ความคิดเห็นที่ 1 นอกจาก “หุ้นปั่น” จะไม่เคยตายแล้ว ดูเหมือนว่า “นักปั่น” ก็จะไม่เคยหายไปจากตลาดหลักทรัพย์ด้วยเช่นกัน เพียงแค่อาจจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปตามยุคตามสมัย เมื่อคนเปลี่ยน วิธีการก็ปรับเปลี่ยนไปด้วย          “ปัจจุบันการซื้อขายหุ้นในลักษณะของการสร้างราคานั้นมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นกว่าอดีตอย่างมาก และมีผู้เกี่ยวข้องจำนวน มาก... ต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้น” ก.ล.ต. ระบุในรายงานประจำปี 2548          แต่จะลึกลับซับซ้อนและแยบยลมากขึ้นแค่ไหน “รูปแบบ” ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง และก็ไม่รอดพ้นสายตาของ “เซียน” ไปได้ และพวกเขาก็ใจดีพอที่จะนำมาถ่ายทอดให้ “มือใหม่” ได้เรียนรู้ ไว้เป็นภูมิคุ้มกัน          กระบวนการปั่นจะเริ่มจากการรวมพลของกลุ่มคน (เพียงไม่กี่คน) ที่ สุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรียกคนกลุ่มนี้ว่า “ผู้ก่อการ” แต่ละคนก็มีหลายบัญชี อยู่ในหลายโบรกเกอร์หลายแห่ง          และแน่นอนว่า คนกลุ่มนี้จะไม่ใช่ “คนตัวเล็กๆ” แต่มักจะเป็น “ขาใหญ่” ที่มีเงินทุนหนาและมีเครือข่ายขุมกำลังที่คนธรรมดาคงจะเลียนแบบได้ยาก และคนกลุ่มนี้ก็มักจะปรากฏชื่อตามสื่อต่างๆ ด้วยอักษรย่อและนามแฝงที่เป็นอันรู้กันในแวดวงนักลงทุน และบางครั้งอาจจะมี “เจ้าของ” เข้ามาร่วมวงด้วยก็ได้          เดาไม่ยากใช่ไหมว่า ทำไมคนกลุ่มนี้จะต้องมีหลายบัญชี (และอาจจะไม่ใช่ชื่อตัวเองทั้งหมดก็ได้) อยู่ในโบรกเกอร์หลายแห่ง เพราะนอกจากจะเป็นขั้นตอนหนึ่งในยุทธวิธีการปั่นราคาแล้ว ยังช่วยอำพรางไม่ให้ตลาดหลักทรัพย์จับได้ไล่ทันได้ง่ายๆ          พอกลุ่มผู้ก่อการตกลงใจกันได้แล้วว่า จะ “เล่น” หุ้นตัวไหน พร้อมกับกำหนดกลยุทธ์ หรือยุทธศาสตร์ที่จะนำมาใช้ในการปั่นคราวนี้ และราคาเป้าหมายที่ตั้งใจจะ “ลาก” ไปให้ถึง ก่อนเชือดทิ้ง          ไม่ว่า จะเป็นขาใหญ่ในก๊วนไหน วิธีการจะสลับซับซ้อนเพียงใด แต่ก็อยู่บนขั้นตอนหลักๆ 4 ขั้นตอน คือ          1. ทยอยเก็บของ หรือสะสมหุ้น          2. ไล่ราคาและเพิ่มปริมาณการซื้อขาย (Volume)          3. ปล่อยข่าวลือ และ...          4. ออกของ หรือขายหุ้นออก          ช่วง “ทยอยเก็บของ” จะใช้ระยะเวลานานหลายสัปดาห์ หรืออาจจะนาน 1-2 เดือน ซึ่งวิธีการในการเก็บหุ้นก็จะมีอยู่ไม่กี่วิธี ตามความถนัดของคนปั่นและจังหวะที่ภาวะตลาดจะเอื้ออำนวย          มีตั้งแต่ค่อยๆเก็บแบบเงียบๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ไม่กระโตกระตาก เพื่อป้องกันไก่ตื่น(อาจจะหมายถึงเจ้าของหุ้น คนดูแลหุ้นตัวนั้น แม้กระทั่งรายย่อยเอง)จนกระทั่งได้จำนวนหุ้นตามต้องการ          หรือแบบโฉ่งฉ่างหน่อยก็อาจจะใช้วิธีการปล่อยข่าวร้าย และล็อตใหญ่ๆออกมา เพื่อ"ทุบราคา" ให้รายย่อยตกใจขายออกมา แล้วมารอเก็บของถูก.. จากคุณ : มาร์จนๆ - [ 28 ส.