ความคิดเห็นที่ 1 ถ้ามีจริง "คิดผิด" จากคุณ : นิรนาม - [ 7 ส.ค. 49 05:12:37 A:124.120.128.121 X: TicketID:000564 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มีหลายคนค่ะ แต่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ กำลังคิดจะทำเหมือนกัน จากคุณ : nijja - [ 7 ส.ค. 49 06:28:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คิดผิดหรือถูกก็ไม่เกี่ยวกับใคร ขึ้นกับบุคคล เหตุผลมีมากมาย ส่วนตัว ขี้เกียจทำงานและอยากรวยเร็ว ป.ล. ถ้าลาออกมาเล่นเพื่อพออยู่พอกิน อย่าออกมาเลย จากคุณ : หนึ่งคนที่ออกมา - [ 7 ส.ค. 49 07:20:24 A:58.8.182.122 X: TicketID:124741 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เคยเห็นหลายคนออกจากงานมาเล่นหุ้น(การพนันดีๆนี่แหละ) เวลานี้หมดสภาพไปแล้ว จากคุณ : น่าสงสารนะ - [ 7 ส.ค. 49 07:58:35 A:58.64.126.61 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 รู้จักแต่คนที่เล่นหุ้น ดุหุ้นทั้งวันจนที่ทำงานทนไหวไล่ออก ให้เล่นหุ้นอย่างเดียว มีงานทำไปเถอะครับ เล่นหุ้นไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเลย จากคุณ : sutee - [ 7 ส.ค. 49 08:17:37 A:58.9.27.60 X: TicketID:124017 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คห.5 วันนี้คิดดีจัง ขอชม แบบนี้ผมชอบ จากคุณ : weeras (weeras) - [ 7 ส.ค. 49 08:45:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ.นู๋ ลาออกมาเล่นหุ้น กำไรวันละแสนเองต่ำๆ อย่ากทำได้บ้างจังแต่ไม่สามารถ ยังคงต้องเป็นทาสต่อไป ทาส VS นลท  ความเหมือนที่แตกต่าง จากคุณ : นู๋ออม - [ 7 ส.ค. 49 08:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เคยเห็นแต่คนที่เรียนจบแล้วไม่ยอมทำงาน อยู่บ้านเล่นหุ้นอย่างเดียวทั้งครอบครัวเลย บ้านเค้าพอมีเงินอยู่บ้างอ่ะ ไม่รู้ได้หรือเสียเหมือนกัน แต่ที่รู้ ๆ ขี้งกสุด ๆ เหมือนกัน {@^_^@} จากคุณ : KOHAKU - [ 7 ส.ค. 49 09:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รอ จานปลา มาตอบ จากคุณ : virust - [ 7 ส.ค. 49 09:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนตัดสินใจก็คิดว่าเราจะเอาดีทางนี้แหละ.. แต่เรื่องนี้ทำยากนะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ และไม่ได้กำลังบอกว่าตัวเองเก่ง ..ตลาดหุ้นสำหรับผม ส่วนหนึ่งมันเป็นความฝันด้วย รู้จัก สนใจ ฉงน กับคำว่า "ตลาดหุ้น" ตั้งแต่ ป. 4 อยู่ ปวช. เรียนมหา'ลัย ก็จะแว่วคำว่า "ตลาดหุ้น" อยู่เสมอ.. เล่นหุ้นเป็นอาชีพนี่ ผมว่ามันเหมาะกับคนส่วนน้อยเท่านั้น ผมเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง ขณะเดียวกันก็ไม่ชอบออกคำสั่งกับใคร เพราะฉะนั้น งานที่เหมาะ คืองานที่เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ..ซึ่งผมเอง ก็ค้าๆ ขายๆ มาตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. แล้ว เคยเปิดแผงขายของที่สีลม เคยเปิดร้านขายเทป ซีดี พวกนี้สมัยหมา'ลัย ..เคยทั้งลงทุน ในกิจกรรม ที่ใช้เงินลงทุนในจำนวนเงินมากพอประมาณสำหรับผม และอื่นๆ อีกหลายอย่าง บางอย่างสำเร็จ เดินไปข้างหน้าได้ เลี้ยงตัวเองได้ ไม่หวือหวา บางอันก็ไม่สำเร็จ ขาดทุน เงินเก็บหายก็มี.. แต่ทั้งหมดทั้งปวงแล้ว งานทุกอย่าง ที่เราเป็นผู้ลงทุนเอง เป็นเจ้าของเอง ต่างต้องอาศัยความทุ่มเท และต้องมีการคาดหมายที่ดี ถึงกระนั้นก็มีความเสี่ยงในทุกกิจการเหมือนกัน ตอนหลังมาช่วยกิจการที่บ้าน และเริ่มเล่นหุ้นไปด้วย รู้สึกว่าเล่นหุ้นเข้ากับนิสัยตัวเอง อาจจะเพราะความสนใจที่มีแต่ดั่งเดิม อาจจะเพราะเรียนมาในสายที่พออ่านเศรษฐกิจได้ แต่แรกๆ เล่นหุ้น ก็เหมือนคนอื่นๆ เล่นได้ไม่ดี มั่วๆ ไปวันๆ แต่ขาดทุนมากกว่ากำไร แต่ช่วงที่ตัดสินใจ ว่าจะมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพ ก็คือมีประสบการณ์ เล่นหุ้นมาแล้ว 2 ปี เห็นจะได้ รู้ว่าตัวเองชอบทางนี้ รู้ว่าตัวเองพัฒนาได้ในทางนี้ มีหลายเรื่องที่เราอยากเรียนรู้ แต่ก่อนหน้าไม่มีเวลา รู้ว่าตัวเองควบคุมค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ รู้ว่าตัวเองจะไม่เล่นหุ้นเกินตัว ที่สำคัญมากๆ คือ.. มีความเชื่อมั่นว่าเราจะทำได้ มีความมั่นใจที่จะทำ และตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะเอาให้ได้.. ตรงนี้สำคัญมาก.. คนที่จะหันมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพได้ ต้องมีความรู้จักตัวเองมากพอสมควร ต้องไม่หลอกตัวเอง ผิดคือได้เรียนรู้ ถูกคือได้เรียนรู้ ..ตลอดทางคือต้องเรียนรู้ตลอด ต้องรู้จักกำลังตัวเอง หมายถึงทั้งกำลังเงิน และกำลังใจ (รวมถึงกำลังการตัดสินใจ) ..เพราะเมื่อไหร่ทำอะไรลงไปเกินกำลังตัวเอง ไม่ว่าจะเกินกำลังเงิน หรือเกินกำลังใจ ผลที่ตามมาคือความผิดพลาด ขาดทุน สำคัญอีกส่วนหนึ่ง คือ ต้องเพิ่งพาตัวเองได้.. ถ้าใครยังเล่นหุ้นโดยฟังคำบอกเล่าของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นมาร์เก็ตติ้ง คนในเวปบอร์ด เพื่อน เซียน พวกนี้บอกเลย อย่าได้ทะลึ่ง คิดจะมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพ เพราะถ้ายังหาหุ้นด้วยตัวของตัวเองไม่ได้ ไม่มีทางจะมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพได้ เพราะฉะนั้น ฝากบอกกันตรงนี้ ถ้าใครอยากจะ "เล่นหุ้นให้เป็น" ต้องเรียนรู้ที่จะหาหุ้นด้วยตัวของตัวเอง จะใช้เทคนิคแบบไหนก็ได้ จะใช้กลยุทธแบบไหนก็ได้ จะ vi vs ก็ได้ .. ไม่มีผิด ไม่มีถูกสำหรับทุกๆ คน ..มีแต่ผิดและถูก สำหรับตัวของเรา ..สำคัญก็คือ เราต้องหาทางทำกำไรจากตลาดหุ้น ได้ด้วยตัวของเราเอง ตั้งแต่สะกิจใจในหุ้น ตัดสินใจเลือกหุ้นตัวใดๆ เพราะเหตุใด และคาดว่ามันจะเป็นไปในทางไหน.. ถ้ามันเป็นเหมือนที่คาดไว้จะทำยังไง ถ้าไม่เหมือนที่คาดไว้จะทำยังไง มีกลยุทธ์พร้อมในการเล่นหุ้น ..และมีกลยุทธพร้อมในการสะสมกำไรที่สามารถหามาได้ วันนี้ส่วนตัวก็พอใจในตัวเองที่เลือกทางนี้ จะมีบางครั้ง แค่รู้สึกว่าตัวเองว่างมากเกินไปหน่อย บางครั้งรู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเท่าไหร่เลย ..ไม่ได้ช่วยสร้าง ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งกับสภาพคล่องในตลาด เดี๋ยวนี้ซื้อข้าวของไม่ค่อยต่อ ทั้งที่แต่ก่อนเป็นพ่อค้า ซื้อของต่อแหลก (ยี่สิบบาท ยังต่อเหลือ สิบห้า สามบาท ยังต่อเหลือ สองบาท 5555) เ ดี๋ยวนี้นอกจากไม่ค่อยต่อ บางทีจ่ายเกินด้วย กลัวเค้าได้กำไรน้อยไป ทำบุญง่ายและเก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ (แต่ก่อนทำบุญต้องมีเหตุผล มีเงื่อนไข) แต่ทั้งหมดที่มาเล่นหุ้น ทำก็เพราะฝัน เป็นคนชอบฝัน และก็ชอบทำตามความฝัน เล่นหุ้นถ้าทำได้สำเร็จ ก็จะช่วยทำความฝันอื่นๆ ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเรื่องความมีอิสระ ไปทำงานอื่นได้โดยไม่หวังเงิน พวกงานประเภทที่ทำแล้วมีความสุข แต่ไม่ค่อยมีเงิน ถ้ามีเงินมาพอถึงระดับหนึ่ง ก็สามารถเอาเงินไปสร้างความฝันอื่นได้.. คือธรรมชาติของผมไม่ใช่คนบ้าเงิน แต่เป็นคนมีความฝันเยอะ ชอบทำตามฝัน ชอบไล่ความฝัน ถ้าเล่นหุ้นสำเร็จเราจะทำความฝันได้หลายอัน พูดมากจัง เผอิญว่าช่วงนี้ คิดเรื่องพวกนี้เยอะเหมือนกัน.. ย้ำสุดท้ายว่า ใครๆ ก็เข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดได้ แต่คนจำนวนน้อย ถึงน้อยสุดๆ ที่จะสามารถมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพได้ ต้องมีเงื่อนไขหลายอย่าง ต้องไม่มีภาระผูกพันมากเกินไป ต้องรู้จักตัวเอง ควบคุมตัวเองได้ในระดับดี พวกไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิตแน่ๆ อย่ามาเล่น เพราะคนเล่นหุ้นเป็นอาชีพได้ ต้องมีเป้าหมายที่แน่ชัด พวกอยากรวยไม่สินสุดก็มาเล่นไม่ได้ มันจะโลภ และต้องใฝ่รู้ต้องเรียนรู้ไม่มีวันจบ ต้องทุ่มเท อย่านึกว่ามันเป็นเรื่องสบาย ต้องให้คุณค่ามัน เป็น " ง า น " ไม่แพ้งานอื่นๆ .. ..สำคัญสุดๆ เน้นๆๆๆ ต้องหาหุ้นเล่นให้กำไรได้ด้วยตัวเอง ขอบรรทัดนี้ คุณทำได้แล้วหรือยัง?? "..สำคัญสุดๆ เน้นๆๆๆ ต้องหาหุ้นเล่นให้กำไรได้ด้วยตัวเอง" ถ้ายังอย่างเพิ่งคิดมาเล่นหุ้นเป็นอาชีพครับ.. แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 09:25:23 จากคุณ : บุญทับ - [ 7 ส.ค. 49 09:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ....