้ตามเป้าหมาย เพราะในปีนี้ภาคธุรกิจถูกกระทบหลายอย่าง ประกอบกับกำลังซื้อลดลง สิ่งที่ตามมาคือธุรกิจค้าปลีก การท่องเที่ยว ธุรกิจที่เกี่ยวกับกำลังซื้อ และอสังหาริมทรัพย์ จะได้รับผลกระทบ ส่วนภาคการ ส่งออกอาจไม่ได้รับหรือได้รับผลกระทบน้อยมาก เพราะเศรษฐกิจโลกยังขยายตัวใช้ได้ จีนน่าจะขยายตัวได้ 10% อินเดียจะขยายตัวได้มากกว่า 8% แต่ที่จะกระทบคือธุรกิจที่ส่งออกไปยุโรป เพราะไม่ว่าจะเป็น อิตาลี ฝรั่งเศส หรือเยอรมนี อาจขยายตัวได้ช้า เช่นเดียวกับสหรัฐและญี่ปุ่น
นอกจากนี้ สถานการณ์การเมืองที่กำลังจะมีรัฐบาลชุดใหม่ แต่ยังไม่ใช่รัฐบาลที่แท้จริง ทำให้เม็ดเงินเมกะโปรเจ็กต์หายไป กว่าจะได้รัฐบาลที่ แท้จริงต้องใช้เวลาอีก 1 ปี
นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ ผู้จัดการฝ่าย ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีความเห็นเช่นเดียวกันว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ปีนี้จะขาดดุลแฝด สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัด คาดว่าจะขาดดุลเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องจาก ปีที่แล้ว ส่วนดุลการคลังหรือ ดุลงบประมาณปีนี้ แม้รัฐบาล จัดทำงบประมาณสมดุล แต่ ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลขาดสภาพคล่อง จุดที่ต้องติดตามว่าจะ ขาดดุลหรือไม่ คือการจัดเก็บรายได้ของปีนี้ หากครึ่งปีหลังเศรษฐกิจชะลอตัว การจัดเก็บรายได้ไม่ได้ตามเป้าหมาย อาจนำไปสู่ 2 ทางเลือก คือรัฐบาลจะรักษาวินัยการคลัง โดยตัดงบรายจ่ายลงให้เท่ากับรายได้ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือรัฐบาลจะยอมขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
หากรายได้ไม่พอรายจ่าย แต่รัฐบาลยังเลือกจัดทำงบประมาณสมดุลอยู่ จะเห็นการลดวงเงิน ในโครงการใหม่ๆ ที่เพิ่งประกาศ และโครงการที่ ยังไม่จำเป็นเร่งด่วน หรือการเลื่อนการลงทุนที่ จำเป็นน้อยออกไป
อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลเลือกขาดดุลงบประมาณจะขาดดุลไม่มาก ไม่น่าจะเกิน 1% ของจีดีพี ทั้งนี้ การขาดดุลช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณค้างจ่ายประมาณ 3 แสนล้านบาทในอัตราเร่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้จัดการศูนย์วิเคราะห์ เศรษฐกิจมหภาค ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า เรื่องขาดดุลงบประมาณเป็นประเด็นที่น่าติดตาม เพราะตัวเลขกระแสเงินสดขาดดุลมา 5 เดือน ติดต่อกันแล้ว และเป็นเงินกว่าแสนล้านบาท แสดงให้เห็นตัวเลขที่ค่อนข้างตึงตัว เนื่องจากรัฐบาลชุด ที่แล้วได้สัญญาไว้มาก ในการลดภาษีและโครงการประชานิยม เช่น การยกเว้นไม่เก็บภาษีธุรกิจที่มีรายได้ไม่ถึง 1 ล้านบาท ภาษีหายไปจำนวนมาก ไม่ต้องพูดถึงหาบเร่ แผงลอย ที่จะไม่ต้องเสียภาษีเลย กองทุนหมู่บ้านอีก 7.4 หมื่นล้านบาท
สำหรับการขาดดุลเงินสดนั้น พบว่าตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 เป็นต้นมา จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2549 รัฐบาลขาดดุลเงินสดแล้ว 135,570 ล้านบาท
จากคุณ :
อ่านขาด
- [
25 เม.ย. 49 08:43:37
]