ขอบคุณคุณเตวี่ที่ช่วยเป็น face horse
นักลงทุนแนว VSOP
( Value Surfing by Open - minded Pragmatist)
นักลงทุนตามแนวทางนี้
น่าจะหมายถึง
"คนที่เล่นไปตามไพ่ที่ตัวเองถืออยู่ในมือ
ไม่ว่าไพ่ที่มีอยู่ จะดีหรือไม่ดี
ก็จำเป็นต้องเล่น ไปตามที่มันเป็นจริง
ไม่ใช่เล่น ไปตามที่ใจต้องการให้มันเป็น"
คำพูดประโยคข้างล่าง
น่าจะสะท้อนลักษณะสำคัญของนักลงทุนแนวนี้
เป็นคำพูดที่เฉียบคมมาก
จำไม่ได้แล้วว่า ใครเป็นคนพูดไว้คนแรก
ปัจจัยทางพื้นฐานของหุ้น
(การวิเคราะห์ผลประกอบการของบริษัท)
ใช้เพื่อตัดสินใจว่าควรจะซื้อหรือขายหุ้นตัวไหน
ปัจจัยทางเท็คนิคของหุ้น
( การวิเคราะห์แรงปะทะของอำนาจซื้อของเงินและอำนาจขายของหุ้น )
ใช้เพื่อตัดสินใจว่า ควรจะซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้น เมื่อไร เวลาไหนดี
นักลงทุนแนวทาง vsop ที่จะประสพความสำเร็จ
น่าจะต้องมีเครื่องมือ
ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้เหมาะสมกับตัวเอง
เช่นอาจจะเอาผลประกอบการ
มาผสมผสานกับกราฟรูปแบบต่างๆ
เท็คนิค DSM ข่าววงนอก ข่าววงใน ข่าวจากสื่อต่างๆ
ดวงที่หมอดูทายไว้ ใบเซียมซีที่เขย่ามาได้เป็นต้น
vsop จะต้องสนใจผลประกอบการของบริษัท
ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่มองข้าม แรงกรรมของตลาดหุ้นเช่นกัน
นักลงทุนตามแนวทางนี้
ที่ประสพความสำเร็จได้แก่
เสี่ยคัดท้าย ผู้พันซิกกี้ ผู้กองเตวี่ เสี่ย ป. ฯลฯ
นักลงทุนแนว vsop ที่ธาตุไฟแตก
มักจะเกิดจากลังเลใจ เลือกไม่ถูกว่า
การผสมผสานของอัตราส่วนระหว่าง vi กับ vsที่เหมาะสม
ควรจะอยู่ที่อัตราส่วนเท่าไร
แต่ในทัศนะส่วนตัวของข้าพเจ้า
เวลาใดที่อำนาจซื้อของเงินในตลาดฯลดลง
ควรให้อัตราส่วนของ vi สูงกว่า vs
และถ้าอำนาจซื้อของเงิน
ส่อแววว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
อัตราส่วนของ vi อาจจะต้องสูงถึง ๘๐ % ขึ้นไป
ในทางกลับกัน
เวลาใด อำนาจซื้อของเงินในตลาดฯเพิ่มมากขึ้น
ควรให้อัตราส่วนของ vs สำคัญกว่า vi
และถ้าอำนาจซื้อของเงินเริ่มส่อแววว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
อัตราส่วนผสมของ vs ต้องมากกว่า vi ตามไปด้วย
ในบางครั้ง อาจจะต้องสูงถึง ๙๕ %
มิฉะนั้น อาจจะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ตกรถ" ได้ง่ายๆ
ทั้งนี้และทั้งนี้ ไม่มีทั้งนั้น
ใครจะใช้เครื่องมือ ในการผสมอัตราส่วน vi กับ vs อย่างไร ด้วยวิธีใด
ก็ต้องเลือกให้เหมาะสม ใช้งานได้กับตัวเราเอง
ไม่ใช่ใช้งานได้ ตามที่กูรู้ที่ประสพความสำเร็จบอกไว้
สำหรับข้าพเจ้า
ขอเลือกใช้วิธี
หยิบเอาภาพหุ้น ๔ ประเภท ตามแรงกรรมของตลาด ฯ
ไปทาบตรงรอยต่อปัจจุบัน
เข้ากับภาพหุ้น ๔ ประเภท ตามแรงกรรมของผลประกอบการ
แล้วก็ตัดสินใจซื้อขายหุ้น ไปตามแต่ว่า
ปัจจุบัน มันคอนเวอร์เจ๊งหรือไดเวอร์เจ๊งกัน
ระหว่างแรงกรรมของผลประกอบการ กับแรงกรรมของตลาด
ตัวอย่างเช่น
ถ้าเป็นคอนเวอร์เจ๊งของหุ้นกลุ่ม ๔
จะต้องพยายามตัดใจคัทลอส
ถ้าเป็นไดเวอร์เจ๊งของหุ้นกลุ่ม ๓
ซื้อไปแล้วลง ต้องชอร์ตฯตามแรงกรรมของตลาด
หรือไม่ก็ชื้อเพิ่ม เป็นคำตอบสุดท้ายที่..............................
"คนเรามันเชี่ยวผิดกันเว้ยไอ้ศร
ทางใครก็ทางมันซิวะ"
แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 49 08:12:31
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 49 11:42:36
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 49 11:35:12
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 49 11:24:08
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 49 11:04:29
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 49 11:00:18
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 49 10:55:05
แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 49 10:50:58