ความคิดเห็นที่ 1 เทคนิเคิล 80% ชาตินี้ผมคงไม่ได้สัมผัสดอยอีกต่อไปเพราะผิดทาง 2-4 ช่อง โดด จากคุณ : ไลก้า - [ 16 ส.ค. 49 02:39:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนผมจะซื้อหุ้นผมจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้ก่อน  ซึ่งก็คือการวางแผนก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในหุ้น 1.What to buy ?  ---> เริ่มจากสแกนหุ้นที่น่าสนใจ  โดยดูจากข่าวสารข้อมูลที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ  อุตสาหกรรม  บริษัท  ค่า PE  PB  ฯลฯ  จากนั้นจึงใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเจาะลึกลงไปในรายละเอียดของแต่ละบริษัท 2.When to buy ? ---> เมื่อได้บริษัท หรือหุ้นที่สนใจ  ก็ต้องประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น  เทียบกับราคาตลาด  ประเมินว่าแพงก็ยังไม่ซื้อ  หรือประเมินว่าถูก  ก็พิจารณาราคาตลาดต่ำกว่ามูลค่าที่ประเมินไว้แค่ไหนจึงจะเข้าซื้อแบบตามจำนวนที่ต้องการ  เป็นต้น 3.When to sell ?  ---> ราคาหุ้นเกินกว่ามูลค่าที่เหมาะสม (ตามการวิเคราะห์ของผม)   วิเคราะห์ผิด  หรือปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ  เป็นต้น หลักการของผมมีแค่นี้เองครับ  ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน  ไม่ทำให้คนที่ได้อ่าน  ได้ยิน  ต้องรู้สึกกลัว  หรือคิดว่าเป็นเรื่องยากเกินกว่ามษุษย์จะสามารถทำได้  หรือแค่ได้เห็นก็ปวดหัว  ทำให้ไม่อยากแตะ  อย่างนี้เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 49 07:03:49 จากคุณ : GS Mobile - [ 16 ส.ค. 49 06:58:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หุ้นคือสินค้าตัวหนึ่งการชื้อหุ้นก็เหมือนการหาชื้อสินค้าเพื่อไปขายต่อ ยิ่งดูละเอียดจะได้สินค้าดี ก่อนซื้อน่าจะต้องดู 1 ตัวสินค้าเอง 1.1 ปริมาณสินค้าที่จะซื้อมีมากไหม(อุปทาน) ดูจาก ทุนจดทะเบียน ปริมาณสินค้หมุนเวียนที่ซื้อขายในแต่ละช่วงราคา 1.2 คุณภาพสินค้า ดูกำไร ขาดทุน ตามที่ vi ทั้งหลายดูกัน ต้องคาดการคุณภาพในอนาคตแม่น ๆ 1.3 ดูราคาสินค้า ว่า ณ.ราคาปัจจุบันแพงรึยัง ซื้อของดีแค่แพงก็เอาไปขายไม่ได้นะ 2 ความต้องการสินค้า(อุปสงค์) 2.1 ดูปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือไม่ ถ้าปริมาณการชื้อขายมากแต่ราคาขึ้นน้อย ผู้ซื้อรายอื่นอาจกำลังขายของอยู่นะ 2.2 ดูความนิยมของผู้ซื้อ ตอนนี้มวลชนนิยมสินค้าตัวไหน เพื่อความซื้อง่ายขายคล่องพอควร บางครั้งมวลชลชอบเรือ บางครั้งชอบที่ดิน บางครั้งชอบแบงค์ เทียบกับเงินในพอตด้วยเวลาจะซื้ออาจซื้อได้เต็มพอตในช่องเดียว เวลาขายก็ขายในช่องเดียว 3 ดูปัจจัยแวดล้อม 3.1 นิสัยของคนซื้อขายรายใหญ่ในตัวสินค้านั้น จะปรากฏมาทางการขึ้นลงของราคา บางครั้งรายใหญ่ขี้เหนียวคอยจะกินรายเล็ก ราคาหุ้นจะไม่ไปไหนไกล แต่จะแกว่งในช่วงแคบ ซื้อแล้วเซ็ง 3.2 ดูตลาดรวม ตลาดเพื่อนบ้าน ตลาดอยู่ในอารมณ์ไหน คนซื้อขายกำลังคึกคักกำไรกันเป็นส่วนมาก หรือ มีแต่คนติดหุ้นรอขาย 3.3 ดูปัจจัยการเมือง เศรฐกิจ สื่อ เป็นปัจจัยทางจิตวิทยา แต่มีผลต่อราตาหุ้นจริง ๆ 3.4 ดูเทคนิเคล เป็นการดูจังหวะเข้าซื้อ ขาย แบ่งเป็นหลายระยะมากๆ ควรรู้ไว้ 3.5 เดา(imagine) ว่าหุ้นที่ซื้อแล้ว จะไปเท่านั้นเท่านี้ จะกำไรเท่านั้นเท่านี้ แล้วมาดู reality มันไปได้เมือนที่ฝันรึไม่ ค่อยๆ ปรับเปลื่ยนวิธีการ จนพบวิธีเลือกหุ้นที่ทำไห้ imagine and reality become one คงมีอีกหลายอย่าง แต่ที่สาคัญสุด ๆ คือ ผลสรุปแล้วต้องได้กำไร จากคุณ : คิด ๆ เอา - [ 16 ส.ค. 49 07:20:50 A:58.8.180.235 X: TicketID:124741 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ซื้อเมื่อ -ราคาลดลงจากราคาสูงสุดซัก 30% ขึ้นไป -FIBO 61.8%  +/- เล็กน้อย -ราคาใกล้จุดที่เคยต่ำสุด ขายเมื่อ -ราคาต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิม (New Low) -ราคาไม่มี New High จากคุณ : Mr.Eiji - [ 16 ส.ค. 49 07:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับตัวผมจัดเป็น vi น้องใหม่ครับ วิชายังไม่แข็งกล้า แล้วก็ยังหลงทางโน้นทางนี้อยู่พอควร หลักก็มีดังนี้ครับ 1. กระจายความเสี่ยง ผมรู้ตัวว่าอ่อนหัดเกินกว่าจะใช้ โฟกัส พอร์ตโฟลิโอ ครับ ดังนั้น ผมจะพยายามถือหุ้นกระจายหลายๆอุตสาหกรรม และมีน้ำหนักกระจายตัวไป เพื่อไม่ให้พอร์ตไปอยู่กับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง(ซึ่งผมอาจซวยวิเคราะห์ผิดพอดี) 2. กิจการแบ็คกราวด์ต้องเกรดเอ เท่านั้น ผมยังระเริงกับหุ้นพีอีสูงอยู่ แถมชอบหุ้น growth อีก แต่หากหุ้นตัวนั้นมี ป้อมคู ปราการแข็งแกร่ง โอกาสที่จะเจ็บเนื่องจากกำไรไม่โตตามคาดก็จะน้อยลง 3. ทยอยซื้อ ทยอยขาย ผมเน้นพัฒนาทักษะมาทางด้านงบการเงินซึ่งก็ยังไม่ไปไหนเท่าไร สิ่งชดเชยคือความรู้ทางเทคนิคเป็น 0 (พูดจริงๆนะเนี่ย อ่านกราฟไม่ได้เลย) ดังนั้นที่ชอบมากๆคือซื้อเมื่อราคาหุ้นใกล้ low ในรอบปีทั้งๆที่กำไรกำลังเพิ่มขึ้น แล้วค่อยๆทยอยซื้อขาขึ้น วิธีนี้ได้ผลดีโดยไม่ต้องดูกราฟ 4. margin of safty ผมไม่ได้มองว่าราคาหุ้นตัวนั้นที่ซื้อต้องต่ำกว่ามูลค่าแท้จริงเท่านั้น แต่ไปคำนึงถึงสมดุลของพอร์ตด้วย  หากตัวใดตัวหนึ่งหักหัวลง เพราะไม่เป็นไปตามคาด พอร์ตจะต้องไม่ล้มตามไปด้วย และต้องมีปันผลมาพยุงรอโอกาสฟื้น  5. ไม่คิดรวยเร็ว ผมเชื่อว่าอย่างเก่ง ก็ยังมีคนเก่งกว่าผม อย่างน้อย 40% ในตลาด ดังนั้นขอแค่ไม่แพ้ตลาดในแต่ละปีผมพอใจแล้ว  ผมไม่เอาพอร์ตผม ไปเสี่ยงกับกำไรที่ไม่แน่นอน เด็ดขาด แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 49 07:54:55 จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 16 ส.