การขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติไม่สามารถแก้ปัญหาเงินเฟ้อตอนนี้ได้เพราะการลดการบริโภคของประเทศไทยเพียงประเทศเดียวไม่สามารถทำให้
ราคาวัตถุดิบ(โลหะ,ยาง)และน้ำมันลดลงได้เพราะราคาสินค้าเหล่านี้แปรผันตามDemand Supply ของตลาดโลก
ทุนสำรองของไทยที่มีมากเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยหากคิดเฉลี่ยต่อหัว ประเทศไทยแทบจะเป็นประเทสที่มีทุนสำรองต่อหัวเป็นอันดับต้นๆของ
ประเทศกำลังพัฒนา แต่ประชาชนในประเทศกลับไม่มีจะกิน
แบงก์ชาติควรใช้เงินทุนสำรองที่มีอยู่ในรูปดอลลาร์มาขายไปซื้อเงินบาทเพื่อทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นประมาณ 5 % ซึ่งอาจใช้เงินทุนสำรอง
ประมาณ 10,000 ล้านดอลล่าร์
ก็จะทำให้ราคาวัตถุดิบ(โลหะ,ยาง)และน้ำมัน ในรูปเงินบาทถูกลง ก็จะแก้ปัญหาเงินเฟ้อไปได้
แล้วก็ลดดอกบี้ยลงไปหน่อยเพื่อทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
การแข็งค่าของเงินบาทก็จะไปกระทบผู้ส่งออกบ้าง แต่เพื่อทำให้ปัญหาเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ถือว่าคุ้มค่า
หากแบงก์ชาติยังคงขึ้นดอกเบี้ยเพื่อหยุดเงินเฟ้อโตไป
นอกจากจะไม่สามารถแปัญหาเงินเฟ้อได้แล้ว(อาจแก้ได้หากดวงดีราคาวัตถุดิบ(โลหะ,ยาง)และน้ำมันในตลาดโลกลดลง ไม่ใช่เพราะแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย)
อาจซ้ำเติมชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากปัญหาความไม่มั่นใจในการลงทุนจากความวุ่นวายทางการเมือง
นอกจากอาจเกิดภาวะการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ชะงักงันอย่างรุนแรงเหมือนที่เคยเกิดมาแล้วตอนปี 40
โดยเฉพาะโครงการอาคารสูงเพราะแบงก์จะปล่อยกู้ให้ผู้ซื้อน้อยลงเนื่องจากการผ่อนบ้าน 30 ปี ดอกเบี้ยขึ้น 1 % ทำให้ยอดผ่อนต่องวดเพิ่มขึ้น 10 %
ทำให้โครงการไม่สามารถก่อสร้างต่อได้เพราะเจ้าของโครงการไม่มีเงินมาก่อสร้างต่อไป หลังจากผ่อนดาวน์เสร็จ
คนที่ได้สินเชื่อ ผ่อนจนครบอาจไมได้ห้องชุดเพราะโครงการสร้างไม่เสร็จ
ทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นของผม เชิญรวมแสดงความเห็นกันได้ครับ
จากคุณ :
ชีวิตคือชีวิต
- [
18 มิ.ย. 49 19:32:15
]