ค. 49 13:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บรรยง วิทยวีรศักดิ์ เขียนไว้ในเรื่อง "ปั้นหุ้น เขาทำกันอย่างไร" หนังสือชื่อ "กลโกงการเงิน" ว่า วิธีการกดราคาหุ้นด้วยการเทขายออกมาล็อตใหญ่ๆ นี้ อาจจะถูกนำมาใช้ในระหว่างที่กำลังสะสมหุ้นอยู่เงียบๆ แต่บังเอิญว่า มีข่าวดีเข้ามาทำให้หุ้นเปลี่ยนขาขึ้น นักลงทุนรายย่อยก็แห่เข้ามาซื้อ คนกลุ่มนี้ก็จะขายออกมาเพื่อข่มขวัญนักลงทุนรายย่อยก็แห่เข้ามาซื้อ คนกลุ่มนี้ก็จะขายออกมาเพื่อข่มขวัญนักลงทุนรายย่อยให้ขายทิ้งตามไปด้วย          ขณะที่ เอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ บอกว่า วิธีทุบราคาขายกันไปมาในกลุ่ม ยอมขายกันไปมาในกลุ่ม ยอมขาดทุนนิดหน่อย พอดัชนีลงหุ้นตัวเล็กจะตระหนกและลงแรงกว่าดัชนี แต่วิธีนี้จะใช้ได้เฉพาะช่วงหุ้นบูมๆ เท่านั้น          ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า ปริมาณการซื้อขายของหุ้นตัวนั้น จากที่เคยเรื่อยๆ มาเรียงๆ จะเริ่มมากขึ้นจนผิดปกติ  แต่ราคากลับไม่ได้ขยับไปไหน และจำช่วงนี้ไว้ไหดี เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับรายย่อยอย่างเรา แต่สำคัญอย่างไร เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อ          เมื่อได้จำนวนหุ้นตามต้องการแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอน "ไล่ราคา" และ "ดันปริมาณการซื้อขาย(Volume)"ด้วยวิธีการง่ายๆ คือ "โยนหุ้น" กันไปมาระหว่างในกลุ่ม ขายและรับซื้อซื้อแล้วขาย กันอยู่อย่างนั้นสักพัก ราคาก็จะขยับขึ้นเรื่อยๆ ปริมาณการซื้อขายก็โป่งพองขึ้นเรื่อยๆ          จนกระทั่งซื้อหุ้นตัวนั้น โผล่ขึ้นมาติดอยู่ในกลุ่มที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 10 อันดับแรก (Top 10 Most Active Value) หรือ ราคาเพิ่มขึ้น 10 อันดับแรก (Top 10 Gainers)          ขณะเดียวกันก็จะ "ปล่อยข่าวลือ"ในทางที่เป็นผลดีต่อราคาหุ้นตัวนั้น ไม่ว่าจะเป็นการควบรวมกิจการ การขยายธุรกิจใหม่ เพื่มทุนจดทะเบียน หรือเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้(แตกพาร์)โดยที่ข่าวลือเหล่านี้จะถูกปล่อยผ่านสื่อต่างๆ และเจ้าหน้าที่การตลาด(มาร์เก็ตติ้ง)ด้วยวิธีการต่างๆนานา จนในที่สุดก็ลือสะพัดไปในกลุ่มนักลงทุนรายย่อย          และทั้งหมดก็กลายเป็นกองไฟกองโตที่ยั่วยวนให้"แมลงเม่า" เข้ามาติดกับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี พวกเราทั้งหลาย พอเห็นว่า ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น