ค. 49 07:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต่างขาติ เล่น หุ้นลง มาก ทุกคนต่างขาดทุน ใครอึดกว่า ชนะ เพราะฝ่ายที่เล่นหุ้น ลง มีค่าเช่าหุ้น ฝ่ายถือครองหุ้นจริง มีกฎหมาย และกรรมสิทธิ์ ในทรัพย์สิน รองรับ ถือนานเท่าใดยิ่งเป็นประโยชน์ ขณะนี้มีคนไทย หลายคน หลงเล่ห์กล ต่างชาติ ไปร่วมมือ และรับใช้ แต่เพราะประเทศไทย มีศาสนาและมหากษัตริย์คุ้มครอง จึงจะพ้นภัยร้าย ยึดครองหุ้นบริษัทชั้นนำ แบบผูกขาด ไม่เช่นนั้นแล้ว ไทย จะเป็นอย่าง อาร์เจนติน่า เมื่อบริษัทใหญ่ เป็นของต่างชาติและคนรวยไม่กี่คนแล้ว ภายหลังต่างชาติ จะ หาทางหลอกจนถือกรรมสิทธิ์ผูกขาดในบริษัทนั้น แล้ว ปั่นราคา ดังเช่นการปั่น ราคาน้ำมัน จาก 16 มา 29 บาท ปั่นราคาทองคำ 8600 บาท มา 11000 บาท การปั่นทุกสิ่ง เป้าหมายคือ หุ้นของบริษัทขั้นนำของไทย ซึ่งมีกฎหมายรองรับ ดีเกินไป จนคุ้มครองนายทุนต่างชาติมากเกิน ตัวอย่างเช่น แขกราเกซ ใช้เลห์ทางการเงิน หลอก เกริกเกียรติ์ ชาลีจันทร์ เจ้าของ แบงค์ เสียกิจการ และติดคุก ส่วนตัวเอง กลับได้กำไรบางส่วน และถูกควบคุมตัวอยู่แคนาดา จากคุณ : คนรักชาติ - [ 16 ส.ค. 49 07:59:23 A:58.9.123.110 X: TicketID:125260 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ด้วยคำว่าไม่มีเวลา ผมเล่นหุ้นทีละตัว.................บ้าดีไหมล่ะ อาจมีตัวอื่นแจมบ้างติดปลายนวมนิดๆหน่อยๆ เพื่อให้ชีวิตไม่จืดชืด การเล่นหุ้นทีละตัวดีอย่างตรงที่ มีเวลาทำความเข้าใจกับหุ้นตัวนั้นมาก เพราะถ้าเล่นมากๆ ผมไม่มีปัญญาศึกษา แต่ก็มีข้อเสียคือความเสี่ยงสูงมาก ต้องมีจุดขายที่ชัดเจนถึงจะทำได้ ซ เครื่องมือที่ใช้ก็เอาทุกอย่างเท่าที่เพื่อนๆพี่ๆ ข้างบนว่าไว้ ทั้ง VI VS VSOP ที่สำคัญที่สุดคือ DSM เพื่อลดความเสี่ยงที่ว่า และอีกสิ่งที่ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรมาหลอกก็ไม่มีทางปกปิดได้ คือเม็ดเงินที่ซื้อขายในแต่ละวันของหุ้นตัวนั้น จะช่วยให้เห็นว่าเจ้ามือกำลังทำอะไรอยู่ สุดท้ายข้อสำคัญคือ...........................รอ จากคุณ : Livestock - [ 16 ส.ค. 49 08:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดูวอลุ่มของหุ้นอย่างเดียว เล่นแบบรายวัน จากคุณ : แฟนพันธุ์ทาง - [ 16 ส.ค. 49 08:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อืม พวกหลักการเล่น ต่าง ๆ ทุกคนคงรู้อยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่ตัดใจทำตาม หลักการที่ว่านั่นได้ 1. Cut Loss ต้องคัดจริง ๆ แต่ส่วนใหญ่ทำใจไม่ได้ถือ... จบข่าว 2. จุดขาย  ได้กำไรตามเป้า แต่ส่วนใหญ่ก็ทำใจไม่ได้อีกเช่นเคย ถือ รอ Profit Run จบข่าวเหมือนกัน... ที่แรก ๆ ส่วนใหญ่เล่นได้นิดหน่อย เพราะใช้เงินลงไปไม่เยอะ Cut Lose ก็ไม่เสียดาย กำไรได้นิดหน่อยก็พอใจ แต่.. เมื่อถลำตัวลงไปลึก วงเงินมากขึ้น คราวนี้เราก็เริ่มทิ้งหลักการง่าย ๆ 2 ข้อนี้ไป เพราะตัวเงินมันเยอะ ก็คิดว่าถ้าเรารักษากฏง่าย ๆ 2 ข้อนี้ได้ เราก็น่าจะมีกำไรนะครับ อาจมากน้อยต่างกันไปแค่นั้น  ส่วนใครชอบเล่นหุ้นแบบไหน หุ้นปั่น หุ้นพื้นฐาน ก็แล้วแต่ ตามสะดวก และความชอบครับ  โชคดีครับ จากคุณ : Man Call Hero - [ 16 ส.ค. 49 09:01:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ก่อนอื่นต้องรู้ว่าหุ้นที่จะเข้าไปลงทุน(เล่น)เป็นหุ้นประเภทไหน ปันผล,เก็งกำไร,ปั่น,โตเร็ว เพื่อกำหนดรอบระยะเวลาในการลงทุน(เล่น) เข้าไปซื้อตอนที่คนส่วนใหญ่อยากขาย และขายตอนที่คนส่วนใหญ่อยากซื้อ โดยเฉพาะวันที่ตลาดแดงติดต่อกันหลายๆวัน ซื้อแล้วไม่เคยผิดหวังไม่ว่าจะเป็นหุ้นประเภทไหน จากคุณ : เล่นรอบ - [ 16 ส.ค. 49 09:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเล่นแบบวัดดวงอิอิอิวัดดวงจิงๆคับ3-4ปีและเพิ่งเข้ามาในสินธรพอได้อ่านคำแนะนำก็ถึงบางอ้อ(มิน่าทำไมเราถึงเจ๊งอิอิอิ) ครับขอให้ผู้รู้ช่วยกันแน่นำลงในทู้ด้วยนะครับจะได้เป็นประโยชน์ต่อมือใหม่ทุกๆคน(อย่างน้อยก็เอาไปคิดๆกันอีกครั้งอ่ะครับเพราะการตัดสินใจอ่ะอยู่ที่ตัวเรานะครับ) ขอบคุณสำหลับผู้รู้ทุกท่านอ่ะครับ จากคุณ : พ่อ เฮง เฮง (My revenge) - [ 16 ส.ค. 49 09:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ้ย จขกท เขียนได้ยาวและน่าเบื่อมากๆๆๆ   (ขี้เกียจอ่าน) ตอบสั้นๆๆ คำเดียว ว่า   โวลุ่ม   ครับ จากคุณ : davidตี๋น้อย - [ 16 ส.ค. 49 10:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13  หลักคิดในการเล่นหุ้นของผมคือ.....ความรู้หรือจะสู้ดวง.....เป็นความสามารถเฉพาะตัว ผู้ปกครองโปรดพิจารณา อย่าให้เยาวชนของท่านเลียนแบบ...อิอิ จากคุณ : สุดโจ๋ว - [ 16 ส.ค. 49 10:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมมือใหม่ซ่าบ้าแนะนำมือใหม่ด้วยกันอย่างที่ว่าครับ แล้วจะทำไม ผมนิยมซื้อ 1. หุ้นที่คิดว่าถึงจุดกลับตัว ที่ลงๆ มานาน แล้วคิดว่าวันรุ่งขึ้นมันจะขึ้นขนาดนั้นเลย อันนี้ใช้ เครื่องมือและ sense 2. หุ้นเกร็งกำไร ที่ผมได้ข่าวมาและค่อนข้างชัวร์ บวก sense อีกเหมือนกัน เรื่องขายไม่ต้องพูดถึงง่ายกว่าตอนซื้อหลายเท่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมทำการบ้านอย่างหนัก มีเครื่องมือ และหลักการ วิเคราะห์และได้ประเมิณศักยภาพหรือแนวโน้มในการประกอบกิจการของบริษัทที่จะซื้อหุ้นก่อนทุกครั้ง ผมอยู่สาย IT ซึ่งมีการแข่งขันสูง เต็มไปด้วยข่าวสารข้อมูล และมีพัฒนาการที่รวดเร็วยิ่งยวด ดังนั้นผมจึงเป็นคนที่ไม่หยุดนิ่งและพัฒนาความรู้ความสามารถอยู่เสมอ และเช่นกันผมเชื่อว่าตลาดหุ้นก็มีพัฒนาการและรูปแบบที่ควรเล่นที่น่าจะเปลี่ยนไปจากอดีต วิธีเล่นหุ้นที่ Work เมื่อ 4-5 ปี ไม่น่า Work ในขณะนี้ อย่าลืมว่าไม่ได้ทุกคนที่เล่นหุ้นเป็นอาชีพเหมือนคุณบุญทับ ถึงจะได้เล่นแบบ VI หรือ ถือยาวๆ ได้ เดี๋ยวนี้ มีคนซื้อขายหุ้นผ่านเน็ทกันเยอะ เครื่องมือกราฟ ข่าวข้อมูล หาได้ง่ายมากๆ สมัยก่อนคงไม่มี ดังนั้นคนเล่นหุ้นแบบอนุรักษ์นิยมสมัยโบราณ ถ้ายังไม่ได้ upgrade ตัวเองหรือไม่ได้พัฒนาไปตามตลาดก็ไม่แน่ว่าจะเล่นได้ดีในปัจจุบัน ถ้าใครมีความรู้ความสามารถอะไร ถ้ากำไรแล้ว ก็ตอบแทนสังคมด้วยการเอามาแบ่งบันให้คนอื่นๆ ด้วยดีที่สุดครับ จากคุณ : johnman - [ 16 ส.ค. 49 11:17:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนนี้เป็น stock trader ใช้ skills เป็นหลัก ซื้อขายเกือบ ทุกวัน 1. คิดว่า หุ้นเป็นสินค้าอย่างหนึ่ง ซื้อถูกแล้วก็ขายแพง ใช้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน สภาพคล่อง เป็นเครื่องมือตรวจ สอบคุณภาพสินค้า 2. ใช้วิธีทยอยซื้อทยอยขาย ตั้งเป้าหมายของราคาซื้อ และขาย 3. cut loss เป็นเครื่องมือที่สำคัญ 4. ซื้อขายหุ้นต้องไม่มีความเครียด  ฝึกกรรมฐานอยู่เป็น ประจำ 5. ติดตามภาวะของตลาดอยู่เป็นประจำ ซื้อตอนตลาด วาย ขายตอนตลาดวุ่น  ถ้ารวยแล้วจะเปลี่ยนเป็น value investor  เลิกทำงานทุกอย่าง แม้กระทั่งติดตามภาวะของ ตลาด  มีความเชื่อว่า vi ที่แท้จริงควรเป็นอย่างนั้น ถ้ายัง ต้องดูแลพอร์ตอยู่แสดงว่ายังไม่มีอิสรภาพทางการเงินที่ แท้จริง จากคุณ : นิแรน - [ 16 ส.