ความคิดเห็นที่ 1 เเจ่มครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : VALID - [ 6 ก.ค. 49 12:31:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอาเป็น 3 บรรทัดสุดท้ายของคุณผมไม่เชื่อครับ คนรู้จักของผมในแวดวงการเงิน ลูกจ้างธนาคารไม่ก็บริษัทเครดิตก็มีหลายคนอยู่ ก็พกบัตรเครดิตกันมาหลายปี ไม่เคยเจอใครที่เป็นลูกจ้างบริษัทที่ออกบัตรเครดิตแล้วไม่ใช้บัตรเครดิต การใช้เลขบัตรเครดิต 4 ตัวหลังซื้อของบน website ถ้าเป็นแต่ก่อนผมไม่รู้หรอกนะครับว่าทำได้จริงรึเปล่า แต่ปัจจุบันผมไม่เคยเห็น web ไหนที่ใช้แค่เลข 4 ตัวหลังหรอกครับ เขาต้องใช้เลขอื่นอีก เช่นเลข 3 หลัก หลังบัตร การใช้บัตรเครดิตก็คือริจะเป็นหนี้  ใครจ่ายตรง due อย่างน้อยก็ต้องเป็นหนี้เขา 1 รอบบัญชีคงหนีคำว่าเป็นหนี้ไปไม่พ้น ถ้าจะเป็นลูกหนี้แล้วไม่รู้จักมีวินัย ไม่รู้จักตรวจสอบใบแจ้งหนี้ สำหรับผมถือว่าคนพวกนี้โง่เองครับ ผลประโยชน์ของตัวเองไม่รู้จักดูแล คนใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์มีอีกมาก คนไม่เคยมีปัญหาเลยก็มีไม่น้อย อยู่ที่ตัวเราเองครับ จากคุณ : silver seraph - [ 6 ก.ค. 49 12:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 --ขอบคุณค่ะ-- จากคุณ : อำพันสีทอง - [ 6 ก.ค. 49 12:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ....คุณ คห.ที่ 2 ครับ ผมบอกว่า พวกเขาเหล่านั้น "ไม่ใช้" ครับ ไม่ใช่ว่า "ไม่มี" มันต้องมี แน่ครับ ... เพราะ บริษัท บังคับออกบัตรให้เอง แถมสิทธิพิเศษมากมาย ส่วนที่ คุณบอกว่า ใช้เลขอื่นอีก เช่น เลข 3 หลัก หลังบัตร ... มันก็คือว่า สามารถหาข้อมูลได้ในบัตรใบเดียว นั่นแหละครับ แล้วคนที่ เซ็นลายเซ็นต์ บนหลังบัตร ... ผมขอย้ำว่า อย่าเซ็นต์เลยครับ ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเมื่อบัตรคุณหาย ทำใหม่ อย่างเดียว ไม่ต้องไปขอคืนหรอกครับ เซ็นต์ไปก็มีแต่ จะทำให้คนเก็บได้ ปลอมลายเซ็นต์ได้เปล่า ๆ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย แล้วแต่ .... แค่จะเตือน ๆ กันไว้ เพราะถ้าคนทำบัตรเครดิตน้อยลง ผมก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ถ้าคนทำบัตรเครดิตน้อยลง .... บริษัทเองที่เสียผลประโยชน์ เพราะฉะนั้น จะมีคนมาแย้ง ก็ไม่แปลก ผมก็แค่ผ่านมา เห็นกระทู้ อยากทำบัตรเครดิต ก็เลยอยากเตือนคนที่ไม่เคยทำบัตรมาก่อน ไว้ให้รู้กันไว้ก็แค่นั้น จากคุณ : อาหนิว - [ 6 ก.ค. 49 12:52:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นไปได้สูงครับ  งั้นต้องลบ 3 ตัวหลังของบัตรออกแล้วหละ สมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้ ขอบคุณครับที่ช่วยเตือน แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 49 13:19:17 จากคุณ : เม่ามีชัย - [ 6 ก.