ถ้าคิดว่า mkt.cap ของหุ้นตัวนี้ที่ 800 ล้านบาท
เราสามารถซื้อทั้งหมด จะสามารถนำเงินลงทุน + เงินสดฝากธนาคารที่สูงถึง 3.6 พันล้าน หรือ ประมาณ 4.5 เท่าตัว ไปสร้างผลตอบแทนในรูป ดอกเบี้ย และ เงินปันผล
ขณะที่หนี้สิน คือ พวกเงินสำรองประกันภัยนั้นไม่มีต้นทุนที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแต่อย่างใด
นี่คือ ข้อดีของบริษัทประกันภัย ซึ่งแตกต่างจากธนาคาร
คือ สินทรัพย์สร้างผลตอบแทนได้ คล้ายๆ กัน
แต่หนี้สิน บริษัทประกันภัยไม่ต้องจ่าย ดบ. ขณะที่ธนาคารต้องเสีย ดบ.เงินฝาก
การลงทุนในหุ้น SMK ก็เหมือนการลงทุนผ่านกองทุนแบบ balanced fund ทั้งในรูปหุ้น และ พันธบัตร หุ้นกู้ต่างๆ
โดยเพิ่มประสิทธิผลเงินลงทุน 4.5 เท่าตัว
นอกจากนี้เมื่อมองด้านความเสี่ยงแล้ว P/BV ของ SMK อยู่เพียง 0.71 เท่า ยังต่ำอยู่พอสมควร
และยังมีกำไรในพอร์ตการลงทุน 60 ล้าน...
เพื่อรองรับการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้
ปัญหาของ SMK คือ การมีต้นทุนการดำเนินงานที่สูงมาก ด้วยเบี้ยประกันภัยขนาดนี้ (พอๆ กับ SAFE) กลับมีต้นทุนการดำเนินงานที่สูงถึง เกือบ 600 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ SAFE นั้นต่ำกว่า 300 ล้านบาท ทำให้บริษัทไม่มีกำไรจากการดำเนินธุรกิจประกันภัย
แม้จะเป็นข้อเสีย แต่ก็อาจเป็นข้อดี ถ้าหากอนาคตสามารถจะประหยัดต้นทุนตรงนี้ลงไปได้
ก็เขียนเป็นข้อมูลไว้ครับ สำหรับเพื่อนๆ บางคนที่อาจสนใจ ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อครับ
จากคุณ :
เฟยหง
- [
21 พ.ค. 49 10:54:13
]