ความคิดเห็นที่ 1 แจ้งความ   ตำรวจเชิญตัวคู่กรณีไปโรงพัก ไกล่เกลี่ย  ให้ชดใช้ ถ้าโชคดีคู่กรณี  กลัวตำรวจยอมจ่ายหรือผ่อนจ่ายก็ดีครับ แต่ถ้าโชคไม่ดี คู่กรณีหัวหมอ  หรือไม่มีจริงๆ เป็นแค่คดีแพ่ง สุดท้ายตำรวจ  จะเสนอให้ไปฟ้องร้องต่อศาลครับ ตามกฎหมายไม่มีการสั่งจำคุก  หากมูลหนี้ต่ำกว่า5หมื่น หากเกิน5หมื่น  น่าจะนับเป็นคดีอาญาได้ เคยเจอแบบนี้  ไม่รู้ถูกตำรวจหรอกมาหรือเปล่าครับตั่วเฮีย จากคุณ : P_ปรัชญา - [ 6 ก.ย. 49 10:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องกฏหมายนี่ ซันนี่ไม่รู้ แต่เรื่องโดนโกงนี่ โดนมาเยอะ ทุกวันนี้ ยังลอยหน้า ลอยตา อยู่เลย แบบว่า ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เซ็งเหมือนกัน จากคุณ : ม่ายสาว-พราวเสน่ห์ - [ 6 ก.ย. 49 10:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณข้อมูลของคุณปรัชญา คงไม่เอาเรื่องกันถึงโรงพักครับ เกิดมายังไม่เคยแจ้งความเรื่องอะไร นอกจากเรื่องของหาย ผมแค่ต้องการเอาที่อัดเสียงไว้ ขู่เพื่อนที่ยืมเงินครับ มันเสียความรู้สึกที่ดีจริงๆ ลองอ่านที่ผมจะโพส แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 49 10:43:31 จากคุณ : endophine - [ 6 ก.ย. 49 10:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 6 ก.ย. 49 10:45:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พี่คลายเครียดลองดูอันนี้นะครับ ป.พ.พ. มาตรา 653 การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาท ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ อย่างใดอย่างหนึ่ง ลงลายมือชื่อผู้ยืมเป้นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ในการกู้ยืมมีหลักฐานเป้นหนังสือนั้น จะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อ มีหลักฐานเป้นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงรายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดง หรือเอกสารอัเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้ว หรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้ว ในการฟ้องเรียกเงินที่กู้ยืมคืน กฎหมายต้องการหลักฐานเป็นหนังสือ จึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ mp3 ไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือ ต้องห้ามมิให้รับฟังตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 94 แต่หลักฐานเป้นหนังสือนี้มันไม่จำต้องมีในขณะทำสัญญากู้ เพราะมิใช่แบบแห่งสัญญา แต่ต้องมีก่อนฟ้องคดี เฮียก็ทำหนังสือรับสภาพหนี้ ให้เขาเซ็น อย่างนี้ก็มีหลักฐานเป็นหนังสือแล้วครับ หรือจะเขียนสัญญากู้ เขียนแบบไม่ใช่เป็นตราสารก็ได้ จะได้ไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ เขียนว่า (ชื่อผู้กู้) กู้ยืมเงินคุณคลายเครียดไป .....