ค. 49 13:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าขูด 4 ตัวหลังแล้วจะยังใช้ได้เหมือนเดิมหรอค่ะ แล้วเวลาใช้เค้าจะยอมรับบัตรหรอ ค่ะ คือว่าไม่เคยมีบัตรอะ 555อยากรู้ จากคุณ : กกดหก (nongfoil) - [ 6 ก.ค. 49 13:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เวลาซื้อของบนเว็บไซต์ บัตรเครดิตบางเจ้า เค้าให้ Verifyบัตรก่อนการซื้อของ คุณจะมี Password สำหรับใส่เวลายืนยันการชำระเงิน อีกอย่างถ้าเราไม่เคยซื้อของบนเว็บมาก่อน และเป็นเว็บต่างประเทศ จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาถามครับ อีกอย่างเรื่องของใบแจ้งหนี้ คนที่ถือบัตรต้องรับผิดชอบตัวเองครับ ว่าตัวเองไปก่อหนี้ที่ไหนมา ถ้ายังไม่รู้ผมว่าเลิกใช้ไปเถอะครับ  โดนแอบใช้ พัน สองพัน ผมว่ามันไม่ Common sense เอาซะเลย เลข CVV 3ตัวท้าย จะลบออกก็ได้ ครับ ซื้อของบนเว็บใช้เลขบัตรเครดิต16หลักกับเลข CVV,CVC,CID 3 หลักครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 49 13:32:30 จากคุณ : Neo007 - [ 6 ก.ค. 49 13:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนผมขอเตือนคนที่จะไปทำงานเป็นพนักงานขายบัตรเครดิต หรือขายสินเชื่อแล้วกันนะครับ ถ้าจะทำเป็นลักษณะพาร์ทไทม์ ไม่มีการเซ็นสัญญาอะไรในการจ้าง (เป็นลักษณะแบบเชน) อย่างไรก็ดี ขอใหพยายามหลีกเลี่ยงนะครับ ซึ่งมีโอกาสถูกหลอกได้สูงครับผม เพื่อนผมโดนมาแล้ว จึงอยากเตือนให้ทุกท่านระวังตัวไว้ด้วยครับ จากคุณ : ClasS_X - [ 6 ก.ค. 49 13:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถูกต้องครับ ตามที่คุณ Neo007 บอกมานั่นแหละครับ เวลาได้บัตรมา คุณต้องรู้ก่อนว่า ตัวเลขบนบัตร ตัวไหนที่ มิจฉาชีพ นำไปใช้ได้ จากนั้น คุณก็ลบมันออกไปซะ .... ที่ผม ตั้งกระทู้มา ก็เพราะ คนส่วนใหญ่ ไม่ได้สนใจกับ รายละเอียด ตรงจุดนี้ นั่นแหละครับ .... จากคุณ : อาหนิว - [ 6 ก.ค. 49 13:28:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ของทุกอย่างบนโลกมีทั้งคุณและโทษ เพียงแต่มันจะมีคุณ หรือ โทษ มากกว่ากัน บัตรผมก็เคยโดนคนเอาไปซื้อของบนเน็ต 6-7000 บาท แต่โชคดีที่ไม่ต้องจ่าย ตอนนั้นได้บัตรมาใหม่ๆ ไปรูดที่ห้างคาร์ฟูร์ สงสัยพวกแคชเชียร์หัวหมอ (บางคน) เอาไปใช้รายการที่ใช้ก็มี ซื้อตั๋วหนังที 4-5 ใบ หลายๆ วัน แล้วก็ซื้อเสื้อผ้าจากเวปห้างเซ็นทรัลครับ (วิเคราะห์ได้ว่าคนใช้ยังอายุไม่มาก) ยังดีที่มันปราณี รูดไปไม่มาก 555 ปล. บัตร เคทีซี จากคุณ : Grasshopper - [ 6 ก.