ความคิดเห็นที่ 1 มึนกาแฟ เดี๋ยวค่อยมาอ่านครับพี่ห่าน จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 10 ส.ค. 49 09:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอยืมสำนวนจากมติชนสุดสัปดาห์ครับ "รอติดตามด้วยใจจดใจจ่อ" แล้วจากกระทู้ก่อนของคุณคนล่าห่าน ผมคิดว่าเป็นวรรคทองสำหรับผมทีเดียว "อดทนไม่พอ ไม่รอการเปลี่ยนแปลง ออกนอกทิศทางที่กำหนด" จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 10 ส.ค. 49 10:55:27 A:221.128.118.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่าน2-3รอบแล้วครับ ผมเชื่อครับพี่ห่าน จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 10 ส.ค. 49 11:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ....พี่ห่านมาเปิดประเด็นชวนให้ผมคิดอีกแล้ว.... ...."ตอนหนุ่มๆผมคิดที่จะรัก    ตอนนี้ผมรักที่จะคิด"... จำเหมือนกับเป็นวาทะหนึ่งของ ไอสไตน์ ..........บู้ม.....ม....ม....ม....... E=MC2       (อี=เอ็มซียกกำลังสอง เลขสองเขียนขึ้น ข้างบนไม่ได้) .......5.....5......5...... จากคุณ : ขวัญชัย - [ 10 ส.ค. 49 11:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ก่อนผมก็อ่านห้องใหญ่ครับ คอยฟังว่าท่านเซียนทั้งหลายจะบอกว่าแนวรับ แนวต้านอยู่ตรงไหน ถึงผมไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่คิดว่าคนส่วนใหญ่เชื่อ เราก็ซื้อขาย เกาะกระแสก็น่าจะทำเงินได้ หลังจากรู้จักกับ DSM ผมเลิกเฝ้าติดตามคำพยากรณ์ของเซียนต่างๆแล้วครับ บทวิเคราะห์ของ Finance ก็เลิกดู...ตำราปัจจัยทางเทคนิคถูกเลื่อนไปไว้ตู้ที่หยิบยากขึ้น (จริงๆเป็นข้ออ้างน่ะครับ ผมขี้เกียจอ่านน่ะ อ่านกำลังภายในมันกว่าเยอะ อิอิ) เดี๋ยวนี้ดูแต่แผนตัวเอง แล้วซื้อขายตามแผน ง่ายดีออก ชีวิตสบายขึ้นเยอะ ปล.พี่เต่าไม่ได้เมากาแฟหรอกครับ พี่เมาสำนวนพี่ห่านนะผมว่า อิอิ จากคุณ : ไม่เก่งแต่อยากตอบ - [ 10 ส.ค. 49 11:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อิอิ  แอบเข้ามาเช็คเรทติ้ง........   ........... คุณพี่ดอกไม้ DSM  ครับ  สำนวนเพราะๆ  แบบนั้นผมเขียนไม่ได้หรอกครับ........  เป็นของเฮียเต่าฯ เจ้าคารมเขาหรอกครับ  วันนี้ก็ไปเห็นสำนวนเจ๋งๆ จับใจ มาอีก ผมจะลอกมาให้อ่านดู....... ................................. เงินปันผล กับดัก นักลงทุน เหมือนซื้อไม้ผล เอาแบบที่มีผลใหญ่ๆ ติดโชว์คาต้นมาในกระถาง สุดท้ายได้แค่ผลที่เห็น หากลงทุนจริงๆ ก็เริ่มจากต้นเล็กๆ พันธ์ดีๆ ถูกๆ บางต้นก็ตาย ส่วนใหญ่มักรอด หากคัดพันธ์ดีๆแต่ต้น พอโตให้ผลตลอดไป (ซินแซไร้อัณ) จากคุณ : เต่าหยวนเปียว ............................. เป็นไงครับ  .........  ผมว่าสุดยอดเซียนเหยียบเมฆตัวจริงต้อง เฮียเต่าฯ นี่เลยครับ.............   .......... ปล.ของพี่หมอมิกซ์ถูกต้องเลยครับ..........  อิอิ.........  เขาว่าการตั้งกระทู้ให้ดึงดูดใจ  ต้องพยายามเขียนให้คนคิดมากๆ  คิดบวกหรือคิดลบ ก็ได้  ถ้าคิดบวกเขาก็จะมาต่อยอดให้  ถ้าคิดลบเขาก็มาบ่นนิดหน่อยแล้วบอกว่าไอ้ตรงนี้มันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้........... อิอิ  มีแต่ได้กะได้  ที่สำคัญ เรทติ้งพุ่งกระฉูด...........เอิ๊กๆๆ... จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 10 ส.ค. 49 12:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คำว่าแนวรับ แนวต้าน หรือที่ภาษาปะกิต บอกว่า เป็น Support  - Resistance นั้น...............  ในความหมายจริงๆ ของนักเทคนิคอลหมายถึงอะไร........  ผมตอบได้เลยว่า....... จำไม่ได้ครับ จากการสังเกตุ พบว่า  เมื่อใดก็ตามที่ราคาหุ้นแกว่งตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ระยะหนึ่งแล้ว มันก็เริ่มจะอืดๆ  ไม่ขยับสูงต่อไปอีก เหมือนคนขึ้นบันไดขั้นแรกๆ จะก้าวไปด้วยความรวดเร็ว  แต่พอขั้นที่สูงขึ้นแรงชักจะหมด เหมือนกับว่าถูกอะไรดันเอาไว้ไม่ให้ขึ้นต่อไปได้อีกอย่างรวดเร็ว  ..........  ตรงนี้ผมเห็นเขามักจะเรียกว่าติด "แนวต้าน" ครับ   ทีนี้ เมื่อราคาเริ่มขยับแบบอืดๆ ก็อาจจะเกิดการขยับขัดขืนดึงดัน สู้กันระหว่างพลังไร้สภาพ ถ้าราคายืนอยู่ได้ และไปต่อ  ...........  ตรงนี้ผมเห็นเขามักจะเรียกกันว่า "ทะลุแนวต้าน" ครับ  พลังของแรงที่ทะลุแนวต้าน ถ้ามีการสู้กันนาน มักจะเกิดเป็นแรงส่งให้ราคาพุ่งไปต่อด้วยความเร็วอีกระลอกหนึ่ง แต่ถ้าสู้กันไม่นานมาก  มักจะต่อแบบกระปลกกระเปลี้ย  ไม่นานนักก็จะเริ่มหมดแรงอีก........ ทีนี้ พอหมดแรง ราคาก็จะเริ่มลดลงครับ เหมือนคนพอหมดแรงแล้วไม่อยากไปต่อ ก็ถอยหลังกลับก้าวลงบันได  .......  เมื่อไรก็ตามที่ราคาขึ้นไปด้วยแรงส่งแบบไร้สภาพแบบใดแบบหนึ่ง   เวลาตกมักจะรุนแรงเพราะขาดแรงส่ง  จนมาถึงระดับราคาหนึ่งที่มันเริ่มจะไม่ตกและพยุงตัวอยู่ได้  อาจจะนิ่งเงียบ หรือยึกๆ ยักๆ  ก็ตามแต่  ........  ผมเห็นเขาเรียกจุดนี้ว่า "แนวรับ" ครับ  โดยมากคนที่ก้าวลงบันไดเร็วๆ พอมาระยะหนึ่งก็เริ่มหยุดพักเหนื่อย ดูกำลังตัวเอง ถ้าพอมีกำลังอาจจะก้าวขึ้นไปต่อ  แต่ถ้าไม่มีกำลังแล้ว  มักจะเปลี่ยนใจก้าวลงไปเลย  ทีนี้ยาวครับ ที่ผมเห็นเขาเรียกกันว่า "ทะลุแนวรับ" ครับ จากนั้นก็ทิ้งแบบไม่หันหลัง........... ทำนอง "โกยเถิดโยม" ล่ะครับ ทั้งหมดที่ว่ามา พอจะได้เห็นภาพ "แนวรับ" "แนวต้าน"  ตามความรู้สึกของผมไหมครับ...............  ขอย้ำนะครับ ตามความรู้สึกเท่านั้นนะครับ  อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง 100%    (สิ่งที่ถูกต้อง 100% จะมีเขียนเผยแพร่กันอยู่ทั่วๆ ไปแล้ว....... ผมก็พยายามอ่านมาบ้างเหมือนกันครับ แต่อาจจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างตามพลังของสติปัญญาจะทำได้เท่านั้นเอง)  ในกระทู้นี้ก็เพียงแต่อยากจะขยายความคิด มุมมอง ของความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดกัน ....  อิอิ ไปกินข้าวก่อนเดี๋ยวมาต่อนะครับ   แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 49 12:49:55 จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 10 ส.ค. 49 12:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สุดยอดครับพี่คนล่าห่าน........................ ขอคารวะในความช่างสังเกตุ......และความสามารถในการถ่ายทอดครับ................. เห็นภาพชัดเจนเลยครับ ผมจะลองเอามาเชื่อมกับทิศทางการเคลื่อนไหวกับหุ้น..dsm..ของผมดู.............. ขอบคุณครับ...... จากคุณ : แดนชัย - [ 10 ส.ค. 49 13:46:23 A:58.147.84.67 X: TicketID:105134 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กินกาแฟแก่ไปครับคุณหมอมิก มึนก่อนอ่าน พี่ห่าน ไปอ่านที่ห้องใหญ่ ก็โพสต์คุยกันมั่ง (อย่าคาดหวัง คนจะคุยกับเราทุกคน ทุกครั้ง ) ผมเองมีไปไม่กี่ที่  ห้องVI กระทู้คุยโขมง เมื่อก่อนไดอารี่คุณเทพ (เดี๋ยวนี้ไม่มีให้อ่านแล้ว ) อ่านเพื่อสื่อถึง อาจารย์ทางจิตวิญญาณการเล่นหุ้นผมเลย 4ท่าน ห้องVI คุณฉัตรชัย กระทู้คุยโขมง เฮียคลายเครียด เฮียเอี๋ยว stock-pile ไดอารี่  คุณเทพ ไปรับลูกละครับ ค่ำๆอาจเข้ามาอ่านต่อครับ จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 10 ส.ค. 49 14:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขออนุญาตฺลองดูบ้างครับ แนวรับแนวต้านของนักเทคนิค บางคนที่เขาใช้กัน ถือว่าเป็นจุดที่เอาไว้ใช้ สำหรับตัดสินใจว่าจะซื้อ หรือขายหุ้น ที่จริงเทคนิคบอกอนาคตไม่ได้หรอกครับ แต่บอกแนวโน้ม ได้ว่ามีโอกาสสูงถ้า ทะลุแนวต้านแล้วราคาหุ้นจะไปต่อหรือทะลุแนวรับแล้วหุ้นจะลงยาว ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นจริงก็ได้ ทีนี้ก็ลองเปรียบเทียบกับ Dsm สาเหตุที่ แนวรับแนวต้าน หรือเทคนิค ไม่มีผลต่อ Dsmer ก็เพราะ เราอยู่กับหุ้นตลอดเวลา ลองนึกถึงภาพ กราฟดู ถ้ากราฟเปรียบเหมือน คลื่น ก้เท่ากับเราโต้คลื่นตลอดเวลา เวลาคลื่นขึ้นไปสูงเราก็อยู่บนยอด เวลาลงต่ำเราก็อยู่ที่ก้น ด้วย จะดูเทคนิคไปทำไม เราก็ดูหุ้นของเราทุกวันอยู่แล้ว จากคุณ : pal - [ 10 ส.