บาท จะใช้คืนเมื่อ...... ลงชื่อ (ชื่อผู้กู้) แค่นี้ก็เป็นหลักฐานการกู้ยืมแล้วครับ จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 6 ก.ย. 49 10:56:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อยากช่วย แต่ผมไม่รู้กฏหมายครับเฮีย เก็บเลยดีไหมครับ แหะๆ เก็บ ไว้เตือนใจนะครับเฮีย ผมเองมองย้อนๆไปในอดีต มีบางกรณีที่ทำให้เสียเพื่อน ก็เพราะการยืมเงิน สมัยก่อน 500บาทก็มากโข สำหรับเด็กที่ยังแบมือ ขอเงินพ่อแม่ มองกลับไป บางทีผมกลับคิดว่ามิตรภาพจะสำคัญกว่า เงินจำนวนนั้น(ที่คิดว่ามากในตอนนั้น) คงแล้วแต่กรณีๆไปครับเฮีย ของเฮีย หากไม่ได้มีเรื่องต้องรักษาน้ำใจกันแล้ว ต้องขู่ครับ ไม่ได้ขู่แจ้งความ แต่ขู่ประจานไปยังจุดที่เขาจะอาย จะกลัว เช่นญาติ  พ่อแม่  ที่ทำงาน เจ้านาย ฯลฯ หรือใช้บริการทวงหนี้ แบบมีมอร์ไซด์ไปเอาโซ่ ล่ามประตูบ้าน (ผมเคยมีเพื่อนทำอาชีพแบบนี้) จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 6 ก.ย. 49 11:00:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ แหะๆ พี่ทวนมาตอบแบบได้เรื่องได้ราว จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 6 ก.ย. 49 11:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้ามีเป็นเช็คที่ผู้ยืมสั่งจ่ายแล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายก็อนุโลมใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ครับ จากคุณ : ปัต (ปัต) - [ 6 ก.ย. 49 11:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ่าน คคห..6 โธ่นึกว่า มาเฟียมาเอง เฮ้อ.............อิอิ จากคุณ : ม่ายสาว-พราวเสน่ห์ - [ 6 ก.ย. 49 11:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เช็คไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินนะครับ เหตุผลเพราะตัวเช็คเองก็ไม่มีข้อความที่พอจะให้เห็นว่าเป้นการกู้ยืมเงิน ทั้งไม่มีถ้อคำทำนองให้เห็นว่าจะใช้คืนเมื่อไหร่ อีกทั้งตัวเช็คเองก็ไม่รู้ว่าออกชำระหนี้อะไร จึงไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 6 ก.ย. 49 11:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 . จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 6 ก.ย. 49 11:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้ามีเป็นเช็คที่ผู้ยืมสั่งจ่ายแล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายก็อนุโลมใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ครับ      จากคุณ : ปัต (ปัต) - [ 6 ก.ย. 49 11:12:04 ] อย่างนี้ก็ต้องดำเนินคดีเช็คครับ คดีอาญา หรือเรียกให้ชำระเงินตามเช็ค ตามมาตรา 900,914 ประกอบ 960 แต่จะเรียกตามสัญญากู้ยืมไม่ได้ เพราะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ หยุดอยู่แค่มาตรา 653 วรรคแรก ไม่มีทางผ่านมาถึง 653 วรรคสอง ดังนี้หากลูกหนี้ออกเช็คชำระหนี้เงินกู้ แล้วเช็คเด้งดึ๊งๆๆ ก็ต้องฟ้องเรียกเงินตามเช็คเอาครับ โดยไม่ต้องฟ้องเป็นคดีเงินกู้ แต่ถ้าให้เงินกู้ลูกหนี้โดยออกเช็คให้ไป แต่ลูกหนี้ยังไม่ใช้เงินกู้ ดังนี้เมื่อไม่มีหลักฐาน ก็ยังฟ้องไม่ได้ จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 6 ก.