ตอนที่ตัดสินใจนี่คิดยังไงกันหรือคะ + ไม่ได้คิดรอบคอบ แค่ยื่นใบลา แล้วพอได้รับ อนุมัติก็เก็บข้าวของกลับบ้าน ....แล้วมีเหตุผลไหนที่ทำให้ต้องลาออกจากงานประจำ + ดูแลลูก จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 7 ส.ค. 49 09:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเราเล่นหุ้นได้กำไรทุกวัน รับรองเราลาออกจากงานมาเล่นหุ้นอย่างเดียวเรียบร้อยแล้ว แต่นี่มันเล่นได้กำไรน้อยกว่าขาดทุนซะนี่ เพราะฉะนั้นเลยต้องนั่งก้มหน้าทำงานประจำต่อไป เพื่อที่จะเอารายได้ที่มั่นคงจากงานประจำมาช่วยจุนเจือค่าใช้จ่ายในการเสียหุ้น อิอิ จากคุณ : หนูขิง - [ 7 ส.ค. 49 09:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ที่คคห.10 ตัวจริงเสียงจริงมาตอบแล้วครับ กินใจมากอะครับ พี่หนมเม็ด ^^ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 09:27:01 จากคุณ : greenstock (greenstock) - [ 7 ส.ค. 49 09:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 14  ความรู้หรือจะสู้ดวง..ลาออกจากบ่อนมาเล่นหุ้นอย่างเดียว.....เล่นหุ้นดีกว่าเล่นคาซิโนแยอะ.... ไม่ผิดกฏหมายไม่ต้องหนีตำรวจ แถมมีโปรโมชั่นที่บ่อนทั่วโลกไม่มีให้กับลูกค้า...  นั่นคือ เงินปันผล....อิอิ   แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 14:44:50 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 10:02:29 จากคุณ : สุดโจ๋ว - [ 7 ส.ค. 49 09:59:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นคำแนะนำ และ ประเด็นที่ดีจริง ๆ ครับ ...ความคิดนี้กำลังวนเวียนอยู่ในหัวพอดีเลย... จากคุณ : V$@P (ก้องหล้าลูกพ่อขุน) - [ 7 ส.ค. 49 10:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณความเห็นที่ 10 คุณบุญทับ มากครับ จากคุณ : ลุงหมูอ้วน - [ 7 ส.ค. 49 11:20:29 A:221.128.117.153 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตลาดหุ้นนั้นไม่น่ากลัวอย่างที่คิดครับ ที่น่ากลัวที่สุดคือใจของเราเองมากกว่า ลองทบทวนก่อนครับ ว่าเราควบคุมจิตใจเราเองได้ดีแค่ไหน จากคุณ : rider XXX - [ 7 ส.ค. 49 11:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้ามีเงินฝาก  ที่ได้ดอกเบี้ยเพียงพอกับค่าใช้จ่ายประจำปี ก็ลาออกมาซื้อขายหุ้นได้ครับ และห้ามแตะเงินฝากส่วนนั้นเป็นอันขาด ไม่ว่าหุ้นจะเป็นกระทิงแค่ไหนก็ตาม เรื่องลาออกจากงานประจำมาเล่นหุ้น ตอบไม่ได้  เพราะไม่เคยทำงานที่ต้องตอกบัตรลงเวลา จะเล่นหุ้นเป็นอาชีพ ถ้ามีวินัยให้ตัวเองอย่างเคร่งครัด ในที่สุดก็จะอยู่ได้ "เมื่อวัฏจักรหุ้นขาขึ้นใหญ่มาถึง" ปัญหาสำคัญคือ   "นักลงทุนส่วนใหญ่ มีความโลภมากกว่า ความรู้ ความสามารถของตัวเอง" เวลาที่กำไรมากๆ  จะไม่นึกเผื่อไปถึงเวลาที่อาจจะขาดทุน เวลาขาดทุนหนักๆ   ส่วนใหญ่เลยขาดทุนมากกว่าที่ได้กำไรมา เพื่อนสนิทของผม ยอมมอบอำนาจ ให้เป็นคนสั่งซื้อขายหุ้น (เขาไม่มีความรู้เรื่องหุ้นเลย) ลงเงินต้นมาหนึ่งล้านบาท   ตอนนี้ชักกำไรออกไปแล้วสองล้านเก้าแสนบาท เหลือหุ้นติดพอร์ตตามราคาตลาดฯประมาณหนึ่งล้านสี่แสนบาท ได้ปันผลปีนี้ไปอีก  เจ็ดหมื่นหนึ่งพันบาท พอได้กำไรมากๆ  ก็ชักติดใจ   รบเร้าให้เพิ่มวงเงินกลับ เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มอีก ผมตอบยืนยันไปทุกครั้งว่า "ไม่ซื้อเพิ่มให้อีกแล้ว  แค่นี้พอแล้ว ยังไงเอ็งก็ไม่มีทางได้ชื่อว่า   เล่นหุ้นแล้วเจ๊งอย่างแน่นอน" ถ้าเราเป็นแค่มนุษย์หุ้น  อย่าดันทำตัวเหมือนเซียนหุ้น แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 12:11:16 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 11:33:17 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 11:27:31 จากคุณ : endophine - [ 7 ส.ค. 49 11:24:36 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เพิ่มเติมอีกนิด จะซื้อขายหุ้นเป็นอาชีพ อีกเรื่องที่คุณต้องพร้อมที่ยอมรับคือ สายตาของคนนอก ที่รับรู้ว่าเราทำงานอะไร สำหรับประเทศไทย คนที่อยู่นอกตลาดฯหุ้น ไม่เคยมองพวก "นักลงทุนรายย่อย"  ในตลาดหุ้นฯในแง่ดี พวกเขาจะมองว่า   คนเล่นหุ้นรายย่อย เป็นพวกไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ไม่ยอมทำมาหากิน   ชอบเอาเปรียบสังคม เวลากำไร  ก็ไม่เคยแบ่งให้สังคม พอขาดทุนก็โวยวาย  จะให้คนอื่นข่วยแก้ ทัศนคติข้างต้นจะแก้ได้   เฉพาะคนที่รู้จักเราดีพอแล้วเท่านั้น ถ้าเราเล่นหุ้นเป็นอาชีพ แต่ในชีวิตประจำวัน เราไม่เคยเบียดเบียนสังคม ทั้งต่อหน้าและลับหลัง มีความรับผิดชอบต่อครอบครัวตัวเอง ช่วยเหลือสังคมบ้างตามกำลังทรัพย์และศรัทธา เมื่อนั้น คนที่รู้จักเราจริงๆ  ก็จะมีทัศนคติที่เปลี่ยนไป ส่วนคนที่ไม่รู้จักเราดีพอ    ก็ต้องทำใจยอมรับสภาพครับ ลองสมมติดู   ถ้าเรามีลูกสาวหรือลูกชาย ว่าที่ลูกเขยหรือสะไภ้บอกว่า   เล่นหุ้นเป็นอาชีพเลี้ยงตัว เราจะยอมให้ลูกสาวเราแต่งงานด้วยหรือเปล่า ?? ถ้ายอมตอบกับตัวเองตามตรง ก็คงพอจะรู้ว่า สังคมนอกตลาดหุ้น  เขาคิดอย่างไรกับคนในตลาดหุ้น แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 12:06:07 จากคุณ : endophine - [ 7 ส.ค. 49 11:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อาชีพเล่นหุ้น มันไม่มีนะครับ อาชีพนี้เหมือนอะไร เหมือนหลักลอยที่ลอยอยู่ในทะเล รู้หรือไม่ จากคุณ : mar รุ่นเก๋า - [ 7 ส.ค. 49 12:04:23 A:61.47.105.113 X: TicketID:122020 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กำลังคิดอยู่พอดี ตั้งใจว่าจะเข้าโครงการในปี 2550 ทำไม ? ทดลองแล้วพบว่า  การมีชีวิตเรียบง่ายนั้นมีความสุขที่สุด รู้สึกว่า มีเงินเหลือใช้ พอแบ่งให้บางคนได้ใช้บ้าง และเงินไม่ได้หายากอย่างที่คิด ตอนนี้มีพฤติกรรมเหมือนคุณบุญทับ  คือซื้อของไม่ต้องต่อราคา  ทานอาหารทิปทีเด็กในร้านยิ้มทั้งวัน(ก็เพราะว่า นาน ๆ จะเข้าเมืองซักครั้ง) แต่ถ้าจะให้เงินลูก ๆ ต้องแสดงรายการเพื่อ approve ก่อน ไม่ให้ง่าย ๆ เห็น คลายเครียด ratio ชักทำให้เครียด มันหมายความว่าเงินที่อยู่ในงบลงทุนนั้นเป็นกำไรทั้งสิ้น ไม่รู้ว่ามีซักกี่คนที่ทำได้หยั่งงี้ ของผมแค่ ( NAV + เงินปันผล)/เงินลงทุน =1เท่านั้นก็พอใจแล้ว  มันมีส่วนทำให้ portfolio โตขึ้นปีละกว่า 10% เพราะเราจะซื้อเมื่อเชื่อว่าตลาดตกต่ำที่สุดแล้วแต่เราจะคุม port ไว้ในระดับที่พอดูแลได้   ตอนนี้ยังติดดอย แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร หากมันลงมาก็ยังมีกำลังรับอยู่อีก 30 % หลายท่านในสินธรช่วยให้ผมเห็นจิตวิทยาของการลงทุน เข้าใจความรู้สึกรายย่อยดี  แต่เราไม่ทำตามเพราะไม่อยากใช้ความรู้สึก  ได้แต่เข้ามาแสดงความเห็นใจตอนขาลงเท่านั้น  กระเป๋าใครก็กระเป๋ามันดูแลกันเอง จากคุณ : jonathan w. - [ 7 ส.ค. 49 12:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นคนนึงค่ะ ลาออกจากงานมา อยู่ tg ค่ะ ลาออกมาเปิด กิจการตัวเองที่ห้าง ตอนลาออกมา เงินเดือนแค่ 18000 (รวมอะไรๆ แล้ว ปี /2536 ) เปิดร้าน 12 ปี เศรษฐกิจไม่ดี อย่างแรง ตอนนี้ ปิดแล้ว หันมาเล่นหุ้นอย่างเดียว กำไร ไม่มากมาย ...ตอนที่ตัดสินใจ อะไรๆ ก็มาประดัง เด็กขอขึ้นเงินเดือน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่าตัดเสื้อ ค่าทำผม ค่าเช่าร้าน แต่รายได้เท่าเดิม มีแต่ลดน้อยลง เพราะขายของที่ไม่จำเป็นต่อชีวิต เป็นของฟุ่มเฟือย พอดีเซ้งห้องได้ ได้กำไร มาเท่าตัว ไม่มีลูก ไม่มีภาระต้องเลี้ยงใคร พ่อแม่ตัวและสามี มีสตางค์ มีรถแล้ว มีบ้านแล้ว ทั้งรถ บ้าน ไม่ต้องผ่อนเพราะซื้อเงินสด ไม่มีหนี้ เลยสักบาท ในชีวิต ตัดสินใจครั้งใหญ่ ออกมาเล่นหุ้นแต่ไม่ได้เล่นรายวัน ลืมบอกมีรายได้ประจำเดือนละแสนบาท จากดอกเบี้ย ไม่เยอะเลย แค่พออยู่ได้เพราะสองคน เงินจากหุ้นคิดแล้ว 8 เดือนได้เดือนละ 50000 นิดหน่อย ไม่มากมาย บางคนฟังแล้วขำ ก้อตามใจ เพราะเค้าทำงานได้เดือนละแสนกว่า บวกกับสามีอีก (ไมรู้เท่าไร ) แต่เห็นเป็นหนี้บัตรเครดิต เราเองเสียใจอย่างเดียว ว่างมากไปหน่อย ไม่ค่อยได้พูดกับใคร จากคุณ : pear - [ 7 ส.ค. 49 12:38:50 A:203.107.204.42 X: TicketID:086267 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อิจฉาจัง... ยังทำงานประจำอยู่ มีเพื่อนที่เล่นอย่างเดียว ก็อยู่ได้สบายๆ........ ข้อสำคัญเขาไม่ได้เล่นหุ้นปั่น จากคุณ : Dr.pareto - [ 7 ส.