ค. 49 14:26:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 555  คุณพี่แดนชัย .......  ผมก็พยายามจะเชื่อมอยู่เหมือนกัน...... อิอิ    ได้ผลไม่ได้ผลยังไง มาโพสต์แบ่งปันกันบ้างนะครับ.....   ........... เฮียเต่าฯ  กินกาแฟเก่ง  ว่างๆ จะนัดกินกาแฟที่เซ็นทรัลพระราม 2  อิอิ  (บ้านผมอยู่เลยเซ็นทรัลพระราม 2 มาหน่อยนึง อีกประมาณ 30 กม.เท่านั้นเอง.........เอิ๊กๆๆ) .................... คุณพี่ pal มีความเข้าใจ DSM ในระดับที่ดีพอสมควรเลยล่ะครับ............แสดงว่าเป็นมือกระบี่ DSM ผู้ซ่อนกายอีกท่านหนึ่งแน่ๆ ......  ดีใจจัง ที่ดึงเอาขุนพลฝีมือดีออกมาร่ายรำกระบวนท่าให้ดูได้อีกท่านหนึ่งแล้ว.........อิอิ ............... ไว้เดี๋ยวผมไปรับลูกมั่ง........  แล้วค่อยมาคุยเรื่อง แนวรับ แนวต้าน ต่อ  แต่ว่าไม่ได้เป็นในเชิงเทคนิคประเภทเอามาขีดกร๊าฟ อะไรทำนองนั้นนะครับ...... ต้องบอกกันก่อน  เดี๋ยวชาวเทคนิคอล จะคอยเก้อ...................อิอิ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 10 ส.ค. 49 15:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เด็กหลังห้องตามคุณ Pal มาแจมด้วยครับ ขออนุญาติออกตัวสักครั้งนะครับ ในฐานะคนใหม่ว่า ผมขอเล่าถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่อย่างตรงไปตรงมา เจตนาเพื่อออกความเห็นร่วมกับเจ้าของกระทู้ หรือหยิบยกประเด็นมาพิจารณาร่วมกัน และเพื่อให้พี่ ๆ คนเก่า หรือคนใหม่ก็ตามช่วยกันออกความเห็นเพิ่มเติม แก้ไข ตักเตือน เพื่อประโยชน์ของเราทุก ๆ คน ตอนนี้หุ้นตัวที่ผมซื้อขายอยู่มักจะขึ้นลงแบบไม่ลึกมากไม่สูงมาก เช่น รอบนี้สูงที่ 2.00 ต่ำที่ 1.70 รอบถัดไปสูงที่ 1.95 ต่ำที่ 1.65 ผมเองตั้งกรอบในการทดลองว่า เมื่อขาลงผมจะขายลงไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงใกล้จุดต่ำสุดตอนซื้อคืนก็จะพยายามซื้อคืนให้เหลือกองหลังไม่เกิน 2 ไม้ จากนั้นเมื่อหุ้นขึ้นก็ถือไปเรื่อย ๆ พอถึงจุดสูงก็เริ่มทยอยขาย ตรงนี้เป็นกรอบที่ตั้งเอาไว้ก่อน อีกอย่างหนึ่งคือกำหนดกระแสเงินสดแฝงที่ต้องการไว้ เช่น 1 -3 % และตามดูไปเรื่อย ๆ ดังนั้นเวลาขาลง สมมติว่ารอบที่แล้วต่ำสุดที่ 1.65 ตรงนี้ผมถือว่าเป็นแนวรับในทางปฏิบัติของผม ผมจะขายไปเรื่อย ๆ สมมติที่ 1.74 1.72 1.70 1.68 พอถึง 1.68 ผมอาจจะหยุดขาย เตรียมซื้อคืน หรืออาจจะขายลงไปอีกที่ 1.66 1.64 ถ้าดูแล้วราคายังไหลลง แต่ก็พยายามจะเข้าซื้อคืนอยู่ตลอดเพื่อให้เหลือกองหลังน้อยที่สุด ถึงแม้ว่าการซื้อคืนช่วงนี้จะได้กระแสเงินสดแฝงแต่ละครั้งน้อย คราวนี้เมื่อขาขึ้น เมื่อหุ้นทยอยขึ้นไปเรื่อย ๆ พอใกล้ถึง 2.00 ซึ่งถือเป็นแนวต้านสำหรับผม ผมจะเริ่มเตรียมตัวขายอาจเริ่มขายที่ 1.98 2.00 ถ้าขึ้นไปอีกก็ขายอีก หรือถ้าลงมาก็ทยอยขายลงมาตามปกติ ปัญหาคือ ผมต้องยอมรับว่า 1. ลักษณะที่ทำนี้เหมือนกับการเดาตลาด คือเดาแนวต้านแนวรับ ซึ่งอาจจะผิดเบสิค DSM 2. ถ้าหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่นขึ้นลงสูงต่ำไปจากเดิมมาก ๆ เราจะมีการเตรียมการอย่างไรเพื่อรับมือ (ซึ่งถ้าเราไม่มีการเตรียมการตรงนี้ผิดแน่นอนนะครับ) 3. การที่เราทำแบบนี้เป็นไปตามกรอบที่เราวางไว้ในการเทรดแต่ละรอบหรือไม่ คือได้คิดไว้แล้วหรือไม่ในระดับหนึ่ง เพราะจริง ๆ แล้วเราไม่รู้ว่าราคาจะเป็นอย่างไร ขอฟังคำแนะนำของพี่ ๆ นะครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 10 ส.ค. 49 15:24:14 A:221.128.117.75 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ บ้านพี่ห่าน ไปอีก30โล เลยมหาชัยไปอีก... อยู่ไกลจัง ผมผ่านเซนทรัล 2  วันละ4เที่ยว พี่ห่านวันไหนแวะมาธุระ  นัดเวลามาดื่มกาแฟกัน (เฉพาะวันที่โรงเรียนเปิดเรียนนะครับ) จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 10 ส.ค. 49 16:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ้าวเลยไปอีกเหรอ เฮียเต่าฯ ถ้างั้นผมก็คำนวณหลักกิโลผิดไปหน่อยดิ เอ หรือผิดไปเยอะเลยหว่า  ไม่เคยจับหลักกิโลจริงๆ จังๆ ซักที.............  อิอิ .......................... อ่านของคุณพี่ดอกไม้ DSM  แล้ว............อยากจะร้องไห้    เพราะสิ่งที่ผมคิดไว้และอยากจะมาต่อยอด ก็คือสิ่งที่คุณพี่ได้ทำไปแล้วนั่นเองครับ...................อิอิ เพียงแต่ปัญหาก็อย่างที่คุณพี่ได้ทิ้งไว้นั่นแหละครับ...............ว่า ........ ปัญหาคือ ผมต้องยอมรับว่า 1. ลักษณะที่ทำนี้เหมือนกับการเดาตลาด คือเดาแนวต้านแนวรับ ซึ่งอาจจะผิดเบสิค DSM 2. ถ้าหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่นขึ้นลงสูงต่ำไปจากเดิมมาก ๆ เราจะมีการเตรียมการอย่างไรเพื่อรับมือ (ซึ่งถ้าเราไม่มีการเตรียมการตรงนี้ผิดแน่นอนนะครับ) 3. การที่เราทำแบบนี้เป็นไปตามกรอบที่เราวางไว้ในการเทรดแต่ละรอบหรือไม่ คือได้คิดไว้แล้วหรือไม่ในระดับหนึ่ง เพราะจริง ๆ แล้วเราไม่รู้ว่าราคาจะเป็นอย่างไร ขอฟังคำแนะนำของพี่ ๆ นะครับ ขอบคุณมากครับ ................................ ขอลองตอบข้อที่ . 1   ก่อนเลย.......... ลักษณะที่ทำนี้เหมือนกับการเดาตลาดแน่นอนครับ แต่เป็นเดา แนวต้านแนวรับ แต่ผมไม่คิดว่าจะผิดเบสิค DSM  เพราะคุณเด่นศรีเคยบอกไว้ว่า จะขายก็เมื่อราคาหักหัวลง จะซื้อก็ต่อเมื่อราคาหักหัวขึ้น   ผมว่านั่นก็คือ ขายตรงแนวต้าน และซื้อคืนที่แนวรับในแต่ละช่วงเวลาหนึ่งๆ นั่นเอง และมันจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ เป็นไปตามแผนที่เรากำหนดไว้ดีแล้ว ดังนั้น การวางแผนขายและซื้อ ถ้าทำได้ดีก็น่าจะต้องทำให้การซื้อและขายสอดคล้องกับจังหวะเต้นของเส้นราคาให้ได้  มันถึงจะเกาะแนบไปกับกระแสคลื่นตามที่คุณพี่ pal ว่าไว้ใน คห.10 โดยไม่หลุดจากกระแส ทำไมผมถึงว่าต้องเป็นการเกาะแนบกับกระแส............ เพราะสิ่งที่ผมทำอยู่ มันดูเหมือนเเกาะแนบกับกระแสอยู่ตลอดเวลา  แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ ในจังหวะที่กระแสมันเหวี่ยงขึ้นและลง จะเหมือนมีช่วงสูญญากาศปรากฎอยู่เสมอ........   คือในจังหวะที่ราคาลงวูบ โดยทั่วไปจะเป็นโอกาสเข้าซื้อคืน  แต่ถ้าจังหวะที่ราคาเต้นต่อไป มันเป็นจังหวะลงอีกล่ะ เราก็จะขายตามสเต็ป  ในจังหวะนี้แหละที่จะทำให้เกิดเป็นเหมือนสูญญกาศ ที่ทำให้เรา เริ่มอยู่ห่างจากคลื่นราคามากขึ้น  เพราะในขณะที่เราซื้อคืนถึงแม้จะเป็นซื้อคืนของที่เคยขายไปก็ตาม แต่เมื่อเราขาย จะเท่ากับเราขายไม้ที่เพิ่งซื้อไปส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน......................   ตรงนี้ผมเห็นว่าเป็นมุมกลับของ กสงฝ.  ที่จะเข้าไปทำปฏิกิริยาติดลบกับรายได้ที่พึงจะเกิดขึ้น หรือได้เกิดขึ้นไปแล้วด้วย โดยเฉพาะถ้ามีการซื้อคืนเร็วในจังหวะที่ราคาลงมาเพียงสามหรือสี่ช่องเท่านั้น  เท่ากับว่ารายได้ที่เราได้ จะได้เพียงประมาณ 2 ช่อง (หักคอมฯ)  แต่เมื่อเราขายเพื่อสร้างโอกาสอีกครั้ง  จุดเปลี่ยนที่อาจจะมองข้าม ก็คือมันเสมือนได้ "ขาย" ไม้ที่เพิ่งทำรายได้ 2 ช่องนั้นออกไปอีกครั้ง  และส่งให้การซื้อคืนไม้นั้นเกิดการสูญเปล่า เพราะแม้เราจะขายเมื่อราคาลงไปเพียง 1 ช่องก็ตาม แต่เมื่อรวมคอมฯ แล้วก็จะใกล้เคียงกับ 2 ช่องเช่นกัน เท่ากับว่าเราได้จ่ายคืนรายได้ที่เคยได้ออกไปหมดแล้ว และเมื่อพิจารณาต่อ จะเห็นว่า  ในขณะที่เราทำการขายและซื้อคืนและขายอีกครั้งหนึ่ง  ราคาเดิมที่เป็นไม้แรกที่ซื้อ จะเริ่มห่างจากราคาขายในครั้งที่สองมากขึ้น  นั่นเท่ากับเป็นสูญญากาศที่ทำให้เราห่างจากคลื่นราคามากขึ้นนั่นเอง งงมั้ย........