ความคิดเห็นที่ 1 เช่าซื้อ (Hire Purchase) ไม่ใช่ High purchase นะ คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่า และให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินนั้นหรือว่าให้ทรัพย์สินตกเป็นสิทธิ แก่ผู้เช่า โดยเงื่อนไขที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว ส่วน leasing มันไม่มีใน ป.พ.พ. นะ ไม่ใช่เอกเทศสัญญา เป็นสัญญาทางธุรกิจที่ให้ผู้ที่ต้องการเช่าซื้อแบบลิสซิ่ง ทำคำเสนอไปยังบริษัทที่ทำธุรกิจลิสซิ่งซื้อทรัพย์ที่ต้องการให้แทน โดยมีข้อตกลงว่าเมื่อซื้อมาแล้วก็จะให้ผู้ที่ทำคำเสนอเช่าทรัพย์นั้น และให้สิทธิที่ซื้อทรัพย์นั้นก็ได้เมื่อชำระค่าเช่าเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว เดี๋ยวจะค้นจากคำพิพากษาศาลฎีกาให้อีกที ไม่รู้จะมีในสารบบหรือเปล่า รอแป๊บ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 49 11:07:26 จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 26 ก.ย. 49 11:03:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 hire purchase เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน ที่เช่าซื้อจะเป็นของผู้เช่าซื้อ (ลูกค้า) leasing เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่า กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน เป็นของผู้ให้เช่า (บริษัท) จากคุณ : คืนหนึ่ง - [ 26 ก.ย. 49 11:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากครับ ผมยังสงสัยอีกประเด็นน่ะครับคือในทางกฏหมายจะพูดถึงการระบุผู้ครอบครอง กับผู้ถือกรรมสิทธิ์แยกออกจากันหรือเปล่าครับ ถ้าแยกแล้ว hire purchase กับ leasing จะถือว่าใครเป็นผู้ครอบครองครับ จากคุณ : เชิญเถอะ...ถ้าเธอคิดถ้วนถี่ - [ 26 ก.ย. 49 11:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พี่ๆคนไหนมีข้อมูลอื่นๆอีก รบกวนชี้แนะด้วยนะครับ :) จากคุณ : เชิญเถอะ...ถ้าเธอคิดถ้วนถี่ - [ 26 ก.ย. 49 11:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เจออยู่ในหมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๙๕๙/๒๕๔๔ วินิจฉัยว่า leasing เป็นสัญญาเช่าทรัพย์สิน ที่ผู้เช่ามีสิทธิ "เลือกซื้อ" ทรัพย์สินเมื่อครบกำหนดระยะเวลาเช่า ลองอ่านดู หมายเหตุ การเช่าทรัพย์สินแบบลิสซิ่ง (Leasing) เป็นการเช่าที่ผู้เช่ามีสิทธิ เลือกซื้อทรัพย์สินที่เช่าเมื่อครบกำหนดเวลาเช่า การเช่าแบบนี้เป็นการเช่าระยะยาว ในประเทศไทยนิยมใช้กันอยู่ 2 วิธี คือ 1. การเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) และ 2. การเช่าทางการเงิน (Financing Lease) การเช่าวิธีที่ 1 ผู้เช่าไม่มีสิทธิเลือกซื้อทรัพย์สินที่เช่าเมื่อครบกำหนด เวลาเช่า และทางบัญชีถือว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่ายังคงเป็นของ ผู้ให้เช่า ค่าเช่าที่จ่ายไม่ถือเป็นค่าใช้จ่ายของผู้เช่าต่างกับการเช่าวิธีที่ 2 ที่ผู้เช่ามีสิทธิเลือกซื้อทรัพย์สินที่เช่าเมื่อครบกำหนดเวลาเช่า และ ทางบัญชีถือว่าทรัพย์สินที่เช่าเป็นทรัพย์สินของผู้เช่าเมื่อมีการส่งมอบ แต่ตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการเช่าวิธีที่ 1 หรือวิธีที่ 2 ถือว่าทรัพย์สิน ที่เช่าเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่า เพียงแต่ให้สิทธิผู้เช่าเลือกซื้อทรัพย์สินเช่า การให้สิทธิผู้เช่าเลือกซื้อทรัพย์สินที่เช่าทำให้เกิดปัญหาว่าสัญญาเช่า ทรัพย์สินแบบลิสซิ่งซึ่งเป็นสัญญาเช่าทรัพย์หรือสัญญาเช่าซื้อ เฉพาะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 สัญญาเช่าซื้อ คือสัญญาซึ่งเจ้าของเอาทรัพย์สินออกให้เช่าและให้คำมั่นว่าจะขาย ทรัพย์สินนั้น หรือว่าจะให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่าโดยเงื่อนไข