ค. 49 13:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เทรดแต่ละเดือน เสียค่าคอมฯ แสนกว่าบาท ถ้ายังทำงานประจำอยู่ คงสับสนในชีวิตน่าดู ถ้าสร้างผลตอบแทน ได้มากกว่าเงินเดือนมากๆ คำถามเหล่านี้ก็ผุดขึ้นมาในใจเองล่ะครับ จากคุณ : ด้วยรักและผ่านมาก่อน - [ 7 ส.ค. 49 13:36:29 A:58.9.60.36 X: TicketID:106249 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่10... พี่...บุญทับ...นี่ผมคุ้นๆสำนวนพี่จัง....5555 การเล่นหุ้นของผมคือการทำงาน  คือการเปิดกิจการส่วนตัว  เหมือนคุญเปิดบริษัท  คุณเป็นเจ้าของ...บริษัท...ซื้อมาขายไป...จำกัด  คุณค้องวางแผนธุจกิจเป็น  ต้องทำบัญชีเป็น  ข้อสำคัญคุณต้องรู้ว่าคุณจะซื้อสินค้าอะไรไปขายใคร  ตั้งเป้าหมายว่าขายกำไรที่เท่าไหร่  และถ้าซวย  คุณพลาดประเมินสถานการณ์ผิด  คุณเลือกที่จะตัดขาดทุนที่เท่าไหร่  หรือคุณเลือกที่จะเก็บสินค้านั้นไว้  ถ้ามันไม่บูดไม่เสียเก็บไว้ขายใหม่ได้  หรือถ้ามันบูดมันเน่า  คุณจะขายแหล่หลังยังไง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับระบบความคิดของแต่ละคน  บางคนยอมทำงานประจำเพราะคิดว่ามันมั่นคง  ทุกเดือนคุณได้เงินเดือนแน่นอน  บางคนยอมทำกิจการส่วนตัว  ค้าขายเองอยู่กับบ้าน  เพราะไม่ชอบไปวุ่นวายกับใคร  เดือนไหนกำไรเยอะก็เก็บเงินไว้  เดือนไหนไม่กำไรก็เอาเงินที่เก็บไว้มาใช่ ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้สนใจว่าจะรวยกับตลาด  การเข้ามาในตลาดของผมคือความสุข  เพราะผมมองว่าตลาดหุ้นเป็นงานที่ท้าทายความสามารถ  เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่กับตัวผม  ผมใช้ชีวิตสบายๆพออยู่พอกิน  ถ้าใครที่คิดจะเข้ามารวยในตลาด  ผมว่าเลิกฝันเถอะ  ตื่นมารับรู้ความจริงในตลาดว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด  เมื่อระบบความคิดของผมไม่ได้มุ่งเน้นที่ตัวเลขของกำไรแบบโครมครามในระยะเวลาอันสั้น  แต่ผมคิดแค่ว่าเล่นยังไม่ให้ให้ขาดทุน  เมื่อเวลาผ่านไป  ประสบการณ์มากขึ้น  ความสามารถมากขึ้นที่เกิดจาการอ่านและศึกษาจากความผิดพลาดของคนอื่นและความโง่ของตัวเอง  เมื่อเราไม่ขาดทุน...กำไรมันจะมาเอง ถ้าคุณยังคิดว่าการเล่นหุ้นคือการเล่นหุ้นล่ะก็  ควรจะทำงานประจำต่อไป  ใครที่คิดว่าเล่นหุ้นสบายๆ  ก็ออกจากตลาดไปซะ  ทำงานประจำของคุณต่อไป  เพราะผมว่าการจะอยู่รอดในตลาดได้ไม่สบายอย่างที่ใครๆคิด แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 13:54:02 จากคุณ : no_lagging - [ 7 ส.ค. 49 13:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เป็นอีกคนที่ลาออกจากงานมาเล่นหุ้นเป็นหลัก... ส่วนวิชาชีพที่เรียนมาเป็นงานรอง... ...หลังจากเข้าตลาดได้ 7 ปี ล้มลุกคลุกคลาน ก็ตัดสินใจลาออกมาศึกษาจริงจัง ปีนี้เป็นปีที่ 3 หลังจากออกจากงาน และศึกษาเพิ่มเติมอย่างหนัก เหมือนตอนเรียนหนังสือเพื่อประกอบอาชีพ ตอนนี้กล้าพูดได้เต็มปากว่า...สามารถเอาตัวรอดและเลี้ยงตัวเองได้แล้ว สิ่งที่อยากบอกคนที่สนใจเข้ามาใหม่ๆว่า อาชีพเล่นหุ้นให้ประสบความสำเร็จก็ไม่ต่างจากวิชาชีพอื่นๆ ต้องทำงานหนัก ศึกษาหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองและเข้าใจได้ดี พยายามทดลอง ปรับปรุงไปเรื่อยๆ วันนึงก็จะประสบความสำเร็จ ... ไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่นอน ...เรื่องที่พี่คลายเครียดพูดถึง ภาพที่คนภายนอกมองเป็นอีกเรื่องที่ต้องเจอ และทำใจ ผมก็กำลังเจอปัญหาเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ... คนส่วนใหญ่มองตลาดหุ้นไม่ต่างจากบ่อน ...ซึ่งจริงๆแล้วพวกเราส่วนหนึ่งก็คิดอย่างนั้น ผมโดนว่า...อุตส่าห์ได้เรียนจบจากคณะและสถาบันที่คนหลายคนฝันถึง แต่สุดท้ายมาเล่นหุ้น...ฟังเหมือนคนไร้ประโยชน์ต่อสังคมจริงๆ จากคุณ : มุซาชิ - [ 7 ส.ค. 49 13:59:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณเห็น นักกอล์ฟ อาชีพ นักฟุตบอล อาชีพ นักเทนนิส อาชีพ นักบาส และ นักกีฬาอาชีพ อื่นๆ ใช่ไม๊ล่ะ ทำไม เขาไม่ไปทำงานประจำ หลายๆ คนทำไมไม่เรียนสูงๆ แล้วหางานทำเหมือนคนทั่วไป คนที่มุ่งมั่นจะเป็นนักกีฬาอาชีพ ไปถึงดวงดาวทุกคนหรือเปล่า อะไรคือเหตุและปัจจัย ให้นักกีฬาอาชีพ คนหนึ่งประสบความสำเร็จ ในขณะที่อีกคนล้มเหลว อะไรที่ทำให้ ไทเกอร์วู้ด โรนัลโด้ ไมเคิล จอร์แดน แลนซ์ อาร์มสตรอง แตกต่างจากคนทั่วๆไป และนักกีฬาคนอื่นๆ นักลงทุน มืออาชีพ ในตลาดหุ้น ก็ไม่แตกต่างกันหรอก ด้วยเหตุและผล ทำนอง เดียวกันทั้งหมด จากคุณ : ด้วยรักและผ่านมาก่อน - [ 7 ส.ค. 49 14:03:54 A:58.9.60.36 X: TicketID:106249 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความเห็นน่าสนใจทั้งนั้น  หลากมุมมอง โหวตให้ค่ะ จากคุณ : marchly - [ 7 ส.ค. 49 14:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ความเห็นส่วนตัว ผมว่า ถ้าเล่นหุ้น คนจะมองเรายังไงไม่รู้ แต่เล่นแล้วมีเงินมีฐานะ ผมว่าสุดท้ายสังคมก็ยอมรับอยู่ดี จากคุณ : Q - [ 7 ส.ค. 49 17:34:43 A:124.120.97.65 X: TicketID:026363 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ...ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่เข้ามาแชร์ประสบการณ์ค่ะ ...อ่านแล้วรู้สึกว่าคิดอะไรได้เยอะขึ้นมาก...หวังว่ากระทู้นี้ ...คงจะมีประโยชน์ กับหลายๆ ท่าน ที่กำลังคิดเรื่องนี อยู่นะคะ   จากคุณ : Runse - [ 7 ส.ค. 49 18:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ...ขอบคุณพี่ๆทุกคนเช่นกันครับ  เป็นกระทู้ที่ให้ความรู้มากๆเลยครับ ศึกษาหุ้นมาได้ประมาณครึ่งปียังไม่เคยเทรดเองเลย อาศัยฝากซื้อกับพอร์ตของพ่อ คิดว่าจะเอาจิงกับการเล่นหุ้นเช่นกันครับ แต่คงเป็นระยะทางอีกยาวไกลตอนนี้คงต้องทํางานประจําควบคู่กับการศึกษาไปเรื่อยๆก่อน แต่ปัญหาก็คือเหลือเวลาว่างในการศึกษาน้อย ถึงน้อยมากกกก ...หวังว่าวันนึงคงจะมีความรู้แข็งแกร่งพอที่จะ ยึดเอาดีทางนี้อย่างพวกพี่ๆได้ครับ จากคุณ : เิริ่มที่จะบิน (ชีวิต150เซ็น) - [ 7 ส.ค. 49 21:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าการที่จะมาเล่นเต็มเวลานั้นยากมากๆ ถึงมากที่สุดครับ เพราะในความคิดผม port ต้องใหญ่ + มีความสามารถมาก เพราะหลักๆ ซื้อหุ้นมันมี ค่า com กับ space ระหว่าง bid กับ offer เหมือนเป็นแต้มต่ออยู่แล้ว ผมนับถือครับ คนที่เล่นหุ้นเป็นอาชีพ คือเค้าเก่งกันจริงๆ จากคุณ : petchkaploy - [ 7 ส.ค. 49 22:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ยอมรับเรื่องหนึ่งครับ จะบอกใครว่าเล่นหุ้นอย่างเดียวนี่ มันค่อนข้างตลกนะครับ ผมเล่นหุ้น เพราะชอบเล่นเกมมาตั้งแต่เด็กครับ ไม่ได้คิดว่าหุ้นมันท้าทายอะไร แต่อยากเล่นเกมอะไรก็ได้ แล้วถ้าชนะ จะสามารถอยู่ได้ด้วยเกมเกมนี้ต่อๆไป ก็เลยมาลงตัวที่ตลาดหุ้น ชอบความเห็นที่ 27 หากว่านักกีฬาอาชีพ มองตัวเงินก่อนความชอบและเอาจริงเอาจังในสิ่งที่ทำ รับรองเลยครับว่าไม่รุ่งแน่ และจะเจ๊งหมดตัวทันทีในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นแหล่งรวมความโลภ ความกลัวภายในใจและตัดสินกัน ด้วยความคิดที่ถูกต้อง เพื่อเป็นเจ้าของเงินทุน(ทั้งของตนเองและคนอื่น)ที่เอามากองตรงหน้า ในวงพนันสูงต่ำ ถ้าเป็นคนแทง รวยจริงหรือไม่? เจ้ามือสิ กินทีละน้อย แต่รวยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ(ก็เหมือนเจ้าหุ้นปั่นนั่นแหละ) ส่วนคนแทง หากไม่มี inside ก็เป็นไปตามดวง ดังนั้น ต้องมีแผน และประสบการณ์ที่ต่างจากคนแทงทั่วๆไปครับ ถ้ากะจะเข้ามารวย(เหมือนคนแทงทั่วๆไป ก็เหมือนวัดดวง?) คุณเป็นคนแรกๆ ที่จะแพ้น็อคออกไปจากตลาดครับ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 23:06:10 แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 23:02:48 จากคุณ : DARINGYOUSENDMEHOME - [ 7 ส.ค. 49 22:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โหวตกระทู้นี้คะ ได้ความรู้เยอะเลย จากคุณ : ดอกหญ้าในป่าคอนกรีต - [ 7 ส.ค. 49 23:14:15 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คิดไม่ผิดหรอก มี๊ ... คนในห้องนี้ ที่เห็นชื่อประจำนี่แหละ เขาทำได้ดีด้วย เยอะแยะไป แต่ต้องตกผลึกจริงๆ หรือ อย่างน้อยต้องตกผลึกในระดับอาจารย์ และรู้จักตัวเองดี ยืนยัน ในห้องนี้ อย่างน้อย 6 คน ที่ป้ารู้จัก (รวมป้าด้วย แต่ป้า ออกแนว มั่วซั่ว ส่วนคนอื่น ทำได้ดีหมด ว้า... แย่จังเรา) ^^" จากคุณ : โสมรัศมี - [ 8 ส.