ค. 49 11:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พวกเทคนิค ก็ดูโวลุ่ม ดูค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ตัดเป็นแนวซื้อและขาย แต่ผมเองกลับไปดูสถิติของราคา  เพราะในทางเทคนิคแล้วมักจะเชื่อไปในทางเดียวกันทำให้เจ้ามือปั่นหุ้นได้ง่าย เหมือนกับวันฤกษ์งามยามดีซึ่งมาจากตำราเดียวกัน  ซึ่งมักจะมีปัญหาในการหาสถานที่จัดงาน แถมราคาแพงกว่าช่วงอื่นด้วย การดูสถิติราคาเป็นผลพวงมาจากการ short against ซึ่งเจ้ามือเทขายเพื่อกลับไปซื้อในราคาที่ต่ำกว่า ซึ่งจะประกอบด้วยข้อมูลภายในผลประกอบการลดลงหรือขาดทุน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่รายย่อยรู้ทีหลังก็ติดดอยตามระเบียบ  ทีนี้เราต้องจับตาดูหุ้นตัวนี้ต่อไป เพราะถ้ามันทำผลประกอบการมีกำไร 2 ไตรมาสติดต่อกัน ก็น่าเชื่อได้ว่ามันจะกลับมา  หุ้นที่เราจะแอบดูอย่างนี้ควรมี cap พอประมาณเพราะสภาพคล่องก็สำคัญ  เราใช้เวลากับพวกนี้ราว 1-2 เดือน ก็จะได้ผล ถึงแม้มันจะไม่ขึ้นแต่ก็ลงไปอีกไม่แยะ ลองดูเถอะครับ ยังพอมี และในช่วงนี้จะเป็นช่วงขาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  ส่วนที่ว่าใครจะหาเงินเพื่อเลือกตั้ง ก็ควรต้องอ้างอิงหุ้นประเภทนี้และครับ เพราะโอกาสขาดทุนมีน้อย ขอให้โชคและความสามารถอยู่กับคุณนะครับ จากคุณ : jonathan w. - [ 16 ส.ค. 49 12:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ของเราก็มีหลักการมากค่ะ แต่ปฏิบัติจริงไม่ค่อยสำเร็จ ชอบทำตามอารมณ์ และวู่วาม บางครั้งจึงต้อง learn it the hard way. จากคุณ : หนูขิง - [ 16 ส.ค. 49 13:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมจะเลือกเล่นหุ้นที่มันแพ้ผมประจำ  ไม่ได้ไล่หุ้นทั้งกระดาน  เล่นจริงแค่ 1-2 ตัว  แต่มีตัวเฝ้าประมาณ 15 ตัว นั่งดู bid-offer เลย  นั่งดูนิสัยเจ้ามือ  ดูเทคนิดการไล่การเคาะ  การรับของหุ้นแต่ละตัวมันจะเหมือนๆเดิม  เพราะเจ้ามันก็คนเดิมนั้นแหละ เล่นหุ้นตามสภาพตลาดและเล่นหุ้นตัวที่ดีที่สุดในกลุ่ม  เช่น  ตลาดเล่นหุ้นใหญ่เราก้ลุยหุ้นใหญ่ด้วย  ตลาดเล่นน้ำมันผมก็ไล่ PTTEP  ไม่เล่น ptt  ตลาดเล่นแบงค์ผมก็ไล่ SCB ไม่เล่น scib  ตลาดเล่นหุ้นปั่นเราก็เล่นหุ้นปั่น เล่น IEC แต่ไม่เล่น MIDA  อะไรแบบนั้น แต่สิ่งสำคัญคือ  ผมไม่เข้าไปวัดดวงกับเจ้ามือ  ผมเล่นกราฟ  พยายามเล่นอย่างมีระบบที่สุด  แม้ว่าบางทีซื้อแล้วร่วงแต่ไม่อยาก CUT เพราะควา,รู้สึกว่ามันจะเด้ง  แต่ก็ต้อง CUT เพื่อรักษาวินัย  หลายครั้ง CUT แล้วเด้งแต่ไม่นานหุ้นตัวนั้นมันก็ลงจริงๆ   ผมถือหลักการเล่น 10 ครั้ง  เจ๊ง 3 ได้ 5 เสมอ 2 คือกำไรแล้ว  เพราะเจ๊ง 3 นั้นพยายามเจ๊งให้น้อย  แล้วได้ 5 ขอได้แบบเต็มๆ เราต้องยอมรับว่าเราไม่รู้ว่าหุ้นจะไปทางไหน  ถ้าใครรู้คงรวยไปแล้ว  แม้กระทั้งหมอดูที่ส่วนใหญ่จะมั่ว  ก็พยายามจะทายว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง  ทาย 10 ตัวผิดซะ 5 ตัว  มันก็เรื่องธรรมดาโลก   ส่วนตัวผมพยายามเล่นตามเกม  พยายามรักษาตัวเราให้รอดอยู่ได้ในเกมของเจ้ามือ  เพราะเราไม่ใช่เจ้าหรือคนของเจ้า  ผมจะไม่เล่นล้ำหน้าเจ้า  คือซื้อทีหลังเจ้า  แล้วขายก่อนเจ้าออกหรือโยนพร้อมๆกับเจ้าเลย  ผมจะยอมซื้อแพงแล้วขายหมูประจำ  จะไม่เล่นดักทางลง  ไม่เล่นทางลงเด็ดขาด  เพราะผมไม่มีเงินมากพอจะติดหุ้นได้เป็นปีๆแล้วมานอนฝันหวานว่าซักวันมันจะลากกลับมารับเราบนดอย  ผมเคยซื้อ n-park แถวๆเกือบ 8 บาท  เคาะมาแล้วกับมือเป็นแสนหุ้น  ขายทิ้งหมดแถวๆ 6 บาท  เคยซื้อ itd ที่ 120 บาทเอามาขายไม่ถึง 10 บาทตอนแตกพาร์  ถ้าไม่ขายวันนี้...วันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิต จากคุณ : no_lagging - [ 16 ส.ค. 49 13:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมจะประเมินตัวเองตลอดว่า  ผมเก่งพอมั๊ยที่จะอยู่รอดได้ในตลาด  เนื่องจากผมเล่นหุ้นเป็นอาชีพ  หลักการง่ายๆ  ที่ดูเหมือนจะทำยากคือ  การเล่นตัวไหนก้ได้ให้ได้กำไร  ไม่ว่าจะเล่นแบบ VI VS VSOP อะไรก็ตามแต่ละคนจะมีความสามารถในการทำกำไรแตกต่างกัน  ผมไม่มีความสามารถทนถือหุ้น 3 เดิอนได้  ถือนานสุดของผม 1 เดือนก็เป็นการลงทุนระยะยยาวแล้ว  และผมก็ไม่มีความสามารถไล่หุ้นปั่นแล้วถือ 3 นาทีได้ตังค์  เกิดมายังไม่เคยถือหุ้นวันเดียวกำไร 20% เลยให้ตายเถอะ 5555   เมื่อผมรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเองแล้ว  ผมก็เอาจุดพวกนี้มาทำเป็นระบบการเล่นแบบส่วนตัวที่ไม่เหมือนชาวบ้าน  เช่น  คนส่วนใหญ่ดู STO RSI MACD ADX BolligerBand  EMA อีก 5 เส้น กราฟยุ่งยากมาก  เส้นเพียบไปหมด  เห็นแล้วตายลาย   ดูแล้วเวียนหัวมาก  ผมไม่ดูเลย 555  ดูแท่งเทียน trend  vol แล้วก็อารมณ์ของหุ้นตัวนั้น   คนส่วนใหญ่จะดูกราฟ 60 นาทีกับกราฟรายวัน  ผมบ้าๆบอๆ  ชอบดูกราฟ 10 นาที  กับ 120 นาที  กับรายสัปดาห์  สรุปคือผมก็มั่วๆแมวๆไปเรื่อย  แต่ข้อสำคัญคือ  ระบบแบบมั่วๆส่วนตัวของผมมันทำให้ผมกำไรได้แค่นั้นพอ อีกเรื่องคือการจัดระบบการเงิน  การจะลงเงินเท่าไหร่  และเมื่อไหร่  นั้นสำคัญเราต้องวางแผน  เมื่อไหร่เรามองเห็นโอกาสชนะผมเกเลย  แต่ถ้าเมื่อไหร่มองแล้วยังไม่แน่ผมจะชกแล้วถอย  คือสิ่งสำคัญเราต้องเต้น footwork เป็น  ถ้าโอกาสไม่ดีผมจะไม่เข้าไม่ตะรุมบอน  แต่อาจจะเข้าไปชกแย๊บถอยบ้างเผื่อความมันส์  แบบว่าขอกรูต่อยทีแล้วก็หนีไปตั้งหลักใหม่ 5555  เราต้องหยุดรอยืนบ้างถ้าตลาดไม่ดี  ตลาดหุ้นไม่จำเป็นต้องเล่นทุกวัน  แต่ผมนั่งดูทุกวัน  แต่เล่นจริงๆ  บางทีทั้งเดือนเล่นได้แค่ 2 วัน  นั่งมองอีก 20 วันยังเคยทำมาแล้ว แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 49 13:55:57 จากคุณ : no_lagging - [ 16 ส.ค. 49 13:47:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 นับถือคุณ no_lagging ครับ รุ่นเก่าสวนมวยแบบนี้ดีกว่า รุ่นเก่ามาว่ารุ่นใหม่แล้วไม่สอนอะไรที่น่าสนใจเลยเหมือน จขกท ครับ จากคุณ : johnman - [ 16 ส.