ค. 49 13:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าทุกสถาบันการเงินน่าจะให้ Verify บัตรก่อนการใช้บัตรบนเน็ทน่ะสิครับ จะช่วยได้เยอะเหมือนกัน เพราะมันจะติด Passwordเวลาจ่ายเงิน จากคุณ : Neo007 - [ 6 ก.ค. 49 13:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เปลี่ยนจากขูดเลขออกมาเป็นใช้ ปากกาหมึกแบบถาวร ขีดทับได้มั๊ย ? อาจจะช่วยให้มองยากขึ้นถ้าไม่เพ่งมองจิงๆ จากคุณ : fork - [ 6 ก.ค. 49 13:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่รู้นะ ... สำหรับผมแล้ว เคยพบยอดที่ไม่ตรงมากับใบแจ้งหนี้ ก็โทรไปบอกธนาคารเพื่ออธิบายและยกเลิกเป็นบางรายการได้น่ะครับ เข้าใจว่าธนาคารก็มีการสำรองความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้สูญอยู่แล้ว เชาให้เวลา 7 วันหลังจากได้รับใบแจ้งหนี้ เพื่อ Clear อ่ะครับ ว่ายอดไหนไม่ตรงบ้าง จากคุณ : นายแมงเม่า - [ 6 ก.ค. 49 13:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมใช้บัตรเครดิตมาตั้งแต่สมัยมีแต่ของฝรั่งอย่างเดียว จนถึงเวลานี้ ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร สะดวกดี จ่ายให้ตรงตามดิวก็พอ ไม่ต้องแบกเงินไปไหนกะตัวมากๆ ใครไม่ชอบก็ปล่อยไป อยากแบกเงินสดไปซื้อของมากๆก็ตามใจ ถ้าทุกคนคิดแบบจขกท ธนาคารชาติพิมพ์ธนบัตรออกมาไม่ใหวหรอกครับ คิดดูดีๆ มีเช็ค มีบัตรเครดิต ในตลาดเงิน ลดจำนวนธนบัตรไปได้มหาศาล จากคุณ : ไม่โง่ตาม - [ 6 ก.ค. 49 15:00:57 A:58.64.120.73 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ที่บอกว่าไม่เซ็นชื่อหลังบัตร เดี๋ยวนี้บัตรไหนไม่เซ็นชื่อเค้าไม่รับจ่ายค่าสินค้าหรือบริการหรอกค่ะ ใช้ดี มีประโยชน์มากค่ะ สะดวกสบาย แต่ก็ต้องระมัดระวังค่ะ จากคุณ : tonbo2k - [ 6 ก.ค. 49 17:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าก็เป็นเจตนาดีในแง่ที่คุณอาหนิวให้ความรู้ไว้เป็นวิทยาทานนะครับ ผมก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าไอ้บัตรเครดิตเนี่ย จริงๆ ใครหยิบได้ ไปรูด แล้วก็เขียนลายเซนต์ให้ตรงหลังบัตรแค่นี้ก็ได้แล้ว มันง่ายเกินไปมั้ย แต่มันก็มีทั้งโทษทั้งดีล่ะครับ ถ้าจะบอกว่ามีได้แต่ให้อย่างระมัดระวังจะดีกว่า ที่จะบอกว่าไม่ควรมี เพราะประโยชน์มันเยอะมากเหมือนกัน ซื้อของมาได้เงินหมุนไปอีกสี่ห้าสิบวัน ก็ถือว่าคุ้มละครับ แต่อย่าใช้ให้ไปเป็นหนี้ก็แล้วกัน จากคุณ : ปิงปองสี่เหลี่ยม - [ 6 ก.ค. 49 17:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ที่เมืองไทยไม่มี cid (check ID card) แบบ ตปท.อ่ะครับ เวลาใช้ต้องใช้คู่กับบัตรประชาชนหรือ passport จะป้องกันเพิ่มได้อีกระดับหนึ่งครับ จากคุณ : komy14 - [ 6 ก.