ค. 49 00:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอชื่นชมคุณบุญทับ ความเห็นที่สิบ และอีกหลายท่านค่ะ จากคุณ : รักไทยเชื่อไทย - [ 8 ส.ค. 49 00:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรื่องที่พี่คลายเครียดพูดถึง ภาพที่คนภายนอกมองเป็นอีกเรื่องที่ต้องเจอ และทำใจ ผมก็กำลังเจอปัญหาเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ... คนส่วนใหญ่มองตลาดหุ้นไม่ต่างจากบ่อน ...ซึ่งจริงๆแล้วพวกเราส่วนหนึ่งก็คิดอย่างนั้น ผมโดนว่า...อุตส่าห์ได้เรียนจบจากคณะและสถาบันที่คนหลายคนฝันถึง แต่สุดท้ายมาเล่นหุ้น...ฟังเหมือนคนไร้ประโยชน์ต่อสังคมจริงๆ จากคุณ : มุซาชิ ... เออ ใช่ๆๆ พอใครถามว่าทำมาหานับทานอะไร ก็บื้อใบ้ใกล้บ้า หยิบโปรแซกขึ้นมากรอกปาก อ้างว่าเป็นโรคจิตเภท และลืมกินยามาในวันนี้ จึงจำไม่ได้ว่า ทำงานอะไร ครั้นบอก ไม่ได้ทำอะไร อยู่บ้านเฉยๆ ก็ดูโง่เขลาเบาปัญญา ไร้คุณค่าสิ้นดี เคยแล้ว ที่บอกไปตามตรง ว่าเล่นหุ้นอย่างเดียว ก็มีสายตามองแบบปูเลี่ยนๆกลับมา ทำให้เสีย self อย่างแรง ตอนนี้เลยต้องเล่นมุขเฉพาะสถาณการณ์ไปพลางๆ เช่น หากคนแก่ถาม ก็บอกว่า เป็นนักลงทุน แต่พูดเสียงเบาๆ ท่านจะฟังไม่ค่อยออก แต่ได้ยินว่าลงทุน ท่านก็โอเช หากเจอคนวัยเดียวกัน หรือเด็กกว่า ก็ แลก้งตลกกลบเกลื่อน ว่าทำอบู่ บ. General Maid หรือไม่ก็ แกล้งบ้า ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ในเบื้องต้น ! จากคุณ : โสมรัศมี - [ 8 ส.ค. 49 00:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อยู่ในตลาดหุ้นมา 30 ปี  แต่เข้ามาเต็มเวลาสัก 14 ปี ไม่เคยคิดว่าตัวเองกำลังเล่น เอาจริงค่ะ  เงินนะคะ ที่จะได้จะเสีย มาอยู่ตรงนี้เล่นๆได้หรือ  นอกจากคุณคิดว่าเป็นบ่อนการพนัน คนที่อายุต่ำกว่า 40  มีงานมั่นคงให้ทำ มีรายได้แน่นอน ไม่สนับสนุนให้ลาออกจากงานมาจมอยู่ในตลาดหุ้นค่ะ โลกภายนอกยังมีอะไรต่ออะไรให้เก็บเกี่ยวเยอะแยะ จากคุณ : prettypetite - [ 8 ส.ค. 49 00:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 39 การเล่นหุ้นของผมคือการทำงาน  คือการเปิดกิจการส่วนตัว  เหมือนคุญเปิดบริษัท  คุณเป็นเจ้าของ...บริษัท...ซื้อมาขายไป...จำกัด  คุณค้องวางแผนธุจกิจเป็น  ต้องทำบัญชีเป็น  ข้อสำคัญคุณต้องรู้ว่าคุณจะซื้อสินค้าอะไรไปขายใคร  ตั้งเป้าหมายว่าขายกำไรที่เท่าไหร่  และถ้าซวย  คุณพลาดประเมินสถานการณ์ผิด  คุณเลือกที่จะตัดขาดทุนที่เท่าไหร่  หรือคุณเลือกที่จะเก็บสินค้านั้นไว้  ถ้ามันไม่บูดไม่เสียเก็บไว้ขายใหม่ได้  หรือถ้ามันบูดมันเน่า  คุณจะขายแหล่หลังยังไง ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับระบบความคิดของแต่ละคน  บางคนยอมทำงานประจำเพราะคิดว่ามันมั่นคง  ทุกเดือนคุณได้เงินเดือนแน่นอน  บางคนยอมทำกิจการส่วนตัว  ค้าขายเองอยู่กับบ้าน  เพราะไม่ชอบไปวุ่นวายกับใคร  เดือนไหนกำไรเยอะก็เก็บเงินไว้  เดือนไหนไม่กำไรก็เอาเงินที่เก็บไว้มาใช่ ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้สนใจว่าจะรวยกับตลาด  การเข้ามาในตลาดของผมคือความสุข  เพราะผมมองว่าตลาดหุ้นเป็นงานที่ท้าทายความสามารถ  เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่กับตัวผม  ผมใช้ชีวิตสบายๆพออยู่พอกิน   จากคุณ : no_lagging .... เออ ใช่ๆ คิดเหมือนกันเดี๊ยะ (เห็นด้วยกะเขาทุกคน แต่มันใช่จริงๆนะ) ขึ้นไปอ่านต่อ..... จากคุณ : โสมรัศมี - [ 8 ส.ค. 49 00:38:58 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เล่นหุ้นเป็นอาชีพนี่ ผมว่ามันเหมาะกับคนส่วนน้อยเท่านั้น ผมเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง ขณะเดียวกันก็ไม่ชอบออกคำสั่งกับใคร เพราะฉะนั้น งานที่เหมาะ คืองานที่เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ..ซึ่งผมเอง ก็ค้าๆ ขายๆ มาตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. แล้ว เคยเปิดแผงขายของที่สีลม เคยเปิดร้านขายเทป ซีดี พวกนี้สมัยหมา'ลัย ..เคยทั้งลงทุน ในกิจกรรม ที่ใช้เงินลงทุนในจำนวนเงินมากพอประมาณสำหรับผม และอื่นๆ อีกหลายอย่าง บางอย่างสำเร็จ เดินไปข้างหน้าได้ เลี้ยงตัวเองได้ ไม่หวือหวา บางอันก็ไม่สำเร็จ ขาดทุน เงินเก็บหายก็มี.. แต่ทั้งหมดทั้งปวงแล้ว งานทุกอย่าง ที่เราเป็นผู้ลงทุนเอง เป็นเจ้าของเอง ต่างต้องอาศัยความทุ่มเท และต้องมีการคาดหมายที่ดี ถึงกระนั้นก็มีความเสี่ยงในทุกกิจการเหมือนกัน ตอนหลังมาช่วยกิจการที่บ้าน และเริ่มเล่นหุ้นไปด้วย รู้สึกว่าเล่นหุ้นเข้ากับนิสัยตัวเอง อาจจะเพราะความสนใจที่มีแต่ดั่งเดิม อาจจะเพราะเรียนมาในสายที่พออ่านเศรษฐกิจได้ โดย คุณ บุญทับ ... เออ ใช่ๆๆ เห็นด้วยอีกแล้ว โดนมาก นิสัยเดียวกัน และสนใจเรือ่งเศรษฐกิจและการเงิน และตลาดหุ้น อย่างไม่รู้ตัว < หมายถึงป้าอ่ะนะ ปฏิเสธหุ้นมาตลอดชีวิต ด้วยคิดว่ามันคือการพนัน อันถูกเสี่ยมมาตั้งแต่เด็กให้เกลียดการพนัน แต่เมื่มีรายงานหุ้น เศรษฐกิจในจอทีวี ทำอะไรอยู่ ก็ต้องหยุด แล้วหันมาดูอย่างตั้งใจ ทั้งๆที่ฟังศัพท์เทคนิคต่างๆไข้ใจเลย และแล้ววันหนึ่ง แสงระยับก็จับทาบทอประกาย ให้ป้าต้องมนต์ หลงเดินเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างไม่มีความรู้ คือเริ่มจาก 0 แล้วก็มั่วมาตลอด ตั้งแต่บัดนั้น จนบัดนี้ โถ๊.... (เขียนมาตั้งนาน นึกว่าจะจบดีดี) T_T" จากคุณ : โสมรัศมี - [ 8 ส.ค. 49 00:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นด้วยกะป้าโสมหลายข้อคับ ความเห็นผมคือ เล่นหุ้นเป็นอาชีพนั้นทำได้ การเล่นหุ้น เหมือนการประกอบอาชีพอื่นอื่น ต้องศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ เหมือนจะไปเป็นหมอ หรือทนายความ เพียงแต่ไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตก็เล่นได้ ทำให้คนที่ไม่พร้อมมาเล่นและเสียเยอะ การเล่นหุ้นต้องเตรียมพร้อม ทำการบ้าน เหมือนกันกับอาชีพอื่นที่ต้องมีการวางแผนก่อนเข้าประชุม วางแผนก่อนประมูลโครงการ วางแผนเตรียมพร้อมอย่างดีที่สุด การเล่นหุ้น มีทั้งกำไรและขาดทุน เสมอ การขาดทุนเหมือนเงินลงทุนในธุรกิจ (ขาดทุนจากการซื้อผิด คัทลอส etc) ถ้าผลรวมเรากำไร คือเราได้กำไรจากการลงทุนทางธุรกิจนั้นนั้น จากคุณ : Dukhor - [ 8 ส.ค. 49 01:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เย่ อ่านของพ่อบุญทับจบแล้ว ป้าอ่านแบบย้อนขึ้น จะสังเกตได้ว่า ป้าจะ เห้นด้วยกับคนทางย้อนศร หรืออาจสลับตำแหน่ง อ่านบุญทับจบ ป้าก็คงครลา ไป่อานที่อื่น ยกกระบิของพ่อบุญทับมาเลย ใช่เลย นั่นคือป้า นิสัย ทัศนคติ การเลือกหุ้นด้วยตัวเอง ทำในสิ่งที่ชอบ ตามล่าฝันและทำความฝันให้เป้นความจริง ฯลฯ เหมือนกันทุกอย้างในเรื่องหุ้น ยกเว้นเรื่องการเรียน การค้าขายมาก่อน การต่อของ ... ป้าไม่เคยต่อของ เพราะคิดเสมอว่า ส่วนต่างนั่นคือรายได้ที่เขาเอาไปเลี้ยงปากท้อง หากแพงไป ก็ไม่ซื้อ หากถูก และถูกใจก็ซื้อ หรือบางทีให้เงินเกิน อันนี้เป้นมาแต่ต้นแล้ว มีพักหลังมานี่ที่หัดต่อของ เพื่อทดลองตัวเอง ปรากฏ ส่วนใหญ่มักต่อไมได้ เพราะแม่ค้าเขาดูออกว่า ยัยคนนี้ต่อของไม่เป็น เอาอีกแล้ว เขียนมานึกว่าจะจบดี ยำตัวเองทู๊กที T_T (เศร้า) จากคุณ : โสมรัศมี - [ 8 ส.ค. 49 01:11:31 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ป้าโสมคะ แต่เพื่อนวัยดึกของหนู ที่หนูชักชวนเค้ามาเสียคนร่วมเล่นหุ้นปั่นกะหนูน่ะ เค้าออกจะภูมิใจนะคะ เวลาคนถามว่าเค้าทำอะไร แล้วเค้าบอกว่าเล่นหุ้นน่ะ คือเค้าอายุ 50 แล้ว ปรกติเค้าเป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูกอย่างเดียว (เลิกกับสามี) ตั้งกะเค้ามาเล่นหุ้นร่วมกับหนู เค้าก็เริ่มมีรายได้เป็นกอบเป็นกำขึ้นนะ แม้ว่าตอนแรกหนูจะพาเค้าขาดทุนยับเยินด้วยการซื้อหุ้น grammy ที่ 10 บาท แล้วเอาไปเลหลังที่ 6 บาทกว่า ต่อมา หนูก็พาเค้ามาเล่นหุ้นปั่น apure จนได้กำไรคืนมาเกือบเท่าทุนกับที่เสียไปตอน grammy แล้ว แต่ว่าตอนนี้ หนูกำลังพาเค้าติดดอย IEC กับหนูต่อ (เวรกรรม จริงๆ) ท่าทางว่าเค้าจะยึดการเล่นหุ้นเป็นอาชีพแล้วล่ะ ซึ่งหนูว่ามันเหมาะกับเค้ามาก เพราะเค้าไม่ได้ทำงานอะไร แล้วเค้าก็ขี้เกียจที่จะไปลำบากทำอะไร นั่งเล่นหุ้นอยู่กับบ้าน ดูจะเป็นงานที่ถูกจริตกับเค้าที่สุด ว่างๆ หนูว่าจะพาเค้าไปเข้าห้องค้า พบปะอาซิ้ม อาม่า อาแปะ จะได้มีสังคมคนเล่นหุ้น ท่าจะสนุกดี อิอิ จากคุณ : หนูขิง - [ 8 ส.