ที่ผู้เช่าได้ใช้เงินเป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว การที่ผู้เช่ามีสิทธิเลือกซื้อ ทรัพย์สินที่เช่าแสดงว่าผู้ให้เช่าให้คำมั่นว่าจะขายทรัพย์สินที่เช่าแก่ผู้เช่า จึงมีผู้เห็นว่าสัญญาเช่าแบบลิสซิ่งเป็นสัญญาเช่าซื้อ มิใช่สัญญาเช่าทรัพย์ แต่ผู้เขียนเห็นว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 368 สัญญานั้นต้องตีความให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคู่สัญญา หาควร ที่จะตีความไปในทางจำกัดสิทธิจนเป็นการลิดรอนเจตนาของคู่กรณี เมื่อสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาที่มีบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่คู่สัญญาไม่ทำเป็นสัญญาเช่าซื้อ แต่ทำเป็นสัญญาเช่าแบบลิสซิ่งซึ่งเป็นสัญญาที่เกิดขึ้นหลังสัญญาเช่าซื้อ จากทางปฏิบัติของธุรกิจ ทั้งสัญญาเช่าซื้อนั้นผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญา ในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ ด้วยการส่งมอบทรัพย์สินกลับคืนให้แก่เจ้าของ โดยเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573) แต่สัญญาเช่าแบบลิสซิ่ง ผู้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่า ก่อนครบกำหนดเวลาเช่าไม่ได้ ก็แสดงว่าคู่สัญญาไม่มีเจตนาที่จะทำ สัญญาเช่าซื้อ ฉะนั้น สัญญาเช่าแบบลิสซิ่งจึงไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ แต่เป็นสัญญาเช่าทรัพย์อย่างหนึ่ง เมื่อทรัพย์สินที่เช่าเป็นสังหาริมทรัพย์ จึงไม่ต้องเสียอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรฯ คำพิพากษาศาลฎีกา คดีนี้จึงชอบแล้ว และเป็นการเดินตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8810/2543 (ประชุมใหญ่) ที่วินิจฉัยว่า "สัญญาเช่าแบบลิสซิ่งไม่ถือเป็นสัญญาเช่าซื้อ แต่ถือเป็นสัญญาเช่าทรัพย์จึงไม่ต้องปิดอากรแสตมป์ในเมื่อเป็นการเช่า สังหาริมทรัพย์" อนึ่ง กรมสรรพากรควรจะเสนอแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากรฯ เพื่อกำหนดให้สัญญาเช่าแบบลิสซิ่งต้องเสียอากรแสตมป์ เพราะนอกจากจะเพิ่มรายรับให้แก่รัฐบาลแล้ว ยังเป็นการป้องกันมิให้มีการ หลีกเลี่ยงภาษีอากรโดยการทำสัญญาเช่าแบบลิสซิ่งแทนสัญญาเช่าซื้อ ผู้เขียนหมายเหตุ ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 26 ก.ย. 49 11:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ค.ห. 3 hire purchase หรือเช่าซื้อ มันก็คือสัญญาเช่า + คำมั่นจะให้ทรัพย์สินที่เช่าตกเป็นสิทธิแก่ผู้เช่า เมื่อใช้งเินจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราว ดังนั้นตราบใดที่ยังใช้เงินจำนวนเท่านั้นเท่านี้คราวไม่ครบ กรรมสิทธิ์ก็ยังอยู่กับผู้ให้เช่าซื้ออยู่ตราบนั้น ผู้เช่าซื้อเป็นเพียงผู้ครอบครองทรัพย์สินที่เช่าซื้อ แต่ยังไม่เป้นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ส่วนลิสซิ่งก็เหมือนกัน มันเป็นสัญญาเช่า ที่มีข้อตกลงว่าผู้เช่าสามารถซื้อทรัพย์สินนั้นได้ เมื่อครบกำหนดอายุสัญญาเช่า ดังนั้นกรรมสิทธิ์ก็ยังอยู่กับผู้ให้เช่า ผู้เช่าก็เป็นเพียงผู้ครอบครองทรัพย์สินตามสัญญาลิสซิ่ง จากคุณ : ทวนลมเรโช - [ 26 ก.ย. 49 11:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 hire purchase เช่าซื้อ leasing lease ให้เช่า ต้องการเปรียบเทียบประเด็นนี้หรือเปล่าครับ ประมาณสัญญาว่าจ้างทำของกับสัญญารับจ้างทำของ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 26 ก.ย. 49 14:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คือว่าลูกค้าอยากได้รถ เลยมาติดต่อให้เราซื้อให้โดยจะผ่อนจ่ายกับเราเป็นงวดๆ และจะจ่ายแบบ balloon โดยงวดสุดท้ายจะจ่ายเป็นเงินก้อน แล้วจึงโอนกรรมสิทธิ์ให้กับลูกค้าครับ จากคุณ : เชิญเถอะ...ถ้าเธอคิดถ้วนถี่ - [ 26 ก.ย. 49 15:30:17 ]