ค. 49 18:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไมไม่กลัวพนักงานธนาคารบ้างล่ะครับ เพราะรู้ข้อมูลบัตรของคุณทั้งหมดเลย แถมจะเอากี่หมื่นกี่แสนใบก็ได้ จากคุณ : Knight - [ 6 ก.ค. 49 19:44:28 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ข้อมูลเป็นความรู้เหมือนกัน นะครับ เนื่องจากเป็นคนที่ทำงาน ด้าน เกี่ยวกับ การทำธุรกรร ม ก็ บอกว่า ถ้า คนที่เข้าใจ ระบบการทำงาน จะง่ายมากในการที่จะใช้บัตรทั้งของตัวเองและของปผู้อื่น ครับ เพราะ ปกติเวลาใช้ บัตรเครดิต นั้น จำเป็นต้องใช้ 3 อย่าง ควบคู่กัน ตามที่ ผู้รู้บางท่านให้ข้อมูลมาถูกต้องครับ การทำลาย สิ่งที่เรียกว่า cvv ออกนั้นช่วยได้ใน ระดับนึงครับ ในปัจจุบันเนื่องจากภาวะอัตราเสี่ยงที่จุดนี้มี สูงขึ้น เรื่อยๆ ธนาคาร บาง ธนาคาร จึงมี กฎเกณฑ์ ในการป้องกันความเสี่ยง ง่ายๆ ครับ เช่น ถ้า คุณ ไม่ได้ ไปซื้อสินค้า ชิ้นนั้น ให้ รีบ ปฎิเสธรายการ ทันที ที่ได้ รับบิล หรือ มีการแจ้งเตือน ในจุดนี้ ธนาคารจะสามารถทำรายการที่เรียกว่า charge back กับ เจ้าของ เวบไซต์ หรือ ธุรกรรมได้ ครับ นอกจากนี้ แล้ว ปัจตจุบันในต่างวประเทศ เริ่ม มีการใช้ ระบบ ที่เรียกว่า verify by VISA สำหรับ visa card นะครับแพร่หลายมากขึ้นแล้วใน ประเทศไทยเอง ก็ เริ่มมีร้านค้า นำมาใช้แล้ว โดยที่ระบบ Verify by VISA คุณ จะใช้ บัตรได้ คุณต้องมี username และ password กำกับอีกชั้น เพื่อ ป้องกัน แต่ใช้ในกรณ๊ ผ่านอินเตอร์เนท และ m -ecommerce เท่านั้น นะครับ นอกจากนี้ทางแบงค์เอง จะมีการศึกษา พฤติกรรมการใช้ของคุณ เช่น ถ้า คุณใช้อยู่ที่ครั้งละ 5-6 พัน ในบริเวณ นึง ถ้า คุณ มีการใช้ใน ขอบเขตที่น่าสงสัย แบงค์เขาก็ จะติดต่อคุณ เพื่อ ขออนุมัติ การประยุกต์ของผม ง่ายๆ คือ ผม จะ แยก บัตร ใช้จ่ายอย่างชัดเจนเพื่อสร้างเส้นทางให้ พนักงาน แบงค์ทราบว่าผมใช้เพื่อวัตถุประสงค์ ใดและมีการระบุ กำกับ ว่า ถ้า เกินวงเงิน เท่าไหร่ ให้ โทร ขออนุมัติ นอกจากนี้ ในกรณ๊ การใช้จ่ายผ่านอินเตอร์เน็ตที่ค่อนข้างเสี่ยงผม ก็ จะ setup card ที่มีวงเงินต่า จิงๆ แล้ว การมีบัตร มันดีหรือไม่ ตัวเรา ตอบตัวเราเองได้ดีที่สุด มัน สะดวก แต่มี 2 ด้านครับ เราต้องรู้จักใช้ กันอย่างระมัดระวัง ถ้า จะไม่ใช้ เลยก็ คงเป็นไปได้ ครับ แต่ผม เข้าใจ ว่า สักวันหนึ่ง คุณ ก็ จะเข้าสู่ ยุคที่ต้องใช้ มันเอง โดยปริยาย ครับ เรา อาจจะเจอ ยุคที่จำนวนเงินเป็นแค่ ตัวเลขดิจิตอลเข้าสักวัน เพราะ อย่างนั้น เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันให้เป็นและมีคุณค่า สูงที่สุดครับ จากคุณ : คนเดินถนนกับสายลม - [ 6 ก.