ค. 49 14:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ จขกท ที่มีความกรุณาเป็นห่วงสังคมกระทู้  ผมเอง อยู่ในช่วงการศีกษาหาความรู้หุ้น ก่อนที่จะเอาความรู้ไปหาเงิน  เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเอาเงินไปหาความรู้ในสนามจริง ก็พยายามอ่านกระทู้เเล้วก็หาโปรแกรมมาเล่น  ดูงบบ้างก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง  แต่ที่แน่ๆคือ ตอนนี้ผมหาหลักการที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ   ผมเป็นนักวิทย์  ผมเชื่อว่าทุกสิ่งตั้งอยู่บนหลักการความจริง  อะไรที่อยู่บนหลักการจะเจริญ  หลักการที่ไม่ขึ้นกับกาลเวลา  และ สามารถอธิบายได้อย่างแจ่มแจ้ง   ผมชอบกระทู้ที่นี่นะครับ   อบอุ่นดี จากคุณ : ptera (ptera14) - [ 16 ส.ค. 49 18:20:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หลักการลงทุนในหุ้นของผม - ใช้เงินเย็น ( ไม่ต้องใช้เงินนี้มากกว่า 5 ปี ขึ้นไป )  พิสูจน์ได้จริง  เพราะผมสามารถซื้อบ้าน ( วางเงินจอง+เงินดาวน์+ค่าประกัน+ค่าส่วนกลาง+ค่าไฟฟ้าและน้ำประปา ฯลฯ ) และผ่อน  โดยไม่แตะต้องเงินก้อนนี้ - มีเวลา ( ผมใช้เวลาช่วงเลิกงาน + เสาร์และอาทิตย์ ) - หาความรู้จาก นสพ. กรุงเทพธุรกิจ + Bizweek + ข่าวหุ้น ( เคยซื้อทันหุ้นด้วยแต่เลิกซื้อแล้ว ) + ประชาชาติธุรกิจ ( บางฉบับ ) + ฐานเศรษฐกิจ ( บางฉบับ ) + ดอกเบี้ยธุรกิจ ( บางฉบับ ) + นิตยสารผู้จัดการรายเดือน ( บางครั้ง ) + Pocket Book ของ ดร.นิเวศน์ และคนอื่น ๆ โดยเน้นการลงทุนแบบคุณค่า + ดูช่อง Money Channel ทาง UBC 97 อย่างสม่ำเสมอ - ลงทุนให้ตรงกับจริตตนเอง เนื่องจากผมเป็นคนหัวโบราณ ( อนุรักษ์นิยม ) ไม่ชอบเสี่ยง  จึงเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี  มีวินัย  ไม่เล่นหุ้นปั่นอย่างเด็ดขาด ( แม้ว่าจะมีกิเลส  ความโลภเหมือนคนอื่นๆ แต่พยายามเตือนตนเองว่าไม่ใช่วิธีที่จะทำให้มีรายได้เพิ่มอย่างยั่งยืน ) - ปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ความรู้ที่มีมาใช้พัฒนาการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น จากคุณ : Learn and Live - [ 16 ส.ค. 49 19:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมเข้าใจว่าคนที่เข้ามาอ่านห้องสินธรนี่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เล่นระยะสั้นและมีอายุอยู่ในตลาดไม่เกิน 2 ปี  ถ้าเข้าใจผิดขออภัยด้วยนะครับ  หลายๆคนที่ผมเคยอ่านมาตั้งแต่สมัย set 480 หายไปเยอะมากๆ  เข้าใจว่าอาจจะเปลี่ยนชื่อ 555  เพราะบางท่านสำนวนการเขียนคุ้นเหลือเกิน  รวมทั้งพี่บุญทับด้วย 555  ผมอยากให้พี่ๆคนเก่าๆเข้ามาช่วยๆกันเขียนกระทู้นี้เยอะๆนะครับ  เพื่อเป็นวิทยาทานแก่น้องๆเม่ามือใหม่ทั้งหลาย จากคุณ : no_lagging - [ 16 ส.ค. 49 19:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 การลงทุนในตลาดหุ้นจำเป็นต้องมีความรู้เพื่อช่วยตัวเองได้ในเวลาคับขัน การตัดสินใจแต่ละครั้งหมายถึงกำไรหรือขาดทุนเสียหาย ถามใครไม่ทันเพราะซื้อคนละตัวกัน ต้นทุนก็ไม่เท่ากัน ความกลัวไม่เท่ากัน ความกล้าไม่เท่ากันเหตุการณ์ต่างๆเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากเช่นราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย การเมือง เหล่านี้กระทบกับการลงทุนทั้งสิ้นเมื่อรู้วิธีคิดและวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆได้แล้วจึงเริ่มลงทุนจะปลอดภัย สำหรับพวกที่ไม่รู้อะไรเลยนั้นอันตราย บางคนซื้อ scb19c เอาไว้ 1 ล้านบาทต่อมาเหลือเป็นเศษกระดาษ ทราบมาว่าอาจารย์วันชัย ธัญญศิริเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบล.กิมเอ็งเขาเปิดสอนให้เป็นวิทยาทาน ติดต่อสอบถามที่เบอร์ 02-5500577......ขอให้โชคดี จากคุณ : epy - [ 16 ส.ค. 49 22:24:04 A:125.25.130.243 X: TicketID:125381 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดของผม ถ้าตามที่ศึกษาหลักการต่างๆ  การใช้เครื่องมือ ไม่เพียงพอครับ!!!! เพราะทุกคนก็สามารถเรียนรู้ได้ และทุกคนก็น่าจะมีพื้นฐานอยู่แล้วแต่ก็ยังเสียได้ ดูอย่าง นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ดร. ก้ยังเสียหมดตัวได้ ฉะนั้น ฟันธงครับ คนที่รวยจากตลาด คือ 1.จากประสบการณ์ในตลาดหลักทรัพย์ 2.พื้นฐานหลักการ เครื่องมือต่างๆ(ทั้งหมดอาจ ผิดได้) 3.เจ้ามือ...กองทุน...ต่างชาติ...ความต้องของอุปสงค์ อุปทาน 4.สำคัญสุด ....ดวง หมายเหตุ  ผมว่าคุณที่ตั้งกระทู้อย่างดูถูก ฝีมือคนรุ่นไหม่ครับ เดียวนี้ตลาดพัฒนาไปถึงไหนแล้วคนรุ่นเก่า ที่หมดตัวก็มาก เข็ญก็เยอะนะครับ จากคุณ : ตี๋น้อยMBA - [ 16 ส.ค. 49 22:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อยากจะเข้ามาเพื่อให้กำลังใจคุณบุญทับนะคะ เคยอ่านที่คุณบุญทับเขียนเตือนหนูขิงมาหลายครั้ง อ่านแล้วรู้สึกเลยค่ะว่ามีความหวังดีจริงๆ เห็นถึงความรู้สึกเป็นห่วงที่มีให้แก่คนเล่นหุ้นหน้าใหม่ คิดว่าคงไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ใครโดยเฉพาะเจาะจง แต่น่าจะเป็นการพูดโดยรวมมากกว่า มองให้เห็นถึงความหวังดีสิคะ จะได้ไม่ขุ่นข้องหมองใจกัน รุ่นเก่า รุ่นใหม่ ก็เจอประสบการณ์แบบเดียวกันมาเหมือนกัน และเพราะเจอมาแล้วนี่กระมัง จึงได้มีความห่วงใยและอยากเตือนรุ่นน้องๆ ไม่ใช่เขียนเพราะดูถูกดูแคลนฝีมือกันหรอกค่ะ ผู้ใหญ่ก็อาจจะแค่หวังดี อยากเตือนเด็ก ส่วนเด็กก็เชื่อมั่นในตนเอง ถ้าเข้าใจกัน ก็น่าจะคุยกันได้ และต่างก็จะได้ประโยชน์จากกันอีกด้วย จากคุณ : อยากให้มองในแง่ดี - [ 17 ส.ค. 49 00:55:22 A:125.24.3.193 X: TicketID:121877 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นของคนนั้นแตกต่างกันเพราะพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์ ฐานะและอายุ ต่างมุมมองกัน ทุกคนก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองกันทั้งนั้น สุดแล้วแต่ความถนัดและความชอบส่วนบุคคล บางครั้งเวลาเปลี่ยนไปเหตุการณืก็เปลี่ยนไป ถึงอย่างไรนักลงทุนจะได้รับประสบการณ์หลายอย่างทำให้เป็นคนเฉลียวฉลาดมากขึ้นสามารถปรับตัวได้ทันในยุคโลกาภิวัฒน์ จากคุณ : VAC. - [ 17 ส.