อิอิ    ทางแก้ ผมก็เลยคิดว่าถ้าวางแผนโดยกำหนดเป็นแนวรับแนวต้านได้ ก็จะทำให้เราเกาะแนบกับกระแสคลื่นราคามากขึ้นไงครับ..................   อิอิ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 10 ส.ค. 49 17:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กลัวงง เลยไปทำตารางมาให้ดู................. จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 10 ส.ค. 49 17:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จากตารางใน คห.15 น่าจะช่วยให้เห็นภาพ สูญญากาศที่ผมว่าไว้ คือ ในที่สุดแล้วเมื่อเรารีบซื้อคืน ก็จะส่งผลให้รายได้เราติดลบ  และต้นทุนอยู่ห่างจากระดับราคามากขึ้น ส่งผลให้การขายไม้ต่อไปจะห่างจากราคาต้นทุนอยู่อีกมาก (ซึ่ง DSM ไม่กลัว ........ เพียง แต่สูญญากาศนี้จะทำให้ DSM ต้องใช้เวลามากขึ้นเท่านั้น) ทำอย่างไรจึงจะขจัดสูญญากาศนี้ ........... ผมจึงเห็นว่า  การกำหนดแนวรับ แนวต้านที่ชัดเจน จะเป็นตัวลดสูญญากาศที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันจะต้องมีการวางแผนให้สอดคล้องกับแนวรับ และแนวต้านด้วย คุณพี่ขวัญชัยได้เคยกล่าวไว้ในกระทู้ล่างๆ  ว่า   เหมือนทำคันดินบ่อตกปลา ผมก็เลยมาโยงว่า ............... แนวคันดินบ่อตกปลาด้านบน ก็จะมี 1 แผน DSM ที่เราจะวางไว้ ซึ่งอาจจะเรียกว่า แผนการเทรด DSM ในระดับแนวต้าน ในขณะที่แนวคันดินบ่อตกปลาด้านล่าง หรือกองหลัง  ก็จะมีอีก 1 แผน DSM ที่วางไว้ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็น แผนการเทรด DSM ในระดับราคาของแนวรับ ดังนั้น หุ้นในมือ จะถูกแบ่งเป็นกองทัพย่อยๆ  3 กอง ไปประจำการตามจุดแนวรับ 1 กอง และแนวต้าน 1 กอง  ส่วนกองกลางจะเป็นตัวทำรายได้ในระหว่างแนวรับกับแนวต้าน และแต่ละกองจะทำการเทรดครั้งละจำนวน 10% ของแต่ละกอง ดังนั้น เมื่อราคาลงมาที่แนวรับ  เราก็จะเทรดเฉพาะกองของแนวรับ ลงไปเรื่อยๆ  ในขณะที่กองของแนวต้านและกองกลางก็ปล่อยค้างไว้ (แต่ละกอง ไม่จำเป็นต้องขายให้หมดกองพล และกองกลางอาจจะต้องซื้อคืนเรื่อยๆ ให้เต็มไว้เสมอ) นั่นคือความคิดในการวางกลยุทธ์ ตามแนวรับ และแนวต้าน......... (เอ้อ  ขอบอกก่อนนะครับ เป็นความคิดที่ยังไม่ได้ทดลองทำจนบรรลุผล  เพียงแต่อยู่ระหว่างจัดกองกำลังให้เป็นอย่างที่ว่านี้อยู่...... ดังนั้น ผมไม่รับรองผลลัพธ์ใดๆ นะคร๊าบ   เอิ๊กๆๆ) ต่อมาก็คือแล้วจะรู้ได้ไงว่าตรงไหนคือแนวรับและแนวต้าน...........ไว้มาต่อครับ  อิอิ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 10 ส.ค. 49 18:18:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอ้ ......  ลืมเช็คเรทติ้ง........  ปรากฎว่า  ณ 18 นาฬิกา  เรทติ้งเริ่มตกครับ 555  กระทู้กำลังวิ่งสู่แนวรับแย้ว ววววว.........  เอิ๊กๆๆ   จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 10 ส.ค. 49 18:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พี่คนล่าห่านครับ ขอโทษนะครับพี่ คือผมยังมือใหม่มากจริง ๆ ขอทบทวนข้อมูลของพี่นิดนึงนะครับ ถ้าดูตามตารางที่พี่ให้มา ถือได้ว่ารายการเกิดขึ้นตามลำดับเลยใช่ไหมครับ คือพี่เริ่มเข้าซื้อที่ 20.70 และ 20.50 และเริ่มขายครั้งแรกที่ 20.70 ราคาลงมาและพี่ซื้อคืนที่ 20.40 ต่อมาราคาดีดกลับขึ้นไปพี่ขายที่ 21.10 21.00 และมาซื้อคืนที่ 20.70 และราคาก็ลดลงมาตามลำดับเหมือนในตาราง จนล่าสุดพี่ขายสองไม้สุดท้ายที่ 19.80 19.60 และยังไม่ได้ซื้อคืน ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ ขอโทษพี่อีกครั้งนะครับ คือผมอยากจะมั่นใจว่าผมเข้าใจตัวเลขของพี่ถูกต้องจริง ๆ เวลาสงสัยซักถามจะได้เข้าใจตรงกัน ขอบคุณมากครับ (ปล.ตอนนี้ย้อนกลับไปอ่านกระทู้เรื่องการแปลงร่างของพี่แมลงเม่าทนไฟอยู่ครับ กำลังแกะความเห็นของพี่ ๆ อยู่) จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 10 ส.ค. 49 19:49:46 A:61.47.94.142 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอ หรือผมเข้าใจผิด ที่จริงน่าจะเป็นพี่เข้าซื้อครั้งแรกที่ 20.70 20.50 ต่อมาขายที่ราคา 20.70 ไม้แรก ราคาดีดขึ้นไปที่ 21.10 พี่ขายไม้ที่สอง และขาย21.10 21.00 20.90 20.80 มาเรื่อย ๆ พอราคาอยู่ที่ 20.70 พี่เข้าซื้อคืน สองไม้ คือซื้อคืนของ 21.10 21.00 และเมื่อราคาอยู่ที่ 21.50 พี่เข้าซื้อคืนอีกสองไม้ ของราคา 20.90 20.80 ต่อมาราคาลงมาที่ 20.30 พี่ขายสองไม้ และซื้อคืนที่ 21.10 ต่อมาราคาลงมาอีก พี่ขายที่ 19.80 19.60 และยังไม่ได้ซื้อคืน เอ น่าจะเป็นยังงี้มากกว่าใช่ไหมครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 10 ส.ค. 49 19:57:37 A:61.47.94.142 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากผมอ่าน คห.ของคุณพี่ดอกไม้ DSM ผมก็ไปดูบัญชีผมใหม่ แล้วพบว่าถ้าผมลองปรับเปลี่ยนข้อมูลบางประการ  พรุ่งนี้ผมก็มีแนวปฏิบัติที่น่าสนใจแล้วล่ะครับ......  อิอิ คุณพี่ดอกไม้ DSM  ลองดูแผ่นใหม่ที่ผมมาแปะให้ดูแล้วกัน  เอิ๊กๆๆ....   ขอบคุณพี่มั๊กๆๆ  ที่สนใจข้อมูลผม ทำให้ผมได้เห็นจุดที่ต้องปรับครับ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 10 ส.ค. 49 21:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมขออนุญาตค้างกระทู้ผมไว้เท่านี้ก่อน  เพราะทำไปทำมา  รู้สึกว่า ผมต้องไปปรับแต่งบัญชีผมใหม่ก่อนนะครับ........  อิอิ   จะว่าไปผมได้ไอเดียเกี่ยวกับการสร้างแนวรับ  แนวต้าน  ใหม่แล้ว  ถ้าใครลองเปรียบเทียบ  ตารางบัญชีของผม ทั้งสองแผ่นข้างบนดูน่าจะเห็นภาพอะไรบ้าง เพียงแต่ว่า คุณมีเงินพร้อมไม๊  เหมือนอย่างที่พี่ลำชีพูดไว้ใน........ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I4609344/I4609344.html#8 การขายเป็นการสร้างโอกาสก็จริง  แต่ที่สำคัญต้องมีความพร้อมของเงินประกอบด้วย...........เอิ๊กๆๆ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 10 ส.ค. 49 21:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ลองตอบดูอีกทีครับ ออกตัวไว้ก่อน แนวความคิดบางครั้งอาจไม่ตรงกัน ก็ขอให้ถือว่าแลกเปลี่ยนความรู้กัน ตอบคุณ ดอกไม้ Dsm ก่อน 1.เบสิค Dsm อย่าเดาตลาด ????? ไม่หรอกครับ ลองนึกดูดีๆ ว่าทำไมคุณดอกไม้Dsmถึงรู้แนวรับ แนวต้าน ใช้เทคนิคหรือครับ ไม่หรอกเป็นเพราะคุณดูหุ้นตัวนี้ทุกวัน เลยพอจะรู้นิสัยตัวนี้พอสมควรต่างหาก 2.ข้อนี้ต้องถามกลับครับว่าคุณดอกไม้ Dsmทำอย่างไร เพราะถ้าจะให้ผมเดา คุณดอกไม้Dsm น่าจะมีปัญหา เรื่องหุ้นหมด หรือ ซื้อกลับเร็วเกินไป มากกว่า ถ้าตาม Basic ไม่น่าจะเกิดปัญหาจนต้องหาวิธีเตรียมการรับมือ 3.กรอบของแต่ละรอบคืออะไรครับ ตอบสั้นๆ อาจจะงง ขออธิบายเพิ่มครับ คือ สังเกตดีๆ ทำไมคุณเด่นศรีถึงมีความสุขกับการทำ Dsm ทำไมเราถึงกังวลมาที่จะทำDsm ในความคิดผม ทำง่ายสบายๆ ดีกว่า เอ  จะบอกยังไงดี เอาง่ายๆ ถ้าหุ้นขึ้น คุณจะทำอย่างไร  กอดหุ้นวิ่ง หรือขาย 1% ตามไปเรื่อยๆ หรือซื้อคืนที่ขายไว้ ถ้าหุ้นลงล่ะ จะทำอย่างไร ขายที่ละ 10 % ทุก 2 ช่อง Basic ก็มีเท่านี้ เราไม่ต้องเดาหรอกครับ ทำตามแผนไปเรื่อยๆ เอาหลักการง่ายๆก่อน มันก็จะเหมือนเราโต้คลื่นแล้ว ลองดู ถ้าสมมุติราคาเริ่มต้นที่ 1 บาท แล้วราคาลงไป เหลือ .50 สตางค์เราก้ขายไปเรื่อยๆ เมื่อหุ้นเริ่มขึน้ เราซื้อคืน พร้อมกับเอากระแสเงินสด ซื้อเพิ่มเข้าไปอีก สมมุติขึ้นไป .80 แล้วเริ่มลง เราก็ขายอีก นี่เป็นเรื่องสมมุติ เพราะความเป็นจริง หุ้นไม่ได้ลงทีเดียว เดี๋ยวลงเดี๋ยวขึ้น แต่ถ้าเราทำตาม Basic จะเห็นได้ว่า เราไปตามคลื่น ตอนที่หุ้นลง .50 เราแทบไม่มีหุ้นแล้ว แต่พอเริ่มขึ้นไป จนถึง .80 เรามีหุ้นมากขึ้น อาจจะมีขายตามทางไปเรื่อย แล้วแต่วิธีของแต่ละคน พอเราไปอยู่บนดอย แล้วเริ่มลง เราก็ขายอีก ง่ายๆ เนอะ เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน ตอบคุณคนล่าห่าน ผมยังไม่เห็น วิธีคิดแนวรับแนวต้าน เลยยังไม่อยากออกความเห็น  จากรูปที่ดูยังสงสัยว่า ปกติกำหนดว่าจะซื้อคืนอย่างไร ทุก 5 ช่อง ทุก 3 ช่อง  ลองช่วยอธิบายรูปเพิ่มเติมหน่อยครับ ปล. เรียกชื่อกันเฉยๆ ก็ได้มั้ง ไม่ต้องถึงขนาดคุณพี่หรอกครับ จากคุณ : pal - [ 10 ส.