ค. 49 01:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ยินดีที่ได้รู้จักค่า คุณ : Dukhor จากคุณ : โสมรัศมี - [ 8 ส.ค. 49 01:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อ่าว กะว่าจะไป หนูขิงก็โผล่มา พี่เขาภูมิใจ เพราะพี่เขาเพิ่งเล่นค่ะ และเล่นได้ ก็รมณืดีอยู่ แต่หากเจอสายตาปูเลี่ยนๆ บ่อยๆ พี่เขาอาจจะสร่างซาความภูมิใจก็ได้ เออ แต่ อายุ 50 และเป็นสตรี บอกเล่นหุ้นเลี้ยงชีพ คิดๆดูก็ดูเท่ดีนะคะ เห้นด้วยกะหนุขิงอีกแล้ว (เวร ! วันนี้เห้นด้วยกะทุกคน) จากคุณ : โสมรัศมี - [ 8 ส.ค. 49 01:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อีกสิ่งหนึ่ง ที่นักลงทุน หรือ คนเล่นหุ้นในตลาดต้องมี คือ ทัศนคติที่ดี ต่อการลงทุน ถ้าใครที่ยังมีความเชื่อว่า คนเล่นหุ้น ไม่ก่อผลผลิต ไม่มีคุณค่าในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ก็คงจะเริ่มต้นได้ยาก และ/หรือ ขาดศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ สิ่งที่ขับดันให้ทำ ก็คงเพียงเพราะ ความโลภ แล้วความสำเร็จ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมเคยถามอาจารย์ ตอนเรียนโทการเงินว่า **คนเล่นหุ้นเก็งกำไร ไม่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ จริงหรือ** คำตอบ จากอาจารย์ที่จบการเงินจาก วาร์ตัน คือ ถ้าไม่ไม่คนเล่นหุ้นแบบเก็งกำร ตลาดจะไม่มีสภาพคล่อง คนที่จะลงทุนในตลาดหุ้น แม้จะด้วยปัจจัยพื้นฐาน หรือต้องการถือยาวๆ อาจจะไม่สนใจเหมือนทุกวันนี้ เพราะเวลาอยาก จะซื้อหุ้น ก็ยาก จะขายหุ้นก็ลำบาก ต้อการปรับเปลี่ยน บริษัท และสัดส่วนของเงิน ที่ได้ลงทุนไปแล้ว ก็ไม่ได้ดังใจ แล้วทำการระดมทุนของบริษัทที่ทำธุรกิจผ่านตลาดหลักทรัพย์ ก็จะระดมทุนได้ยาก เพราะคนไม่สนใจ ต้นทุนทางการเงินในธุรกิจจะสูงขึ้นเพราะอาจต้องไปกู้ยืมแทนในบางส่วนหรือทั้งหมด แล้วก็ทำให้ความสามารถเชิงการแข่งขัน ของบริษัทนั้น ในธุรกิจนั้น ลดลง นอกจากนี้ การซื้อขายหุ้น ทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง ต่อ ผู้ที่อยู่ในระบบ การซื้อขายทั้งหมด นับตั้งแต่ โบรกเกอร์ มาร์เก็ตติ้ง และแบ็คออฟฟิศ ตลอดจนธุรกิจที่ซัพพอร์ทธุรกิจนี้อีกที ทั้งงานด้านบัญชี ไอที ฯลฯ นั่นคือ ส่วนที่เป็นประโยชน์ ของนักเล่นหุ้นกลุ่มนี้ ในระบบ แม้ว่า เขาจะไม่รู้ตัว หรือ มีความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ก็ตาม จากคุณ : ด้วยรักและผ่านมาก่อน - [ 8 ส.ค. 49 04:43:18 A:58.9.54.164 X: TicketID:106249 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ส่วนเรื่อง ซื้อของไม่ต่อ ให้ทิปง่าย ทำบุญได้เยอะ ฯลฯ เชื่อว่าเป็นกันหลายคน ผมเคยให้ทิป เด็กซ่อมคอมที่พันทิป ที่บริการอย่างดี แล้วยกเคส 2 อัน พร้อมสินค้าที่ผมซื้อ เดินไปส่งที่รถ แบบที่คนรับ บอกว่า --พี่ครับ พี่ให้เยอะเกินไปหรือเปล่า -- ผมบอกว่า --น้องเอาไปเถอะ เขาคงงง แต่ผมไม่งง เพราะ ผมรู้ว่า เขาเป็นลูกจ้าง เงินเดือนคงน้อย ทิปของผม อาจเป็นค่าอาหาร หรือกับข้าวที่ดีขึ้นหน่อย ในมื้อหน้า แล้วแม่ค้า ที่ขายให้เค้า ก็คงมีรายได้มากขึ้นอีกนิด มันคงไม่ใช่ทิปที่มากเกินไป แน่ๆ นั่นคือ กระแสแห่งความเอื้ออาทร ที่ผมพอจะส่งผ่านออกไปในสังคมได้บ้างทางหนึ่ง โดยไม่ได้ลำบากอะไร ส่วนเรื่อง การบริจาคอะไร ต่ออะไรบ้างนั้น คงไม่ขอกล่าวถึง จากคุณ : ด้วยรักและผ่านมาก่อน - [ 8 ส.ค. 49 05:09:22 A:58.9.54.164 X: TicketID:106249 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ได้อ่านจากหลายๆๆคน มันทำเป็นอาชีพได้แต่ต้องยอมรับอาชีพของตัวเองก่อนว่า เรานั้นมองทะลุทลวงมันขนาดไหน ถ้าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างหรือข้าราชการ ทุกอย่างก็มีทางตันเพราะทุกองค์กรมีCEOได้แค่คนเดียว แต่คนหลายล้านคนมีแย่งตำแหน่ง มองตัวเราก็ว่าชอบอะไร แล้วเลือก ที่ได้ยินได้ฟังมา อย่างที่ป้าโสม พี่คลาดเคลียดหรือใครต่อใครบอกมาจริงหมดครับ คือ 1. รู้จักตัวเอง 2. ต้องมีความจำ 3. ต้องมีการฝึกฝน 4. มีวินัย ในการซื้อขาย ถ้าทำครบหมดทางสำเร็จอยู่ไม่ไกลครับ แต่ชอบของพี่คลายเคลียดน่า ที่เอาคลายเครียดเรโช มหภาพมาอ่ะ เพราะนั้นคือ ตัวสรุปจริงๆๆของตลาดเลยว่า เงินเรานั้นได้มาจากไหน :) จากคุณ : Myth&Miracle - [ 8 ส.ค. 49 09:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผมเห็นด้วยกับคุณบุญทับ ผมเคยทำงานเป็นเภสัชกรโรงพยาบาล มีความทุกข์มาก หลังจากลาออกมาเปิดร้านและมาเป็นนักลงทุน มีความสุขมากครับ ได้ร่วมลงทุนกับหลายๆกิจการ ติดอยู่แค่ที่บ้านชอบบ่นผม พวกเขาเห็นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นการพนัน ผมเลยจ๋อยไปตามระเบียบ เดี๋ยวนี้เลยไม่กล้าบอกใครเรื่องเล่นหุ้น จากคุณ : sutira - [ 8 ส.ค. 49 10:19:39 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอเพิ่มเติมความเห็นของหนุ่มสองเอ็ม ค่าคลายเครียดเรโชมหภาค ที่เพิ่มค่า ได้สูงมากที่สุด   ส่วนใหญ่  เป็นเงินกำไรที่ได้มาจากเจ้าของบริษัทโดยตรง (SAFE  UNI FOREMOST  UTL  ฯลฯ) ไม่ใช่ได้เงินกำไร  มาจากคนในตลาดหุ้นฯ ที่เล่นกินเงินกันเองแบบ ซีโรพลัส ดิวิเดนท์ เกม I CAN THINK   I CAN WAIT I CAN FAST ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้เลย จากคุณ : endophine - [ 8 ส.ค. 49 10:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คำตอบสุดท้าย สำหรับตลาดหุ้นแบบไทย ---อย่า เล่นหุ้นเป็นอาชีพหลัก --- นอกนั้นคิดเอาเอง ขอให้โชคดีวันสาร์ท จากคุณ : nowya - [ 8 ส.ค. 49 11:30:53 A:202.57.171.152 X: TicketID:112031 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ชอบใจคำตอบของอาจารย์ที่จบการเงินจาก วาร์ตัน ใน คห.46 ครับ จากคุณ : คนสวนพลู - [ 8 ส.ค. 49 12:45:10 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ปัจจุบันผมเล่นหุ้นอย่างเดียวครับ เริ่มรู้จักตลาดหุ้นตั้งแต่อายุ 20 ปี ตอนนั้น ประมาณปี 2528 ตลาดหุ้นเปิดมาประมาณ 10 ปีพอดี ผมเรียนอยู่ปี 3 ในมหาวิทยาลัย ซื้อหุ้นตัวแรกจำได้ว่าเป็น เหมืองบ้านปู ถืออยู่ 3 เดือนได้กำไร 30 % เป็นช่วงที่เขาเพิ่มทุน 1: 1 ราคา 10 บาท สมัยก่อนไม่มีคอมพิวเตอร์มีแต่การเคาะกระดาน ไม่มีรายงานหุ้นในหนังสือพิมพ์ ต้องซื้อหุ้นฝากในพอร์ตพี่ของเพื่อนที่หุ้นกันซื้อ ถามราคาทุกวันจนมันรำคาญ สุดท้ายผ่านไป 3 เดือนก็ขายได้เงินกำไรมา คนละ 18,000.- บาท แฮ๊ปปี้มาก จากคุณ : Stockholder - [ 8 ส.ค. 49 13:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 54 พอเรียนจบมาก็ทำงาน เป็นลูกจ้างเขา เริ่มมีเงินเก็บก็ซื้อหุ้นไปเรื่อย ตั้งแต่ปี 2531 ผ่านอะไรมาเยอะจนจำไม่หมด ตั้งแต่จับเสี่ยสอง ลดค่าเงินบาทปี 40 ดัชนีขึ้นจาก 300 จุดเป็น 1700 จุด แล้วก็กลับมา 260 สงครามซัดดำ ตึกเวิล์ดเทรดถล่ม พฤษภา ทมิฬ ไม่รู้อะไรเกิดก่อนเกิดหลัง จนหมดไป ล้านกว่าบาท ต้องปิดบัญชีกับ ปรส. ได้ส่วนลดหนี้ 30 % จ่ายหมด พักยาว จากคุณ : Stockholder - [ 8 ส.ค. 49 13:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เป็นลูกจ้างมา 7 ปี ก็เริ่มมีเงินเก็บอีก พอดีได้เงินโบนัสพิเศษ ตอนเป็นลูกจ้างเขาก็ดูหุ้นบ่อย ต้องพกเพจเจอร์รายงานหุ้นจนอายเจ้านาย ดีว่าเจ้านายก็เล่นเหมือนกัน ก็พยายามแอบจนทนไม่ได้ เปิดบริษัทเองเลยดีกว่า ก็ยังไม่หายซ่า สุดท้ายก้กลับมาเล่นอีก แต่คราวนี้ อ่านหนังสือมากกว่า 20 เล่มจนมึน ไม่รู้วิธีไหนดีที่สุด สุดท้ายเลือกเดินตามคนที่รวยที่สุดในโลก 2 คนดีกว่า คนที่ 1 คือ บิล เกต คิดได้ว่าถ้าจะเอารวยแบบเค้า ต้องเป็นผู้สร้างสินค้า (หุ้น) แล้วเข้ามาขายในตลาด เหมือนหุ้นเข้าใหม่ทุกวันนี้ อย่างนี้ต้องทำงานหนัก ทำมา เกือบ 20 ปี ก็สงสัยเอาเข้าตลาดไม่ไหว เอาใหม่ดีกว่า คนที่ 2 คือ วอร์เรน บัฟเฟต อันนี้ไม่ต้องสร้างบริษัทมาขาย หาเงินมาซื้อแบบฉลาดหน่อยแล้วอดทน คงพอไหว แต่เงินเริ่มต้นต้องมากพอที่จะมีนัยยะ หมายความว่าต้องใหญ่ระดับ 10-20 ล้านมั้ง อย่างนี้ทำงานเก็บเองก็พอไหว เอาละมีเป้าหมายแล้ว เก็บเงิน อ่านหนังสือ เก็บเงิน อ่านหนังสือ จนถึงปัจจุบัน แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 49 13:50:26 จากคุณ : Stockholder - [ 8 ส.