ย. 49 11:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทำแนะนำของคุณทวนลมเรโชและคุณปัตครับ เรื่องเงินให้ยืม   มันมีที่มาอย่างนี้ครับ เมื่อประมาณสามเดือนก่อน  ตอนปลายเดือน อยู่ๆก็ได้รับโทรศัพท์ จากเพื่อนนักเรียนผู้หญิง ซึ่งไม่เคยเจอหน้ากัน ไม่เคยติดต่อกัน มาสามสิบปีกว่าปี    สามสิบกว่าปีจริงๆ มาเจอแค่ครั้งเดียว  ในงานศิษย์เก่าเมื่อปลายปีที่แล้ว เขารู้เบอร์โทรศัพท์ จากหนังสือศิษยเก่าที่แจก ในงานศิษย์เก่า คุยกันไม่ถึงห้านาที ผมชวนคุยไปตามมารยาทสังคม เพราะสมัยเรียนหนังสือห้องเดียวกัน ก็ไม่ได้สนิทกันเลยแม้แต่นิดเดียว เธอเอ่ยปากขอให้ช่วยเรื่องเงินแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  !!!!   บอกว่าหาใครไม่ได้แล้วจริงๆ จำเป็นต้องใช้เงิน  อย่างเร่งด่วนที่สุด ภายในวันนี้ (วันสิ้นเดือน) อ้างเรื่องเอาเงินไปให้น้องสาวเล่นหุ้นแล้วเจ๊ง (ฟังดูก็รู้ว่าโกหก) แต่ที่ทำให้เสียรู้คือ เธออ้างว่า ได้เอาเงินของบริษัทซึ่งต้องจ่ายให้กับเจ้าหนี้มาหมุน แล้วหมุนเงินไม่ทัน  ขาดแค่หมื่นเดียวเท่านั้น จะต้องเอามาเงินเข้าบัญชีให้เจ้าหนี้ภายในวันนั้น "รับรองว่า  ก่อนสิ้นเดือนหน้า  จะคืนเงินให้อย่างแน่นอนที่สุด ขอร้องจริงๆ  ไม่รู้จะบากหน้าไปให้ใครช่วยอีกแล้ว" เธออ้างด้วยว่า เรื่องแบบนี้จะบอกให้สามีและลูกรู้ไม่ได้เป็นอันขาด (แล้วมาบอกให้ KU รู้ทำไมวะ ) โอดโอยขอความช่วยเหลือมาทางโทรศัพท์ อีกพะเรอเกวียนจนผมชักแกว่ง เพราะว่า "เราดันไปจำภาพเก่าๆ  ที่เขาเป็นคนเรียบร้อย เรียนเก่ง ตอนเจอในงานศิษย์เก่า  ก็ดูเป็นคนซื่อๆ ไม่มีพิษมีภัยอะไร" ตอนนั้นลังเลอยู่นาน  เพราะไม่แน่ใจเลยว่า ที่เขาเล่ามาจะเป็นเรื่องจริง แต่แวบหนึ่งที่ทำให้พลาดก็คือ ไปคิดแบบ ใจเขาใจเรา แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงหละ จะว่าไง เงินหมื่นเดียว  อาจจะช่วยคนไม่ให้ต้องตกงาน เพราะยักยอกเงินบริษํท ลงท้ายก็คือ ผมตัดสินใจเลือกวิธี โอนเงินผ่านทางเอทีเอ็ม เข้าไปยังบัญชีเจ้าหนี้ซึ่งเขาให้เลขที่บัญชีมาทางโทรศัพท์ และบอกว่า  เจ้าหนี้การค้ากำลังรอเงินโอนภายในวันนั้น มันเป็นบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชี ผมรีบโอนให้ โดยมีแค่สลิบเอทีเอ็มเป็นหลักฐานการโอนเงินเท่านั้น ขี้เกียจไปรอเข้าคิวโอนผ่านเคาเตอร์ เรียกว่าพลาดซ้ำซาก   เพราะความเชื่อใจในภาพเก่าๆของคน พอสิ้นเดือน  ผมรีบโทรไปทวงทันที ให้รีบโอนเงินมาคืน อ้างว่าจะใช้ซื้อหุ้น คำตอบที่ได้  เริ่มออกอาการเอ็นพีแอล ยังไม่มีจ๊ะ  มีเรื่องด่วนที่ต้องใช้เงิน ขอเวลาอีกเดือนก็แล้วกันนะ ตอนที่ได้ยินคำตอบมาทางโทรศัพท์ ยอมรับว่า  ลมออกหู นึกในใจ "ทำแบบนี้ได้ไง  KU ช่วยมืง โดยที่ไม่ได้อะไรเลย สนิทกันซักนิดก็เปล่า แค่เคยเป็นเพื่อนนักเรียนห้องเดียวกัน และถ้าภรรยารู้เรื่องเข้า   จะตอบว่าไง ยังไม่รู้เลย" ตอนนั้นเลยต้องให้ยืมแบบลับๆล่อๆ   พร้อมกับกำชับว่า ห้ามโทรมาติดต่อที่บ้าน จะเป็นคนโทรไปหาเอง แต่อ้อยมันเข้าปากช้างแล้ว ที่ทำได้ หลังจากเขาผิดนัดก็คือ โทร โทร และโทรทวงเงิน เพราะผมก็ไม่รู้ว่า  ไอ้เพื่อนนักเรียนตัวแสบ บ้านอยู่ที่ไหน   จะลองขู่ ด้วยการบอกว่า จะโทรไปหาสามีเขาที่บ้าน เปิดหนังสือศิษย์เก่าดูก็หงายหลัง มีแต่ที่อยู่  ไม่มีเบอร์โทรศัพท์บ้าน ในที่สุด  หลังจากผิดนัดมาหนึ่งเดือน เขาก็โอนเงินเข้าบัญชีให้ ห้าพันบาท บอกว่า ขอแค่นี้ก่อนนะ  จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ เอาว่ะ  ความหวังเริ่มเรืองรอง เดี๋ยวคงได้ครบเอง พอถึงกำหนดที่เขารับปากไว้ว่า จะคืนเงินที่เหลืออีกห้าพันบาท โทรมือถือ เริ่มโทรไม่ติด  โทรติดก็ไม่มีคนรับ ผมเลยใช้วิธีเปลี่ยนเบอร์โทรฯ พอเขาเผลอรับเบอร์ใหม่ๆทีไร   ก็จะอ้างร้อยแปดพันเก้า สรุปได้ว่า   ยังไม่จ่ายว่ะ   รอไปก่อนนะ ก็เลยรอมาเป็นเดือนที่สาม เข้าเดือนที่สี่แล้ว มานั่งคิดดู  การกระทำแบบไม่รับผิดชอบ แปลงน้ำใจของเพื่อนให้เป็นความโง่ของเพื่อน มันส่งผลร้ายอย่างแน่นอน ต่อไปนี้  คงไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว และคิดจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด เมื่อคืน ที่คิดได้ก็คือ จะใช้โทรศัพท์เบอร์ใหม่ๆ โทรไปทวงเงิน พอเขาเอ่ยปากผลัดผ่อนหนี้ ก็จะขู่ว่า   จะเอาเสียงที่อัดไว้นั้น ไปฟ้องตามกฏหมาย พอมาอ่านที่คุณทวนลมเรโช  กรุณาชี้แนะไว้ ก็คงต้องทำใจแล้วหละ  หนี้สูญแหงๆ ต่อไปนี้  จะตัดแปะไว้ในสมองเลยว่า สำหรับเพื่อนๆ  และคนรู้จัก "คุยกันได้ทุกเรื่อง  นอกจากเรื่องเงิน" ภาษิตจีนนี่ขลังมากๆ "เจียะจี่กง  ทอจี่โน๊ว" ตอนให้ยืมเงิน  เราเป็นเจ้านาย ตอนทวงเงิน เราเป็นขี้ข้า แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 49 11:48:58 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 49 11:41:45 จากคุณ : endophine - [ 6 ก.ย. 49 11:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 .......เงินเราจ้างเขาให้เป็นศัตรู...... จากคุณ : คาซีโอเพย่า. - [ 6 ก.ย. 49 11:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สงสัยต้องแทงเป็นหนี้สูญแล้วละครับ เจ้าตัวคนยืมคงอยากบอกว่า คืนแล้วตั้งครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งขอกันกินแน่ๆ เลย ต้องกล้าทวงไปเรื่อยๆ ครับ ทางที่ดีไปทวงแบบเจอหน้า ต้องพยายามสืบให้ได้ว่า ทำงานที่ไหนนะครับ หรือบังคับผ่อนเดือนละพัน ก็ยังดีครับ บางทีเจ๊แกอาจหมุนเงินเป็นระวิงก็ได้ ผ่อนน้อยๆ ค่อยๆ ผ่อน จะมีโอกาสได้คืนมากกว่าครับ จากคุณ : ขอบฟ้า จันทรา ดาบ - [ 6 ก.