ค. 49 07:39:38 A:221.128.90.104 X: TicketID:125381 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ส่วนผมขอเน้นเรื่องของการจัดการบริหารเงินทุน พูดง่ายๆก็คือเราต้องคิดเสมอว่าเวลาขาดทุนไปแล้วจะทำให้ได้กลับมาเหมือนเดิมนั้นยากมาก เพราะคุณจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นหากว่าเสียเงินลงทุนไปเช่น 100 ขาดทุนเหลือ 50 เทรดแต่ละครั้งได้กำไร 5% ของเงินต้น=2.5%แล้วจะต้องเทรดกี่ครั้งถึงจะได้ 100 คืน (คำตอบคือ 20 ครั้ง) หากว่ามี 100 ได้กำไร 5% ของเงินต้นจะเทรดเท่าไรถึงจะได้กำไร 50 (คำตอบคือ 10 ครั้งเท่านั้นเอง) เห็นไหมครับว่าต่างกันถึง 100% ทีเดียว การบริหารจัดการเงินทุนจึงเกิดขึ้นไงละครับ ดังนั้นเพียงแค่เรามีการกำหนด % ที่ยอมเสียได้กับ % ที่ได้กำไรไว้เช่น ยอมเสีย 2% ต่อครั้ง แล้วขอกำไรครั้งละ 4% หากคุณเทรด 10 ครั้ง ได้กำไร 5 ครั้ง ขาดทุน 5 ครั้ง คิดดูสิว่าคุณจะได้เท่าไร ระบบคุณแค่ถูกเพียง 50% เท่านั้นคุณก็รอดจากตลาดได้แล้วอ่า 2. ระบบ 3. ใจ ตรงนี้ก็จะแตกต่างกันไป ได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับตรงนี้ พี่ๆก้วนผมเขาไปกันไกลแล้วอ่าผมยังตามพวกเขาอยู่เลยระบบเขาดีจิง จากคุณ : Moonzonezturn - [ 17 ส.ค. 49 07:47:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โหวตให้ครับ จากคุณ : endophine - [ 17 ส.ค. 49 08:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 30 หนึ่งในแผ่นกระดาษที่เขียนเหน็บไว้ที่โต๊ะ "หากซื้อแล้ว อาจไม่มีโอกาสได้ขายเลย ยังกล้าซื้อหรือไม่ หากกล้า    ซื้อ ไม่แน่ใจ/ไม่รู้   ถอย " จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 17 ส.ค. 49 09:06:44 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สำหรับผม 1. หุ้นพื้นฐานดี มีปันผล พื้นฐานอย่างอื่นที่เขาดูๆ กัน เช่น pe ก็ดูบ้าง ส่วนกราฟนี่ไม่ใช่ความถนัด ดูนิดๆ ในจังหวะที่จะเข้าซื้อ 2. ส่วนมากหุ้นที่ซื้อจะสามารถสังเกตุแนวโน้มของธุรกิจจากชีวิตประจำวันได้ เช่น เดินไปซื้อของเจอสินค้าบริษัทนี้ บริการบริษัทนี้เป็นอย่างไร ฯลฯ 3. ซื้อแล้วไม่ต้องเฝ้า (เพราะว่า ทำงานประจำ ซื้อแล้วเก็บยาวไปเลย) จะลงก็ลง จะขึ้นก็ขึ้น capital gain ที่ได้ถือเป็นความสุขทางใจ ส่วนที่เสียบ้างก็ค่อยเก็บคืนจากปันผล จากคุณ : Patto_kung - [ 17 ส.ค. 49 11:01:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หลักคือ 1. เน้นลงทุนหุ้นอนาคตดี  พื้นฐานดี  มี volume ซื้อง่ายขายคล่องเป็นหลัก, หุ้นปั่นหนักๆเป็นค่าขนม 2. ใช้ระบบเทคนิคช่วยตัดสินใจจังหวะซื้อขาย  และต้องมีวินัย  เชื่้อใจในระบบ  เพราะมันมี safety ในตัวอยู่แล้ว 3. ใช้เหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ในการลงทุน 4. ซื้อไม้แรก 100 หุ้น (เป็นคนซื้อหุ้นแล้วมันชอบลง) 5. ถ้าตลาดขาลงให้ short อนุพันธ์แทน 6. ไม่ลงทุนซื้อๆขายๆไวๆ  เพราะยิ่งเร็วความผันผวนยิ่งมาก  ความจอจ่อทำให้เครียด และควบคุมอารมณ์ยาก 7. ทำใจสบายๆก่อนคิดลงทุน  คิดซะว่าเป็นเกม  เพื่อลดความเครียด   ยิ่งคิดจะได้มากๆยิ่งจะไม่ได้ 8. กำไรแล้วต้องแบ่งทำบุญ  เน้นวัดที่ยากจน, คนพิการ, เผื่อแผ่อะไรก็ได้ให้ผู้อื่น ยิ่งให้มาก  ยิ่้งได้กลับมามาก จากคุณ : อาทิตย์จรัสแสง - [ 17 ส.ค. 49 11:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เข้าใจในความหวังดีและเป็นห่วงของคุณบุญทับครับ ว้า ผมนี่เหมือนหนูขิงเด๊ะเลย มีหลักการมากมายแต่ไม่เคยทำตาม ชอบเล่นตามอารมณ์เป็นส่วนใหญ่ ว่าแต่ learn it the hard way สำนวนนี้แปลว่าไรง่ะไม่เข้าใจครับ จากคุณ : เม่าน้อย ณ ไทยแลนด์ - [ 17 ส.ค. 49 16:13:45 A:124.120.118.230 X: TicketID:106466 ]

ความคิดเห็นที่ 34 learn it the hard way ก็หมายถึงต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เจ็บปวดด้วยตัวเองไงคะ แบบว่าไม่สามารถเอาคำแนะนำหรือบทเรียนจากคนอื่นมาเรียนรู้ได้ มันต้องเข้าไปสัมผัสเอง ผ่านความเจ็บปวดด้วยตัวเองก่อน ถึงจะรู้ซึ้งและเข้าใจ จากคุณ : หนูขิง - [ 17 ส.ค. 49 17:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 35 โหวตให้ค่ะ ดิฉันก็เป็นเพียงศิษย์ระดับหางๆปลายๆแถวของห้องนี้ (ไม่ได้แกล้งถ่อมตัวเองนะ แต่พูดไปตามจริง) แต่ในเมื่อคุณบุญทับ นำเสนอกระทู้ดีๆมา ก็คิดว่าจะลองนำเสนอหลักการฉบับหัดเดินของตัวเอง มาแปะเอาไว้บ้าง อันเนื่องมาจาก ไอเดียและสาระสำหรับห้องสินธร ที่ยุคนี้ถูกหลายท่านบ่นถึงว่าน่าจะมีน้อยเกินไปหรือไม่ ...งั้นพวกเราก็น่าจะลองร่วมด้วยช่วยกันอีกครั้งค่ะ อ่ะ สำหรับดิฉัน ไม่มีอะไรมากมาย แต่ไม่ได้น้อยไปอ่ะค่ะ วนๆไปมาในวงจรเหล่านี้ ....สรรหา...โอกาส....เปิดรับเสมอ... ....เข้าใจ...ปัญญา....อย่ามั่ว...อย่าผ่านเลยอะไรที่พอจะนึกออก... ....วางแผน....เตรียมการ...จะโยนเหรียญเมื่อไร ,ออกหัวจะทำไง ,ออกก้อยจะว่าไง....คิดไว้ให้หมดทุกประตู... ....กล้ารอ...สติ....อย่าตื่นเต้นตกใจ...จะขายหรือซื้อ...รอ...ตามแผน.... ....ตรวจสอบ....ดูแลเสมอ....ทุกกระบวนการปรับแต่งได้...อย่าแค่เขียนแผนแล้วหลับรอ....การรอไม่ใช่การหลับ.... .....ปฏิบัติ !!!....ศรัทธา....เมื่อหุ้นจะขึ้นถึงจุดที่ไม่เอาไว้ได้-ส่วนใหญ่มักแปลว่าทุกอย่างย่อมดูดีเหลือเกินจนแม้แต่เราเองก็อาจลำพอง...กลับกัน-หุ้นจะลงมาถึงจุดที่เราจะเสียบได้ต่อเมื่อ-มักเป็นจุดที่ทุเรศสุดๆ ...แต่ก็ไม่เสมอไปนะ.....ให้ศรัทธา แต่ไม่ลุ่มหลง-หากมีข้อใดขัดต่อข้อมูลเดิมที่วางไว้ อย่าแค่หลับหูหลับตาศรัทธา.... แล้ววนมาใหม่.... ...ตรวจซ้ำ...คือใส่ใจ.... ....กลับไปเริ่มใหม่อีก....สรรหา....เปิดใจ....เข้าใจ.... ทั้งหมดที่พูดมาเนี่ย ก็ไม่ยากมากนะคะ แต่สำคัญที่มันก็ไม่ใช่ง่ายปานชงกาแฟสำเร็จรูปยามเช้าด้วยเหมือนกัน อันตัวดิฉันเอง ก็ยังมีเผลอเรอพลาดพลั้ง อยู่บ้างเป็นระยะๆ แต่ต้องพึงย้ำเตือนตนไว้ให้สม่ำเสมอ ว่าอย่าเผลอบ่อยนัก เดี๋ยวไม่รวยนะ นั่น,ขู่ตัวเองหน่อย 5555 ถ้าพลาดบ่อยติดต่อกัน ต้องไม่ลืมที่จะดุตัวเอง อย่าอภัยและปล่อยผ่านเลยไป กับความผิดที่ซ้ำซาก โชคดีมีสุขทุกท่านค่ะ จากคุณ : 007-s - [ 17 ส.ค. 49 18:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอคารวะขอบคุณหนูขิงครับ^_^ จากคุณ : เม่าน้อย ณ ไทยแลนด์ - [ 17 ส.