ค. 49 13:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ก็เป็นเจ้านายตัวเอง แถมยังต้องบริหารกิจการ ภาวะเศรษฐกิจก็มีขึ้นมีลง ลงทุนบริษัทตัวเอง ตั้งแต่ 5 แสน ปัจจุบันได้ตามเป้า ก็คิดได้ว่า ภาระมันเยอะ บางปีก็กำไรมาก บางปีก็ขาดทุนบ้าง แต่หยุดไม่ได้ เพราะมีลูกจ้างเต็มไปหมด ตอนมากสุด รวมคนงานรายวัน เกือบ 150 คน ชักเครียด ไมเกนขึ้นหัว ถามเมียก่อน พอหรือยัง ตอนนี้น่าหยุด ไม่งั้นเดี่ยวตอนเศรษฐกิจลง ก็ต้องคืนเงินไปอีก ถ้าหยุดตอนนี้ ก็เหลือ เมียเป็นใบ้พักนึง บอกตามใจ อยากทำอะไรทำ ขอให้มีตังส์ให้ชั้นชอบปิ้งบ้างก็พอ แจ๋วเลย เลิกกิจการ จากคุณ : Stockholder - [ 8 ส.ค. 49 13:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ก่อนมาถึงจุดนี้ อยากบอกว่า เป็นแฟนหนูขิงมาตลอด อ่านแล้วคลายเครียด นึกถึงตัวเองสมัยก่อน อยากได้เงินง่าย และเร็ว เคยทำมาแล้วสุดท้าย เก่งสุดคือเสมอตัว แต่ถ้าไม่เก่ง หมดตัว หากคิดว่าจะเล่นหุ้น ต้องเป็นแก๊งใหญ่มาก พวกที่มีแต่ชื่อตัวย่อ แล้วต้องเสี่ยงคุก ตาราง ไม่ยั่งยืนหรอก ตอนนั้นเคยถามพ่อว่า เล่นหุ้นดีหรือไม่ดี พ่อบอกว่าก็ถ้าไม่ทำผิดกฏหมาย ก็เล่นได้ แต่อยากให้ใช้วิธีลงทุนดีกว่า คือเหมือนเราทำธุรกิจ หรือหุ้นกับเพื่อนลงทุน เพียงแต่ไอ้เพื่อนคนนี้มันมีราคา ซื้อ หรือขายมาบอกเราทุกวัน วันไหนมันอารมณ์ดี มันขอซื้อเราแพง วันไหนมันทะเลาะกับเมียมา มันกดราคาขอซื้อเรา ขายก็ได้ ไม่ขายพรุ่งนี้มันก็มาทำแบบนี้อีก ถ้านึกดีๆ เวลาเราหุ้นกับเพื่อนจริงๆ สมมติ เปิดนวดฝ่าเท้า มันคงมาบอกเราได้เต็มที่ทุก 3 เดือนว่า ไตรมาสนี้กำไรเท่านั้น เท่านี้ จะเอาปันผลหรือจะเอาไปขยายกิจการนวดฝ่าเท้าอีกที่นึงดี ถ้าเห็นว่าขาดทุน จะปิดกิจการหรือขายหุ้นให้มันทำเองก็ได้ แต่ถ้าถามมันทุกวันว่าวันนี้จะซื้อหรือขายหุ้นตูหรือเปล่า มันคงให้ลูกจ้างเอาฝ่าเท้ามารุมนวดเราฟรี แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 49 20:08:35 จากคุณ : Stockholder - [ 8 ส.ค. 49 14:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ติดลมแล้ว ช่วงพักเที่ยงเสียด้วย อยากบอกว่า จากประสบการณ์ที่เล่นหุ้น หรือลงทุน (อยากเรียกอะไรก็เรียกไม่ต้องอาย) ถ้าเล่นหุ้นปั่น ไม่ได้เป็นคนต้นคิด ก็ต้องถูกเขาปั่นจนมึนหัว หุ้นอะไรดูงบยังไงก็ซื้อไม่ลง คำตอบคือ เขาจะปั่น ดูงบทำไม ไอ้เบื้อ อ้าว!แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าราคาไหนเหมาะสม คำตอบ ถ้าปั่นได้ราคาไหนก็เหมาะสม ถ้าปั่นไม่ไหว ก็ตัวใครตัวมัน เพื่อนอย่างนี้คบได้หรือ บางคนบอกว่า ความไม่รู้คือความเสี่ยง อันนี้จริง ทำตัวให้ฉลาดหน่อย อ่านมากหน่อย ดูงบ ดูนิสัยเพื่อนที่ถือหุ้นใหญ่ รอทุก 3 เดือน ให้มีรายงานมาอ่านทบทวน ทำงานดีหรือเปล่า ถ้าดีก็เป็นเพื่อนกันต่อ ถ้าไม่ดี จะทน หรือเลิกคบ ก็ขายทิ้ง วิธีนี้ต้องอ่านเยอะแต่ทำแล้วส่วนใหญ่ได้เงิน มากกว่าเสียเงิน ส่วนวิธีดูเทคนิก ดูได้เฉพาะช่วงสั้น เอาไว้ซื้อถูกหน่อย (แนวรับ) ขายแพงอีกหน่อย (แนวต้าน วอลลุ่มเยอะ) ดูไกลเหมือนหมอดูไม่ได้ เพราะมันไม่เคยทายถูกเลย ตอนนี้ ไม่มีภาระ ไม่ต้องผ่อน ไม่มีลูกจ้างต้องเสียเงิน มีเพื่อนไว้ตีกอล์ฟ กินข้าว สังสรรค์ สุขนิยมสุดๆ เงินเราก็ไม่หายไปตามภาวะเศรษฐกิจ ช่วงไหนหุ้นซบ ก็ใจเย็น ไปเที่ยวเมืองนอก ช่วงไหนหุ้นบูม ก็ขยันทำการบ้านหน่อย ช่วงปี 46 ได้มากว่า 4 เท่าตัว แล้ว 47 ก็พักเหนื่อย บอกไม่ได้ว่าปีไหนดี ลำพังถามว่าซื้อตัวไหนดี ยังตอบยากเลย เอาเป็นว่าถ้าซื้อหุ้นแล้วมันขาดทุนน้อยแล้วไม่ไหลลึกสุดใจแสดงว่ามันดี ถ้ามีกำไรยิ่งดีใหญ่ อย่าขายหุ้นดี อย่าถือหุ้นไม่ดี อย่าเล่นตอนเพื่อนอารมณ์ไม่ดี ให้เพิ่มพอร์ตได้ตอนเพื่อนอารมณ์ดี ขายให้หมดตอนเพื่อนอยากได้ราคาสูงมากแบบไม่มีเหตุผล เขียนไปเขียนมา เราเองนั่นแหละคบไม่ได้ ตลาดเปิดแล้ว ถ้าว่างเดี๋ยวมาใหม่ จากคุณ : Stockholder - [ 8 ส.ค. 49 14:33:52 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณหนูขิง ลบที่ซ้ำแล้ว.... แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 49 18:15:52 จากคุณ : Stockholder - [ 8 ส.ค. 49 14:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 60 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 49 18:14:21 จากคุณ : Stockholder - [ 8 ส.ค. 49 14:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอโทษ พอดีเน็ตมันค้างเลยกดซ้ำไป 3 ที ลบไม่เป็น วันนี้ไม่ต้องดูจอมาก เซ็ตเล่นดี คงจบสวย ไม่ได้คิดจะซื้อหรือขาย เพราะมีมากพอแล้ว แล้วก็กำไรอยู่ เหลือแต่รอเวลา ดูมากเดี๋ยวเป๋ มีเพื่อนถามว่าตอนนี้เล่นหุ้นอย่างเดียวหรือ? ก็บอกมันไปว่าใช่มั้ง บางคนมันทำหน้าน่าเตะ บางคนก็เข้าใจ อยากถามกลับว่า ทำงานหาเงินมันมีวิธีเดียวหรือ ถ้าคิดได้แค่เช้าต้องตื่นไปดูลูกน้อง เย็นกลับมาเลี้ยงลูก หาเงินแบบนี้ ก็ไม่คุยยาวด้วย เพราะมันคงไม่เห็นด้วยหรอก มันไม่รู้หรอกทุกวันนี้ มันใช้บริการบริษัท ของเราอะไรบ้าง ทั้งโรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า พาลูกมันไปกินไอติม อาหารฟาสฟู๊ต แม้กระทั่งเติมน้ำมัน ความจริงไม่ได้มีเยอะตัวหรอก แต่เป็นเจ้าของชั่วคราวบ้าง ถือยาวบ้าง ก็มีกำไร เรียกว่าหาเงินหรือเปล่า เราใช้สมอง เรียนรู้กิจการมากกว่าตอนเป็นเจ้าของเองเสียอีก เพราะกิจการเราถ้ารู้ครั้งเดียวก็ทำได้ซ้ำไปเรื่อยๆ  ก็หาเงินได้กำไรปีละ 10-30 % แต่นี่ความสนุกอยู่ที่ ต้องเรียนรู้กิจการอย่างอื่นว่าเขาหาเงินเข้าบริษัทอย่างไร หาเก่งกว่าเราทำเองหรือเปล่า ถ้ากำไรน้อยกว่าเราทำเอง จะไปซื้อทำไม ถ้าบริษัทกำไรมากกว่าที่เราทำ ก็เอาเงินเราฝากไปทำงานด้วย แล้วมีกำไรก็แบ่งมาบ้าง หาคนมาขอซื้อเราสูงขึ้นบ้าง คิดได้อย่างนี้ ว่าเราไม่มีภาระ ไม่ต้องลงจากหลังเสือ ไม่ต้องห่วงชีวิตลูกน้องว่าเราจะทำให้เขาลำบากไหม ไม่ต้องกังวลว่าเศรษฐกิจจะดีไหม ดอกเบี้ยขึ้นก็ดี ดอบเบี้ยลงก็ดี ปล่อยวางเสียบ้าง บางคนว่าไม่เบื่อหรือ ตกลงไอ้ทำงานนี่นะ ต้องการอะไร เงินและความภาคภูมิใจใช่ไม๊ ก็มีนี่ เบื่อไม่เบื่อมันอยู่ที่ตัวเรา ยังมีเวลาทำอย่างอื่นเสมอ หาเงินได้ ก็ใช้บ้าง เที่ยวบ้าง ตีกอล์ฟบ้าง ทานข้าวกับเพื่อนฝูงบ้าง พาครอบครัวไปสังสรรค์กับญาติบ้าง โทรคุยกับเพื่อนฝูงประจำ ก็ไม่เห็นต่างกันตรงไหน อยู่ที่แต่ละคนชอบ แต่ที่ดีกว่าคือ ถ้ารู้มาก ความเสี่ยงก็ต่ำ ไม่มีคำว่าหมดตัว ไม่ต้องห่วงว่ากิจการเรา จะเจ๊งไม๊ ลูกน้องโกงหรือเปล่า ถามว่าภูมิใจไม๊ เราก็เสียภาษีเหมือนกัน เราก็ให้เงินเขาไปลงทุน เราก็ใช้ความรู้หาเงินแบบสุจริต ไม่ผิดกฏหมาย เหลือก็ทำบุญบ้าง อายตรงไหน แต่อยากเตือนคนที่มาเล่น (หรือลงทุน)ใหม่ๆ ต้องระวัง อย่าให้ต้องใช้เงินเรียนรู้สูงขนาดเรา ให้อ่านให้มากก่อน แล้วค่อยๆทดลองทีละนิด อย่าใจร้อน ใช้ความรู้หาเงิน อย่าใช้เงินหาความรู้ เพราะเงินมันมีจำกัด คนที่ทำงานยิ่งต้องแยกเวลาให้ถูก รับจ้างเขา เวลารับเงินเดือนเต็มทุกเดือน หุ้นดีไม่ต้องเฝ้าหรอก เจ้าของหุ้นใหญ่เขามี มาร์เก็ตเมคเกอร์ ดูแลให้เหมาะสม หุ้นไม่ดีซิ ถ้าต้องเฝ้า อย่าไปซื้อ ไม่มีความสุขหรอก จะดูหนังก็ระแวง กลัวหุ้นถูกทุบ เป็นบ้าไปหรือเปล่า ถ้าทำงานก็ไปทำงาน มีเงินเหลือก็มาลงทุน ให้เวลาหุ้นมันทำเงินบ้าง ไม่มีกิจการไหนจริงๆที่มีกำไรวันละเป็น 10% หรอก มีแต่ปีละ 10-30% ไอ้วันละ 10% น่ะ เพื่อนเลวมันหลอก อย่าไปคบมาก เปลืองตัวเปลืองเงิน คบผิวเผินได้ อย่ามาก เอาไว้สนุกๆ แต่เงินก้อนใหญ่ต้องใช้สมอง อย่าใช้อารมณ์ ไม่ได้อวดเก่งนะ แต่ผ่านมาเยอะ ไม่อยากเห็นคนพลาดซ้ำเหมือนเรา ไม่แนะนำหรอกว่าตัวไหนดี ตอนนี้ไม่รู้หรอก เพราะซื้อมาหลายปีแล้ว ต้นทุนคนละราคา ถ้ามันตกไป 10% เรายังไม่ขาดทุน แต่คนถามซื้อตามอาจขาดทุนได้ มีเคล็ดนิดนึง ให้ใช้สมองเดาอนาคต ว่าอีก 3 ถึง 6 เดือนข้างหน้า กิจการอะไรที่มีแนวโน้มดี ก็จิ้มตัวนั้น แล้วก็รอ รอ รอ .............3 เดือน 6 เดือน มาดูใหม่ ติดตามข่าวบ้างไม่ต้องอินมาก เพราะไอ้ที่อินมาก มันเป็นข่าวเฉลย กว่าเราจะรู้ เห็นว่าดีเข้าซื้อ เขาก็กำลังขายพอดี มันคงขึ้นต่อหรอก จากคุณ : Stockholder - [ 8 ส.ค. 49 16:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อ่านเรื่องคุณ Stockholder เพลินเลย อิอิ อ้อ ถ้าอยากจะลบที่โพสต์ซ้ำ ก็แค่กดตรงปุ่มแก้ไขข้อความ ที่มันอยู่ข้างกับความคิดเห็นน่ะค่ะ แล้วก็ลบข้อความซ้ำของเราออกไปซะ เท่านั้นแหละ จริงๆเราก็มีความใฝ่ฝันอยากเล่นหุ้นเป็นอาชีพมากเลยนะ รู้สึกว่ามันเป็นอาชีพที่อิสระดี หาเงินได้ง้ายง่าย (แต่เสียเงินยิ่งง่ายกว่า) นี่ถ้าเราฝึกเล่นได้จนเก่งๆแล้วนะ จะลาออกจากงานมานั่งเล่นหุ้นหากินเลย แต่เผอิญยังกำจัดนิสัยแมงเม่าออกจากตัวไม่ค่อยได้ จึงต้องพึ่งพิงงานประจำอยู่ แถมภาระก็มีเยอะซะด้วยสิ ต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เลยต้องยึดกับอะไรที่มันมั่งคงไปก่อน ถ้ารวยแล้ว ค่อยว่ากันใหม่อีกที จากคุณ : หนูขิง - [ 8 ส.