ย. 49 11:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ก็เรียบๆ เคียงๆ ให้เขายอมเซ็นหนังสือรับสภาพหนี้ หรือทำสัญญากู้ แล้วให้เขายอมเซ็นให้หน่อย หว่านล้อม บอกเราเดือนร้อน ทีนี้ช่วยเราบ้าง ฯลฯ มีที่อยู่แล้ว ไปดักให้เซ็นถึงบ้านเลยครับ เขากล้าหนี้ เราก็ต้องกล้าทวงครับ ขอแค่ลายเซ็นเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 49 12:12:24 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 49 12:10:37 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 49 12:02:28 จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 6 ก.ย. 49 11:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมคิดว่า เขาคงไม่ยอมทำสัญญาหรอก คุณทวนลมฯ และผมก็คงไม่อยากเสียเวลา ทำกันถึงขนาดนั้นด้วย ล่าสุดโทรฯขู่ว่า จะประจานให้เพื่อนนักเรียนด้วยกันรู้เรื่อง เขาก็บอกมาทางโทรศัพท์แบบเสียงเรียบๆสบายๆว่า รออีกนิดนะ ตอนนี้ต้องใช้เงิน กำลังรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ได้ยินแล้วอึ้งเลย  ไม่รู้เรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง เออ  เดี๋ยวเดือนหน้า คงจะเป็นโรคผิวหนังบนใบหน้าอักเสบจนด้านหนา รู้งี้เชื่อวินมอเตอร์ไซด์แถวบ้านก็ดี เขาติดป้ายไว้ "คุยได้ทุกเรื่อง นอกจากเรื่องเงิน" จากคุณ : endophine - [ 6 ก.ย. 49 12:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องเงินเรื่องทองพูดลำบากครับ ผมเปิดกิจการขายของ ครั้งแรกๆ  ลูกค้าก็จะซื้อเงินสด  ต่อมาก็ของวดชนงวด สุดท้ายเบี้ยว  ผมเลยคิดว่าเป็นเงินจ้างเขาหนี ไม่ให้มาหาเราอีก โทรไปทวงครั้งแรกๆก็ผลัดผ่อน หลายๆครั้งเจอเขาด่ากลับหาว่าเราพูดไม่รู้เรื่องอีก แบบตั่วเฮียว่า อะไรๆก็ปรึกษากันได้ แต่เงินในกระเป๋าเราอย่าให้เขาไป แก้ไม่ตก จากคุณ : P_ปรัชญา - [ 6 ก.ย. 49 13:28:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อิอิ   มีโอกาสควรบอกต่อๆ เพื่อนร่วมรุ่นครับเฮีย อาจเจอว่า "อั๊วก็โดนเหมือนลื้อ" จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 6 ก.ย. 49 14:06:03 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เหมือนเฮียปรัชญาเปี๊ยบเลย คนค้าขาย  ต้องแทงหนี้สูญอยู่เป็นประจำ เมื่อให้ค้างบัญชี เหมือนกับจ้างเค๊าไม่ให้มาซื้อของเราอีก ตอนนี้ก็เลยไม่เปิดบัญชีลุกค้าหน้าใหม่ๆ เฮียเอ็นโดครับ ผมว่า ให้สบายใจ ผมเองคิดแบบนี้ครับ เมื่อเพื่อนเอ่ยปากยืมเงิน ดุแล้ว ตัดสินใจว่า ให้ยืม แต่ในใจคิดว่า ให้ไปเลย เพื่อนคืนมาก็ กำไร ไม่คืน ก็  ถือซะว่าให้ไป สบายใจดีครับ ผู้ใหญ่ท่านเคยสอนเราแบบนี้ครับ เผ่ง อิ้ว ผัวย  เก้า จี๊...  จิ่ว ไจ๋ (ไม่รู้ว่าใช่สำนวนถูกต้องหรือเปล่า  ชักลืมๆแล้ว ) จากคุณ : ธราธิป - [ 6 ก.