ค. 49 22:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าใช้ดีๆก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ ผมใช้ของ HSBC(HK) ทุกๆอาทิตย์ผมก็เช็คยอดการใช้กับระบบ online banking ก็ยังไม่เคยเจอรายการพิลึกๆซะที ส่วนการทำธุรกรรมบน Internet ก็เปิด Verify By VISA ซะก็กันไว้ได้อีกระดับหนึ่ง แล้วก็จำกัดวงเงินบัตรเท่าที่จำเป็น ถ้าใช้อย่างระมัดระวังก็ไม่เป็นปัญหาครับ จากคุณ : Nexus - [ 6 ก.ค. 49 23:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ ที่แจ้งข่าว ผมยังโชคดีอยู่ ที่ใช้บัตรเครดิตมาตั้งแต่สมัย บัตร กสิกร เสียค่าธรรมเนียม ด้วย จนต่อมา มีบัตร ตปท เข้ามา ก็ ขอเว้นค่าธรรมเนียมได้ ก็ใช้เรื่อยมา ถ้าไม่ใช่การซื้อของที่ตลาดสด หรือ ซื้อ ไม่กี่ 10 บาท  ตีซะว่า 300 ขึ้นไป ผมรูดบัตร ตลอดละครับ ทำไมต้องไปจ่ายเงินสดละ  ใช้บัตร มีรอบระยะเวลา ปลอดหนี้ บางที ก็มีส่วนลดพิเศษอีก   ที่แน่ๆ  สะสมแต้ม แลก ของได้อีก มองแง่ดีแล้ว สะดวก กว่า ใช้เงินสด ด้วยประการทั้งปวงครับ มีบ้าง 2 - 3 ครั้ง ที่เจอ รายการเรียกเก็บซ้ำ  ยอมเสียค่าโทรศัพท์ 3 บาท ดทรไป แจ้ง  ก็ไม่ต้องจ่าย ที่สำคัญ อย่ารูดเพลิน เกินกำลังจ่ายแต่ละรอบบัญชี ก็แล้วกัน และ ก็ ไปชำระให้ทัน หรือ หัก ออมทรัพย์ไปเลย ก็สะดวก  เพราะ ดอกเบี้ย มันแพง ครับ จากคุณ : MaeJung - [ 7 ก.ค. 49 09:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมใช้บัตรเครดิตของกรุงศรีฯ เวลาไปซื้อของที่ราคาสูงๆ วันรุ่งขึ้นจะมีพนักงานของบัตรเครดิตโทรมาตลอด.... แล้วถามว่าได้มีไปซื้อของที่ร้านxxx ราคา xxx หรือ ป่าว ผมว่าแบบนี้ก็ดีนะคับ...เวลามีการทำรายการซื้อจำนวนเงินเยอะๆ ก็โทรมาถามเจ้าของบัตร.... แล้วเคยลืมไปจ่ายเงินเลยไป 2 วัน ก็มีพนักงานโทรมาเตือนด้วย แล้วบอกว่ายังไม่ได้คิดดอกเบี้ยให้รีบไปจ่าย....เลยต้องรีบไปจ่าย จากคุณ : OmO (BIG SUR) - [ 7 ก.ค. 49 17:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ที่จขกท. พูดถึงเลข 4 หลัก คงหมายถึง เลข 3 หลักด้านหลังบัตร ที่เรียกว่า CCV ก็ดีนะครับ ที่ลบออก ปลอดภัยระดับหนึ่ง แต่ก็แนะนำให้จดเก็บไว้ เผื่อฉุกเฉินต้องซื้ออะไรผ่านเน็ต จะได้ไม่ลำบาก บัตรเครดิตนี่ ลายเซ็นต์ ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะครับ ผมเคยสลับหยิบบัตรของแฟนออกมาใช้ แล้วเซ็นต์ด้วยลายเซ็นต์ผม ก็ไม่ถูกทักอะไรเลย ถ้าจะให้ชัวร์หน่อย ก็ต้องรอชิปการ์ดครับ ซึ่งชิปการ์ดที่ต่างประเทศ เจ้าของบัตรต้องกด pin ด้วย กันว่าคนขโมยไปรูด ยังเจอขั้นตอนกันด้วยรหัสอีกชั้นหนึ่ง จากคุณ : เกย์จิ (เกจิ) - [ 7 ก.ค. 49 19:07:08 ]