ค. 49 22:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เห็น พี่ห่าน ขนเรือตู้มาโชว์ ผมก็ขอโชว์เรือผมบ้าง ช่วงต้น ๆ มีทั้งเรือตู้ เรือเทกอง แต่หลัง ๆ เหลือแต่เรือเทกองง่ะ เรือตู้มันวิ่งช้า ก็เลยเอาไปเปลี่ยนเป็นเรือเทกองซะ ก็ดูกันเพลิน ๆ ครับ หุ้นตัวนี้ทำให้ผมเข้าใจคำว่า เรือก็คือเรือ หุ้นก็คือหุ้น เพิ่มอีกพอสมควร อิ อิ อิ อ้อ...ตอนเอาเรือตู้ ไปเปลี่ยนเป็นเรือเทกองมานี่ อาศัยวิชานั่งเทียนประกอบ ด้วยนะครับ ผมมันพวกพันทาง (ไปมันทุกทาง แต่ยังไม่ได้ดีสักทาง) โปรดพิจารณาให้รอบคอบ ก่อนลอกเลียนแบบ จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 10 ส.ค. 49 23:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ่า ผมดูบัญชีแล้วมึนตึ๊บครับ ดูแล้วตาลายอ่ะ ระบบบัญชีผม เป็นแบบบ้านๆ ไม่ได้ซับซ้อนขนาดพี่ๆ เลยไม่คุ้น หรือผมจะแก่แล้วหว่า เลยเวียนหัวง่าย อิอิ จากคุณ : ไม่เก่งแต่อยากตอบ - [ 11 ส.ค. 49 07:22:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มึนเหมือนกันครับ 555 ไม่น่ามีปัญหานะ ถ้ายึดหลักซื้อถูกกว่าขาย เอาตามความชอบแล้วกันครับ ถือว่าว่างแผนไว้แล้ว แต่ผมชอบแบบทำเหมือนฯกันไม่อยากคิดมาก พยายามทำแบบวิธีที่น่าเบื่อ ให้มันเป็นนิสัย และอยากให้สิ่งที่ได้ได้มาแบบไม่คาดคิด แบบที่ได้ตามที่คาดคิดผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยได้ อิอิ จากคุณ : eyes only (ลำชี) - [ 11 ส.ค. 49 07:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอเพิ่มเติมนิดนะครับ ...ในความคิดผม เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมรู้สึกว่า มันน่าจะขึ้นหรือมันน่าจะลง แปลว่า ผมกำลังเดา เพราะยังไงเราก็ทายไม่ถูก 100% แน่ๆครับ ไม่ว่าเราจะคุ้นกับหุ้นตัวนั้นมานานแค่ไหนก็ตาม ผมยังคิดว่า DSM คือการลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุด โดยการเกาะตามกระแสขณะนั้น ทุกตัวที่ซื้อหรือขายออกไป ผมจะคิดว่ามันคือการจ่ายค่าประกัน ดังนั้นไม่ว่าขึ้นหรือลง เราก็ได้เงิน การที่ผมเริ่มทะยอยขายเวลาถึงแนวต้าน แล้วถ้ามันถูกดันทะลุ ทำ new high ไปเรื่อยๆ ผมก็เสียโอกาสเพิ่มมูลค่าport สิครับ เช่นเดียวกัน ถ้าผมเริ่มทะยอยซื้อก่อนถึงแนวรับ ถ้ามันเจอทุบต่อเรื่อยๆ ผมก็เสียโอกาสทำ กสงฝ.อีกแบบนึง ผมจึงเชื่อว่า ที่สุดแล้ว การเล่นแบบ DSM คือการเล่นแบบไร้อารมณ์ คือไม่มีลุ้นทางไหนเลย เพราะ มันจะไปทางไหนเราก็ได้เงิน เลยไม่รู้จะลุ้นไปทำไม ทำให้ผมก็ไม่รู้จะดูแนวรับ-แนวต้านไปทำไมเหมือนกัน ปล.เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ห้ามลอกเลียนแบบ อิอิ จากคุณ : ไม่เก่งแต่อยากตอบ - [ 11 ส.ค. 49 08:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มาช่วยกันคิดอีกแรง .....หุ่นยนต์นักขาย..... แนวรับ .....ขาย แนวต้าน......ขาย ทะลุแนวรับ......ขาย ทะลุแนวต้าน......ขาย ขายลูกเดียว .....หุ่นยนต์นักซื้อ.... แนวรับ .....ซื้อ แนวต้าน......ซื้อ ทะลุแนวรับ.....ซื้อ ทะลุแนวต้าน.....ซื้อ ซื้อลูกเดียว ตราบใดที่ซื้อราคาต่ำกว่าที่ขายไม่ให้เจ้ามือจับทางถูก เพราะบางทีเจ้ามือใหญ่อาจทำแนวรับ/แนวต้าน มาล่อ ให้หลงทาง  ถ้าเจ้ามือใหญ่เห็นว่าคนเฮโลไปใช้อินดิเค เตอร์ไหน ก็จะวางแผนแก้ทางไว้แล้ว แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 49 09:18:02 จากคุณ : ขวัญชัย - [ 11 ส.ค. 49 09:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 555 พี่ๆ DSMer  มาช่วยออกความเห็นกันมากมาย............เอิ๊กๆๆ (ชอบใจ) ผมต้องต้องอภัย คุณพี่ pal  จริงๆ  ที่ทำให้งง.........  อิอิ   พอร์ตที่ผมนำมาให้ดูนั้น  ผมเล่นแบบ DSM จริงครับ  แต่ไม่กำหนด Step การซื้อขาย ตามเบสิคเปะๆ   ค่อนข้างจะตามอารมณ์ตัวเองหน่อยๆ   แล้วจังหวะที่เห็นว่าราคาใกล้กันจนเป็นขายทุกช่องที่ลง  นั่นก็ไม่ได้เป็นการขายติดต่อกัน  แต่เป็นการขายไปตามจังหวะของหุ้นครับ  ผมจะขายทุกครั้งที่มีการหักหัวลง  และขายไม่ให้ซ้ำกับไม้ที่ได้ขายไปแล้ว  ดังนั้น ในขณะที่ผมขาย 20.8 หุ้นอาจจะขึ้นไปที่ 21 จากนั้นหักหัวลงมที่ 20.9 ผมก็ขายใหม่  แล้วหุ้นอาจจะขึ้นต่อ  พอหักหัวลงมาที่ 21.1 ผมก็ขายใหม่อีก  เมื่อมาดูทีหลังก็เลยเหมือนกับว่ามีการขายทุกๆ ช่องเมื่อราคาลง จริงๆ แล้วผมเห็นด้วยครับกับ DSM ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึง แนวรับ แนวต้าน  เพราะอย่างไร เรามีหลักอยู่ว่า ขายเพื่อสร้างโอกาสซื้อ และซื้อให้ถูกกว่าขายเสมอ   แต่ผมคิดว่าลักษณะแบบนี้ จะเป็นกลยุทธ์การเล่นหุ้นขาลงเท่านั้น แต่ถ้าหุ้นเป็นขาขึ้น  ปัญหาที่เจอก็คือการซื้อคืนไม่ได้  จะซื้อตามก็ไม่ปลอดภัยเพราะไม่รู้ว่าราคาจะขึ้นไปอีกหรือจะลงมา ผมก็เลยคิดว่าถ้าเราหาแนวต้านเจอ  หรือสามารถใช้ข้อมูลเดิมเป็นตัวกำหนดแนวต้านได้  เราก็จะสามารถซื้อเพิ่มในช่วงขาขึ้นได้โดยปลอดภัย หากพิจารณาบัญชีของคุณพี่แมลงเม่าทนไฟ ก็จะเห็นว่า  บ่อยครั้งจะซื้อเพิ่มในราคาที่สูงกว่าที่เคยขายไป  แต่ในจำนวนไม่มาก  ผมก็รู้สึกว่านั่นก็เป็นการวิ่งหาแนวต้านอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ปัญหาก็คือ เงินที่ซื้อเพิ่มก็เป็นเงินที่สำรองไว้ซื้อคืน ดังนั้นเมื่อราคาถูกทุบลงไป ก็จะต้องขายอีก (หรือป่าว) เพื่อไปรับคืนในราคาล่างๆ   สิ่งที่ตามมาก็คือการสะสมของต้นทุนแฝง  ที่มากขึ้น จนวันหนึ่งเมื่อ กสงฝ. มันไม่หมุน หรือหมุนไม่พอ  ในกรณีที่หุ้นหยุดการแกว่งตัว หรือใกล้จะหมดอายุอย่างวอแรนท์  ก็จะเกิดการเสียหายและต้องแปลงร่างไปอีก ก็จะกลายเป็นว่าเราเสียเวลาในการสร้างข้อมูลเพียงเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของ กสงฝ. เท่านั้น   ถ้ามีรอบของ กสงฝ.  มากจนชดเชยต้นทุนแฝงได้หมด เมื่อนั้น ก็เท่ากับว่ามีหุ้นในมือฟรีๆ  และสามารถสร้าง กสง. ได้เรื่อยๆ  แต่ถ้าเมื่อไรที่ต้นทุนแฝงมันเพิ่มขึ้นด้วย แม้จะสร้าง กสงฝ.ได้ด้วยก็จริง แต่จะทำให้รอบของ กสงฝ.ต้องเพิ่มจำนวนมากขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย การหมุนรอบของ กสงฝ. จึงควรจะมีปริมาณที่สูงมากกว่าต้นทุนแฝงที่เกิดขึ้นทุกครั้ง  ซึ่งจะทำได้ ก็ต้องปล่อยการให้มีการซื้อคืนในระดับที่ต่ำกว่าการขายไป ประมาณ 5 ช่องขึ้น และจะต้องไม่ซื้อตามในราคาที่สูงกว่า ซึ่งก็จะกลายเป็นการเสียโอกาสไปอีกในจังหวะที่เป็นหุ้นขาขึ้น เอ้อ............  ผมเองก็ค่อนข้างงงกับการพิมพ์ อยู่เหมือนกัน  เริ่มรู้สึกว่า สื่อไม่ตรงอย่างที่ใจคิดเหมือนกันแฮะ  อิอิ ขอไปเรียบเรียงความคิดใหม่ก่อนนะครับ  เอิ๊กๆๆ   จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 11 ส.ค. 49 11:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาอ่านครับ ต้องค่อย ๆ ศึกษาครับ รู้สึกแนวความคิดหลากหลายดี :) รอพี่ห่านเรียบเรียงนะครับ -- จากคุณ : BeSmile - [ 11 ส.