ความคิดเห็นที่ 1 จริงครับ... วอเรน บัฟเฟต์  ซื้อบ้านหลังแรกด้วยเงิน 10% ของสินทรัพย์ที่มี   เขาจึงมีวันนี้ ขณะที่ชนชั้นกลางทั้งไทย อเมริกา  นำเงินทั้งหมดเข้าไปดาวน์บ้าน 10% และค่อยๆ ผ่อนอีก 90% ของมูลค่าบ้าน ทำงานเพื่อจ่ายดบ.แบงก์  ด้วยชีวิตการทำงานที่เหลืออยู่อีก 20-30 ปี..... เขาบริจาคเงินจำนวนนี้  ด้วยการทยอยบริจาคปีละ 5% นับว่าฉลาดมาก  เพราะไม่แน่ว่าที่จริงแล้ว  สินทรัพย์ของเขาอาจไม่ลดลงเลยด้วยซ้ำ   ด้วยผลตอบแทนต่อปีที่มากกว่านั้น   ดังนั้น  เขาจึงได้ทั้งความสุขใจที่เป็นผู้ให้  และ ยังมีสินทรัพย์จำนวนมหาศาลต่อไป  บางทีอาจขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งใน 1-2 ปีนี้ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 49 12:35:00 จากคุณ : เฟยหง - [ 27 มิ.ย. 49 12:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สาธุ อนุโมทนากับคุณวอเรนด้วยค่ะ ช่างเป็นเศรษฐีที่ใจบุญและฉลาดจริงๆ ขนาดบริจาคเงิน ยังบริจาคแบบนักลงทุนอีกแน่ะ แต่ก็ต้องขอชมว่าเค้ายังมีจิตใจที่คิดจะสละออกบ้าง ไม่ใช่เอาสะสมเข้าอย่างเดียว จากคุณ : หนูขิง - [ 27 มิ.ย. 49 12:42:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณเฟยหงกล่าวได้คมมาก ขอชื่นชม บัฟเฟตต์ ด้วยคน จากคุณ : อ่านขาด - [ 27 มิ.ย. 49 12:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ... ชื่นชม  ... จากคุณ : อำพันสีทอง - [ 27 มิ.ย. 49 13:03:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 1  ใน  6,000,000,000     อ่าน  ว่า หนึ่ง   ใน   หก  พัน  ล้าน ถ้าจะมีคนที่สอง   จะต้องมีคนเพิ่มอีก  6000 ล้านคน ล้อเล่น  อย่าถือเป็นเรื่องจริง จากคุณ : ปุ๊งเต้า - [ 27 มิ.ย. 49 13:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นับถือด้วยคนครับ นายกฯ เราว่า จะตั้งกองทุนวิจัย หรือ กองทุนที่ช่วยคนยากคนจน จนปานนี้ ยังเงียบอยู่เลย ขี้คุยหรือเปล่าเนี่ยะ จากคุณ : หมูอวบ - [ 27 มิ.ย. 49 13:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อย่าไปเทียบกับนักการเมืองไทยบางคนเลยครับ ยังหลบเลี่ยง tax เลย จากคุณ : thrill - [ 27 มิ.ย. 49 14:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มูลนิธิไทยคมช่วยสร้างบ้านให้ผู้ประสบภัยทางภาคเหนือ 400 หลัง จากคุณ : finding - [ 27 มิ.ย. 49 14:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อีกมุมมองหนึ่งนะครับ คนที่ดีจริง ไม่มีทรัพย์สมบัติได้มากมายมหาศาลแบบนั้นหรอก ไม่รู้ว่ามีกี่คน รวมถึงประเทศที่ด้อยพัฒนาอย่างเรา ที่สูญเสียผลประโยชน์มหาศาลไปให้พวกนี้เท่าไรแล้ว เพียงแค่บริจาคเศษเงินให้ ก็พอแล้ว นี่แหละสังคมทุนนิยมแท้จริง ถ้าอยากช่วยจริง ไม่ต้องโฆษณาไม่ได้หรือ? จากคุณ : @golf - [ 27 มิ.ย. 49 15:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ได้ยินว่าบริจาคเป็นหุ้นนะ ไม่ใช่เงินสด จากคุณ : prettypetite - [ 27 มิ.ย. 49 16:57:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมคิดอย่างนี้ครับ เราไม่สามารถห้ามไม่ให้คนโลภได้แต่เราสนับสนุนคนให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ได้ คนโลภ คนโกง มันแก้ด้วยมาตรการทางสังคมยาก ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มแข็ง แต่การ"ยกยอ"ให้คนทำความดีเป็นเรื่องที่ใช้มาตรการทางสังคมได้ผลดีกว่า ดังนั้นผมจึงยกมือสนับสนุนข่าวนี้ครับ อ้อ ตามข่าวที่ผมทราบมาเห็นเขาว่าจะบริจาค 85% ของสินทรัพย์นี่ครับ ถ้าทำตามนั้นจริงๆไม่ใช่เศษเงินแน่ๆ ถ้าแค่ 1.428% ของรายได้(ไม่ใช่สินทรัพย์ทั้งหมดด้วยนะ) นี่สิถึงเรียกว่าเศษเงิน จากคุณ : Nexus - [ 27 มิ.ย. 49 20:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 บริจาคเท่าไหร่ไม่สำคัญ เงินเค้าหามาได้สุจริตจะบริจาคเท่าไหร่ เมื่อไหร่ แบบไหนย่อมได้ ใจที่เป้นกุศลสำคัญกว่าเงินทอง จากคุณ : เสี่ยวจังเรา - [ 28 มิ.ย. 49 14:35:03 A:210.203.186.72 X: TicketID:101679 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอยกย่องครับ  เศรษฐีไทยน่าจะเอาอย่างครับ จากคุณ : yama - [ 28 มิ.ย. 49 15:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอยกย่องเช่นกันครับ   สำหรับผม บัฟเฟตต์เป็นตัวอย่างทั้งแนวคิดและการใช้ชีวิตครับ จากคุณ : ปริเยศ (Pariyed) - [ 28 มิ.ย. 49 20:38:19 ]