ราคาเพิ่มขึ้น แถมยังมีข่าวลืออันโอชะเข้ามาผสม ก็กระโดดเข้าไปผสมโรงอย่างสนุกสนาน          "นักลงทุนรายย่อยมักจะไม่ค่อยมองหุ้นที่ปรับขึ้นมาแค่ 10-20% แต่จะมามองหุ้นที่ปรับขึ้นไปแล้ว 100% และกี่เป็นเวลาที่เจ้ามือเตรียมออก" เอกยุทธ กล่าว          ขั้นตอนเหล่านี้อาจจะใช้ระยะเวลาสั้นยาวต่างกัน และอาจจะมาเพียงแค่รอบเดียวแล้วหายไป หรืออาจจะเกิดซ้ำๆ อยู่หลายรอบ ก็ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของนักปั่นเขาล่ะ          แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีการเปิดเผยข้อมูลจากคนที่ใช้ชื่อว่า "ลุงเอง" ผ่านเว็บไซต์หนึ่งว่า มีนักปั่นกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเขาให้ชื่อว่า "แร้งกินศพ"ที่จะปั่นหุ้นในรูปแบบเดียวกัน แต่จะเข้าเร็วออกเร็วแบบสายฟ้าแลบ คือ ใช้เวลา 3-4 วัน ในการสะสมหุ้น และพอถึง "วันลุย" ตอนเช้าก็จะสร้าง Volume และ ลากราคาให้ผ่านแนวต้าน เพื่อเรียกความสนใจ          "ก่อนเที่ยงจะเร่งเครื่องซื้อไม้ใหญ่ๆ ไปจนได้ราคาที่ตั้งไว้ ซึ่งอาจจะเป็นการโยนหุ้นไปมา พอนักลงทุนเข้ามาติดกับก็ทยอยออกของไปเรื่อยๆ พอใกล้หมดเวลาก็ฟาดเปรี้ยงลงมาคืนที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกนี้ขอกำไรแค่1% ก็พอแล้ว" ลุงเอง ระบุ จากคุณ : มาร์จนๆ - [ 28 ส.ค. 49 13:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทำกำไรจาก "หุ้นปั่น"          แล้วคิดหรือว่า นักลงทุนที่ก้าวเข้าไปในตลาดหุ้นจะไม่รู้ว่า หุ้นตัวไหนมี"เจ้ามือ" หุ้นตัวไหนแข้ข่าย "ถูกปั่น" แต่ก็เป็นธรรมดาของ "แมลงเม่า" ที่แม้จะรู้อยู่ว่า ข้างหน้าเป็นกองไฟพร้อมที่จะเผ่าตัวเองให้ไหมเป็นจุลแต่ก็พร้อมที่เข้าไปเล่นไฟ และหวัง(ลมๆ แล้งๆ)ว่า จะรอดกลับมาพร้อมกับกำไรติดไม้ติดมือออกมาด้วย          ในเมื่อหนีความเย้ายวนของกองไฟไม่พ้น เราก็มาเสริมเขี้ยวเล็บให้เป็น "แมลงเม่าหุ้มเกราะ(กันไฟ)" แต่ไม่ใช่เพื่อไปท้าตีท้าต่อยกับขาใหญ่จอมปั่นหรอกนะ (ปล่อยให้ยักษ์เขาสู่กันเถอะ) แต่เราจะบินไปเกาะอยู่บนบ่าและอาศัยใบบุญ(หรือปาปก็ไม่รู้ได้)ของนักปั่น เพื่อเก็บกำไรเล็กๆน้อยๆเข้ากระป๋องของเราบ้าง          แม้ว่า ผู้คร่ำหวอดในแวดวงการลงทุนรายหนึ่ง จะบอกว่า ไม่ใช้เรา เราจะกลายเป็นเหยื่อของหุ้นปั่นได้เพียงฝ่ายเดียว เพราะเราสามารถหากำไรจาก"หุ้นปั่น" ได้เหมือนกัน แต่นักลงทุนรายนั้นต้องแน่ใจว่า "ใกล้ชิด"กับข้อมูลอย่างแท้จริง          "เมื่อได้ข้อมูลมา(ว่านักปั่นกำลังลงมือกับหุ้นตัวนี้)จะต้องประเมินว่า ข่าวนั้นน่าเชื่อถือแค่ไหนและเราใกล้ชิดกับข้อมูลแค่ไหน ถ้าเป็น "เขาเล่าว่า..."