ค. 49 11:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ชอบจังเลยครับ ข้อมูลแบบมีตัวเลข มีวันที่ ของพี่คนล่าห่านและพี่แมลงเม่าทนไฟ ขอบคุณครับที่ให้ตัวอย่างกระบวนท่ามาศึกษา เมื่อวานนี้ตอนบ่ายแมลงเม่าทนไฟอินดิเคเตอร์แผลงฤทธิ์แล้วครับ วันนี้ตอนเช้าเจ้าเลยผนึกกำลังกันต้านทาน จะต้านอยู่หรือไม่ ต้องดูกันต่อไป จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 11 ส.ค. 49 13:00:34 A:221.128.118.221 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 31 1.ผมไม่นิยมหา warrant เข้า port ครับ เพราะมันมีข้อจำกัด ที่ไม่สามารถอยู่กับเราตลอดชีวิตได้ แถมไม่มีทางได้เงินปันผลจากมันอีก ตอนนี้ผมค่อยๆถอด warrant ออกจาก port ทีละตัว ยังติดอยู่อีกตัวเดียว ...แต่ก่อนมี 3-4 ตัวแน่ะครับ เห็นมันกำลังทำเงินได้ เลยยังงกอยู่ ทั้งๆที่ขายทิ้งตอนนี้ กสงฝ.ก็ท่วมมูลค้าหุ้นที่ลดลงแล้ว ไปๆมาๆ ผมรอให้ได้ กสงฝ.มากพอที่จะแทนมูลค่าหุ้นทั้งหมดเลยดีกว่า จะได้มี warrant ฟรีๆมาเชยชมกะเค้าบ้าง อิอิ บทเรียนที่ผมเคยผิดมาแล้ว---อย่าเลือกหุ้นมาเข้า port เพราะเหตุผลว่ามัน "วิ่งเก่ง" อย่างเดียว มันหยุดวิ่งแล้วเราจะเซ็งสุดขีด 2.อ่านแล้ว ผมคิดเอาเองว่า พี่ห่านมีปัญหาในการจัดการหุ้นขาขึ้น เพราะกลัวว่าซื้อแล้ว มูลค่าที่ได้ จะไม่สามารถทดแทน มูลค่าที่ต้องเสียไป และกลัวว่า พอหุ้นลงจะไม่มีเงินซื้อหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัย...แต่ถ้าใช่...55555 ใช้วิธี ขวัญศรีเมทธอด สิครับ อิอิ (นี่คืออีก 1 วิธีที่ผมเรียนรู้ กระบวนท่านี้เรียกว่า "โยนกลอง"ครับ อิอิ) จากคุณ : ไม่เก่งแต่อยากตอบ - [ 11 ส.ค. 49 13:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตามข้อ 2 ใช่เลย พี่หมอมิกซ์................ แล้วไอ้กระบวนท่าโยนกลองนี่มันเป็นไงอ่ะครับ...........  ขอคำขยายความด้วยนะครับ................. please... se..se จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 11 ส.ค. 49 14:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขออนุญาติหยิบยกข้อคิดของพี่เต่าหยวนเปียว และคุณb_wealth ครับ ผมเชื่อว่า pure DSM ไม่มีอะไรมาสู้ได้ แต่หากหลงประยุกต์กันไป ที่แท้ก็เผลอเดาตลาด หรือหลงเล่นขึ้นในกระแสลง เล่นลงในกระแสขึ้น เหมือนวนเวียนอยู่ในอ่างแก้ว (พี่เต่าหยวนเปียว) DSM ไม่ใช่ทำกันแค่วัน 2 วัน หรือเดือน 2 เดือนครับ เราต้องอยู่กับมันอีกนานครับ แผนแต่ละแผนถึงจะใช้วันต่อวัน แต่ผลของมันอาจจะเห็นกันอีกเป็นเดือนหรือเป็นปีครับ (คุณ b_wealth) ขอเอามาเตือนใจตัวเองบ่อย ๆ ครับ ตอนนี้หลาย ๆ กระทู้ปัจจุบันในคลับ พี่ ๆ มาให้ความรู้เยอะเลยครับ อ่านแล้วต้องเอาไปคิดอีกนาน เข้ามาอ่านกันนะครับ เพื่อน ๆ มือใหม่ (มีพี่คนล่าห่านไปออกความเห็นไว้ตั้งเยอะแน่ะ) อีกอย่างนึงผมเข้าไปดูกระทู้ที่คุณขวัญชัยแจกโปรแกรม โอ้โฮ มีคนมาขอเยอะเลยครับ เมื่อวานนี้ผมคิดว่าจะมาขอเขียนเติมคำ "การลงทุนในตำนาน" ของคุณไม่เก่งแต่อยากตอบ เป็น "การลงทุนในตำนานของจอมยุทธ์ชาย" แต่พอดูข้างล่าง โกวเนี้ยน้อยเต็มไปหมด ดีใจจังครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 11 ส.ค. 49 15:49:49 A:221.128.118.221 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 34 1.รีบมาตอบครับ เดี๋ยวติดเสาร์-อาทิตย์ พี่ห่านจะ "คาใจ" อิอิ กระบวนท่า โยนกลอง ผมหมายถึง...ผมโยนให้พี่ขวัญชัยตอบไงครับ พี่ห่านก็ได้รู้สิ่งที่อยากรู้ ผมก็สบาย ไม่ต้องพิมพ์ยาวๆ...แถมได้เรียนที่พี่ขวัญชัยสอนด้วย เท่ากับเรา win-win ครับ อิอิ ส่วนพี่ขวัญชัย ก็รับบทหนัก ต้องอธิบายเรายาวๆ 5555 2.พี่ดอกไม้ DSM อย่าไปเชื่อครับ โกวเนี้ยทั้งหลาย ของปลอมทั้งนั้น สาวๆจริงมีไม่เกิน 5 คนครับ...แล้วก็ไม่สาวแล้วอีกต่างหาก อิอิ จากคุณ : ไม่เก่งแต่อยากตอบ - [ 11 ส.ค. 49 16:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35 งั้นผมนั่งรอคุณพี่ขวัญชัย  มาตอบ.......อิอิ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 11 ส.ค. 49 17:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 36 5 คนก็ดีใจแล้วครับ กรุณาแวะมาโพสต์บ้างนะครับ ความรู้สึกอีกสองข้อที่ผมเข้ามาโพสต์ช่วงนี้คือ 1. ผมเข้าไปดูกระทู้คุณหนูขิงที่ห้องสินธรบ่อยนะครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกดีคล้ายกับตอนอ่านกระทู้ในห้องเราเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะคุณหนูขิงเป็นผู้หญิง หนุ่ม ๆ ก็มาตอบกันมาก แต่บรรยากาศดีจังนะครับ วันนี้กำไรขาดทุนก็เล่าสู่กันฟัง เหมือนเพื่อน ๆ มาพบคุยกัน เล่น Daytrade ก็สนุกไปอีกแบบ มันมีหลายตัวให้เล่นเปลี่ยนไปมา มีเรื่องให้คุยกันทุกวัน ส่วน DSM เรามักจะเลือกตัวไหนแล้วอยู่กับมันไปนาน ๆ เวลาคุยกันก็เป็นวิธีการเทรดเสียมาก แถมคุยแล้วต้องกลับไปนั่งทำการบ้านอีก ถ้ามาถามโดยไม่ทำการบ้าน โดนพี่ลำชีกับพี่กึ่งสำเร็จรูปตีมือแน่ 2. ช่วงนี้พี่ ๆ เข้ามาตอบกันเยอะ หลาย ๆ คนเป็นพี่คนเดิมที่อยู่กันมาตั้งแต่รุ่นแรก ๆ ผมรู้สึกว่าสิ่งที่พี่ ๆ ทำกันอยู่ตอนนี้ คำแนะนำที่ให้แก่กัน ให้แก่น้องใหม่ เหมือนช่วยกันดูแลสำนักอย่างขยันขันแข็ง เจ้าสำนักคงจะดีใจนะครับ ผมเลยขอเข้ามาร่วมด้วย เป็นแรงน้อย ๆ อีกหนึ่งแรง (ว่าแต่ว่ารู้ได้ยังไงครับว่าไม่สาวแล้ว เห็นเขาบอกว่าสาว ๆ ที่มาเล่นหุ้นทั้งสวย ทั้งเก่ง) จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 11 ส.ค. 49 18:08:35 A:221.128.102.213 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมมารอพี่ขวัญชัยเป็นเพื่อนพี่ฯห่าน จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 11 ส.ค. 49 18:55:48 ]

ความคิดเห็นที่ 38 พี่คนล่าห่านครับ ผมคงยังไม่สามารถจะเข้าใจเกี่ยวกับการสะสมของต้นทุนแฝงตามข้อ 28 ได้ ซึ่งคงเป็นประเด็นสำคัญข้อหนึ่งของพี่ ผมคิดว่าการความเห็นที่ 26 ของพี่ไม่เก่งแต่อยากตอบ และการโต้คลื่นของคุณ Pal เปรียบเสมือนความเป็นจริง ขณะที่แนวรับแนวต้านของพี่คนล่าห่านและการซื้อขายของผมเปรียบเหมือนความฝัน ผมฝันอยากจะขายให้ใกล้ราคาสูงสุด ฝันอยากจะซื้อคืนให้ใกล้ราคาต่ำสุด อยากจะซื้อขายให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ได้กระแสเงินสดแฝงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่หลายครั้งความเป็นจริงกระชากราคาให้สูงขึ้นหรือต่ำลงไปอีก เมื่อถึงตอนนั้นราคาสูงหรือต่ำลงกว่าแนวรับแนวต้านที่เคยคาดไว้ เมื่อไม่รู้ว่าราคาจะไปที่ไหน ทุกอย่างก็ต้องหวนกลับมาสู่เบสิค ซื้อคืนแล้วราคาลงไปอีกก็ต้องขายตามลงไป ถึงที่สุดก็ต้องรอให้ย้อนกลับขึ้นมาสี่ช่องแล้วเข้าซื้อคืน อะไร ๆ ก็กลับมาสู่เบสิคอยู่ดี เบสิคที่น่าจะสอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุด แต่ตอนกลางวันทานมื้อเที่ยงแล้วมันง่วง ขอฝันสักหน่อยนะครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 11 ส.ค. 49 19:15:53 A:221.128.102.213 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 39 2.อ่านแล้ว ผมคิดเอาเองว่า พี่ห่านมีปัญหาในการจัดการหุ้นขาขึ้น เพราะกลัวว่าซื้อแล้ว มูลค่าที่ได้ จะไม่สามารถทดแทน มูลค่าที่ต้องเสียไป และกลัวว่า พอหุ้นลงจะไม่มีเงินซื้อหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัย...แต่ถ้าใช่...55555 ใช้วิธี ขวัญศรีเมทธอด สิครับ อิอิ (นี่คืออีก 1 วิธีที่ผมเรียนรู้ กระบวนท่านี้เรียกว่า "โยนกลอง"ครับ อิอิ) ......................................................................... คลิ๊กเข้ามาอ่านแล้ว รับกลอง ด้วยความเขิน ๆ ๆ ......................................................................... โธ่ พี่หมอ มิก เล่นโยนมาดื้อๆเลยนะ เวลาผมตอบผมใช้คำว่า  มาช่วยระดมความคิด ครับ คืออาจารย์ไม่ยอมมาช่วยตอบ  เราก็เลยต้องมาช่วยคิดกัน เอาเองผิดถูกอย่างไรเราไม่เอามาปิดกั้นอิสระภาพทาง ความคิดของเราไงครับ คิด....