ค. 49 19:40:52 A:124.120.118.230 X: TicketID:106466 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มนุษย์คิดว่าตัวเองเก่ง.......ฮ่า ๆ เอ้า....ตูว่าตัวเองนี่หว่า ผลลัพท์จะบอกมือใหม่เองครับว่า....เก่งหรือไม่เก่ง แล้วคุณก็ต้องยอมรับด้วยนะ  อย่ารั้น ศึกษากันไปให้มากเข้าไว้  หาเงินไม่ง่ายหรอก  ยิ่งหาเงินในตลาดหุ้นที่มีแต่คนมีตังค์  อย่าดูถูกคนรวยว่าโง่กว่าเรา ผมก็อยู่ในสินธรมานาน  แต่ก่อนไม่ได้ใช้ชื่อนี้อันนี้เพิ่งเปลี่ยนเทห์ ๆ  และที่สำคัญก็ได้อะไรจากที่นี่เยอะครับ  จากพี่ ๆ เพื่อน ๆ แต่เค้าก็ไม่ได้บอกเราตรง ๆ หรอก  ครูพักลักจำเอาซะส่วนใหญ่ หนทางนี้ยังอีกยาวไกล   ผมเคยเสียมามาก  แต่นั่นมันอดีตกาลนานมาแล้ว  ปัจจุบันกำไรแล้ว  ไม่ได้โม้หรอก  เรื่องจริง   บวกลบคูณหารแล้วกำไร   ถามว่าดีไหม  ไม่ดี  มันเสียเวลากับช่วงที่เสีย  ช่วงตามคืน  กว่าจะเอาคืนได้ทุนก็เหลือน้อย   เปอร์เซ็นมันต่างกันทุนมันต่างกัน ทางที่ดีถ้าเก่งจริงต้องเล่นหุ้นไม่ให้เสีย  เสียแล้วทุนจะน้อยลงผลต่างก็น้อยลง  กว่าจะกลับมามันยากมันเหนื่อยมาก พร่ำไปเลย  มึนแล้ว  ก่อนไปฝากไว้นิดว่า............ จงทำในสิ่งที่รู้....ถ้าไม่รู้จงอย่าทำ  (ลึกซึ้งนะ) จากคุณ : amarywater - [ 17 ส.ค. 49 20:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 38 พี่ จู๋นจู๋นเจ็ด เอาวลี "ยิงก่อน ถามทีหลัง" ไปไว้ไหนแล้ว อิอิ จากคุณ : Livestock - [ 17 ส.ค. 49 23:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมจะขี้โม้ให้ฟังนะ ( ความจริงเมียผมสั่งห้ามผมโพสแล้วนะ เดี่ยวกลัวคนในห้องหาว่าผมบ้านะ ไม่มีใครคบ ) อันนี้จำจากหนังสือที่อ่านๆมา แบบว่าฟังแล้วเท่ห์ดี หาใช่ความรู้ตนเองไม่ จึงไม่รู้หรอกว่าถูกต้องไหม ผมแค่อยากอวดว่า " ฉันก็อ่านหนังสือออกแล้วจำมาบอกได้เหมือนกัน " ฟ้า ไม่เคยผิด ธรรมชาติ ไม่เคยผิด สังคม ก็ไม่เคยผิด ตลาด ก็ไม่เคยผิด คน แวดที่ล้อมอยู่รอบกายก็ไม่เคยผิด โปรดจงรู้ไว้ว่า เมื่อใดก็ตามที่เรากำลังพยายามมองหา บุคคล เหตุผล หลักการ คำกล่าวอ้าง สถานะการณ์ หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อที่จะมาให้เรากล่าวหาว่าหรือยกความผิดที่เกิดขึ้นนั้นให้มันอยู่ละก้อ นั้นนะเรากำลังหลอกตัวเองอยู่ โปรดจงส่องกระจก แล้วมองเขาคนนั้นอย่างเป็นมิตร เมตตาจิตกับเขาให้มากๆ จริงใจกับเขาให้มากๆ กล่าวเตือนเขาอย่างระมัดระวัง อย่าให้เขาต้องเจ็บช้ำน้ำใจ มองหาส่วนดีบอกให้เขาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไป มองหาส่วนเสียบอกเขาด้วยถ้อยคำที่เสนาะไพเราะหูว่าเสียตรงไหน ทำไมจึงควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ดีกับเขา จริงใจกับเขาให้มากๆนะครับ ดำ ก็คือ ดำ มิใช่ขาว ขาว ก็คือ ขาว มิใช่ดำ แต่จงรู้ไว้เสมอว่า ในดำย่อมมีขาวเป็นเรื่องธรรมดา ในขาวก็ย่อมมีดำเป็นเรื่องธรรมดา อันสีเทานั้นเป็นเพียงอารมณ์และกลลวงหลอก หาใช่ของจริงไม่ เมื่อมีกลางวัน ก็ย่อมมีกลางคืน เมื่อมีมืด ก็ย่อมต้องมีสว่าง เมื่อมีตะวันขึ้น ก็ย่อมมีตะวันลาลับขอบฟ้า เวลากลางวัน ยามที่ตะวันเริงร่า แสงสว่างล้วนมีกำลังเหนือสิ่งอื่นใดในช่วงเวลาของมัน เวลาช่วงนี้ย่อมอาจเกิดสุริยุปราคาได้ เกิดเมฆฝนก้อนหนาใหญ่ ภเขาบัง หรือแม้กระทั่งตัวเรา ก็ล้วนแต่ทำให้เกิดเงามืดได้ทั้งนั้นเมื่อด้านหนึ่งต้องแสงตะวัน แต่ความมืดอันเกิดจากเงานั้น ไม่สามารถมีกำลังเปลี่ยนกลางวัน ให้เป็นกลางคืนได้ เวลากลางคืน ยามที่ตะวันนั้นลาลับขอบฟ้าไป ความมืดซึ่งเป็นความจริงอีกด้านของแสงสว่าง ย่อมมีกำลังเหนือแสงสว่างใดๆในช่วงเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นแสงจันทร์ แสงดาว หรือแสงจากหลอดไฟ ไม่ว่าจะดวงไหนก็ไม่สามารถมีกำลังเปลี่ยนกลางคืน ให้เป็นกลางวันได้เช่นกัน ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนเป็นเรื่องธรรมดา จะแพ้หรือชนะก็ล้วนธรรมดา ในเมื่อเป็นเรื่องธรรมดา ก็จงอย่าภูมิใจ อย่ายึดติดกับมัน เพราะมันแสนจะธรรมดา ทัศนะคติที่ดีหรือการมองโลกในแง่ดี จงอย่านำมันมาใช้ผิดทาง มิฉนั้นจะเกิดภัยพิบัติอันใหญ่หลวงกับตัวท่านได้ win win win มันไม่มีอยู่จริง มันเป็นเพียงคำหลอกล่อของผู้มีกุศโลบาย เมื่อเรากำลังได้อะไรมา ก็หมายความว่า กำลังมีคนเสียอะไรไป เสมอ ความบังเอิญ เป็นเพียงมายา อันว่าราคาก็เป็นมายาชนิดหนึ่ง มายาย่อมสร้างได้ มายาที่ดีบุคคลทั่วไปย่อมดูรู้ได้ยากว่าเป็นมายา ความเป็นจริงเท่านั้นที่ช่วยท่านได้ มันอาจพูดไม่เพราะเสนาะหู มันอาจไม่เคยได้อย่างใจท่าน แต่จงยอมรับมันเถอะอย่าได้หวังลมลมแล้งแล้งปลอบใจตัวเองไปอีกเลย อดีต คืออดีต มันจบไปแล้ว อย่ายึดติดหรือพยายามลากมันติดตัวมาด้วย ก็แค่เรียนรู้ เมื่อรู้แล้ว ก็วาง ไม่รู้ ก็วาง สุดท้ายเมื่อตายก็ต้องวาง อยู่ดี ไม่รู้จะลากหรือยึดกันไปใย ทุกข์กันเปล่าๆ ปัจจุบัน คือวันเริ่มต้นของชีวิตที่เหลืออยู่ (หนังสือเค้าว่างั้น) แม้นเวลาจะเป็นอนันต์ แต่ชีวิตหาใช่อนันต์ไม่ จงเตือนตัวเองกันไว้เสมอนะครับ สติเปรียบเสมือนเพื่อนตายเพราะถ้าคุณขาดมันคุณมีโอกาสตายสูง อารมณ์เปรียบเสมือนเพื่อนกิน ชอบพาเราเฮฮาจนเลยเถิด เสียงานเสียการ เสียโอกาส จนอาจจะเสียชีวิตได้หากครบมันบ่อยๆอยู่เนื่องๆ แผน คือสิ่งนำทางชีวิต ถ้าขาดมันชีวิตจะไร้ทิศทาง แม้แต่คนที่ยืนเฉยๆเค้าก็อาจเป็นฝ่ายนำเราได้ หากเราเป็นฝ่ายที่เดินวกวนจนกลายเป็นเดินถอยหลัง อนาคต คืออะไร อันนี้ผมก็ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ ใครรู้ลองนิยามหน่อย ผมมันพวกคนไม่มีอนาคต ตลาดไม่เคยโกหก ตลาดไม่เคยผิด ตลาดเป็นอาจารย์ทีดีที่สุดหาใครเสมอเหมือนได้ การเคลื่อนไหวระหว่างวันในตลาดเป็นเพียงอารมณ์และกลลวงเท่านั้น หลักที่ดี คือหลักที่เราถอนได้ปักเองได้ อย่าได้ยึดติดกับหลักนัก เพราะเราจะกลายเป็นวัวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไม่รู้ว่าหลักคืออะไร เพี่ยงแต่แค่รู้ว่าฉันจะต้องผูกต้องยึดติดกับมันและออกนอกระยะไม่ได้  หลักที่มีคน(ใครก็ไม่รู้)มาวางหลักปักไว้กับดินให้เราต้องยึดติดกับหลักนั้นไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ไกลกว่าระยะเชือกที่มีผู้วางหลักต้องการจะให้อิสระเราเดินในระยะเชือกนั้นนั้น เบสิค กับ แบล็คทูเบสิค อาจฟังดูคล้ายกัน แต่ไม่มีวันจะเหมือนกัน หากจะผิด คงเป็นเพียงผมที่อ่อนหัดและไม่เข้าใจคำและตัวอย่างที่อาจารย์สอนสั่งอยู่ทุกวัน ผมเนี้ยโ-ตรโง่เลย ที่พูดมาทั้งหมดก็จำมาจากหนังสือเค้าสะส่วนใหญ่ ผมไม่เข้าใจมันหรอกแค่อยากจะบอกเล่าให้ฟัง ทุกท่านจะได้รู้ว่าผมก็อ่านหนังสือออกบอกแล้วก็จำได้พูดต่อเป็น เหมือนกัน ขอบคุณครับ ขอให้โชคดีทุกคน ทุกท่าน แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 49 02:32:43 จากคุณ : ช้างทมิฬ - [ 18 ส.