ค. 49 17:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 63 สุดยอด! คำตอบพี่ Stockholder ตรงใจผมมากครับ จากคุณ : sutira - [ 8 ส.ค. 49 17:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้าอยากทำเป็นงานหลัก 1.ต้องมีทุนหนา สามารถซื้อเฉลี่ยได้ 2.ห้ามเล่นหุ้น ต้องจริง(เอาจริง) 3.ต้องติดตามข่าวสารตลอดเวลา 4. สามารถแยกแยะว่าอันไหนข่าวจริงข่าวลวง+รู้ทันการสร้างกระแสข่าวเพื่อหวังผล 5.มีหัวคณิตศาสตร์ดีพอควร 5.วิเคราะห์งบการเงินเองได้ 6.มีวินัย ตัดสินใจอย่างฉับไว+มีหลักการ ไม่โลภเกินไป        โดยส่วนตัวเป็นคนหนึ่งที่อยู่ตรงนี้เต็มเวลา ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11-14% ต่อปีมาหลายปีแล้ว และขอยืนยันว่าอาชีพ Investor ไม่ใช่อาชีพไร้เกียรติอีกต่อไปอย่างที่คนทั่วไปเคยคิด ตรงข้าม ถ้าทำได้ทุกข้อที่บอกไว้ จะเป็นอาชีพที่ยอดเยี่ยมมากทีเดียวเลย จากคุณ : CLUB_MEDITERRANEAN - [ 8 ส.ค. 49 19:54:05 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณคลายเครียดเก่งมากเลยที่สรรหาหุ้นพวกนี้มาเล่นได้ แต่ละตัวนี่ ดิฉันแค่เคยได้ยินชื่อ ยังไม่เคยซื้อเลยสักตัวเดียว จากคุณ : prettypetite - [ 9 ส.ค. 49 12:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 66 กระทู้นี้มีสาระความเห็ฯหลากหลายดีจริงๆขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ โดยส่วนตัวผมทำงานมาหลายอย่างลุ่มๆดอนๆ ปัญหาก็มักจะวนเวียนกับเรืองคนงาน อันนี้มาเป้ฯอันดับหนึง เริ่มจากไม่มีคน ก้ไปสรรหาคนที่เหมาะสมมาฝึก พอฝึกเสร็จก็จะมีปัญหา การตั้งแง่เกี่ยงงอนขอค่าตัวเพิ่ม มันเป้ฯงานที่ต้องใช้ฝีมือครับ ไม่ฝึกทำไม่ได้ ถูกลู่ถูกกังมาหลายปี เรียกได้ว่ารุ่งร่วงๆ พูดได้เต็มปากว่าไม่ประสพความสำเร็จ จนผมมาเริ่มต้นเล่นหุ้นเมือราวสองปีมานี้ แรกๆก็อ๊วกคตรบ หลังจากนั้นก้เริ่มจับทางได้ ดีขึ้น ดีขึ้นมาจนทุกวันนี้ ผมคงไม่ทำธุรกิจอีกเพราะเข็ดปัญหาเรืองบุคคลากร เวลามีออเดอร์ แล้วไม่มีปัญหาทำตามออรเดอร์ก็กลุ้ม เวลาช่วงไหนคู่แข่งมากๆ กำไรก้หันกันแข่งกันจนเหลือน้อยกว่อาน้อย แต่เล่นหุ้นไม่ตอ้งลงทุนอะไรก่อนเลย เพียงแต่เลือกหุ้นให้ถูกตัว ถูกที่ ถูกเวลา เข้าไปซื้อไว้ถือรอสองามวันหรืออาทิตย์นึงพอขึ้นมาก้ขายทำกำไรออกมาแล้วภาษีก้ไม่ต้องเสียครับ ผมเชื่อว่าการเล่นหุ้นให้ลึกถึงที่สุดเป็นถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ที่จะนำพาผมไปหาจุดที่เคยฝันเอาไว้ ซึงโดยอาชีพอื่นคงไม่มีทางไปถึงฝั่งฝันครับ โหวตว่าเล่นหุ้นดีที่สุดครับ จากคุณ : khonthai - [ 9 ส.ค. 49 13:37:49 A:203.151.227.99 X: TicketID:121012 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ทำได้แน่นอน  ถ้าคิดว่าแน่พอ คำพูดผมเป็นไง  สั้น ๆ ได้ใจความดีไหม ? อธิบายยาว ๆ เดี๋ยวสับสน ก่อนเล่นเป็นอาชีพ  ต้องไปทำความเข้าใจกับ คำว่า  แน่พอ  ให้เข้าใจถ่องแท้ให้ได้ก่อนว่าเป็นอย่างไร เมื่อเข้าใจแล้ว  เห็นกระจ่างแล้ว  ลุยเลย....... จากคุณ : amarywater - [ 9 ส.ค. 49 17:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เส้นทางนี้เป็นเส้นทางอันตราย  จะเก็บไว้ให้แต่คนที่  แน่พอ  เท่านั้น ด้วยความปราถนาดี... จากคุณ : amarywater - [ 9 ส.ค. 49 17:05:56 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แบบว่าตั้งใจจะเป็นนักลงทุน อย่างคุณลุงอะไรน้า...ดังๆนะจำชื่อไม่ได้ได้ยินว่าเค้าเรียนจบไม่เคยทำอาชีพอื่นเลยนอกจากเป็นนักลงทุน ไอ้เราก็ใช่ย่อยสะเมื่อ เรียนมาก็เก่งเสียนี้กะไร เพียงแต่ไม่ยอมแสดงออกทางทรานสคริปเท่านั้น เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตให้มาอยู่บนเส้นทางสุดแสนอันน่าภิรมย์นี้ บริษัททั้งหลายที่ข้าพเจ้าและแฟนไปสมัครงานไว้ คงล้วนจะมีความคิดเห็นตรงกันหลังจากพิจารณาใบสมัครงานว่า ข้าพเจ้ากับภรรยานั้น ฟ้าคงหาใช่ส่งมาให้เป็นรู้น้องบริษัทเราไม่ อย่างว่าละบริษัททั้งหลายเหล่านั้นล้วนรู้ว่ามิคู่ควร จึงไม่ติดต่อมา ข้าพเจ้าเลยเงยหน้าตะโกนบอกฟ้าว่าได้ ถ้าท่านต้องการให้ข้าพเจ้ากับภรรยาเกิดมาเพื่อไม่เป็นลูกน้องใคร ข้าก็จะทำ อีกไม่กี่อาทิตย์ต่อมาจะเกิดร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นแห่งขึ้นมา ผ่านไปเกือบสามสี่เดือน มีเสื้อผ้าใหม่เข้าเกือบทุกอาทิตย์ จนแน่นร้าน แต่คงเพราะเนื่องด้วยเมียข้าพเจ้าและข้าพเจ้าเป็นคนที่น่าเกรงขราม ที่ผ่านมาจึงไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย (เหลื่อเชื่อจริงๆ) หมดไปร่วมแสนบาท(นี้คือเงินที่เราสองคนสะสมมากันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย อันเกิดจากค่าขนมที่เหลือ ค่ารายงานที่ขอพ่อไว้เผื่อขาดเหลือแต่ไม่ได้ใช้ เงินค่า(คิดว่าจะได้)ไปดูงานที่ขอท่านพ่อไว้ แต่ไม่ได้ไปจริงก็ไม่กล้าคืนท่านกลัวท่านเสียใจ  ) หมดตัวเลยเราชีวิตก็เลยกับมาว่างและอ้างว้าง เลยคุยกับแฟนว่าเอาไงดี เลยได้ขอสรุปที่ว่า ขายทองบ้างส่วน จำนำส่วนที่เหลือได้มาแปดหมื่นบาท ก็มาเล่นนี้ละครับ เพิ่งเล่นผ่านไปสองตัว เท่าทุนอยู่เลย (ขอโทษที่ขี้คุยสะยืดยาว) สรุป ตกงาน ครับ ไม่ได้ประกอบอาชีพอื่นใด เล่นอย่างเดียว นักเก็งกำไรนะครับ ไม่ใช่นักลงทุนอย่างที่ฝันไว้ตอนแรก เงินมันน้อยไปหน่อยงานก้อไม่มี เป็นVI ไม่ไหวนะครับ แต่เอ้ตัวผมกับแฟน ทุนน้อยจนน่าเกียจไปไหมเนี้ยสำหรับเริ่มอาชีพนี้ 5555 จากคุณ : ช้างทมิฬ - [ 9 ส.ค. 49 23:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 70 โอ๊ยคุณช้างทมิฬ พูดจริงหรือปลาว่ครับนี่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เงินน้อยเงินมาก แต่ปัญหาอยู่ที่ตลาดหุนมันทำลายเงินสำหรับผู้ไม่รู้ให้สูญฐหายไปอยางรวดเร็วครับ ยิ่งเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายด้วยผมว่าเอาส่วนใหญ่ออกมาก่อนเถอะครบทำงานอย่างอื่นแล้วใช้เวลาว่างค่อยๆศึกษาไปก่อน ไว้เขาใจมันและพร้อมค่อยขบับเข้ามาเล่นเต็มตัว ทุกคนที่เห็นว่าเล่นอยู่รอดได้ล้วนแต่เคยเจ็งอย่งาหนักกันมาในช่วงแรกรวมทังตัวผมด้วย ถ้าลงหมดพอเงินหมดอนาคตจะหมดไปด้วยครับ ตอ้งแบ่วนมาลงครบเพือ่เป็ฯการเสียค่าหน่วยกิจมือใหม่ไม่มีทางเอาชนะตลาดหุนได้ครบอย่างน้อยต้องหนึ่งปีขึ้นไปครับ เป็นห่วงจริงๆครับ ถอนส่วนใหญ่ไว้ลงทุนเล่นแต่น้อยเพือ่ศึกษาครับขอวิงวอนให้เชือ่ผมคัรบ จากคุณ : khonthai - [ 10 ส.ค. 49 01:19:42 A:58.64.105.82 X: TicketID:121012 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณครับ คุณkhonthai มีอะไรช่วยแนะนำผมด้วยนะครับ จากคุณ : ช้างทมิฬ - [ 10 ส.ค. 49 09:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ลูกเคยถามว่า หนูจะลงว่าอาชีพแม่ทำอะไรดี เล่นหุ้นหรือแม่บ้าน ? (เมื่อก่อนทำงานบริษัท) ญาติๆเคยถามว่าออกจากงานมาทำไร พอบอกเล่นหุ้นมักจะมีแต่คนไม่เห็นด้วยทั้งนั้น หลังๆเลยไม่บอก ขี้เกียจอธิบาย จากคุณ : จิ (robo_got) - [ 10 ส.ค. 49 13:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 73 to chang thamilช้างทมิฬ 80,000 baht is to low  for sure อย่าง ทีบอก การ เล่น หุ้น และประสบการณ์ที่ได้ มากกว่า เรียนจบด็กเตอร์  เพราะฉะนั้น  ล้าน น่า จะเหมาะ... บางคนอาจเถียงว่า เงินไม่เกี่ยว แต่มันจะทำให้ใจเรา นิ่ง ผม นะ มี ๒ พอร์ต เหลือ ถจ กว่า ๕๐เปอร์เซนต์ ทั้ง / แต่เก็บไว้ เพราะหมุนกับมันมานานมากๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 49 16:53:27 จากคุณ : supanut01 (supanut01) - [ 10 ส.