พูด(เขียน)....ทำ    นำสู่การปฏิบัติไม่อย่างงั้นจะ เกร็งๆไม่กล้าพูด(เขียน)  บรรยากาศก็จะเงียบเหงา เราระดมความคิดกันแบบ เบรนสตรอมมิ่ง ไม่แน่อาจมี ประโยชน์อะไรบ้างเวลาอาจารย์เด่นศรีไม่อยู่ ...................................................................... "พี่ห่านมีปัญหาในการจัดการหุ้นขาขึ้น " ข้อนี้ผมก็ช่วยคิดแล้วในกระทู้พี่ห่าน http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I4473332/I4473332.html ผมนึกถึงเรื่อง สัดส่วนไงครับ การกำหนดสัดส่วนให้กับ การขายว่าเราจะกำหนดที่เท่าไหร่  พอเลยสัดส่วน ก็ต้อง 0 คือ รอ เล็ทโปรฟิต รันไงครับ 3:0:2:8  คือเราสัดส่วนที่จะยอมให้มีการขายหุ้น 30% พอครบแล้ว หุ้นมันเป็นกองหลัง ด้านล่าง(ขายหมู) ก็จบ ต่อไปก็ต้องดูเลขตัวต่อไป คือ 0 นั่นเอง ถ้าเราได้ช่องว่าง  เก็บช่องว่างไปแล้ว  ได้หุ้นคืนมาหมด หรือเกือบหมด เราก็เริ่มขายใหม่  ก็ต้องบริหารการขาย แบบหุ่นยนต์นักขาย ปรับปรุงการขายไปเรื่อยๆ แต่เราอย่าลืมไปว่า กว่า 30%นี้มันจะขายหมู จริงเราต้อง ทำรอบได้มากพอสมควรจาก 30%นี้มาแล้วเงินก้อนนี้ เราก็มาซื้อหุ้นเพิ่มเป้าหมายไป   ถ้าขายแล้วติดเป็นกองหลังด้านล่างเสียแต่ทีแรกเลยก็คง ซวยไปหน่อย สำหรับการเริ่มต้น  แต่เท่าที่ทำมาแปลก ตรงที่ว่าที่เราคิดว่าเราขายหมูไป  ราคากลับมาทำให้ มันเป็นกองหลังด้านบนได้อีก ได้ซื้อคืนจนได้(รอบที่ผ่านมา)ใช่ไหมครับ .......พี่ๆมีความเห็นอย่างไรครับ..........ที่ผมมองประเด็น เป็นแบบนี้.... จากคุณ : ขวัญชัย - [ 11 ส.ค. 49 23:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แวะเข้ามาดูแว่บหนึ่งก่อนนอน...........และคงจะพักจอยาวไปถึงวันอังคาร  (ตามคำสั่งอันเฉียบขาดของ ผบ.ทบ.   ) ผมว่าจริงๆ คุณพี่ดอกไม้ DSM  (ที่ใช้คำว่า "คุณพี่"  นี่อย่าคิดมากกันนะครับ คือบางทีเราเห็นคนอื่นเรียกน้อง เราก็น้องตาม  พอไปเจอตัวจริงอีกที อูย...... เป็นคุณพี่เราตั้งเยอะ   แล้วถ้าจะให้เรียก "คุณ" อย่างเดียวก็ดูเขินๆๆ  เป็นทางการไงก็ไม่รู้  ก็เลยคิดว่าเรียก "คุณพี่" นี่แหละดีที่สุดแล้ว ถึงเจอตัวจริงจะเป็นรุ่นเยาว์  เราก็ชอบเพราะ เหมือนได้กลับไปเป็นหนุ่มๆ อีกครั้ง........  เอิ๊กๆๆๆ.....  ในโลกไซเบอร์มีแต่พี่ๆ เสมอครับ  อิอิ) คือ จริงตามคุณพี่ดอกไม้ฯ (ขอพิมพ์ย่อๆ แล้วกันนะครับ รับรองว่าจะไม่ย่อไปมากกว่านี้แน่ๆ ครับ ผมให้สัญญา)   อิอิ  เข้าเรื่องซะทีดีกว่า....... คือจริงตามที่คุณพี่ดอกไม้ฯ ว่ามาแหละครับ แนวรับแนวต้านของผมยังเป็นเพียงความฝันอยู่ แม้ว่า DSMer ที่ดีจะไม่พยายามคิดถึงมูลค่าพอร์ต..  ซึ่งปัจจุบันผมก็ไม่คิดถึงมูลค่าพอร์ตอยู่แล้ว  แต่ผมก็ยังอดคิดถึงเงินลงทุนเริ่มแรกไม่ได้ ในการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่าย เขายังมีจุดคุ้มทุนในการผลิต  ก็คือจุดที่ปริมาณการผลิตในหน่วยที่จะสามารถทำรายได้ให้เท่ากับต้นทุนรวมทั้งหมดพอดี ผมก็เลยพยายามคิดมาก (ผิดหลักอีกแหละ   สูตรสำเร็จสำหรับความร่ำรวยควรจะต้องเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ... โรเบิร์ต  บอกไว้)  คิดมากว่า  เมื่อขายหุ้นออกไปในแต่ละครั้ง จะยังคงมีต้นทุนแฝงทุกครั้งเท่ากับราคาหุ้นที่ลงทุนไปเมื่อเริ่มแรก เมื่อไรก็ตามที่มีการซื้อคืนตามจำนวนที่ได้ขายไปในราคาที่ต่ำกว่า จะเป็นการปรับเปลี่ยนต้นทุนแฝงให้กลายเป็นต้นทุนจริง ณ เวลานั้น.... (พี่ลำชีเคยถามคุณเด่นศรีว่า ในข้อมูลหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่สามารถนำมาโยกสลับกันได้หรือไม่  คุณเด่นศรีตอบในทำนองที่ว่า ทำได้ และควรจะทำด้วย เพื่อวางแผนและสมดุลย์พอร์ตได้ดีขึ้น อะไรซักอย่างประมาณเนี้ย...คือ จำไม่ได้ชัดแล้ว อิอิ) ส่วนต่างระหว่างราคาขายกับต้นทุนในขณะนั้น ก็จะกลายเป็น กสงฝ. สิ่งที่ผมเคยเจอก็คือว่า  หุ้นที่ผมถึอตัวหนึ่งราคามันร่วงลงไปตลอด   จากประมาณ 18 ไปเหลือประมาณ 7 บาท (ตอนนั้นเริ่มทำ DSM ใหม่ๆ..... เสร็จแล้วก็ตัดใจไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมันอีก)  ทีนี้ก็มานึกทบทวนว่า เจ้าตัวนี้ทำผมหมดเงินลงทุนไปเกือบ 40,000 บาท  ถ้ามาซื้อคืนตอนนี้  ผมจะได้เงินส่วนต่างของราคาขายเดิมกับต้นทุนใหม่ประมาณ 20,000 บาท  แต่เดี๋ยวก่อน...........  ถ้าคุณโทรมาภายใน 10 นาทีนี้เราจะลดให้คุณอีก.......อิอิ  (เล่นมุกครับเล่นมุก) แม้จะได้เป็น กสงฝ. มามากก็จริง แต่คราวนี้แหละครับ ต้องมาหมุนหุ้นกันอีกไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ  คิดง่ายๆ  ถ้าเราซื้อขายหุ้นครั้งละ 100% และแต่ละครั้งเราจะได้ส่วนต่างประมาณ 2% เราต้องซื้อๆ ขายประมาณ 50 รอบ จึงจะได้ส่วนต่างเท่ากับเงินลงทุนที่ลงไปคืนมา ทีนี้เราไม่ได้ซื้อๆ ขายๆ ครั้งละ 100% ใช่ไม๊  เราซื้อๆ ขายๆ กันครั้งละ 10%  ก็คงต้องซื้อๆ ขายๆ กัน ประมาณ 500 รอบ สมมติวันนึงซื้อๆ ขายๆ ได้ 2 รอบ ก็พอดี ต้องใช้เวลา 250 วันทำการ  (ก็ปีครึ่งพอดี.........  ตามหลักที่อาจารย์เจ้าสำนักบอกไว้เปะ......เอิ๊กๆๆ) อิอิ  ปรากฎว่า ผมลืมไปแล้วว่าจะสื่ออะไร.............  แบบว่า พิมพ์นานเกินจนสมองเบลอ  ปล่อยให้มือพาไปเรื่อยเปื่อยเลย  เอิ๊กๆๆ........(แสดงถึงสังขารของคนพิมพ์ได้ชัดเลย......  ทีนี้  อิอิ) จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 11 ส.ค. 49 23:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มัวแต่พิมพ์เพลิน  มาแปะหลังคุณพี่ขวัญชัย แป๊บเดียว  อิอิ  ขออ่านก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 11 ส.ค. 49 23:25:56 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ในกรณีที่เราขายหุ้น ครบ30%แล้ว  บุญหล่นทับ ราคาร่วง อย่างแรงเราเก็บแบบ4-5 ช่องไม่ได้ หรือเก็บไม่ทัน กลายเป็น กองหลังด้านบน ผมมานั่งคิดว่า  อย่าคิดว่า 3 นั้นเป็นตัวเลข ใน 3:0:2:8 ถ้ากองหลังนั้นสูงเราก็คิดว่ามันเป็นสูตร  0:0:2:8 เราก็ขายเอาหุ้นมาขายต่อให้ได้อีก 30% รวมเป็น60% แสดงว่าราคามันรูดลงมามาก(แสดงอาการขาลง) ทำไมเราไม่เอา 30% แรกมาคิด?   ก็เพราะมันเกิดช่อง ว่างที่เราจะเก็บเมื่อไหร่ก็ได้ไงครับ จากคุณ : ขวัญชัย - [ 11 ส.ค. 49 23:28:45 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จริงอย่างคุณพี่หมอมิกซ์ว่าไว้......... กระบวนท่า โยนกลอง ผมหมายถึง...ผมโยนให้พี่ขวัญชัยตอบไงครับ พี่ห่านก็ได้รู้สิ่งที่อยากรู้ ผมก็สบาย ไม่ต้องพิมพ์ยาวๆ...แถมได้เรียนที่พี่ขวัญชัยสอนด้วย เท่ากับเรา win-win ครับ อิอิ ส่วนพี่ขวัญชัย ก็รับบทหนัก ต้องอธิบายเรายาวๆ 5555 ........................ เอิ๊กๆๆ.........  หลัก DSM ของคุณพี่หมอมิกซ์ กะคุณพี่ขวัญชัย แน่นกว่าของผมเยอะเลย   3-0-2-8  ผมได้ยินมาตั้งนาน  แต่ทำความเข้าใจไม่ค่อยได้ซักที  (ทั้งๆ ที่มีอธิบายกันตั้งหลายรอบ หลายหน หลายกาล หลายวาระ) มาวันนี้เพิ่งมาได้ฉุกคิดบางอย่างจากที่คุณพี่ขวัญชัยเขียนบอกไว้ ไอ้เจ้าตัวศูนย์  นี่แหละตัวปัญหาของผม  .............. ศูนย์คนอื่นคือรอ.................  ศูนย์ของผมคือสูญ.........  เอิ๊กๆๆ มิน่าหุ้นคนอื่นไหงหมดมือช้าจัง  แต่หุ้นผมไหงหมดมือเร็วจัง  เอิ๊กๆๆ โอเช  ตอนหลังนี้ต้องพยายามรอมั่งแล้ว  ว่าแต่ว่า ขบวนเสียไปซะแล้ว ต้องไปแปรขบวนใหม่อีกซักรอบ  ............  อืมม์  หยุดยาวพอดี  งานนี้ต้องแย่งจอกะ ผบ.ทบ.