ค. 49 02:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากครับคุณช้างทมิฬที่โพสให้อ่าน กำลังกลุ่มใจเรื่องหนึ่งอยู่พอดี อ่านแล้วหายกลุ้มใจไปเยอะเลย ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Moonzonezturn - [ 18 ส.ค. 49 07:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ยอดจริงๆ หลากหลายมาก การกระทำเป็นของเรา ความสำเร็จเป็นของฟ้า จากคุณ : การกระทำเป็นของเรา (Mv) - [ 18 ส.ค. 49 16:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 49 19:59:52 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 49 19:55:16 จากคุณ : NeO_Vampire - [ 18 ส.ค. 49 19:51:13 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 38   พี่ จู๋นจู๋นเจ็ด เอาวลี "ยิงก่อน ถามทีหลัง" ไปไว้ไหนแล้ว อิอิ จากคุณ : Livestock  - [ 17 ส.ค. 49 23:23:50 ]     ................................................................. ยิงก่อนถามทีหลัง นั่นก็คือ อยู่ในขั้นตอนที่ว่า ....ปฏิบัติ !!! นั่นเองค่ะ พี่ Livestock(อิอิ) คือเมื่อ มือปืนได้ฝึกซ้อมการเหนี่ยวไกมาอย่างดีแล้ว ไปวนๆดูจุดที่พร้อมจะยิง ดุลาดเลา เขียนแผนในการยิงไว้อย่างดี รวมถึงวางแผน 2,3,4...เผื่อไว้ล่วงหน้าด้วย แต่เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุแล้ว ......มันจะมีคำถามจุกจิกติดใจเสมอๆ ที่จะสามารถหน่วงเหนี่ยวสติให้ มึน เมา งง เอ๋อได้อยู่เสมอๆ และหลายต่อหลายครั้ง เมื่อคำถามวกวนในหัวสมอง ปั่นป่วนให้มือปืนไม่สามารถเหนี่ยวไกได้ตามแผน เพราะมือปืนที่ไม่ยอมทำการบ้าน และแม้บางทีทำมาอย่างดีแล้ว แต่เกิดเห็นเด็กน้อยเดินมา ทำให้จิตฝ่อ ทั้งๆที่เด็กน้อยเดินมานั้น ไม่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังห่างไกลจากตำแหน่งเป้าหมายที่จะลงมือนัก และไม่สามารถขัดแผนการดำเนินการในครั้งนี้ของมือปืนเลยแม้แต่น้อย ข้อมูลและแผนการที่วางมา ไม่ได้ผิดแปลกไปจากที่คาด เพียงเด็กน้อยเดินมา เกิดคำถามค้างคากวนใจมือปืน จึงพลาดโอกาสเสี้ยวนาทีในการเหนี่ยวไก จากคุณ : 007-s - [ 18 ส.ค. 49 20:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 44 วันนี้ผมก็เพิ่งเจอเหตุการณ์..."ยิงก่อน ถามทีหลัง"... มาหมาดๆเหมือนกับ  เพราะหุ้นตัวโปรดที่ผมวางแผนมาอย่างดี  วาดกราฟแนวรับ  แนวหลุด  แนวหนี  แนวเผ่น  มาไว้อย่างดี  วางแผนการเคาะว่าจะสอยด้วยเหล้กเบอร์ไหน  แต่พอมาเจอแรงเจ้ากระทืบ  แล้วใจฝ่อ  มันเปิดสูงแล้วโรยตัวลงมา  นวดๆที่จุดรับของผมพอดี  ตอนแรกไม่กล้า  นั่งมองเจ้านวดอยู่นาน  มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก  จนเจ้ามันลากกลับไปอีกรอบ  ผมก็นั่งมองตาปริบๆ  คิดในใจเอาไงดีหว่าตรู  พอดีพักเที่ยง  ให้หายใจก่อน  ระฆังช่วยไว้ทัน  กลับมานั่งดูแผนการที่เราวางไว้  แอ๊ะตรู....กลัวอะไรเนี๊ย  ไม่เห็นมันจะมีอะไรต่างจากแผนที่เราวางไว้เลย  แค่มีเสียงอึกกระทึกครึกโครมมากไปหน่อยเท่านั้นเอง  บังเอิญตอนคิดแผนไม่คิดว่าเจ้าจะใส่ sound effect มามากขนาดนี้  พอมาเจอเหตุการณ์จริง  ผมเลยขวัญอ่อนไปหน่อย 5555   ตอนเช้าเจอเจ้าเขย่าแล้วเมาคลื่น  เลยเอ๋อไปช่วงวูบ  บ่ายเปิดมาเจ้าเขย่ามุขเดิมอีกรอบ  เอาล่ะที่นี้มันมาอีกแล้ว  ที่เก่าเวลาใหม่  สดใสกว่าเดิม  เจ้ามันซัดโครมๆๆลงมากองทีเดิม  แต่บ่ายนี้ผมไม่เมาเหมือนตอนเช้าแล้ว  ผมชัดเลยนะจุดที่แผนการวางมาไว้อย่างดี  ซัดด้วยเหล็กเบอร์ที่ตั้งใจจะซัด  เอาแบบตบแล้วเผ่นก่อนถามทีหลัง  ....สรุปว่า...บางครั้งผมก็ตั้งใจทำการบ้านมาอย่างดี  แผนการเตรียมมาอย่างดี  แต่กับหุ้นบางตัว   แต่สิ่งที่ผมเตรียมมาไม่ดี  คือ   ปอดไม่แข็งแรง 555 บางครั้ง...การหลับตาเคาะ  มันก็จำเป็น  เพาะลืมตาแล้วมันไม่กล้า  ก็ต้องทำถ้าเชื่อว่าระบบคุณที่วางไว้มันสั่งให้ทำ  แล้วเชื่อว่าระบบมันทำให้คุณได้กำไร จากคุณ : no_lagging - [ 18 ส.ค. 49 22:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาเก็บความรู้ครับ ชอบของพี่ช้างทมิฬ มากเลย มีอีกหรือเปล่าครับ ที่สุดสำคัญที่ใจ จากคุณ : ManInBlack (ID_Number_070) - [ 18 ส.ค. 49 22:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่เข้ามาแสดงความความเห็น หลักการวิธีคิด แง่คิด เรื่องเตือนใจในกระทู้นี้นะครับ เป็นประโยชน์มากๆ จริงๆ ครับ.. ข้างล่างนี่ เอารูปมาแปะแทนครับ โพสไว้ที่อื่น ไม่นานนี้ครับ.. จากคุณ : บุญทับ - [ 19 ส.ค. 49 12:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 47 .. จากคุณ : บุญทับ - [ 19 ส.ค. 49 12:18:01 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เริ่มต้นปิ๊งจากกราฟ เช็คข้อมูลพื้นฐานทั่วๆ ไป ประเมินแล้วว่ามีอนาคต(ตามเวลาที่เรากำหนด) จากคุณ : บุญทับ - [ 19 ส.ค. 49 12:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 49 .. จากคุณ : บุญทับ - [ 19 ส.ค. 49 12:19:07 ]

ความคิดเห็นที่ 50 .... จากคุณ : บุญทับ - [ 19 ส.ค. 49 12:19:52 ]