ค. 49 16:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ตอนนี้ ผมไม่แน่ใจตัวเองว่าอยู่ในฐานะนี้หรือเปล่า เพราะว่าไม่ได้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน มาเกือบสองปีแล้ว  เนื่องจากติดพันกับงานที่บ้านที่ผมก็ไม่ได้เอาเงินอะไร เลย สองปีได้ที่เอารายได้จาก เงินปันผล และ  Capital gain มายังชีพ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และด้วยอุปนิสัย ที่ไม่เหมาะกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน  ผมว่าหากว่าผมยึดเป็นอาชีพ ผมอาจจะทำได้ในระดับนึงไม่ใช่เพราะว่าที่กำไรจากสองปี ช่วงที่ว่างงานหรอกครับ แต่เพราะผมเคยเป็นมาร์เก็ตติ้งหลักทรัพย์มาก่อน เคยทำงานธนาคาร อยู่ส่วนลงทุนตราสารหนี้ ด้วยที่สำคัญ ผมผ่านช่วงหุ้นพีค เมื่อ สามปีก่อน รวมถึง หวัดนก ตลาดตกสุดๆ มันไม่ถึงกับตกผลึก  แต่ว่าพอจะเข้าใจ กับธรรมชาติของตลาดหลักทรัพย์  และพยายามหาจังหวะ ลงทุนที่ถูกต้องให้ได้ สิ่งที่ผมยึดมั่นคือ   1.  ไม่เล่นหุ้นปั่น     2. รอเวลา   3พอเพียงในผลกำไร ไม่เคยเสียใจว่า ขายหมู หรือติดดอย cutloss  เมื่อคิดว่าซื้อหุ้นผิดเวลา แม้ว่าขายแล้วหุ้นจะขึ้นก็ตาม 4. ขยัน ทำการบ้าน ศึกษาบริษัทก่อนซื้อ ผมถามตัวเองว่า ซื้อเพราะอะไร    ซื้อแล้ว กิจการจะดี ใน  6-12 เดือนหรือเปล่า     5. ผมแบ่ง เงินส่วนนึงเล่นหุ้น ดี ที่ราคาตกเวอร์ช่วง panic  พวก high beta นี่ อีก สองเดือน ผมคงเสร็จธุรกิจของครอบครัว ผมอาจจะกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือน(หากว่ายังมีบริษัทรับคนตกงานเกือบ2ปี) แต่ ยังพึงพอใจกับ ผลตอบแทน จาก การลงทุนในหุ้นที่อาจจะได้เยอะกว่าเงินเดือนทังปี ก็ได้ครับ ในความคิดผม มีงานประจำ   ตัดสินใจทำการบ้านในการเลือกหุ้น แล้วคุณจะได้ทั้งเงินเดือน เงินปันผล สุงกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนเพียงอย่างเดียว   และดีกว่า มนุษย์เงินเดือนที่ เอาเงินที่เก็บออมมาจากการงานไปขาดทุนกับหุ้นปั้น เก็งกำไร จากคุณ : +--NPV--+ - [ 10 ส.ค. 49 16:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ยังไม่เคยทำงานที่ตอกบัตรลงเวลาเลย ปัจจุบันก็ทั้งเล่นหุ้น และโดนหุ้นเล่นครับ จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 10 ส.ค. 49 17:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เข้ามาอ่านครับ ได้ความรู้เยอะเลย จากคุณ : :::GANTZ::: - [ 10 ส.ค. 49 23:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถ้าอายุยังอยู่ในวัยทำงาน อย่าลาออกเลย  รอให้แก่ก่อน มีเงินเก็บพอสมควร   แล้วค่อยเอามาเสียในตลาดหุ้น จากคุณ : florentina - [ วันแม่แห่งชาติ 15:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ผมคิด invert กับเจ้าของกระทู้   "มีใครที่อยากจะลาออกจากเล่นหุ้นไปทำงานอย่างเดียวบ้างไหม" จากคุณ : ellipsis - [ 14 ส.ค. 49 00:42:10 ]

ความคิดเห็นที่ 79 การลงทุน ในหุ้น เมื่อเราซื้อ หรือ ขายหุ้น  เราก็ เสีย ภาษี vat 7% เสมอ นะครับ ดังนั้น ใคร เทรด ยิ่งมาก ก็ เสียภาษี ยิ่งมาก เป็นเงาตามตัว เลยครับ ดังนั้น คนที่ ลงทุน ในตลาดหุ้น ก็ ยัง มีหน้าที่เสียภาษี เป็นประโยชน์ ต่อ ชาติ เช่นกันครับ จากคุณ : samsam - [ 14 ส.ค. 49 10:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 80 การเล่นหุ้น  หาก เราช่างสังเกตุ สังกา ก็จะ ทราบว่า เมื่อใด ที่ เรา สมควร เลิก เล่น กับ หุ้นตัวนั้น ๆ ครับ กราฟ สามารถ ช่วยได้ ในระดับ หนึ่งครับ แต่ คงไม่ทั้งหมด เพราะหาก คนที่ดูกราฟ แล้ว ชนะ ได้ กำไร มากๆ  หรือ ชนะมากกว่า แพ้ ทุกคน คงศึกษากราฟ กันหมด ส่วนคนที่ ไม่ใช้กราฟ ช่วย ก็ สามารถ สังเกต ได้เช่นกัน แต่ ต้อง มีความละเอียด เก็บตัวเลข เก็บ รายละเอียด ของการเคลื่อนไหว ที่ แปลก ๆ  ให้ ได้  ก็ จะ รอดปลอดภัย จากการติดหุ้นได้เช่นกันครับ หุ้น บางตัว มี ปันผล ดีมาก  แต่ ราคา ก็ สวิง แคบ ๆ  ก็มี เพราะไม่มี เจ้ามือ ที่จะลาก ขึ้นไป  หรือ ปั่นขึ้น ไป แต่ หุ้น ปันผล บางตัว ก็ ปั่น ขึ้น ไป  จน แพง เกินไป ไม่น่าสนใจก็มี แต่ ยังมี ส่วนต่าง ราคา capital gain  ให้เล่น แต่ หาก พลาด ท่า เจ้า เลิกเล่น เมื่อใด ก็ ติดดอย ได้เช่นกันครับ หาก มี การ มีงาน ที่มั่นคง ไม่มี อะไร มาบีบคั้น หรือกดดัน ทำให้ ทำงาน อย่าง ทุกข์ใจ ไม่มีความสุข ก็ อยากให้ ทำงาน ต่อไปดีกว่า ครับ และ เลือก ลงทุนในหุ้นที่ มีปันผล และ ราคาไม่แพงจนเกินไป  ความเสี่ยง ในการลงทุนที่ขาดทุน ก็จะต่ำ ไปในตัว  ดีกว่า ฝาก เงินเพื่อรับ ดอกเบี้ย ธนาคาร การลงทุนในตลาดหุ้น ต้องขยันศึกษา เข้าใจ ในตัวหุ้น เช่นที่ พี่ คลายเครียด และ หลาย ๆ ท่าน แนะนำ ดีๆ ข้างต้นครับ แล้วการ ลงทุนในหุ้นจะทำให้ คุณมีความสุข ได้เช่นกัน ขอให้ คิด ไตร่ตรองให้ดี  โชคดีครับ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 49 11:00:14 จากคุณ : samsam - [ 14 ส.ค. 49 10:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 81 การลาออกจากงานมาเล่นหุ้นนั้นต้องถามตัวเองว่ามีความพร้อมแค่ไหน ตลาดหุ้นไม่ได้ขึ้นทุกวัน เวลาหุ้นตกจะทำอย่างไร การทำงานนั้นเขามีสวัสดิการให้นอกจากเงินเดือนประจำทำให้เรามีเครดิต เวลาที่เงินรายได้ไม่พอใช้ก็ยังกู้เงินจากธนาคารมาใช้ก่อนได้เพราะธนาคารเชื่อว่าจะสามารถชำระหนี้ได้ ถ้าไม่ได้ทำงานธนาคารเขาไม่ปล่อยเงินกู้ให้ ควรทำงานต่อไปจนกว่าจะมีฐานะมั่นคงซื้อบ้านอยู่อาศัยให้เรียบร้อยเสียก่อน หรือมีทรัพย์สินเป็นทุนสำรองค่อยตัดสินใจ ระหว่างนี้ให้ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นและทดลองลงทุนไปก่อน หากพลาดพลั้งก็ยังกลับตัวได้และได้รับประสบการณ์ ตัวฉันเองมีหุ้นบลูชิพอยู่ในพอร์ตมากกว่าสิบล้าน ต้องการกู้เงินจากธนาคารเป็นทุนหมุนเวียนสักแสนบาทเท่านั้น ธนาคารยังไม่อนุมัติเลย ขอให้โชคดี.....พร้อมเมื่อใดค่อยลาออก จากคุณ : ยุพา - [ 15 ส.ค. 49 07:51:25 A:221.128.88.114 X: TicketID:125381 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ไม่คิดว่าการลาออกมาเล่นหุ้นเป็นเรื่องที่คิดผิด ถ้ารอบตัวยังไม่เข้าใจ ก็ลองบอกให้คนอื่นเข้าใจง่ายๆว่า เปิดร้าน 7-11 ก็น่าจะได้นะคะ (ซื้อหุ้นไหนไว้บอกร้านนั้น) ตอนดิฉันเริ่มลงทุน ครอบครัวก็โวยวายเหมือนกัน แต่พออธิบายว่า ดูสิน้ำมันขึ้นราคา เราก็มีส่วนลด น้ำมันลงราคาเราก็ดีใจ  เราเป็นเจ้าของS&P ด้วยนะ  7-11 นี่ก็ใช่ ...... ที่บ้านก็งง เพราะไม่เห็นเหมือนที่ได้ยินมาเลย แล้วก็เข้าใจในที่สุด มาอ่านกระทู้นี้ ทำให้-ได้คิด-อย่างนึง ดิฉันมีความสุขทุก 3 เดือน .....เลือกโบนัสได้เอง ทุก 3 เดือน 6 เดือน ยังไม่เบื่อที่ได้อ่านข่าวสารจากบริษัท, อ่านงบการเงินและมองลู่ทางธุรกิจ เหมือนเป็นเจ้าของซะเอง ดิฉันรับงานOutsourceน้อยลง และคิดว่าถึงลาออก...ก็คงไม่มีเวลาว่างนัก เพราะตามอ่านรายงานบริษัท อ่านไม่เข้าใจ ก็ต้องหาอ่านเพิ่ม.... หรือเมื่ออ่านจนชำนาญแล้ว ก็มีเรื่องราวด้านอื่นให้เรียนรู้มากมาย การศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ควรเริ่มทำทันทีค่ะ และคุ้มค่ากับแรงที่ลงไป ถ้ารอให้เกษียณแล้วค่อยมาลงทุนอย่างเดียว บางทีตอนนั้น ดิฉันอาจะล้าแล้วก็ได้  สมองหรือการเรียนรู้อาจไปได้ไม่เท่าตอนนี้ (ดูอย่างการรับเข้าศึกษาต่อปริญญาโทสิ บางที่บอกว่าอายูต้องไม่เกิน 32) ดิฉันไม่เคยได้เรียนเรื่องการจัดการทางการเงิน ไม่เหมือนสมัยนี้ ที่มีหลักสูตรเงินทองต้องใส่ใจให้เรียนตั้งแต่อนุบาล ก็ยังอยู่ในรุ่นที่โง่มาก เรื่องเงินๆทอง และมักง่ายในการจัดการเงินในกระเป๋าตัวเอง ตั้งแต่ลงทุนมา เพิ่งรู้ซึ้งถึงคำว่า -ให้เงินทำงานให้เรา- สำหรับตัวเอง การลงทุนเป็นเรื่องจริงจัง และเป็นงาน-ประจำ-ที่ทำไปได้ตลอดชีวิต 20-30 ปีข้างหน้าก็อยากจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กะเค้าบ้าง งานอื่น ก็หาสัดส่วนที่เหมาะสมกับเวลาที่แบ่งไว้ เพราะรายได้อิงกับเกณฑ์การจ้างงานในตลาด (ทำไมเดี๋ยวนี้ค่าแรงถูกลงเรื่อยๆ) ซึ่งเพิ่มปีละ 5-10% ยังไม่ทันอัตราการเพิ่มของค่ารถเมล์เลย แล้วก็เอาไปเสียภาษี จนเหลือให้ใช้นิดเดียว จากคุณ : เสาไฟมุมถนน - [ 15 ส.ค. 49 08:20:57 ]

ความคิดเห็นที่ 83 มีร้านอยู่  ขายของกำไรวันละหมื่น แต่เล่นหุ้นกำไรวันละ 3 หมื่น... ก็ขายทั้งของเล่นทั้งหุ้นก็ได้  แต่... ปล่อยเซ้งซะเลย  เพราะขี้เกียจติดอยู่กะร้านไปไหนไม่ได้  เที่ยวน้อย  เซ้งราคาดีซะด้วย ก็เลยเล่นหุ้นอย่างเดียวตั้งแต่นั้นมา   อาศัยว่าได้เงินค่าเซ้ง  เลี้ยงตัวได้แน่นอน เล่นหุ้นมีความสุขมั่กๆ จากคุณ : ไม่แหกโค้ง (cool_cool) - [ 15 ส.ค. 49 12:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เข้ามาจดครับ ความรู้ทั้งนั้น vote ให้ครับ สนอยู่เหมือนกันครับ แต่เหตุผลเหมือนกับคุณหนูขิง จากคุณ : Pu'Chew - [ 16 ส.ค. 49 13:06:11 ]