PANTIP.COM : I4649918 ผมคำนวณแล้วว่าผมต้องลงทุนใน LTF 5 หมื่นบาทถึงจะคลอบคลุมฐานภาษี ผมควรเลือกวิธีใดในการลงทุน LTF ใน 3 วิธีนี้ดีกว่ากันครับ [การลงทุน]

ความคิดเห็นที่ 7

ในอเมริกาเคยมีการสำรวจกันจริงๆจังๆโดย Morning Star แล้วนะครับว่า การกระจายการลงทุนในกองทุนรวมที่มีการลงทุนใน Asset Class เดียวกันมากมากกองเกินไป ไม่ได้ช่วยให้เกิดการกระจายความเสี่ยงที่ดี ซึ่งก็น่าจะไม่แตกต่างจากตลาดกองทุนรวมของไทยมากนัก

และยิ่งตลาดหุ้นบ้านเรามีหุ้นอยู่ 500 กว่าตัว ตัวที่นักลงทุนสถาบันเข้าไปถือครองก็น้อยลงไปอีก เทียบกับอเมริกาแล้ว ตลาดหุ้นไทยบ้านเรามีตัวเลือกน้อยกว่าเยอะครับ

เพราะฉะนั้น ถ้าเราเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นหลายๆกอง เราอาจพบว่า ใน portfolio ของกองทุนแต่ละกอง อาจถือครองหลักทรัพย์ตัวเดียวกัน หรือมีนโยบายการลงทุนที่เกือบจะลอกแบบกันมา แทนที่จะกระจายความเสี่ยง ก็จะกลายเป็นเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นนั้นๆหนักเข้าไปอีก อย่างเช่นหุ้น PTT หรือ PTTEP นี้ ถือกันแทบทุกกองเลยครับ

ข้อสรุปวิธีการกระจายความเสี่ยงที่ดีก็คือ หากองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างซัก 2-3 กองพอครับ อาจเลือก 1 กองที่มีนโยบายจ่ายปันผล และอีกกองไม่มีนโยบายจ่ายปันผล และลงทุนในหุ้นคนละกลุ่มกัน หรือมี weight กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต่างกัน น่าจะตอบโจทย์การกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่านะครับ

--------------------------

ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง คุณมานะ ได้ลองคำนวนดูแล้วว่าสามารถลงทุน LTF ได้ 5หมื่นบาท เข้าใจว่าหากคำนวนเฉพาะฐานเงินเดือน+โบนัสของปีที่ผ่านมา ฐานภาษีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10% นะครับ
ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีปฏิทิน เท่ากับว่าคุณมีแต้มต่อในการลงทุนประมาณ 3%ต่อปี (คิดสมมติว่าถือกองทุนไว้ประมาณ 3 ปี)
คิดจากแต้มต่อที่ได้คือ 3%ต่อปี กับสภาพคล่องที่ต้องเสียไป เพราะต้องถือนจนครบเงื่อนไข และบีบบังคับเราให้ขายคืนได้แค่ 2 ครั้งต่อปี โดยมีช่วงวันระบุแน่นอนแล้ว แนะนำว่า ไม่จำเป็นต้องลงทุนใน LTF ก็ได้ครับ

ลองหากองทุนรวมหุ้นที่มีนโยบายคล้ายๆกับ LTF ที่เราสนใจ แล้วลงทุนในนี้น่าจะดีกว่า ไม่บีบเราให้ถือ 3 ปีกว่า ไม่กดดันเราให้ขายคืนได้แค่ 2 ครั้งต่อปี กำไรเมื่อไหร่ก็ขายก่อน ขาดทุนเมื่อไหร่ก็ cut loss แล้วไปรับที่ต้นทุนต่ำกว่าได้ ดูแล้วน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ

แต่ถ้า คุณ จขกท. มองว่าไม่เสียหายอะไร และเงินก้อนนี้ไม่รีบร้อนใช้แน่ๆ กะจะออมไว้ใช้ในระยะยาว ลงทุนใน LTF ก็ไม่เสียหายอะไรมากมายเท่าไหร่ครับ

-----------------------

ตัวเลือก LTF 2 ตัวของผมก็เป็น ABLTF ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่ล้อตัวกองทุน ABG ของ อเบอร์ดีนด้วยกันมาครับ
เน้นลงทุนในหุ้นที่มี P/E ต่ำ ปัจจัยพื้นฐานดี และที่สำคัญ ทุกบริษัทที่อเบอร์ดีนจะเข้าซื้อหุ้น ผู้จัดการกองทุนจะเข้าพบผู้บริหารของบริษัทนั้นๆ (Company Visit) ก่อนที่จะลงทุนทุกครั้ง เพื่อศึกษาข้อมูลเชิงลึก และสอบประวัติผู้บริหาร ถึงวิธีการดำเนินงาน และความโปร่งใสในการตรวจสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าได้หุ้นดีมีคุณภาพจริงๆ
.... จากนั้น ทีมผู้จัดการกองทุนจะมาคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตอีกที โดยซื้อหุ้นที่ Undervalue และถือยาว ไม่ซื้อ/ขาย มากเกินความจำเป็น ถ้านักลงทุนอย่างเราๆเข้าไปตรวจดู portfolio ของทั้ง ABLTF และ ABG จะพบว่า ไม่มี PTT เพราะเป็น Holding Company ที่มีบริษัทลูกเยอะเกินไป ยากที่จะตรวจสอบ แต่จะพบหุ้นขนาดกลางที่กองทุนส่วนใหญ่ไม่ถือ ราคานิ่งๆไม่วิ่งตาม SET Index และบางตัวอาจมีสภาพคล่องต่ำ ซึ่งเป็น style การลงทุนที่ อเบอร์ดีนประสบความสำเร็จ (ผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุนของ ABLTF อยู่ที่ประมาณ 40%)

อีกกองที่แนะนำก็ JBP LTF ของ บลจ.ทหารไทย ครับ
กองนี้จ่ายปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้ง ลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท ครั้งต่อไป เท่าไหร่เขาก็เอา
มีนโยบายลงทุนในหุ้นไม่เกิน 75% ของพอร์ต ที่เหลือ 30% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่ากองทุนหุ้นไม่กำหนดเพดานการลงทุนครับ ผลตอบแทนไม่หวือหวา (ตั้งแต่จัดตั้งประมาณ 19%)
ลงทุนในตราสารทุนของ 25 บริษัทจดทะเบียนแรก อุตสาหกรรมละไม่เกิน 3 ตัว

-------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ

จากคุณ : Mr.Messenger - [ 24 ส.ค. 49 10:45:56 ]