ความคิดเห็นที่ 51 .. จากคุณ : บุญทับ - [ 19 ส.ค. 49 12:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เหมราชที่ว่าไว้ นั้น ผมพูดถึงเมื่อปลายปีที่แล้ว มาต้นปีนี้นะครับ ไม่ได้หมายถึง ณ ปัจจุบันนี้.. ภาพนี้ก็เป็นของช่วงต้นปี ใช้แนวคิดทางเทคนิคเรื่องเส้นแนวโน้ม จริงๆ ใช้หลายอย่างประกอบกันนะครับ.. จากคุณ : บุญทับ - [ 19 ส.ค. 49 12:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เดี๋ยวแถวนี้จะงง.. "กำลังจะจบการศึกษา" ที่เห็นนั้น หมายถึงจะเรียนจบมหาลัยหุ้นชั้นปริญญาตรีนะครับ คือผมมักจะชอบเปรียบหุ้นเป็นการศึกษา ตอนนี้เรียนประถม ต่อมาเรียนมัธยม ที่ผ่านมาเรียนไประดับปริญยาตรีแล้ว และกำลังจะจบครับ สูงขึ้นไป มีปริญญา โท. ปริญญา เอก ในระดับแนวราบ ยังมีแนวคิดอื่นๆ ให้ศึกษา เช่นพวกเรื่องของตัวเลขทางบัญชี เรื่องของการเล่นแง่มุมทางกฏหมาย (พวกปั้นหุ้น-ปั่นหุ้น) จะใช้วิธีการนี้ หรือไปจนถึงเรื่องโหราศาสตร์ของหุ้นเลย คือสำหรับผม หุ้น นี่เรียนกันไม่จบ.. มีแนวดิ่ง แนวลึกให้เรียน แล้วยังมีแนวราบ แนวกว้างอีกมากมาย ที่เรายังไม่รู้.. ผมจะพูดบ่อยๆ ให้เรียนรู้มากๆ พัฒนาแนวทางของตัวเอง ..ผมไม่ได้พูดลอยลม แต่ผมเชื่อ และผมก็ทำอย่างนั้นจริงๆ ด้วย.. เพียงแต่ผมไม่ค่อยได้เข้ามาคุยที่สินธร บางคนไม่รู้จักผม ก็เลยไม่รู้ถึงความหมายที่ผมพูด แต่ผมไม่ได้ว่าอะไรนะครับ.. ..เดี๋ยวนี้ ผมไม่ค่อยสนใจ ว่าใครจะว่าเราว่ายังไง หรือจะเข้าใจเราผิดยังไง เรารูว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และเรากำลังจะไปไหน และเรารู้ว่าเราพอทำได้แค่ไหน.. หวัดดีครับ.. แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 49 12:36:23 จากคุณ : บุญทับ - [ 19 ส.ค. 49 12:34:51 ]

ความคิดเห็นที่ 54 สวัสดีครับ ท่านบุญทับ   เห็นความตั้งใจท่านบุญทับแล้วข้าน้อยขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ ว่างๆข้าน้อยก็หมั่นหาความรู้เพิ่มเติม หามุมมองใหม่ๆ มาปรัปใช้ให้เหมอะกับตัวเอง เช่นทำไมเขาถึงคิดเช่นนั้น เป็นเราจะทำยังไง ไม่ว่าแนวทางไหนข้าน้อย ยินดีรับฟังหมด ข้าน้อยก็ใช้แนวโน้มเป็นหลักครับ ขอให้อยู่ในแนวโน้มขึ้น ข้าน้อยจะคลุกวงใน ตีเข่า ฟันศอก จนกว่าจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นลง  เป็นอันว่าหมดยก และมักจะโดนลูกทิ้งทวนก่อนหมดยกให้รู้ว่าหมดแนวแนวโน้มขึ้นแล้วนะ ก็จะหยุดเล่นตัวนี้ ก็จะรอดูจนกว่าจะกลับเป็นแนวโน้มขึ้นใหม่  บางตัวเล่นกันเป็นเดือนเลย ไม่ใช่นะเดย์ครับ สั้นๆ1-7วัน เขียวขาย แดงซื้อ เข้าสูตรใด้มากครั้งกว่าเสีย  จึงอยู่รอดมาใด้ครับ ก็ดูจากกราฟแหละครับ บางทีก็นับคลื่นเล่นบ้างใช้ fiboบ้าง เช่นคลื่นนี้น่าจะเป็นคลื่นอะไร  ทำไมถึงต้องเป็นคลื่นนี้ ดูtrend lineด้วยการขีดเส้นขีดสายตามตำรา ว่าเทรนไปทางไหน โดยรวมชี้ขึ้นหรือลง ขึ้นด้วยความชันขนาดไหน ดูแท่งเทียนเข้ารูปแบบไหน เช่นสามเหลี่ยม h&s ใช้ โบลิงเก้อ sto rsi macd sma ema ...ประกอบ วอลุ่มเข้าตรงจุดเปลี่ยนแนวโน้มรึเปล่า ดูมู๊ดต่างประเทศดีไหม การเมือง สงคราม น้ำมัน และหุ้นขึ้นทำยังไง หุ้นลงทำยังไง สุดท้าย ทำใจ ทำตามที่คิดวิเคราะห์ให้ใด้ครับ (ข้อนี้ทำยากมากครับ)  ปรกติพอเห็นกำไรนิดหน่อย ก็เอาแล้วเฮ้อ ถึงยังไปไม่ใด้ไกลซะที จากคุณ : JG - [ 20 ส.ค. 49 01:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ดูพื้นฐานการดำเนินงานของบริษัท และสภาพคล่อง และราคาที่เหมาะสม จากคุณ : robotron (Robotron) - [ 20 ส.ค. 49 13:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เข้ามาเพียงบอกว่า ขอบคุณ คุณบุญทับ ที่ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆในห้องนี้เสมอมา จากคุณ : . - [ 20 ส.ค. 49 16:57:26 A:124.120.99.117 X: TicketID:123559 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สุดยอดกระทู้ ตั้งแต่เข้ามาในสินธร ขอบคุณ จขกท และเพื่อนๆพี่ๆที่เล่าหลักการต่างๆ ผมมือใหม่ ลงทุนในหุ้นแค่เกือบๆสามปี มิบังอาจแนะนำในกระทู้นี้ครับ จากคุณ : ptt - [ 20 ส.ค. 49 19:45:02 A:203.114.109.215 X: TicketID:107886 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมชอบกระทู้นี้นะครับ คุณบุญทับ ช่วยพูดในสิ่งที่หลายๆคนอยากพูดแต่ไม่ค่อยกล้าพูด หลักการผม ถ้าพูดมันก็จะยาว แล้วตัวเองก็ยังเก่งสู้ใครๆหลายท่านในนี้ไม่ได้ หลักการส่วนตัวของผม ถ้าเอาที่แก่นจริงๆจะมีแค่นี้ คือ 1. รู้จักตนเองก่อน -- คือ เก่งอะไร รู้ธุรกิจอะไรดีเป็นพิเศษ เป็นคนแบบไหน ชอบเล่นหุ้นแบบไหน สามารถ hold ได้นานแค่ไหน มีวินัยมากแค่ไหน 2. วางแผนและต้องปฏิบัติตาม -- ต้องรู้ว่า ตัวเองทำอะไรอยู่ มีหลักการคร่าวๆแบบไหน จัดพอร์ทการลงทุนแบบไหน ซื้อหุ้นเพราะ condition อะไรและจะขายเพราะ condition อะไร ต้องปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด ไม่งั้น ก็อย่าวางแผนซะดีกว่า 3. พื้นฐาน+เทคนิค+จิตวิทยา -- ข้อนี้ถ้าอธิบาย จะยาวๆมากครับ ถ้า refer หนังสือจะง่ายกว่า แนะนำให้อ่านหนังสือของ peter lynch, william o'niel, และ alexander elder สามท่านนี้ คือ นักลงทุนที่ผมชอบแนวทางการลงทุนของเขามากที่สุด ที่สำคัญคืออ่านเข้าใจง่าย 4. Focus -- ข้อนี้ผมอาจจะสวนเรื่องหลักการกระจายความเสี่ยงบางรูปแบบไปเลย คือสำหรับนักลงทุนที่พอร์ทไม่ใหญ่ และไม่ได้มีความรู้ในทุกธุรกิจหรือเศรษฐศาสตร์ทั่วไปเทียบเท่ากับ fund manager ผมกลับมองว่าให้ "focus on your strongest candidate" แล้วจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการกระจายถือหุ้นมากเกินไป 5.หาความรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง -- อ่านมากฟังมาก คิดมาก รู้มากครับ ผมว่าตลาดหุ้นไม่ง่ายพอที่จะฟลุ๊คติดๆกัน ขอให้โชคดีครับ ทุกท่าน ขอบคุณกระทู้ดีๆและความเห็นดีๆครับ จากคุณ : Muffin - [ 21 ส.ค. 49 07:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ทุกวันนี้ซื้อหุ้นแบบมั่วๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย   รู้อย่างเดียว ที่ซื้อเพราะคิดว่าหุ้นมันจะขึ้น  แต่ถ้าซื้อแล้วไม่ขึ้นอย่างที่คิด จะซื้อทำไม  ขายทิ้งซะหมดเรื่อง จากคุณ : พ่อหอยโข่ง - [ 21 ส.ค. 49 07:47:06 ]

ความคิดเห็นที่ 60 มารายงานตัวด้วยคนครับ ผมเล่นมาหลายแบบมาก ๆ แต่ระบบที่ใช้มากที่สุด คือ 1. ดูจอ เน้นที่โวลุ่ม และทิศทางหุ้น 2. ดูอาการหุ้น อันนี้ต้องอาศัยประสบการณ์(ไม่ค่อยจะแม่นซะด้วยสิ) 3. เชื่อเสมอว่า "เหนือสวรรค์ยังมีดาวดึงส์ ใต้นรกยังมีอเวจี" ผมจึงเล่นแต่หุ้นที่กำลังอยู่ในขาขึ้นเท่านั้น ถ้าอ่านว่าลงเมื่อไหร่ เท่าไหร่ก็ยอมทิ้ง ผลการดำเนินงาน-ณ.ปัจจุบัน เหลือครึ่งหนึ่งจากจุด Start ครับ ปลง. จากคุณ : Big Father - [ 22 ส.ค. 49 21:49:39 A:unknown X:203.146.147.102 TicketID:021556 ]

ความคิดเห็นที่ 61 โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันยอดมากเลยกระทู้นี้ ได้ความรู้อีกแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 23 ส.ค. 49 20:16:06 ]