ย. 49 14:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ของคุณปรัชญา กับคุณหมู เข้าข่ายหนี้การค้า ส่วนของผม ไม่รู้จะเข้าข่ายหนี้อะไร จะว่าเป็นเพื่อนที่สนิทสมัยเรียน  ก็ไม่ใช่เลย แค่รู้จัก  เจอหน้ากันนอกโรงเรียน  ก็ทักทายกันเท่านั้น เรื่องบางเรื่อง พอเราย้อนกลับไปคิดๆดู  ก็ยังงงๆ เราให้ยืมไปได้ไงวะเนี่ย ที่แท้ภาพลักษณ์ที่ดีๆของคน ที่เราเคยมีอยู่แต่เดิม มันมีส่วนในการตัดสินใจของเรา ยังไงผมก็คงต้องหาทางอัดเสียง ให้เขาเอ่ยปากรับสภาพหนี้ มาทางโทรศัพท์ให้ได้ อย่างน้อยๆ  ก็เอาไว้เป็นหลักฐานยืนยันว่า เขายืมเงินไปจริงๆ  จะคืนหรือไม่คืนก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่งั้นเดี๋ยวกลายเป็นว่า ต้นทุนทางสังคมเขาดีกว่าผม หลักฐานอะไรก็ไม่มีซักอย่าง กุเรื่องขึ้นมาหรือเปล่า คุณเตวี่ ผมก็เสียวๆอยู่เหมือนกัน พอบอกออกไปแล้ว   เพื่อนจะร้อง "อ้าว  มืงก็โดนเหมือนกันเหรอ" แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 49 14:39:08 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 49 14:37:20 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 49 14:35:06 จากคุณ : endophine - [ 6 ก.ย. 49 14:33:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณเต่าหยวนเปียวครับ ถูกยืมเงิน คิดว่าเรื่องแบบนี้ ในชีวิตหนึ่ง น่าจะได้เจอกันแทบทุกคน สังเกตุภาษิต วินมอเตอร์ไซด์หน้าปากซอยเฮียเอ็นโด จากคุณ : ธราธิป - [ 6 ก.ย. 49 14:34:41 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีครับพี่หมู   หลังๆมานี่ ผมไม่โดนเพื่อนยืมตังค์ แต่มักโดนครูของลูกชาย 2กรณีละครับ กรณีแรก5ปีก่อน ให้ช่วยทำประกันแบบฝาก(เพื่อทำยอด) หนึ่งแจ๋น ได้ดอก3% หลอกผมว่าฝาก5ปีขอคืนได้ พอเอาจริงครบ5ปี  จะเอาคืน เขาคืนให้8.5หมื่น ..เอื๊อก กรณีสอง ครูฝึกพูด อีกคน(สนิทกว่า) ดีว่าผมใจแข็ง ขอยืมด่วน ภายในวัน 2แสน  เนื่องจาก น้องชายขับรถชนคน  ต้องเอาเงินไปให้ที่โรงพัก จะคืนให้เดือนหน้า (พอดีครบ จะได้เงินอะไรซักอย่าง) พอดีผมคิดได้ เฮ้ยสามีแก รวยนี่หว่า มีคอนโดให้เช่า จะมาขอความช่วยเหลือผมทำไม พอสอบถามไป ครูบอกว่า สามีตัวดี ยังเอาตัวไม่รอดเลย เล่นพนันบอลเป้นหนี้สินรุงรัง เฮ้อ  ผมไม่เอาดีกว่า กล้วตอนทวง   จะเป็นขี้ข้า แบบเฮียว่า โม้ซะยาว ลืมไปรับลูกเลย แว้บบบบบบ จากคุณ : เต่าหยวนเปียว - [ 6 ก.ย. 49 14:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ++++ เท่าที่สังเกตุ มนุษย์ปุถุชนทุกคนรักศักดิ์ศรี(รวมตัวเองด้วย) เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า แต่ต้องไม่เสียรู้(เจ็บใจมาก ถ้ารู้ว่าเราเสียเหลี่ยมเขา)  จริงๆแล้วการยึดติดทำให้ตัวเราเองเป็นทุกข์.... ++++ ประเด็นของเฮียเอ็นโด้ จริงๆแล้วระดับเฮียเงินแค่5พันคิดว่าจิ๊บจ้อยมาก ถ้าจะให้ดีและสบายใจกับตนเอง ให้คิดเสียว่า ทำทานหรือชดใช้หนี้ติดค้างแต่ปางก่อน หรือไม่ก็คิดว่าซื้อหุ้นผิดตัว(จ่ายค่าโบรค) เรื่องราวต่างๆก็จะไม่รกในสมอง จริงไหม? ถ้าจำไม่ผิดเฮียเคยเล่าเรื่องราวของพี่สาวให้พวกเราได้รับทราบในนี้ด้วยนะครับ เออ! แล้วเฮียจะเห็นด้วยกับผมไหมนะเนี่ย! โทษที คงไม่ว่ากันนะครับบบบบบบบบบ   จากคุณ : ลุค - [ 6 ก.