ซะหน่อยแย้ววว....... .......... คุณพี่ดอกไม้ฯ ครับ  ไว้ผมค่อยมาสื่อต่อจาก คห.40 นะครับ  ..... วันนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ ^ ^ ^ ลืมไป  ขอบคุณ  คุณพี่หมอมิกซ์ กะคุณพี่ขวัญชัยมากๆ ครับ  แล้วที่จะลืมไม่ได้เลยที่จะต้องขอบคุณ ก็คือ คุณพี่ลำชี เฮียเต่า คุณพี่แมลงเม่าทนไฟ คุณพี่ Be smile  แล้วก็สุดท้ายขอบคุณ คุณพี่ DSMer ใหม่ (แต่แอบเก่ามานาน) คือ คุณพี่ดอกไม้ DSM แล้วก็ คุณพี่ pal  แล้วก็ คุณพี่แดนชัย... อิอิ  วันนี้กล่าวลาแบบ DJ.เพลงลูกทุ่ง  ....เอิ๊กๆๆ (ขำตัวเอง) จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 11 ส.ค. 49 23:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณพี่ขวัญชัย ยังไม่นอนเลย อิอิ  .................  พออ่านตรงนี้ .................. ในกรณีที่เราขายหุ้น ครบ30%แล้ว  บุญหล่นทับ ราคาร่วง อย่างแรงเราเก็บแบบ4-5 ช่องไม่ได้ หรือเก็บไม่ทัน กลายเป็น กองหลังด้านบน ผมมานั่งคิดว่า  อย่าคิดว่า 3 นั้นเป็นตัวเลข ใน 3:0:2:8 ถ้ากองหลังนั้นสูงเราก็คิดว่ามันเป็นสูตร  0:0:2:8 เราก็ขายเอาหุ้นมาขายต่อให้ได้อีก 30% รวมเป็น60% แสดงว่าราคามันรูดลงมามาก(แสดงอาการขาลง) ทำไมเราไม่เอา 30% แรกมาคิด?   ก็เพราะมันเกิดช่อง ว่างที่เราจะเก็บเมื่อไหร่ก็ได้ไงครับ ............... นั่นแหละครับภาพแนวรับและแนวต้านที่เป็นของจริง  ที่ผมก็พยายามจะทำหาทางทำอยู่  ที่แท้มันอยู่ใกล้ลูกกะตา จิ๊ดเดียวจริงๆ ขอบคุณอีกครั้งครับ....  คุณพี่ขวัญชัย...........  เอิ๊กๆๆ  (วันนี้นอนหลับน่าจะฝันดีแน่ๆ......อิอิ) ไปจริงๆ แล้วล่ะครับ ตานี้  (เพราะ ผบ.ทบ. โวยแย้ววววววว)  อ๊อกๆๆ   (โดนมือยักษ์ขยุ้มคอ.........) จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 11 ส.ค. 49 23:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ดีครับ ผมดึกที่สุดป่าวเนี๊ยะ อิอิ ก็อบข้อความพี่ ขวัญชัยมานะครับ       ในกรณีที่เราขายหุ้น ครบ30%แล้ว  บุญหล่นทับ ราคาร่วง อย่างแรงเราเก็บแบบ4-5 ช่องไม่ได้ หรือเก็บไม่ทัน กลายเป็น กองหลังด้านบน ผมมานั่งคิดว่า  อย่าคิดว่า 3 นั้นเป็นตัวเลข ใน 3:0:2:8 ถ้ากองหลังนั้นสูงเราก็คิดว่ามันเป็นสูตร  0:0:2:8 เราก็ขายเอาหุ้นมาขายต่อให้ได้อีก 30% รวมเป็น60% แสดงว่าราคามันรูดลงมามาก(แสดงอาการขาลง) ทำไมเราไม่เอา 30% แรกมาคิด?   ก็เพราะมันเกิดช่อง ว่างที่เราจะเก็บเมื่อไหร่ก็ได้ไงครับ -----------------------------------------------------  งงเต็กอะครับ ลองตีความดูนะครับ ถ้าราคาลงก็ขายอย่างเดียวเลย ถ้าหักหัวขึ้นก็คงไว้ 30 % ไว้ห้อยท้ายใช่ป่าวคับ จากคุณ : wayu_w - [ วันแม่แห่งชาติ 01:25:24 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามาดู เหมือน Mr.Fution ครับ สวัสดีครับท่านพี่ทั้งหลาย หายไปประมาณ 1 สัปดาห์ โอ้โห คลับเราเริ่มคึกคักแล้วครับ ดีครับ อยากได้บรรยากาศเดิมๆ กลับคืนมา มีคนเก่งๆ คอยตอบคำถามคนที่เข้ามาใหม่ ชอบ ชอบ จากคุณ : DerDen - [ วันแม่แห่งชาติ 09:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ลองมาคิดดู นะครับ พี่ wayu_w วิธีการขายตามหลักการเบสิคคือ ขาย 10% ทุก2 ช่องที่รา คาลงมา นั้นทำให้ เราวางกองหลังให้อยู่ ด้านบน ถ้าเราขายไป ได้เรื่อยๆ  แสดงว่า หุ้นที่ขายไปอยู่สูงกว่าราคาล่าสุด เราก็จะแฮปปี้ เพราะกองหลังที่เราปล่อยไปมันอยู่ด้านบน (ขายถูกทาง) ถ้าคนเริ่มต้นแล้วได้สถานการณ์แบบนี้คง จะมีความรู้สึกที่ดี ตราบใดที่ราคามันลงรูดไปเรื่อยอย่างร้อนแรง (เช่น IEC หรือพวกวอแรนท์) เราก็สามารถขายด่อไปได้เรื่อย พอราคาสูงขึ้น 4 ช่อง เราซื้อหุ้นคืน ก็แสดงว่า หุ้นที่เก็บ ไม่ได้มีไม่ต่ำกว่า 20% (กองหลัง ด้านล่าง) ความรู้สึก เริ่มไม่แฮ๊ปปี้ ว่าเราจะทำอย่างไรกับมัน  เจ้ากองหลัง ด้านล่าง นี่อะนะ ผมคิดว่า 3:0:2:8 คือ จะไม่ปล่อยกองหลังให้อยู่ด้าน ล่างเกิน 30% ครับ ถ้าราคามันไล่ขึ้นเราก็รักษาสัดส่วนกองหลังด้านล่าง ไว้ให้น้อยที่สุด  อย่างมาก ไม่เกิน30%   วิธีการขาย นิวโลอาจจะลดเป็น ไม้ละ 1% ไปเรื่อยๆ เพราะอาจจะทำให้หุ้นที่เราขายไว้เป็นกองหลังด้านบนมี ช่องว่างมากขึ้น  เมื่อราคาไล่ขึ้นแรงเราก็จะเสียกองหลัง ด้านล่างน้อยลง และ การเสียกองหลังจากด้านบนเปลี่ยน เป็นกองหลังด้านล่าง (ราคาเริ่มไล่ขึ้น)จะเป็นอินดิเคเตอร์ ให้เราจัดการ"ใช้ช่องว่าง"โดยการเก็บช่องว่างนั้นเสีย ที่ต้องใช้วิธีนี้ก็คิดถึง สถานการณ์ที่ หุ้นนิ่งขึ้นๆลงๆ นิดหน่อย ไม่ไปทางไหนสักทาง  ผมใช้วิธีนี้แหย่นิวโลไปเรื่อยๆ ถ้าราคาดิ่งผมก็ไม่ลังเลที่จะปล่อยทีละ 10% ดูๆแล้ว คล้ายๆกับการเล่นเกมส์ รักบี้  หรืออเมริกันฟุตบอล ....พี่เห็นว่าเป็นไงครับที่ผมคิดแบบนี้..... แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 49 00:42:10 แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 49 00:28:29 แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 49 00:12:55 แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 49 11:29:42 จากคุณ : ขวัญชัย - [ วันแม่แห่งชาติ 10:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ......... 3-0-2-8 .......... สำหรับผมแล้วผมคิดว่ามันคือ สัดส่วนของหุ้นคงเหลือที่อยู่ ในมือเราครับคือ 3 เท่ากับ 30%ของหุ้นคงเหลืที่จะทิ้งไว้เป็นกองหลังของ ข้อมูลชุดนี้ 0 เท่ากับช่วงราคาระหว่างกองหลังของข้อมูลชุดนี้ 2 เท่ากับ 20%ที่จะขายขึ้น 1%ทุกช่องของข้อมูลชุดนี้ 8 เท่ากับ 80%ที่จะใช้ในการเริ่มข้อมูล 3-0-2-8 ในชุดต่อ ไปด้านบนครับ ..................... ส่วนข้อมูลของแต่ละชุดที่ยังไม่ได้ซื้อคืนก็คือการสร้าง โอกาสรอรับคืนตามแต่ที่เราต้องการเลยครับว่าอยากจะรับ คืนตรงไหนของแต่ละชุด ( ซึ่งน่าจะไม่เกี่ยวโยงกับ 3-0- 2-8 แล้วครับ ) .......... .......................... จากคุณ : loaw - [ วันแม่แห่งชาติ 12:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คุณขวัญชัยครับ คงอีกนานกว่าผมจะเข้าใจแนวคิดนะครับ โดยเฉพาะ "วิธีการขาย นิวโลอาจจะลดเป็น ไม้ละ 1% ไปเรื่อยๆ เพราะอาจจะทำให้หุ้นที่เราขายไว้เป็นกองหลังด้านบนมีช่องว่างมากขึ้น เมื่อราคาไล่ขึ้นแรงเราก็จะเสียกองหลังด้านล่างน้อยลง และ การเสียกองหลังจากด้านบน เป็นด้านล่างจะเป็นอินดิเคเตอร์ให้เราจัดการ"ใช้ช่องว่าง" โดยการเก็บช่องว่างนั้นเสีย" อยากจะขอถามสั้น ๆ ก่อนนะครับว่า บางส่วนในคำตอบของคุณขวัญชัยสอดคล้องกับแนวทางการขุดบ่อดักปลาหรือเปล่าครับ พี่คนล่าห่านครับ จริง ๆ แล้ว แนวรับแนวต้านไม่ใช่ความฝันหรอกนะครับพี่ เป็นความพยายามที่จะโต้คลื่นให้ดีที่สุดต่างหาก ตอนผมอ่านกระทู้ของพี่ครั้งแรก ๆ ผมมีความรู้สึกว่าพี่กำลังคิดถึงต้นทุนที่ลงไปในการลงทุนครั้งแรก ซึ่งจะเห็นได้ชัดในกรณีที่หลังจากเราเข้าซื้อหุ้นเพื่อลงทุนแล้ว ระดับราคาปรับตัวต่ำลงไปเคลื่อนไหวในช่วงล่าง และอาจจะไม่เคยปรับตัวกลับขึ้นมาใกล้เคียงกับราคาที่เราเข้าซื้อตอนแรกอีก ซึ่งถ้าเราคำนวณมูลค่า Port ขณะนั้น ดูเหมือนว่าเรากำลังขาดทุนอยู่ในปัจจุบัน กระแสเงินสดแฝงที่กำลังทำอยู่ ก็เหมือนจะต้องทำไล่ตามการขาดทุนที่เกิดขึ้นไปแล้ว ต่างจากกรณีที่เราเข้าซื้อหุ้นแล้ว ราคาปรับตัวขึ้นไปวิ่งอยู่ในระดับบน ถ้าเราลองคำนวนมูลค่าพอร์ตดู จะเห็นว่ามีกำไรอยู่ในปัจจุบัน แถมได้เงินแฝงอีก ผมคิดอย่างนี้แต่ยังไม่กล้าโพสต์ เพราะไม่แน่ใจเกี่ยวกับคำว่าต้นทุนแฝงที่พี่ใช้ พอมาอ่านความเห็นที่ 40 ของพี่ ก็คิดว่าผมอาจจะเข้าใจที่พี่สื่อเป็นบางส่วน พี่ครับ ตอนที่ผมตัดสินใจลงทุนแบบ DSM ผมคิดอย่างเดียวว่าผมจะต้องซื้อขายเพื่อให้ได้เงินสดแฝง หลาย ๆ รอบ แล้วเอาทุนของผมกลับมา ถ้าผมลงทุน 10,000 