ก็แสดงว่า เราเป็นไม้ที่ 3 ไม้ที่ 4 แล้ว โอกาสติดหุ้นก็มีมากขึ้นเท่านั้น          "นอกจากนี้ ยังต้องดูสถิติย้อนหลังด้วยว่า เขาเล่นกันมานานหรือยัง ประเมืนว่า เราอยู่ตรงไหนของกระบวนการปั่นหุ้น ไม่ใช้เขาเล่นมาเป็นอาทิตย์แล้ว ก็ใกล้ปลายทางหรือยัง" ชายผู้นี้ แนะนำ          หรือจะใช้เครื่องมือทางเทคนิคก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องมีวินัย โดยซื้อเมื่อมีสัญญาณบอกให้ซื้อ และต้องขายเมื่อมีสัญญาณบอกให้ขายเช่นเดียวกัน และที่สำคัญ คือ สัญญาณทางเทคนิคที่ได้ ควรจะเกิดขึ้นจากความรู้ของตัวเอง ไม่ใช้ฟังจาก "คนอื่น"          "เราฟังแต่คำแนะนำให้ซื้อ แต่หลังจากนั้นเมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนไป ซึ่งมันอาจจะรวดเร็วมาก แต่เราไม่มีใครมาบอกให้ขาย ความเสี่ยงมันก็อยู่ตรงนี้ นอกจากนั้น นักปั่นที่เชี่ยวชาญก็มักจะสร้างสัญญาณทางเทคนิคขึ้นมาหลอกนักลงทุนก็เป็นไปได้" ผู้คร่ำหวดแนะนำ          แต่ถ้าเราไม่ใกล้ชิดข้อมูล เป็นแค่ "คนวงนอก" แถมยังมึนทุกครั้งที่เห็นเส้นกราฟหลากสีสัน ก็ไม่ใช้เรื่องยากที่จะหากำไรจาก"หุ้นปั่น"          เอกยุทธ แนะนำวิธี "ดัดหลังเจ้ามือ" โดยที่นักลงทุนรายย่อยไม่จำเป็นต้องรู้ว่า หุ้นตัวนี้มีใครเป็นเจ้ามือ ไม่ต้องสนใจว่า ขาใหญ่คนไหนเล่นอยู่ เพียงแค่ คอยจับตามาดูว่า "หุ้นตัวไหนมีปริมาณซื้อขายมากผิดปกติ แต่ราคาไม่วิ่ง ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า ต้องมีการเล่นเกิดขึ้น หรืออยู่ๆ โดนทุบลงมา ลักษณะแบบนี้เจ้ามือเล่นเอง"          เมื่อพบความผิดปกติที่ว่านี้ ซึ่งจะเป็นช่วงสะสมหุ้นของนักปั่น(บอกแล้วว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่สำคัญที่สุด) ก็ให้เตรียมตัวเก็บตามได้เลย เอกยุทธ แนะนำว่า ต้องค่อยๆ ทยอยเก็บอย่าเก็บหนัก เพราะเจ้ามืออาจจะทุบราคารอบหนึ่งก่อน(กรณีที่เจ้ามือไม่ใช้เจ้าของหุ้น) หรือถ้ามีหุ้นนี้ในมือก็อย่ารีบขาย          แต่ก่อนที่จะรู้ถึงความผิดปกติ นักลงทุนจะต้องศึกษาประวัติของหุ้นตัวนั้นมาเป็นอย่างดี รู้พฤติกรรมในยามปกติ รู้ว่า หุ้นแบบไหนที่มักจะถูกปั่นหุ้น ซึ่งอาจจะศึกษาหุ้นในลักษณะนี้เพียง 10 ตัว จนรู้จักนิสัย พอนิสัยหุ้นตัวไหนเปลี่ยไป ก็เข้าได้เลย(โดยเฉพาะหุ้นที่ประวัติถูกปั่นมาก่อน เพราะนักปั่นมักทำเป็นรอบๆ)          จากนั้นก็รอเวลา โดย เอกยุทธ กล่าวว่า "จำไว้เลยว่า เจ้ามือมักจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นให้ถึง 100% เพราะฉะนั้นในระหว่างนั้นก็ปล่อยให้ราคาเพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับที่พอใจแล้วค่อยขายออกมา" แต่เขาบอกว่า สำหรับตัวเขาจะขยับเป้าหมายกำไรขึ้นตามราคาที่เพิ่มขึ้น และจะขายทันที่เมือ "หัวปักลง" หรือ ราคาปรับลดลง          เพียงเท่านี้ก็กำไรเห็นๆ เพียงแต่"อย่าโลภ" และอย่าทำตัวเป็น "เสือหวน" ที่ขายออกไป แล้ว ได้กำไรติดไม้ติดมือไปแล้ว พอเห็นราคาตกลงมานิดหน่อยก็เข้าไปซื้ออีกรอบ แล้วหวังว่า ราคาจะกลับไปที่จุดเดิม ทั้งๆ ที่เวลานั้นเป็นช่วงปล่อยของเสียแล้ว จึงไม่แปลกที่จะเห็นนักลงทุนจำนวนมาก "ติดหุ้น" อยู่ตรงนั้นเอง                    และที่สำคัญ คือ ถ้าพลาดไปแล้ว คือ ถ้าพลาดไปแล้ว โดยเข้าไปไม่ทันตั้งแต่ช่วงสะสมหุ้น หรือมารู้เมื่อราคาขั้นไปเกิน 10% แล้ว ก็อย่าเข้าไปยุ่งจนกว่าราคาหุ้นจะกลับมาที่จุดเริ่มต้น และเตรียมก่อตัวตั้งต้นการปั่นรอบต่อไป และถ้าเข้าไปแล้วรู้ตัวว่า พลาดไปแล้วก็ต้องรีบขายตัดขาดทุน(Cut Loss)          "รายย่อมมักหวังว่า ราคาจะกลับขึ้นมาอีกก็เลยไม่ยอม Cut Loss ลงไป 10% ก็ไม่ขาย 20% ก็ไม่ขาย แต่พอตกไป 50% ก็ขาย ไม่รู้ว่า ขายทำไม่ เพราะเจ้ามือเขาก็รู้อยู่แล้วว่า ที่ระดับนั้นรายย่อยต้องขายออกมา" เอกยุทธกล่าว          หวังว่า เทคนิคและวิธีการพวกนี้คงไม่ยากเกินไปสำหรับ "แมลงเม่า" อย่างพวกเรา แต่ถ้าจนแล้วจนรอดก็กลายเป็นเหยื่อเขาเสียทุกครั้งไป เห็นที่จะต้องกลับเนื้อกลับตัวไป"ลงทุน" ด้วยปัจจัยพื้นฐาน แทนที่จะวิ่งไปตามข่าวลือและแรงปั่น แล้วปล่อยให้ขาใหญ่เขาเล่ากันไปเองจะดีกว่า--จบ--          ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ จากคุณ : มาร์จนๆ - [ 28 ส.ค. 49 13:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับโหวตครับ จากคุณ : samsam - [ 28 ส.ค. 49 15:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณครับ  โดนใจมากเพราะติดอยู่เหมือนกัน  ผมเป็นมือใหม่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ  รอรอบใหม่ซึ่งอาจใช้เวลาแต่ตอนนี้ราคามันทรงๆแล้ว จากคุณ : rujinis (Rujinis) - [ 28 ส.ค. 49 17:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากๆๆๆเลยครับ ติดอยู่เหมือมกันครับแต่ไม่มากครับ ศึกษามานานประวัติของหุ้นปั่น Picni  Bnt จนมาถึง IEC ปัดจุบัน เงินไปกับมันไม่ใช้น้อยๆ 2 ตัวแรกเงินไปกับมันเต็มๆเลย จากคุณ : MR.สบาย - [ 28 ส.ค. 49 18:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วทำม้าย ทำไมชอบกันนัก ราคาจะไปไหนก็ไม่ไป ยึกยักขึ้นๆลงๆ ถ้าเก็บหุ้นดีๆ อย่างโฮมโปร หรือ น้องมินต์ ถ้าเก็บไว้ตั้งแต่สามบาท ตอนนี้ก็กำไรไปเกือบๆสามเท่าแบบไม่ต้องเฝ้าหุ้นด้วย ไม่เข้าใจจริงๆ จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 28 ส.ค. 49 18:15:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : เด็กน้อย - [ 28 ส.ค. 49 19:23:23 A:125.24.151.101 X: TicketID:028676 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบตุณครับ จากคุณ : wtk (nbpwt) - [ 29 ส.ค. 49 02:55:15 ]