ย. 49 15:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีครับ คุณเต่าหยวนเปียว ขอโทษทีครับ คุณเต่าหยวนเปียวเคยโพสในทำนองที่ ต้องให้คนอายุมากกว่า สวัสดีก่อน ผมจึงปฏิบัติตาม ไม่ได้ เอ่ยคำว่า สวัสดีไป หวังให้เป็นธรรมชาติ กลับกลายเป็น คุณเต่าหยวนเปียว เอ่ยสวัสดีก่อน ก็เลย ความรู้สึกอันนั้น กลายมาอยู่ที่ผมแทน ตกลงเป็นว่า เป็นไปตามปกติก็แล้วกันนะครับ ไม่ต้องเอ่ยแล้ว   เจอกันผมเองรู้สึก ยินดี ดีใจมากๆแล้วครับ ลุยเลย นะครับ   สวัสดี อาจารย์ลุคครับ จากคุณ : ธราธิป - [ 6 ก.ย. 49 15:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณครับอาจารย์ลุค จากคุณ : endophine - [ 6 ก.ย. 49 15:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีครับ พี่endophine ขอโทษครับที่ตอบช้า ปกติผมจะเข้ามาอ่านประมาณสี่ทุ่ม ขอตอบเท่าที่พอจะมีความรู้ครับ เรื่องของการยืมเงินจำนวนเกิน50บาทกฎหมายกำหนดว่าต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรและมีการลงนาม แต่ผมเคยอ่านพบกรณีคล้ายกับของพี่endophine ยังพอมีทางแก้ครับ โดยเมื่อกฎหมายบังคับให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรและมีการลงนาม ทางแก้คือ พี่endophineต้องเขียนจดหมายทวงเงินครับ โดยจะต้องเรียบเรียงคำพูดอย่างไรก็ได้จุดประสงค์หลักคือให้ลูกหนี้ตอบจดหมายเรากลับมาโดยมีการอ้างถึงจำนวนเงินที่กู้ยืม และให้มีรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะหลงกลพูดถึงในจดหมายตอบ ยิ่งกรณีของพี่endophineที่เขาคืนมาแล้วห้าพัน พี่ต้องให้เค้าเขียนมาในจดหมายด้วยว่า คืนมาแล้วห้าพัน เพราะจะทำให้หลักฐานว่าเขาได้ยืมเงินไปจริงยิ่งแน่ชัดขึ้น เขียนวกวนขอสรุปว่าอย่างนี้ครับ พี่ต้องหลอกให้เขาเขียนจดหมายตอบมาถึงพี่โดยมีสาระที่พอสรุปได้ว่า ได้ยืมเงินไปหนึ่งหมื่นและคืนมาแล้วห้าพัน คำพูดไม่ต้องตรงตัวก็ได้ครับ กฎหมายดูที่เจตนาเป็นหลักครับ คำเตือน!!!ก่อนจะนำไปเป็นหลักฐานฟ้องศาล โปรดปรึกษาทนายก่อนครับ เพราะผมเป็นเด็กเหลวไหล ลงเรียนนิติ มสธ.ได้ปีเดียวก็ทิ้งซะแล้วครับ แต่ถ้าจะเอาจดหมายที่ได้ไปใช้บลัฟให้เขียนคำสารภาพไว้ที่ตำรวจก็น่าจะดีกว่าครับ หากเป็นประโยชน์กับท่านเจ้าสำนักบ้าง ข้าพเจ้าก็ยินดียิ่ง จากคุณ : ManInBlack (ID_Number_070) - [ 7 ก.ย. 49 00:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ^ กฎหมายแก้ไขใหม่แล้วนะครับ กู้ยืมเงินกว่า 2000 บาทนะครับ ไม่ใช่ 50 บาทแล้ว (พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2548) จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 7 ก.ย. 49 10:10:05 ]