ผมขายได้เงินแฝง ครั้งละ 10 บาท ผมเต็มใจจะขายมัน 1,000 ครั้ง บางทีผมอ่านกระทู้ของพี่ มันเหมือนมีอะไรเศร้า ๆ แฝงอยู่ ขอส่งกำลังใจเล็ก ๆ ไปให้นะครับ ถ้าพี่มีความสุขมากอยู่แล้ว ก็ดีใจด้วยครับ พี่ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาสำคัญไว้ในกระทู้ของคุณไม่เก่งแต่อยากตอบ "คนเล่นแบบ DSM จะต้องการ "เก็บ" ส่วนเกินทุน ที่มาจากการขายแพงแล้วซื้อถูก แล้วจะอยู่กับหุ้นตัวนั้นไปตลอดจนกว่าจะได้รอบวงจรที่จะกลับมาเป็นการซื้อถูกแล้วมาขายแพงโดยอัตโนมัติ แบบไม่รู้จบ" ขอบคุณมากครับพี่ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ วันแม่แห่งชาติ 14:36:19 A:221.128.117.136 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดีครับ   พอมองเห็นแล้วครับ พี่ขวัญชัยใช้วิธีขายครั้งละ 1 % ถ้าลงเหมือนเป็นการปล่อยหมัดแยบ ว่าลงจริงอะป่าว   แต่ผมใช้ขายครั้งละ 10 % ถ้าลงครับ เหมือนพี่ loaw ว่าไว้ เพราะจะได้เงินแฝงมากว่าแต่ก็ต้องยอมที่จะเสียหุ้นไปบางส่วนเช่นกัน ถ้าไม่มีกองหลังด้านล่างเลยก็ปล่อยไว้มากที่สุดไม่เิกิน 30% แต่ถ้ามีกองหลังด้านล่างล่ะก็ต้องเก็บหุ้นให้ได้มากที่สุด   ผมเคยคิดว่าถ้าราคาลงจะขายทิ้งไว้ เพื่อเป็นกองหลังด้านบน 30 % ถ้าลงไปอีก 15 ช่อง ก็ทิ้งไว้อีก 30 % ของที่เหลือ แต่มานั้งคิดอีกีไม่ทำดีกว่าครับ เอิ้กๆๆ จากคุณ : wayu_w - [ วันแม่แห่งชาติ 15:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คุณพี่ดอกไม้ฯ ครับ......  ไหงมาเปิดจุดอ่อนผมล่ะครับเนี่ย............ อิอิ ............... บางทีผมอ่านกระทู้ของพี่ มันเหมือนมีอะไรเศร้า ๆ แฝงอยู่ ขอส่งกำลังใจเล็ก ๆ ไปให้นะครับ ถ้าพี่มีความสุขมากอยู่แล้ว ก็ดีใจด้วยครับ ............... ผมน่ะเศร้ามานานแล้วครับ  โฮ โฮ   แบบว่า ..........  ฮือ ฮือ ......   อิอิ.........  (ล้อ อ ..เล่น นะครับ....    )   เวลาเข้ามาในคลับ ผมจะไม่เศร้าหรอกครับ  ..........  อาจจะมีบางประโยคที่สื่อให้รู้สึกว่าเศร้า แต่จริงๆ อาจจะเป็นเพราะความท้อใจมากกว่า ที่ ตัวเองยังไปไม่ถึงไหนเลยบนถนนสาย DSM   ...............  (อย่าถามว่าทำไมไม่เลิกเดิน......ก็เพราะมันก้าวมาไกลมากแล้วน่ะซี......  แต่ไหงหลงทางไปไกลกว่าคนอื่นๆ ก็ไม่รู้  ...เอิ๊กๆๆ) ก็ดีครับ  คนที่มาที่หลัง พอหลงมาเจอกันเข้า  ผมจะได้คอยบอกเขาได้บ้างว่า  อย่าไปทางนั้นนะ  ผมไปมาแล้ว มันไม่ใช่หรอก...........  แล้วพอเขาถามว่า  แล้วไปทางไหนล่ะครับ..... ผมก็จะบอกว่า  ผมไม่รู้เหมือนกัน  เพราะยังไปไม่ถึง.... (ฮา).......  เอิ๊กๆๆ เหมือนอย่างกระทู้นี้ไง  ก็เป็นอีกความพยายามหนึ่งของผม ที่ได้รับคำตอบจากพี่ๆ  DSMer รุ่นเก่าๆ เรียบร้อยแล้ว ที่จริงไอ้เจ้าแนวรับแนวต้าน  เขาก็คิดแล้วทำกันไว้เรียบร้อยแล้วตรงตัวเลข  3-0-2-8  นั่นเอง แนวรับ ก็คือ  3  แม้มันจะลงไปเรื่อย แต่เราก็จะทิ้งรอยมันไว้เหมือนเป็นเส้นแนวรับ แนวต้าน  ก็คือ  0  -  2  มันจะขึ้นไปอย่างไรก็แล้วแต่ต้องปล่อยให้พา 8 ตามขึ้นไปให้ได้ โดยที่คุณพี่ขวัญชัยมาแนะวิธีเล่นในส่วนนี้ว่าควรจะ.... 0 เท่ากับช่วงราคาระหว่างกองหลังของข้อมูลชุดนี้ 2 เท่ากับ 20%ที่จะขายขึ้น 1%ทุกช่องของข้อมูลชุดนี้ 8 เท่ากับ 80%ที่จะใช้ในการเริ่มข้อมูล 3-0-2-8 ในชุดต่อ ไปด้านบนครับ เพราะฉะนั้น  เมื่อราคาทะลุแนวต้าน ที่  0 - 2 ไป (นั่นหมายถึงว่า ได้เวลาเริ่มชุดข้อมูลใหม่  จากตัว 8  ที่ถูกพาขึ้นไปด้วย) แต่ถ้าราคาไม่ทะลุ  ก็ขึ้นอยู่กับว่าขณะนั้น 8 ห่างจากแนวรับมากหรือเปล่า ถ้าห่างไม่มาก ก็อาจจะแบ่งขาย 8 แล้วไปรอซื้อคืนข้างล่างเพื่อสร้าง กสงฝ.  เพิ่ม  หรือ อาจจะไม่แบ่งขาย 8  แต่คอยจังหวะรอซื้อ 2 ที่ได้ทยอยขายไปก่อนหน้านี้ทีละ 1% กลับคืน เพื่อจะทยอยขายต่อไป ผมก็มาคิดต่อเอาเองว่า....... ตรงนี้อาจจะใช้เหมือนเป็นการทดสอบแนวต้านของระดับราคาได้ ถ้าใน 2 มีการขายๆ ซื้อๆ หลายครั้ง แสดงว่าราคาไม่แรงพอ อาจจะดูวอลุ่มประกอบถ้ายิ่งมายิ่งลด แสดงว่าราคาไม่สามารถพุ่งทะลุแนวต้าน 2 ไปได้ ก็อาจจะวางกลยุทธ์ให้ค่อยๆ ทยอยปล่อย 8 ตามไปด้วยเพราะมีโอกาสสูงที่ราคาจะลงมาให้ซื้อคืนได้  ก็จะเป็นการสร้าง กสงฝ.เพิ่มไปในตัว แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ยังไม่ได้ทดลองทำครับ.......  เป็นแค่ความคิดที่เพิ่งคิดได้จากคำแนะนำของพี่ๆ DSMer ที่ได้เอ่ยนามไปทั้งหมดใน คห.43  นั่นล่ะคร๊าบ................   _/|\_ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 49 16:13:49 จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 14 ส.ค. 49 12:07:42 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สวัสดีครับพี่คนล่าห่าน โอเคเลยครับพี่ สัดส่วน 3-0-2-8 พรุ่งนี้จะเริ่มเก็บข้อมูลเทรดในกระดาษ ฝึก Basic จริง ๆ สักตั้ง (เอ แต่ที่ชอบนั่นมัน 36-24-36 นี่นา) จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 14 ส.ค. 49 13:45:06 A:221.128.91.27 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เอิ๊กๆๆ ตัวเลข 36 - 24 - 36 นั่น ก็ชอบเหมือนกันอ่ะครับ............อิอิ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 14 ส.ค. 49 16:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มีใครพอจะอธิบายความสัมพันธ์ของเส้น MA 5, 10, 25, 75 บ้างไหมครับ แบบว่ามันสัมพันธ์กันยังไง  แล้วมันพอจะกำหนดเป็นแนวรับ  แนวต้าน ได้ไหม ที่ตรงไหน  อะไรประมาณเนี้ยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ   อยากรู้อ่ะครับ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 23 ส.ค. 49 11:25:05 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ก็เท่าที่รู้แบบงู ๆ ปลา ๆ ก็คือ ถ้าตัดขึ้นก็ผ่านแนวต้าน ถ้าตัดลงก็หลุดแนวรับ ถ้าขึ้นไปชน แล้วถอยลง ก็ติดแนวต้าน เช่นกัน ถ้าลงไปชนแล้วดีดกลับ ก็ติดแนวรับ แต่ถ้าจะเอาไปใช้จริง ๆ นี่ เค้าว่าแค่นี้ไม่พอครับ ต้องดูอย่างอื่นประกอบอีก จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 23 ส.ค. 49 17:13:33 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ที่จริงก็น่าจะพอนะ..........อิอิ ถ้าตัดขึ้นก็ผ่านแนวต้าน ก็กอดหุ้นวิ่งไปก่อน หรือ ใช้แผนขายไม้ละ 1% ถ้าตัดลงก็หลุดแนวรับ  ให้ขายไม้ละ 10% ตามกำหนด  แต่ยังไม่ต้องรีบรับคืน ถ้าขึ้นไปชนแล้วถอยลง ก็ติดแนวต้าน  ก็ให้ ขาย แล้วซื้อ  ขายแล้วซื้อ  เน้นเก็บ กสงฝ. น้อยๆ แต่หมุนหลายรอบ และต้องถือหุ้นให้มาก ไว้ก่อน เผื่อทะลุแนวต้าน ถ้าลงไปชนแล้วดีดกลับ  ก็ซื้อคืนให้มากๆ  แต่ไม่ได้ซื้อคืนทั้งหมด เผื่อทะลุแนวรับ ลงไปอีก แต่เน้นซื้อคืนมากขึ้น.. อูย  ได้ตัวบ่งชี้การเล่นตามแผนตั้งหลายแบบ............  เนอะ..........คริๆๆ..............(ได้แต่คิดยังไม่ได้ทำตาม.........เอิ๊กๆๆ)   จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 24 ส.ค. 49 09:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ไปลองทำตาม มา มั่งแล้ว น่าจะพอถูๆ ไถๆ  ไปได้มั่งล่ะน่า............  คิดว่า........ เมื่อไรก็ตามที่ราคาหลุดขึ้นไปจากเส้นแนวต้าน  ก็น่าจะซื้อได้แล้วถือยาวไปรอจนเจอแนวต้านใหม่ค่อยทยอยขาย แล้วยังไม่รีบซื้อกลับ ค่อยมาซื้อคืนมากๆๆ อีกทีตอนอยู่ใกล้ๆ  แนวรับ อิอิ  เป็นอินดิเคเตอร์ของตัวเองที่จะลองเล่นดู แต่ที่จริง  แนวราคาด้านบน กับแนวราคาด้านล่างที่บันทึกในบัญชีก็พอจะมองเห็นเหมือนกัน มันเป็นเหมือนแนวรับแนวต้านไปโดยปริยายอยู่แล้ว................อิอิ แต่ชอบลองหลายๆ อย่างดู เผื่อจะดี  เอิ๊กๆๆ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 6 ก.ย. 49 17:59:47 ]